บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 528 พึ่งพาความสัมพันธ์เพื่อสุขสบาย
ตอนที่ 528: พึ่งพาความสัมพันธ์เพื่อสุขสบาย
ตอนที่ 528: พึ่งพาความสัมพันธ์เพื่อสุขสบาย
เมื่อสบกับสายตาที่ลึกล้ำของซูอี้ หนังตาของเจ้าอาวาสจิ้นหยวนกระตุกและหัวใจของเขาสั่นสะท้าน
“หลวงจีน เจ้าแอบใช้ ‘ทักษะวิญญาณลอบค้น’ เพื่อตรวจสอบกลิ่นอายข้า เจ้าคิดว่าข้าไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้พูดอย่างเรียบนิ่ง
บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนต่างตกตะลึง
‘ทักษะวิญญาณลอบค้น’ เรียกได้ว่าเป็นทักษะลับทางจิตวิญญาณ ซึ่งเอาไว้ระบุกลิ่นอายของผู้ฝึกตนในแบบที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมนุษย์ เผ่าพันธุ์อื่น หรือถูกชิงร่างโดยวิญญาณแปลกปลอมซึ่งไม่ใช่ของเจ้าตัว ผู้ที่ใช้ทักษะนี้จะสามารถมองเห็นได้ทั้งหมด
เหล่ากลุ่มกำลังชั้นนำของต้าเซี่ยล้วนแล้วแต่มีทักษะที่คล้ายคลึงกันนี้แทบทั้งหมดเพื่อเอาไว้ระบุตัวตนของผู้ฝึกตนที่ไม่รู้จักและหลีกเลี่ยงการถูกแทรกซึมเข้ามาในสำนักโดยเหล่าผู้ไม่พึงประสงค์
ทว่าไม่มีคาดคิดว่าตัวตนเช่นเจ้าอาวาสจิ้นหยวนผู้ถือครองสมณะเพศมาหลายสิบปีจะลอบใช้ทักษะนี้ตรวจสอบกลิ่นอายของซูอี้ และซูอี้ยังมองออกอีกต่างหาก
นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
เจ้าอาวาสจิ้นหยวนยังคงท่าทีสงบนิ่งและกล่าวว่า “สหายน้อยโปรดอย่าได้ถือสาอาตมาผู้นี้เลย ยามที่ท่านปรากฏตัว อาตมาผู้นี้บังเอิญรับรู้ถึงกลิ่นอายอันแปลกประหลาด ดังนั้นแล้วด้วยความกังวลว่าสหายน้อยอาจถูกวิญญาณร้ายบางตนยึดร่างไป อาตมาจึงถือวิสาสะลองตรวจสอบสหายน้อยดู โปรดสหายน้อยอย่าได้เข้าใจผิดคิดว่าอาตมามีเจตนาร้าย”
จากนั้นเจ้าอาวาสจิ้นหยวนประสานมือและขอโทษซูอี้
บังเอิญสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลก ๆ จากซูอี้!?
บรรดาตัวตนยิ่งใหญ่ต่างมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน เนื่องด้วยตัวตนและสถานะของเจ้าอาวาสจิ้นหยวน เขาก็ไม่ควรโกหกเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ซึ่งมันย่อมหมายความว่ามีบางอย่างผิดปกติกับซูอี้ผู้นี้แน่นอน
ดวงตาของซูอี้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ริมฝีปากของเขายกขึ้นอย่างเย้ยหยันและกล่าวว่า “กล่าวขออภัยแก่ข้าต่อหน้าธารกำนัล แต่ในใจของเจ้ากลับมากไปด้วยเล่ห์ สร้างฉากให้โลกสงสัยว่าตัวข้าซูผู้นี้มีบางอย่างผิดปกติ หลวงจีน… ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าลิ้นของเจ้ามีสองแฉกดั่งเช่นงูพิษหรือไม่!?”
เจ้าอาวาสจิ้นหยวนถอนหายใจก่อนจะส่ายหัว “สหายน้อย ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”
“อย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้หยิบจอกสุราขึ้นมาดื่มก่อนจะพูดว่า “บัญชีนี้ที่เจ้ากระทำต่อข้า ข้าจะเก็บเอาไว้ก่อน ในอนาคตเมื่อข้าพบโอกาสเมื่อใดข้าจะสอนให้เจ้าได้รู้ซึ้งถึงแก่นแท้แห่งวิถีพุทธที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร”
เจ้าอาวาสจิ้นหยวนขมวดคิ้วไม่มีคำพูดใดอีกต่อไป
ตัวตนยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ที่รับฟังต่างประหลาดใจ
ไม่ว่าในกรณีใด เจ้าอาวาสจิ้นหยวนก็เป็นถึงเจ้าอาวาสวัดมหาจันทราซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังชั้นนำของต้าเซี่ย และยังเป็นตัวตนผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่มีชื่อเสียงระบือโลก
แต่ทว่ายามเผชิญหน้าเมื่อครู่นี้ คนรุ่นเยาว์อย่างซูอี้กลับไม่ได้แสดงความเกรงใจหรือเกรงกลัวใด ๆ เลย หนำซ้ำกลับแสดงท่าทีแข็งกร้าวเข้าใส่อีกต่างหาก!
เหลยเยวี่ยนตู้ผู้นำตระกูลเหลยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สหายน้อย นี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างเห็นได้ชัด เหตุใดเจ้าถึงทำตัวหยาบคายกับเจ้าอาวาสจิ้นหยวนเช่นนี้?”
“เจ้ายุ่งเกี่ยวอันใดด้วย?”
ซูอี้เอ่ยตอบอย่างเรียบเฉยราวกับไม่ได้แยแสว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด
“เจ้า…”
เหลยเยวี่ยนตู้แทบสำลักลมหายใจตัวเองอีกครั้ง ไม่ว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีเพียงใด เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกบูดบึ้ง
ในขณะเดียวกัน เสียงระฆังอันก้องกังวานจู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาในระยะไกล
เคร้ง!
เสียงระฆังดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ก้องสะท้อนไปทั่วทั้งงานชุมนุมมวลพฤกษาระงับเสียงที่ดังอื้ออึงทั้งหมด
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเงียบงัน
ควับ!
ในเวลานี้ทุกสายตาในเวทีประลองทั้งหมดต่างมองไปในระยะไกลโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนแลเห็นกลุ่มบุคคลสำคัญในราชวงศ์กำลังเดินเข้ามาด้วยรูปแบบดาวล้อมเดือนคนผู้หนึ่งที่อยู่ตรงกลาง และจากนั้นร่างที่อยู่ตรงกลางกลุ่มเดินขึ้นมาบนเวทีหยก
ชายผู้ที่มาใหม่นั้นสวมมงกุฎสีทองอร่ามบนศีรษะ เขาสวมชุดคลุมสีดำมือทั้งสองไพล่หลังอย่างองอาจ และรูปร่างสูงใหญ่ของเขานั้นดูตระหง่านประหนึ่งยอดเขาอันโดดเดี่ยวที่ค้ำยันท้องฟ้าปกป้องผืนดิน อีกทั้งยังแผ่กลิ่นอายความยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทรที่สามารถทำให้ผู้คนมากมายใจสั่น แม้แต่ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่นั่งอยู่บนเวทีหยกยังรู้สึกหวาดเกรงและลุกขึ้นโค้งคำนับทีละคน
ไม่จำเป็นต้องคิดเลย ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าคนผู้นี้คือจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยองค์ปัจจุบัน จักรพรรดิผู้มีอำนาจมหาศาล ผู้ที่มีทั้งอิทธิพลและฤทธาอันล้นเหลือจนสามารถที่จะทำให้เหล่ากลุ่มอิทธิพลน้อยใหญ่ในต้าเซี่ยทั้งหมดเกรงกลัวเขา!
“ที่แท้… นายท่านของเวิงจิ่ว… ก็คือจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยองค์ปัจจุบัน!”
ดวงตาของหยวนเหิงเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นชายในชุดคลุมสีดำจากระยะไกล
เขาเคยเดาเอาไว้ก่อนแล้วว่าตัวตนของ ‘นายท่าน’ ของเวิงจิ่วนั้นไม่น่าจะธรรมดา และเป็นไปได้มากว่าจะเป็นบุคคลสำคัญในราชวงศ์
แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับกลายเป็นจักรพรรดิผู้อยู่เหนือกว่าผู้คนทั่วหล้าเช่นนี้!
สิ่งนี้ทำให้หยวนเหิงรู้สึกเหมือนกำลังฝัน คนที่มาเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูเรือนบ่อย ๆ เมื่อสองสามวันก่อนและถามหาเจ้านายของเขาอย่างถ่อมตนคือจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเสียอย่างนั้น?
ความรู้สึกนี้… เรียกได้ว่าช่างอัศจรรย์จริง ๆ!
เยว่ซือฉานตะลึงงันไปครู่หนึ่ง นางมองด้วยสายตาแปลก ๆ หากโลกรู้ว่าจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยผู้มากล้นด้วยอำนาจชอบไปเยี่ยมเยียนซูอี้เพื่อขอความช่วยเหลืออยู่บ่อย ๆ จะรู้สึกอย่างไร?
ในเวลาเดียวกัน
ซูอี้ทราบดีว่าชายชุดคลุมดำผู้นี้เป็นใคร หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
เขาไม่ต้องการที่จะดูเป็นคนหยาบคายเนื่องจากเขาและชายผู้นี้พบหน้ากันหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงเหมาะสมที่จะลุกขึ้นทักทายอีกฝ่ายเพื่อเป็นการให้เกียรติบ้าง
แค่เรื่องเล็กน้อย
แต่ถ้าหากเป็นการปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าเช่นเหลยเยวี่ยนตู้ ซูอี้จะไม่แยแสและไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
เสียงระฆังนั้นดังปกคลุมไปทั่วทุกทิศและก้องกังวานเป็นเวลานาน
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยที่รายล้อมไปด้วยบุคคลสำคัญของราชวงศ์ได้ขึ้นนั่งที่เวทีหยกกลาง
เมื่อเขาเห็นซูอี้ยืนขึ้น ดวงตาของจักรพรรดิต้าเซี่ยพลันฉายแววประหลาดใจและรู้สึกโล่งใจขึ้น ชายหนุ่มที่หยิ่งทะนงเข้ากระดูกผู้นี้ ขณะนี้ให้เกียรติตัวเขาอยู่บ้าง…
“พวกเราทุกคนต่างเป็นผู้แสวงหาในมรรคาเต๋าเช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองกันให้มาก ทุกท่านโปรดนั่งลงเถิด”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันก้องกังวานไปต่างจากเสียงระฆัง
เมื่อทุกคนนั่งลง เขาก็นั่งลงบนที่นั่งหลักตรงกลางด้วย
เสียงระฆังอันกว้างใหญ่หายไปในขณะเดียวกัน
“องค์พระบิดา หม่อมฉันขอไปนั่งตรงนั้นนะเพคะ”
หญิงสาวในวัยสดใสผู้งดงามเลิศล้ำในชุดกระโปรงยาวสีเขียวหรูหราตามแบบที่เหล่าราชวงศ์สวมใส่เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วกับจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย
หลังจากเอ่ยขอ นางก็จ้องมองไปทางซูอี้
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย แต่ทว่ามันหาใช่เรื่องแปลกไม่ หากลูกสาวของท่านขอไปนั่งชิดใกล้กับชายหนุ่มผู้หนึ่งแทนที่จะนั่งกับผู้เป็นพ่อในที่สาธารณะ ท่านจะรู้สึกอย่างไร?
แต่เมื่อมองไปที่ดวงตาที่คาดหวังและอ้อนวอนขอของหญิงสาว หัวใจของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยก็อ่อนลงและกล่าวว่า “จงสำรวมมารยาทของเจ้าโดยตลอดระหว่างที่นั่งอยู่ที่นั่น อย่ากระทำสิ่งใดที่ดูแล้วไม่เหมาะควร”
“เพคะ!”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวยิ้มหวานก่อนจะตอบรับอย่างเบิกบาน
สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยรู้สึกขมในปาก เป็นจริงงั้นหรือที่บุตรสาวจะต้องออกเรือนในท้ายที่สุด?
หญิงสาวในชุดกระโปรงเขียวเดินไปนั่งข้าง ๆ ซูอี้อย่างเบิกบาน ดวงตาคู่นั้นของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าด้านข้างของซูอี้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่ซู พวกเราไม่ได้กันนานแล้วนะ”
ซูอี้เหลือบมองหญิงสาวแล้วเอ่ยตอบ “นับจากนี้ข้าควรเรียกเจ้าว่า เซี่ยชิงหยวนหรือฮวาซิ่นเฟิง?”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียวกะพริบตา ริมฝีปากวาววับของนางเม้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มันเป็นเพียงแค่ชื่อเอาไว้เรียกขาน ศิษย์พี่ซูสามารถเรียกข้าชื่อใดก็ได้ตามแต่ที่ท่านชอบ”
ซูอี้ยิ้มเย้ย “เช่นนั้นถ้าข้าเรียกเจ้าว่าคนโกหกเล่า?”
หญิงสาวกระโปรงสีเขียวหัวเราะและพูดว่า “ฟังน้ำเสียงของศิษย์พี่ซู ดูเหมือนว่าท่านจะยังติดใจกับชื่อปลอมฮวาซิ่นเฟิงของข้า”
ก่อนที่ซูอี้จะพูดตอบ หญิงสาวกระโปรงสีเขียวหยิบเหยือกสุราขึ้นก่อนจะรินใส่จอกให้ซูอี้ด้วยตัวนางเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ใสซื่อและไพเราะว่า “โปรดอย่าได้ขุ่นเคืองตัวข้าเลย ข้าได้ยินหลายสิ่งที่บิดาของข้าพูดเกี่ยวกับท่าน ตัวตนที่เลิศล้ำน่าทึ่งเช่นท่านคงไม่ถือสาสตรีตัวเล็ก ๆ เช่นข้าหรอกจริงหรือไม่?”
นางจะกล้าถือสาซูอี้ได้อย่างไร? นางคาดเดาได้ว่าบุรุษที่ไม่ธรรมดาเช่นซูอี้ในอนาคตย่อมเป็นผู้ที่ยืนอยู่เหนือผู้คนทั่วหล้าอย่างแน่นอน
ซูอี้อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนาง
เหล่าตัวยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าซับซ้อนเมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนและซูอี้นั่งเคียงข้างกัน
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ซูอี้กล้าที่จะหยิ่งผยองอย่างที่ผ่านมา
ส่วนฮั่วหมิงเยวี่ยนผู้ซึ่งมองว่าซูอี้เป็นศัตรูคู่แค้น ขณะนี้สีหน้าของเขาดูมืดหม่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้แต่เหล่าเจ้าสำนักทั้งหลายเช่น เซียนโม่หยาง หลูเต้าถิง อวี้จิ่วเจิน ก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าบูดบึ้งเช่นกัน
ซูอี้มีผู้หนุนหลังเป็นราชวงศ์เซี่ย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใครก็ตามที่อยากจะจัดการกับเขาอาจจะต้องชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ที่ตามมา
“โอ้ ข้าคิดว่าภูมิหลังของผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นคนที่กินข้าวนุ่ม ๆ ของราชวงศ์เซี่ย!” จากระยะไกล หวนเฉ่าโหยวเห็นฉากนี้เช่นกันและแน่นอนแววตาของเขาฉายแววดูถูกในทันที
“จิ๊ ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันกล้ายั่วยุข้าหวนเฉ่าโหยว ที่แท้มันก็แค่พวกเกาะแข้งเลียขาราชวงศ์เซี่ยก็เท่านั้น”
หลายคนหัวเราะขบขัน
“ว่าแต่คนหนุ่มผู้นี้มีพรสวรรค์มากขนาดใดกันถึงได้รับความโปรดปรานจากองค์หญิงผู้เย่อหยิ่งแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ยได้เช่นนี้?”
ใครบางคนอิจฉา
“ข้าก็หลงคิดไปว่าเป็นผู้มากความสามารถจนได้รับเกียรติได้นั่งร่วมอยู่บนเวทีหยกกลาง แต่ท้ายที่สุดกลับเป็นเพียงคนที่อาศัยเส้นสายความสัมพันธ์ก็เท่านั้น”
บางคนดูถูกเย้ยหยัน
กู่ชางหนิง เฉิงผู ฉือเจี่ยนซู่ เจียงหลี อวี่เหวิ่นซู่และอีกหลายคนต่างก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกันและดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจได้ไม่กระจ่างเท่าไร
ไม่ต้องสงสัย ในสายตาของคนส่วนใหญ่ขณะนี้ซูอี้คือผู้ที่อาศัยเส้นสายความสัมพันธ์ให้ได้รับความสะดวกสบายก็เท่านั้น หาได้มีความสามารถใด ๆ ไม่
“มีราชวงศ์เซี่ยเป็นผู้หนุนหลัง? ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าพูดแบบนั้นเมื่อคืนนี้”
เซียนหานเยียนดูคล้ายเข้าใจบางอย่างและอารมณ์ของนางก็ซับซ้อนขึ้นมา “ทว่าเด็กคนนี้ค่อนข้างเสเพลไปสักหน่อยหรือไม่…”
นางนึกถึงเยว่ซือฉานและศิษย์ของนางเหวินซินจ้าว
เมื่อมองไปยังเวทีหยกกลางที่อยู่ไกลออกไป ขณะนี้ซูอี้นั่งชิดใกล้กับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์และงดงาม อย่างนี้หากไม่เรียกว่าเสเพลแล้วให้เรียกว่าสิ่งใด?
เหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉานก็สังเกตเห็นเซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่ถัดจากซูอี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ พวกนางไม่ได้คิดอะไรมากเนื่องจากทั้งคู่เข้าใจอารมณ์และบุคลิกของซูอี้
ซูอี้แทบไม่เคยพูดถึงเซี่ยชิงหยวนมาก่อนซึ่งนั่นย่อมหมายความว่าไม่มีมิตรภาพอันลึกล้ำใดระหว่างซูอี้กับเซี่ยชิงหยวนมากนัก
อย่างน้อย… ยังไม่ใช่ตอนนี้
ในไม่ช้าเสียงระฆังที่หนาหนักก็ดังก้องกังวานขึ้นอีกครั้ง
นี่เป็นสัญญาณเริ่มงานชุมนุมมวลพฤกษาของวันนี้
ความสนใจของผู้คนมุ่งไปที่การประลองที่กำลังจะเกิดขึ้นทันที
วันนี้คือวันที่ผู้เข้าร่วมร้อยอันดับแรกจะต้องประลองกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะสามารถตัดสินได้ว่าเป็นผู้ใดที่อยู่อันดับหนึ่งและนั่นคือการสุดสิ้นของงานชุมนุมมวลพฤกษาครั้งนี้
หลังจากการจับฉลากคนแรกที่ขึ้นเวทีวันนี้คือเฉินลวี่ศิษย์แห่งวัดมหาจันทรา!
เขาคือรุ่นเยาว์ผู้โดดเด่นซึ่งอาจถูกเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงในระดับตำนาน และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประลองที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะครองตำแหน่งที่หนึ่ง
เฉินลวี่สวมจีวรขาวตามแบบฉบับหลวงจีนหนุ่ม หน้าตาหล่อเหลาและดูสุภาพเรียบร้อย
การปรากฏตัวของเขากลายเป็นจุดสนใจในทันที และผู้ชมต่างก็ส่งเสียงร้องชื่นชม