บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 531 จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าสักหน่อย
ตอนที่ 531: จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าสักหน่อย
ตอนที่ 531: จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าสักหน่อย
การกระทำของหวนเฉ่าโหยวดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบ
ดวงตาของเหล่าคนใหญ่คนโตบนแท่นหยกตรงกลางพวกนั้นอดไม่ได้ที่จะมองซูอี้ด้วยความสงสัย
“ศิษย์พี่ซู ผู้ชายคนนี้กล้าชี้นิ้วมาที่ศิษย์พี่ด้วย จะก้าวร้าวเกินไปแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนพึมพำอย่างโกรธเคือง
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร
บนสนามต่อสู้
หยวนเหิงสีหน้าเคร่งขรึม โค้งคำนับเล็กน้อยไปทางซูอี้ ก่อนจะกล่าวด้วยความเคารพ “นายท่านซูอี้ เป็นเจ้านายของข้าหยวนเหิงเอง!”
ทั่วทั้งสนามเงียบสงัด
ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ตกใจ
แม้ว่าหยวนเหิงจะด้อยกว่าตัวตนโบราณหรือผู้เก่งกล้ายุคปัจจุบันเหล่านั้นมาก แต่ก็สามารถเข้าสู่ร้อยอันดับแรกได้ และพลังของเขาก็เรียกได้ว่าแข็งแกร่ง
การดำรงอยู่ของผู้แข็งแกร่งคนนี้ใครจะจินตนาการได้ว่าแท้จริงแล้วเป็นแค่ข้ารับใช้ของซูอี้?
ดวงตาของคนใหญ่คนโตเหล่านั้นที่มองมายังซูอี้เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย มันแสงออกถึงความประหลาดใจ!
หวนเฉ่าโหยวเองก็ตกใจอยู่บ้าง จากนั้นจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ดี ดีเลย ดีมาก! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องต้อนรับเจ้าอย่างดีเสียแล้ว!”
ในดวงตาของเขามีประกายความกระหายเลือดอย่างรุนแรง และรอยยิ้มก็ทำให้ผู้คนสั่นเทา
หยวนเหิงกล่าวด้วยท่าทีสงบ “ได้เวลาต่อสู้แล้ว”
ตูม!
เขาเป็นฝ่ายยื่นมือออกมาก่อน ใช้ออกด้วยฝ่ามือเสวียนอู่สะท้านโลกา!
ภายในความว่างเปล่า แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นแล้วรวมกันออกมาเป็นฝ่ามือสีดำสนิทราวกับหมึก มีขนาดสิบจั้ง ภาพเสมือนอันคลุมเครือราวกับมีเต่าดำสัตว์ร้ายแห่งบรรพกาลปรากฏออกมา แสดงพลังที่สามารถทลายอากาศออกมา
ฝ่ามือหมอบนภา!
ดวงตาของหวนเฉ่าโหยวฉายแววดูหมิ่น เขาก้าวไปข้างหน้า ฝ่ามือราวกับกระบี่ ฟาดฟันไปในอากาศ!
ตูม!!
ปราณสีเลือดสาดส่อง ราวกับกระบี่ที่ผ่าทะลวงท้องฟ้า แบ่งฟ้าออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย!
เกิดความเคลื่อนไหวในสนาม เสียงร้องตกใจดังขึ้นจากทุกสารทิศ
ท่ามกลางการระเบิดที่โปรยปราย หวนเฉ่าโหยวก็มาถึงตรงหน้าหยวนเหิงแล้ว
เขายิ้มเล็กน้อยและกระซิบคำสองคำเบา ๆ “คุกเข่า”
เสียงยังคงล่องลอยอยู่ ขณะที่ฝ่ามือซึ่งอาบด้วยสีโลหิตจะตบลงไปเบา ๆ
หยวนเหิงตะโกนเสียงดังลั่น สองมือระนาบขอบฟ้า นิ้วทั้งสิบปิดกั้นอากาศก่อนจะ…
ตูม!
ภายในสนามประลองมีเสียงคำรามอึกทึกดังออกมา
ท่ามกลางพลังที่หมุนวน ก็เห็นหยวนเหิงพยายามสกัดกั้นความร้ายกาจอันไร้ขอบเขตของหวนเฉ่าโหยว
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ใจหนาวสั่นคือริมฝีปากของหยวนเหิงมีเลือดออก กล้ามเนื้อและกระดูกในร่างกายส่งเสียงเสียดสีออกมาไม่หยุด ร่างกายสูงใหญ่สั่นเทิ้ม
เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะไม่โดนกดดันให้คุกเข่า แต่หลังจากที่รับการโจมตีในครั้งนี้ก็ยังบาดเจ็บสาหัส!
“ยอมเจ็บ แต่ไม่ยอมคุกเข่าสินะ?”
เห็นหวนเฉ่าโหยวหัวเราะออกมา แววตาเย็นเยือกแฝงล้อเลียน “เช่นนั้นข้าก็อยากจะเห็นนักว่ากระดูกของเจ้าจะแข็งมากเพียงใด!”
ขณะที่พูดก็เอื้อมมือออกไปและจับไหล่ซ้ายของหยวนเหิง ฝ่ามือออกแรง
แคร็ก!
กระดูกสะบักของหยวนเหิงถูกบดขยี้ เสียงแตกทำให้หนังศีรษะของเขาชา เลือดเนื้อบนไหล่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เลือดสาดกระเซ็น
“กระดูกไหล่ดูไม่แข็งเลยนะ”
หวนเฉ่าโหยวยิ้ม
หยวนเหิงคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายเปล่งประกาย พละกำลังกู่ร้อง ทันใดนั้นเขาก็ยกกำปั้นขวาขึ้นและกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของหวนเฉ่าโหยว
ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลบ ก่อนมือขวาของเขาจะคว้าข้อมือหยวนเหิงราวกับสายฟ้า จากนั้นก็บิดมันอย่างแรง
ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคนในสนาม เสื้อฝั่งแขนขวาของหยวนเหินฉีกขาด กล้ามเนื้อบิดเบี้ยวแยกออกจากกัน เลือดสาดกระเซ็น
ท้ายที่สุดแขนขวาทั้งแขนราวกับถูกบิดเป็นเกลียว กระดูกหักออกเป็นเสี่ยง ๆ
ตูม!
จากนั้นหวนเฉ่าโหยวก็ยกมือเขาขึ้น แล้วโยนร่างหยวนเหินขึ้นไป ปล่อยให้ร่างนั้นตกลงมากระแทกพื้น
ทั่วทั้งสนามตกอยู่ในความเงียบสงัด ตกตะลึงกับวิธีการอันโหดเหี้ยมของหวนเฉ่าโหยว
มีหลายคนที่ทนดูไม่ได้
ผู้ใดจะมองไม่ออกว่าหวนเฉ่าโหยวเลวทรามเพียงใด? และขณะนี้ก็กำลังใช้วิธีที่อัปยศอดสูที่สุดมาเหยียบย่ำหยวนเหิง?
“เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ตอบโต้อย่างจงใจ!”
ดวงตาสุกสกาวของเยว่ซือฉานเย็นเฉียบ อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงหยวนเหิงขึ้นมา
“กำลังแสดงให้ศิษย์พี่ซูเห็นนี่…”
กู่ชางหนิงพึมพำ
เขาจะมองไม่เห็นจุดประสงค์ของหวนเฉ่าโหยวที่ทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เฮ้อ นี่ก็คงเป็นฉากจบของการต่อสู้กับหวนเฉ่าโหยวแล้ว หากก่อนหน้านี้ซูอี้ไม่ไปยั่วยุหวนเฉ่าโหยวที่นอกงานชุมนุมมวลพฤกษา ข้ารับใช้ของเขาจะถูกโจมตีเยี่ยงนี้และเกิดความอัปยศได้อย่างไร?”
หลายคนถอนหายใจ
ก่อนหน้านี้ฉากที่ซูอี้ได้เผชิญหน้ากับหวนเฉ่าโหยวด้านนอกชุนนุมมวลพฤกษาเป็นที่เผยแพร่ไปแล้ว
เมื่อได้เห็นฉากนี้ ผู้คนจะไม่ชัดเจนได้อย่างไรในเมื่อนี่คือการแก้แค้นจากหวนเฉ่าโหยว?
“ด้วยนิสัยของซูอี้ เหตุการณ์ในคราวนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องสู้จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง”
เจียงหลีกล่าวเงียบ ๆ
“น่ารังเกียจ!”
แววตางดงามของเหวินซินจ้าวเต็มไปด้วยความโกรธ
คนใหญ่คนโตเหล่านั้นบนแท่นหยกตรงกลางสีหน้าแปลกไป พวกเขาจะไม่เห็นได้อย่างไรว่าหวนเฉ่าโหยวกำลังมุ่งเป้าไปทางซูอี้?
ข้ารับใช้ถูกเหยียดหยาม ผู้เป็นนายเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
คนไม่น้อยมองมายังซูอี้
แต่กลับเห็นซูอี้ที่นั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่ทุกข์ร้อนเหมือนเก่า ราวกับไม่ได้ใส่ใจอะไร
สิ่งนี้ทำให้หลายคนประหลาดใจ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เขายังอดทนได้อยู่อีกหรือ?
“หยวนเหิง อย่าโทษข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าเช่นนี้เลย แล้วใครให้เจ้า… มีเจ้านายที่ดีเช่นนี้กันเล่า? เขาไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมมวลพฤกษา ดังนั้นข้าก็เลยมาหาเจ้าก่อน”
ที่สนามต่อสู้ หวนเฉ่าโหยวรอยยิ้มเต็มใบหน้าแล้วก้าวไปหาหยวนเหิง “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งจะไม่อยากคุกเข่า เช่นนั้นข้าก็เลยทุบกระดูกของเจ้าแหลกเป็นชิ้น ๆ ถึงไม่อยากคุกเข่าก็ทำได้เพียงคุกเข่าลงที่นี่”
ไม่ไกลนักใบหน้าของหยวนเหิงซีดเผือดและพยายามจะลุกขึ้นจากพื้น เขากัดฟันแน่นเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเห็นหวนเฉ่าโหยวเดินเข้ามาใกล้ อีกฝ่ายยังยิ้มอยู่ “พูดจาใหญ่โตได้อย่างไม่อายปาก หากเจ้านายของข้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มารตัวจ้อยเช่นเจ้าคงคุกเข่าขอความเมตตาไปตั้งนานแล้ว”
“ฮ่ะ ยังกล้าที่จะรั้นอีก คุกเข่าลงซะ!”
หวนเฉ่าโหยวยิ้มเยาะ ร่างกายเปล่งประกายแล้วเหวี่ยงหมัดออกไปทันที
ไม่ว่าหยวนเหิงจะต้านมันด้วยกำลังทั้งหมดเท่าไร ก็ยังถูกหมัดนี้กระแทกจนกระดูกในร่างกายแตกหักจนนับไม่ไหวอยู่ดี ร่างทั้งร่างคดงอ สายตาเหลือบไปเห็นว่าเข่ากำลังจะแตะพื้น
แต่ในช่วงเวลาอันวิกฤตนี้ ดวงตาของหยวนเหิงเบิกกว้างอย่างโกรธจัด เขาส่งเสียงคำรามออกมา ร่างกายหมุนบิดกะทันหัน ร่างกายส่วนหนึ่งล้มลงไป แต่หัวเขายังไม่โดนพื้น!
เขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเลือดออกทั่วร่าง น่าอนาถยิ่ง
ไม่ว่าใครต่างก็เห็นว่าหยวนเหิงไม่มีสิ่งใดจะตอบโต้แล้ว
รับชมภาพตรงหน้า เยว่ซือฉานและเหวินซินจ้าวต่างรู้สึกอึดอัดในใจ ถูกการกระทำอันรุนแรงของหวนเฉ่าโหยวทำให้โกรธ
แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตนในสนามก็ทนดูไม่ได้
นี่เป็นการต่อสู้ประลองฝีมือเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่ามุ่งหมายสร้างความอัปยศต่ออีกฝ่ายในที่สาธารณะ!
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซูอี้ที่อยู่ข้างกาย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนเหมือนก่อน ดูเหมือนไม่ได้สนใจความปลอดภัยของหยวนเหินเลย
“การต่อสู้ในครั้งนี้ผู้ชนะถูกเลือกแล้ว ควรสิ้นสุดเสียที”
เวิงจิ่วเป็นผู้รับผิดชอบในการตัดสินผลการแข่งขัน เขาทนดูต่อไปไม่ได้จึงพูดขึ้นทันที
“ไม่เห็นหรือว่าหยวนเหิงยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้? แล้วจะจบได้อย่างไรกัน?”
กล่าวจบร่างของเขาเปล่งประกายทันที จากนั้นก็เตะเข้าที่ท้องของหยวนเหิง!
…ก่อนที่ทันได้ตัดสินใจแพ้ชนะ การกระทำนี้เกือบจะทำลายรากฐานมหาวิถีของหยวนเหิงเสียแล้ว!
ในช่วงสถานการณ์วิกฤต ร่างของเวิงจิ่วได้เข้าขวางหวนเฉ่าโหยวในระหว่างช่องว่าง ก่อนจะใช้ฝ่ามือดันออกไป
ตูม!!
เสียงอึกทึกอันน่าตกใจดังขึ้น
สิ่งที่ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างก็คือพลังของหวนเฉ่าโหยว แม้ว่าจะถูกเวิงจิ่วขวางไว้เพื่อให้หยวนเหิงหลบจากอันตราย
แต่ร่างของเวิงจิ่วมหาปราชญ์สวรรค์ขั้นวิถีวิญญาณท่านนี้ก็ยังถูกทำให้สั่นคลอน …จนถอยหลังไปหนึ่งก้าว!
ฉากนั้นทำให้เปลือกตาของเหล่าคนใหญ่คนโตกระตุกของอย่างรุนแรง
รุนแรงยิ่ง!!
หวนเฉ่าโหยวอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา แต่เขาสามารถทำให้เวิงจิ่วมหาปราชญ์สวรรค์ขั้นวิถีวิญญาณของราชวงศ์เซี่ยถอยก้าวหนึ่งได้ …นี่พลังของอีกฝ่ายมากมายเพียงใดกัน?!
“ไอ้แก่ กล้าดีอย่างไรมาห้ามข้า?”
ใบหน้าของหวนเฉ่าโหยวมืดลง
เวิงจิ่วพูดอย่างเฉยเมย “ตาแก่คนนี้ก็แค่ทำตามกฎของชุมนุมมวลพฤกษาเท่านั้น ตรงกันข้ามกับคุณชายหวนที่พยายามจะสังหารคนบนเวทีต่อสู้ หากไม่ใช่เพราะตาแก่คนนี้ขัดขวางไว้ กฎก็คงถูกท่านทำลายแล้ว!”
ในระหว่างที่พูดเวิงจิ่วก็จับหยวนเหิงแล้วลงจากสนามต่อสู้ไป
“ไอ้แก่ ถ้าเจ้ากล้าหยุดข้าเช่นนี้ ก็อย่าโทษที่ข้าหยาบคายเลย!”
น้ำเสียงของหวนเฉ่าโหยวไม่แยแส
เวิงจิ่วไม่สนใจมัน
หวนเฉ่าโหยวหันกลับมา และเมื่อมองไปยังซูอี้ที่อยู่บนแท่นหยกตรงกลาง รอยยิ้มที่สดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาอีกครั้ง
เขาโบกมือก่อนพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ซูอี้ ข้ารับใช้ของเจ้าอ่อนหัดเกินไป หลังจากชุมนุมมวลพฤกษาจบลง เรามาสนุกกันเถิด ข้าจะพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่าต่อให้เป็นราชวงศ์เซี่ยก็ปกป้องเจ้าไม่ได้!”
ทั่วทั้งสนามเกิดความโกลาหล
ใครเล่าจะไม่รู้ว่าหวนเฉ่าโหยวกำลังประกาศสงครามกับซูอี้?
ในตอนนั้นที่ทุกสายตามองไปทางซูอี้
“ถูกมารตัวจ้อยอย่างหวนเฉ่าโหยวจ้องมอง ทายว่าซูอี้คงจะจบลงแล้ว…”
“แล้วที่เลียแข้งเลียขาราชวงศ์เซี่ยไปเล่า? สร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าบ้าอย่างหวนเฉ่าโหยเช่นนี้.. ชีวิตคงหาไม่แล้ว”
“โอ๊ย จะกังวลไปไย?”
ในเวลานั้นบางคนก็เห็นใจ บางคนก็เยาะเย้ย
คนใหญ่คนโตที่อยู่บนแท่นหยกตรงกลางสีหน้าแปลกขึ้นเรื่อง ๆ
ฮั่วหมิงเยวี่ยนไม่ได้ปิดบังความรู้สึกยินดีปรีดาของตน
เซียนโม่หยางส่ายหัวเบา ๆ
แววตาของหลูเต้าถิงดูซับซ้อน
อวี้จิ่วเจินถอนหายใจเบา ๆ
เจ้าอาวาสจิ้นหยวนจิบชา
หากเทียบกับคนอื่น ๆ ในสนามแห่งนี้ คนใหญ่คนโตพวกนี้ยังรักษาความนิ่งเฉยไว้ได้อยู่
แต่จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยที่นั่งอยู่ ณ จุดสูงสุด เพียงแค่มองก็ย่อมเห็นว่าบรรดาชายชราเหล่านี้ล้วนแสดงความไม่เป็นมิตรต่อซูอี้ออกมาชัดเจน! และกระทั่งคงกำลังนึกสนุกอยู่ในใจ!
มรดกของตระกูลหวนเผ่ามารแข็งแกร่งมาก ทรงพลังพอที่จะยั่วยุราชวงศ์เซี่ย
ซูอี้ตกเป็นเป้าหมายของหวนเฉ่าโหยว ในสายตาของหลาย ๆ คน มันไม่ต่างจากการถูกตัดสินประหารชีวิตเลย!
และในตอนนั้นเอง–
ซูอี้ดื่มสุราในจอกก่อนลุกขึ้นยืน เขาเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่จำเป็นต้องรอแล้ว ตอนนี้ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าสักหน่อยแล้วกัน”
เสียงไม่ดัง แต่ดังก้องชัดเจนไปทั่วงาน
ทุกคนตกตะลึงราวกับไม่เชื่อหู
เหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉานแสดงความตื่นเต้นออกมา ดวงตาเปล่งประกาย ในที่สุดศิษย์พี่ซูก็เริ่มลงมือแล้ว?
หัวใจของเจียงหลีสั่นไหว ดวงตาหงส์หยกแวววาว เหมือนว่า… จะมีเรื่องดี ๆ ให้รับชม!
ในเวลานั้น ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณอย่างกู่ชางหนิง เฉิงผู และฉือเจี่ยนซู่ต่างก็ประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเฝ้ารอ
“ผู้ชายคนนี้… จะสู้กับหวนเฉ่าโหยวงั้นหรือ!?”
เก๋อเฉียนอ้าปากค้าง
หวนเฉ่าโหยวได้วางแผนที่จะออกจากสนามประลองแล้ว ตอนแรกที่ได้ยินจึงตกตะลึง แต่หลังจากนั้นริมฝีปากก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายราวกับคบเพลิง แล้วหันกลับมามองซูอี้อีกครั้ง
เขายกนิ้วโป้งขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม “กล้าหาญ! แค่เจ้ากล้าลุกขึ้นมา ข้าขอสัญญากับใครสักคนเลยว่าจะให้เจ้าได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าความเจ็บปวด และสิ่งที่เรียกว่าความน่าขายหน้าเอง!”