บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 539 เลือกวิธีตาย
ตอนที่ 539: เลือกวิธีตาย
ตอนที่ 539: เลือกวิธีตาย
“ชือเอ๋อร์”
เมื่อเสียงเบา ๆ นั้นเข้าสู่หูของร่างที่เลือนราง มันกลับไม่แตกต่างไปจากเสียงฟ้าผ่า
เขาสั่นระริกไปทั้งตัว สายตาจับจ้องดูซูอี้ ความรู้สึกที่ซุกซ่อนในใจมานานหลายปีเอ่อล้นออกมาดังน้ำป่าถล่มเขื่อน ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป ร้องเสียงหลง “อา… อาจารย์!?”
น้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งความตื่นเต้น ดีใจ และแหบพร่าอันยากจะระงับได้อยู่ ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง
ซูอี้ลอบสูดหายใจลึก ๆ ระงับความรู้สึกตื้นตันในหัวใจ พลางกล่าวเย็นชา
“เจ้าเต่าน้อยคนนี้นับวันก็ยิ่งไม่เอาไหน คืนนี้หากไม่ใช่เพราะข้า เกรงว่าคงจะถูกมดตะนอยสามตัวนี้ฆ่าไปแล้ว”
เมื่อถูกดุเช่นนี้แล้ว ร่างเลือนรางกลับหัวเราะแยกเขี้ยวขึ้นมา ตื่นเต้นจนพูดไม่ได้ลำดับ “อาจารย์ ท่านจริง ๆ ด้วย ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องไม่ตาย…ฮือ ๆ ดีจังเลย ดีจังเลย…”
บัดนี้เขาเป็นเพียงแค่ร่างแห่งจิตวิญญาณและได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าเขาในเวลานี้กลับแลดูปีติยินดีถึงเพียงนั้น ตื่นเต้นจนลืมทุกสิ่ง
เห็นเขามีท่าทีเช่นนี้แล้ว ซูอี้ก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอีกครา สายตาอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงกล่าว “เอาล่ะ รอให้ข้าช่วยแก้แค้นแทนเจ้าให้เสร็จก่อน จากนั้นพวกเราค่อยไปหาที่คุยกัน”
ร่างเลือนรางก้มหน้ากล่าวด้วยความละอายใจ “รบกวน… รบกวนอาจารย์อีกแล้ว…”
“รบกวนข้าอีกแล้ว…”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา สายตาพร่าน้อย ๆ
“ซูอี้ เจ้าเป็นอาจารย์ของคน ๆ นี้เช่นนั้นหรือ?”
ไกลออกไป เฮ่อฉางอิงขมวดคิ้วด้วยความตะลึง
ความเป็นจริงแล้ว นับตั้งแต่ซูอี้บุกเข้าสู่ค่ายกลอำพรางฟ้าซ่อนตะวัน แล้วซัดดาบบินสีขาวสว่างของชุยเหิงเล่มนั้นจนกระเด็นในดาบเดียวแล้ว คนตระกูลหวงเผ่ามารในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั้งสามคนนี้ก็ตระหนักทราบแล้วว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
พลังอันน่ากลัวที่ซูอี้แสดงออกมาในงานชุมนุมมวลพฤกษาเมื่อวานนี้ ยังคงติดตาจำได้ดี พวกเขาทั้งสามจะไม่หวาดกลัวได้เช่นใดกัน?
เมื่อได้ยินว่าซูอี้เป็นอาจารย์ของร่างวิญญาณนั้นแล้ว พวกเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกมากกว่าเดิม
เพราะว่าในการรบราฆ่าฟันกันเมื่อครู่ พวกเขารู้สึกได้ว่าถึงแม้ร่างเลือนรางนั้นจะเหลือเพียงแค่จิตดั้งเดิมและอ่อนพลังมาก ทว่ารากฐานที่น่ากลัวเช่นนั้นแสดงให้เห็นได้เมื่อกาลก่อน อย่างน้อย ๆ อีกฝ่ายก็ควรจะอยู่ในขั้นวิถีวิญญาณหรืออาจจะสูงกว่านั้น!
ทว่าตัวตนเช่นนี้กลับเรียกหนุ่มน้อยขอบเขตเปิดทวารอย่างซูอี้ว่าอาจารย์ เช่นนี้จะไม่ให้เฮ่อฉางอิงตื่นตระหนกได้เช่นไร?
ซูอี้เหลือบตามองไปที่เฮ่อฉางอิง ลี่หานมู่ กับชุยเหิงซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป ดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นของเขาก็สงบราบเรียบขึ้นมา
“พวกเจ้า… อยากจะตายเช่นไร?”
ซูอี้เอ่ยถามเสียงเบาราวกับกำลังพูดคุยสบาย ๆ ไม่ได้โกรธเคืองหรือโมโหแต่อย่างใด
ทว่าความรู้สึกที่คุ้นเคยซึ่งร้างลาไปนานกลับผุดขึ้นในใจของร่างเลือนราง อาจารย์ยังคงเหมือนเดิม ในใจราวกับมีฟ้าผ่า ทว่าสีหน้ากลับราบเรียบ!
ไม่ว่าฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่มีทางขมวดคิ้ว!
แต่เวลาที่เขาจะฆ่าใครสักคน ยิ่งสีหน้าราบเรียบ นั่นก็ยิ่งแสดงว่าฝ่ายตรงข้ามต้องตายอย่างอนาถมากขึ้นเท่านั้น!
“หึ ๆ ซูอี้ กำลังการต่อสู้ของเจ้าร้ายกาจจริง ๆ ทำให้พวกข้าหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่หากต้องประมือกันจริง ๆ ด้วยพลังของพวกข้าทั้งสามคน ไม่ถึงกับต้องกลัวเด็กตัวน้อยเช่นเจ้า”
ลี่หานมู่ผู้มีร่างผอมแกร็นทำทีหัวเราะ
ประกายเย็นวาบแวบผ่านขึ้นในสายตาของชุยเหิง ดาบบินหิมะขาวที่ถือในมือสั่นระรัวส่งเสียงดังวิ้ว ๆ
เฮ่อฉางอิงกลับแสดงสีหน้าระมัดระวังตัวออกมา มือถือแส้ขนจามรีตั้งท่าเตรียมพร้อม กล่าวเสียงเคร่งเครียด “ซูอี้ ตามความเห็นข้า เรื่องในวันนี้ขอให้จบแต่เพียงเท่านี้ เบื้องหลังของเจ้าอาจจะมีราชวงศ์แห่งอาณาจักรต้าเซี่ยคอยหนุน ทว่าเบื้องหลังของพวกข้าก็มีตระกูลหวนเผ่ามารคอยหนุนหลังเช่นกัน หากว่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ จะไม่เป็นการดีต่อทุกฝ่าย!”
ซูอี้ร้องอ้อขึ้นมาแล้วกล่าว “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเลือก ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยพวกเจ้าเลือกวิธีตายเอง”
คำพูดแผ่วเบายังคงดังก้อง ทว่าเขาก้าวเดินมาหาลี่หานมู่แล้ว
ฝีเท้าเชื่องช้าราวกับเดินเล่นอยู่ในสวน ทว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าลี่หานมู่ ห่างออกไปเพียงแค่จั้งกว่า ๆ เท่านั้น
“อยากตายเช่นนั้นรึ!”
ลี่หานมู่เตรียมตัวไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ซูอี้ก้าวเดินมา เขาได้ขับเคลื่อนวิถีแห่งขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นจนถึงจุดสูงสุดแล้ว
ในมือของเขาส่งออกซึ่งตราประทับเต๋าสีคราม ระเบิดเสียงดังกึกก้องราวกับมังกรคำราม พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นกดทับไปที่ตัวของซูอี้
ฝ่ามือนี้ก่อตัวเป็นตราประทับเต๋ารูปสี่เหลี่ยม ผิวนอกแกะสลักอักษรปีศาจโบราณคำว่า ‘นรกภูเขา’ พลังชั่วร้ายสีเขียวครามพุ่งโขมงขึ้นมา บีบรัดจนเกิดเสียงดังกลางอากาศ อานุภาพรุนแรงยิ่งนัก
ประมือกับซูอี้ผู้มีความสามารถสูงเช่นนี้ ลี่หานมู่ต้องทุ่มสุดกำลังเป็นธรรมดา ดังนั้นการจู่โจมในครั้งนี้ เขาจึงแสดงฝีมือของตัวเองจนขีดสุด
ทว่าสีหน้าของซูอี้กลับราบเรียบดุจน้ำในบ่อ ไม่หลบไม่หนี มีแต่ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือเท่านั้นที่ส่งเสียงดังกังวานออกมา จากนั้นฟาดฟันออกไป
สวบ!
คมดาบแหวกอากาศ สายฟ้าแลบแปลบประดุจสายรุ้งใหญ่ปรากฏ
ท่ามกลางเสียงร้องครืน ๆ พลังชั่วร้ายสีเขียวที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าขาดเป็นสองท่อนราวกับกระดาษ ฝ่ามือประทับเต๋าสีครามซึ่งแกะสลักอักษรปีศาจโบราณสองคำว่า ‘นรกภูเขา’ สั่นสะเทือนในทันใด
ปัง!!!
ผิวนอกของตราประทับวิถีปรากฏรอยร้าวขึ้นเป็นแถบ ๆ ราวกับใยแมงมุม
จากนั้นก็แตกระเบิด
เอื๊อก!
กระบวนท่าถูกทำลาย ลี่หานมู่โดนพลังตีย้อนถึงกับกระอักเลือดออกมา สีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด
เพียงแค่ดาบเดียวเท่านั้น ไม่เพียงแต่ทลายการจู่โจมอันแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น แม้กระทั่งกระบวนท่าของเขาก็ยังโดนทำลายไปด้วย!
ทั้งหมดนี้ล้วนเกินความคาดหมายของลี่หานมู่ ทำให้เขาตื่นตระหนกหวาดกลัวจนหนังหัวชาไปหมด บนใบหน้ามีแต่ความครั่นคร้ามหวั่นวิตก
เฮ่อฉางอิงกับชุยเหิงที่อยู่ไกลออกไปถึงกับสูดปากเช่นกัน
เทียบกับพลังที่ซูอี้แสดงออกมาในงานชุมนุมมวลพฤกษาเมื่อวานแล้ว อานุภาพของดาบเล่มนี้ของซูอี้น่ากลัวยิ่งกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย!
“หรือว่าในงานชุมนุมมวลพฤกษาเมื่อวานนี้ ซูอี้ไม่ได้แสดงพลังทั้งหมดที่มีออกมาหรือ?”
เฮ่อฉางอิงกับชุยเหิงรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
ไม่รอให้พวกเขาได้ตั้งตัว…
สวบ!
หลังจากที่ซูอี้ฟันฝ่ามือประทับเต๋าสีครามชิ้นนั้นขาดในดาบเดียวแล้ว เขาก็หายตัวมาปรากฏอยู่ต่อหน้าลี่หานมู่
และที่รวดเร็วยิ่งกว่าตัวเขาก็คือดาบนิลกาฬกลืนฟ้า!
คมดาบไร้เทียมทานดุจม้าสวรรค์ทะยานฟ้า ราวกับกวางซ่อนรอย ซึ่งเต็มไปด้วยจังหวะลวดลายอันล้ำลึกเกินจะคาดเดา ไร้ร่องรอยจะเสาะหา
“ทลาย!”
ลี่หานมู่แผดร้อง ดวงตาปูดโปนราวกับต่อสู้อย่างสุดแรงเกิด
โครม!
บนร่างผอมแกร็นของเขา พลังเสียงก้องคำรามดังคลื่นลูกใหญ่ อานุภาพพุ่งถึงขีดสุด วงม่านแสงลักษณะคล้ายดวงจันทร์สีแดงเต็มดวงปรากฏขึ้นเมื่อเขาทำสัญลักษณ์มือ
ม่านจันทราโลหิต!
เคล็ดวิชาวิถีปีศาจอันมีพลังป้องกันที่น่ากลัววิชาหนึ่ง
ทว่า ภายใต้คมดาบที่ซูอี้ฟาดฟันลงมา กอปรกับเสียงระเบิดดังสะท้านผืนฟ้าผืนแผ่นดิน ผิวนอกของวงม่านแสงที่มีลักษณะคล้ายกับดวงจันทร์สีแดงดวงนั้นบุ๋มลึกเป็นรอยร้าวแนวตรงในทันใด
ท่ามกลางแสงที่ระเบิดซัดกระเซ็น ในที่สุดวงม่านแสงนี้ก็ต้านรับอานุภาพที่ผสมผสานกลมกลืนอยู่ในดาบเล่มนั้นไม่ได้ แตกระเบิดเสียงดังขึ้นมา
“ไม่…!”
ลี่หานมู่ตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อ
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ตนเองผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณจะต้องตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชต่อหน้าคนหนุ่มผู้อยู่ในขอบเขตเปิดทวารเช่นนี้
เปรียบได้กับตั๊กแตนที่คิดจะขวางทางรถ ใช้ไข่กระแทกกับก้อนหิน…
เอื๊อก!
ร่างของลี่หานมู่แข็งทื่อ ดวงตาเบิกโพลง
คมดาบแทงทะลุคอหอยของเขา
ตามแรงระเบิดของคมดาบ ราวกับมีดาบจำนวนนับพันนับหมื่นเล่มแตกระเบิดในร่าง ผิวพรรณ เลือดเนื้อ กระดูกเอ็น อวัยวะภายใน และจิตวิญญาณของเขาล้วนถูกบดจนแหลกและกลายเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ในชั่วพริบตา
ราวกับถูกสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!
เพียงแค่ชั่วพริบตา ผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเช่นลี่หานมู่ก็ถูกดาบฟันทั่วร่างจนวิญญาณแตกสลาย!
ร่างเลือนรางเห็นภาพสยดสยองเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเช่นนั้นแล้วรู้สึกตื้นตันใจ ยากนักจะระงับความตื่นเต้นเอาไว้ และรำพึงออกมา
“ได้พบอาจารย์ ประหนึ่งห้องมืดพบแสงไฟ ราวกับจนหนทางได้พบทางออก โชคดียิ่งนัก!”
ไกลออกไป เฮ่อฉางอิงกับชุยเหิงตกตะลึงกับภาพเช่นนี้จนขนหัวตั้งชัน
แม้แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังไม่คิดมาก่อนว่าซูอี้จะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้!
ไม่ไกลนัก ซูอี้ก็เบนสายตามองไปที่ชุยเหิง พลางกล่าวด้วยแววตาราบเรียบ “ฝึกดาบเช่นนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็จะหักดาบคู่ใจของเจ้า ขยี้ใจดาบของเจ้า ฟันหัวของเจ้า”
เสียงยังคงดังกังวาน ทว่าพอเขาเบี่ยงตัวแสดงวิชาหลบหนีทะยานเวหา ร่างของเขาราวกับหายตัวไปหาชุยเหิงแล้ว
สวบ!
รวดเร็วมาก เร็วจนแทบจะเทียบได้กับสายฟ้าแลบ
ด้วยพลังแห่งจิตสัมผัสของชุยเหิง ในชั่วเวลาที่ไม่ทันตั้งตัวก็ไม่อาจสัมผัสรับรู้ตำแหน่งของร่างซูอี้ได้
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันใด ปากก็ร้องตะโกน
“ขึ้น!”
ดาบบินหิมะขาวพุ่งขึ้นกลางอากาศ แยกตัวออกเป็นดาบสามสิบหกเล่มในชั่วพริบตา แสงระยิบระยับสีขาวหิมะครอบคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า ก่อตัวเป็นค่ายกลดาบอันแข็งแกร่งรอบตัวชุยเหิง
“ย้ากกก!”
ชุยเหิงเปลี่ยนใจ แขนเสื้อพองลม
ในชั่วพริบตาท่ามกลางค่ายกลดาบปรากฏดวงดาวสีเงินมากมายนับไม่ถ้วน ผุดขึ้นมาราวกับน้ำทะเลกำลังขึ้น อลังการยิ่ง
ค่ายกลดาบสวรรค์ดารา!
ดาบบินอาวุธฆ่าคนชั้นดีของชุยเหิง รุกและรับได้สบาย เมื่อค่ายกลดาบนี้ก่อตัวสำเร็จ ก็เพียงพอที่จะสร้างอันตรายถึงชีวิตต่อผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณในขอบเขตเดียวกันได้
ทว่าเมื่อค่ายกลดาบเช่นนี้มาอยู่ต่อหน้าซูอี้แล้ว เท่ากับไม่รู้จักประมาณตน
ซูอี้มองด้วยสายตาดูแคลน ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือฟันในทันใดสามสิบหกครั้ง พลังดาบสีใสสามสิบหกเล่มปรากฏออกมา ซัดไปยังค่ายกลดาบสวรรค์ดาราในทิศทางที่ต่างกันไป
แต่ละทิศที่ดาบชี้ล้วนเป็นจุดอ่อนที่สุดของค่ายกลดาบสวรรค์ดารา!
เปรียบดังพ่อครัวแร่เนื้อ พอเหมาะพอเจาะ
โครม! โครม! โครม!
ท่ามกลางเสียงกระทบกระทั่งอันดังสนั่นจนแสบแก้วหู ค่ายกลดาบสวรรค์ดาราอันน่าสะพรึงกลัวนั้นยังไม่ทันได้แสดงฤทธิ์เดชออกมาอย่างเต็มที่ก็พังทลายลงกลางอากาศ
ท่ามกลางสะเก็ดไฟที่แตกกระเซ็น ชุยเหิงแทบตะลึง
ในอดีต ค่ายกลดาบสวรรค์ดาราของเขาเป็นอาวุธฆ่าคนชั้นดี แทบไม่เคยเสียท่าในการต่อสู้เลย
ไหนเลยจะคิดว่า เมื่อมาอยู่ต่อหน้าซูอี้ อาวุธฆ่าคนที่เขาภูมิใจเป็นหนักหนานั้นกลับบอบบางราวกับกระดาษ ประหนึ่งเป็นเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น?
เมื่อเห็นว่าซูอี้พุ่งตรงมาแล้ว ชุยเหิงก็ไม่มีเวลาครุ่นคิดอีก จากนั้นจึงปล่อยดาบบินหิมะขาวออกไป
ฉึบ!
พอแสงดาบส่องประกาย ดาบบินหิมะขาวหักเป็นสองท่อนและกระเด็นออกไป
“ให้ตายสิ!”
ชุยเหิงหน้าขาวซีด ไหนเลยจะกล้ารับมือซูอี้อีก จากนั้นจึงหมุนตัวได้ก็รีบหนี
สวบ!
แทบจะขณะเดียวกัน เฮ่อฉางอิงที่อยู่ไกลออกไปก็ลงมือ ชักแพรตรึงวิญญาณออกมา กลายเป็นตาข่ายสีทองขนาดใหญ่ครอบตัวซูอี้
ซูอี้หรี่ตาเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้
วิ้ว!
ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าส่งเสียงดังกังวาน ฉับพลันเขย่าขึ้นมาอย่างแรง คมดาบอันไร้เทียมทานตวัดคลื่นแสงดาบสีใสพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า คลื่นพลังแผ่กระจายออกไปลูกแล้วลูกเล่าราวกับคลื่นลูกใหญ่โหมซัดฝั่ง กระแทกตาข่ายสีทองอย่างแรง
โครม! โครม! โครม!
คลื่นพลังดาบลูกแล้วลูกเล่าซัดออกไป ตาข่ายสีทองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมา
ภายในชั่วพริบตาเท่านั้น ก็ไม่อาจต้านทานพลังที่รุนแรงเช่นนั้นได้อีก ก่อนจะพังทลายลงกลางอากาศกลับสู่สภาพแพรตรึงวิญญาณเหมือนดังเดิม จากนั้นร่วงตกลงไปอย่างแรง
เอื๊อก!
เฮ่อฉางอิงผู้ควบคุมแพรตรึงวิญญาณถึงกับกระอักเลือด สีหน้าตื่นตระหนก
เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าซูอี้จะใช้วิธีเช่นนี้ทำลายสมบัติปีศาจอันแข็งแกร่งซึ่งสืบทอดมาจากตระกูลหวนเผ่ามาร
ชั่วขณะนี้ เฮ่อฉางอิงก็ไม่ลังเลอีกต่อไป แผดเสียงร้องตะโกน “ซูอี้ หากเจ้าไม่หยุด อย่ากล่าวโทษที่ข้าฆ่าคน ๆ นี้!”
ขณะที่พูด เขาจับตัวเก๋อเฉียนขึ้นมา สายตาเย็นชาน่ากลัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน
ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ
ร่างเลือนรางที่อยู่ไกลออกไป จิตใจอยู่ในความตื่นตระหนก