บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 541 ข้านับถึงสาม
ตอนที่ 541: ข้านับถึงสาม
ตอนที่ 541: ข้านับถึงสาม
เซียนหงแอบสะดุ้งในใจ
ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้า พลันตบโต๊ะฉาดใหญ่ “ผู้ใดกันบังอาจถึงเพียงนี้ กล้าเรียกชื่อนายน้อยในถิ่นของพวกเรา?”
หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยกสีหน้าเปลี่ยน กล่าวด้วยความตื่นตระหนกลังเล “เหมือน… เหมือนว่าจะเป็นเสียงของซูอี้!”
ซูอี้!?
เซียนหงหรี่ตาลง
ผู้ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงที่อยู่อีกด้านก็สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
คืนนี้ เฮ่อฉางอิง ลี่หานมู่ กับชุยเหิงไปจับตัวเก๋อเฉียนด้วยกัน ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังไม่กลับมา ซูอี้กลับมาหาถึงที่นี่แล้ว!
“ออกไปดูกัน”
หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยกลุกเดินออกไปนอกห้องโถงก่อนเป็นคนแรก
เซียนหงกับชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงติดตามอยู่ข้างหลัง
ราตรีมืดมิดประดุจน้ำหมึก รอบด้านสงบเงียบ
ปัง!
ประตูใหญ่ของจวนแห่งนี้พังทลาย เศษไม้กระเด็นไปไกล
ซูอี้ในชุดสีเขียวทั้งตัวก้าวเดินเข้ามา
เสวียนหนิงติดตามอยู่ข้างหลัง
“บังอาจ!”
“พวกเจ้าเป็นใครกัน บังอาจบุกเข้ามาในที่ของตระกูลหวน?”
กลุ่มทหารอารักขาวิ่งออกมา ต่างก็แสดงสีหน้าเดือดดาล ท่าทางน่ากลัวยิ่ง
ซูอี้ไม่แม้แต่จะมอง เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อ
โครม!
แสงสีใสปกคลุมทั่วแผ่นฟ้าราวกับดาบคมกริบถูกปล่อยออกมา ก่อนจะฆ่าทหารอารักขาเหล่านั้นตายอย่างง่ายดาย ศพระเนระนาดเกลื่อนกลาด
เลือดไหลนองเต็มพื้น
“ไม่ได้การ ศัตรูบุก…!”
เสียงหวีดร้องดังขึ้นจากด้านในจวน ทันใดเสียงโหวกเหวกก็ดังขึ้นจากทั่วทุกมุมของจวน
โดยไม่ต้องสงสัย ผู้แข็งแกร่งที่แยกกระจายอยู่ในจวนต่างก็สะดุ้ง
ซูอี้กลับไม่ใส่ใจราวกับมองไม่เห็น จิตสัมผัสแผ่ขยายออกไป ครอบคลุมไปทั่วจวนในชั่วพริบตา
ถัดจากนั้น เขาย่างเท้าก้าวไปข้างหน้า
“ช้าก่อน!”
ไกลออกไป ผู้ชายในชุดเกราะตวาดเสียงดัง ชูธนูคันใหญ่ขึ้นแล้วยิงออกไป
พรึ่บ!
ลูกธนูรวดเร็วราวกับสายรุ้งสีขาวพุ่งทะลุดวงตะวัน รวดเร็วและรุนแรง
ซูอี้ดีดนิ้ว
พลังดาบพุ่งออกไปส่งเสียงดังปัง ลูกธนูดอกนั้นก็ระเบิดราวกับกระดาษ
พลังดาบยังคงไม่ลดกำลัง พุ่งแทงทะลุคอหอยของผู้ชายที่สวมชุดเกราะ แรงพุ่งทะลุนั้นรุนแรงจนถึงขั้นร่างของผู้ชายในชุดเกราะกระเด็น ร่วงเป็นศพในระยะห่างถึงสิบกว่าจั้ง
“บุกพร้อมกันให้หมด!”
เสียงตวาดด้วยความโกรธดังขึ้น คนทั้งหลายพุ่งออกมาจากรอบสี่ทิศแปดทิศทาง
พวกเขาล้วนเป็นตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณแทบทั้งสิ้น ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของซูอี้ได้?
ซูอี้สาวเท้าก้าวใหญ่ ๆ เดินมาข้างหน้า แขนเสื้อพองลม ลงมือในแต่ละครั้งล้วนมีพลังดาบระยิบระยับเจิดจ้าบาดตาผุดขึ้นมา ฆ่าศัตรูกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
สิ่งที่เกิดขึ้นเช่นนั้นง่ายดายดังถอนหญ้า ราวกับเข้าสู่ดินแดนไร้ผู้คน!
เสวียนหนิงที่ติดตามซูอี้อยู่ข้างหลัง มีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีอาการกระโตกกระตากแม้แต่น้อย
หากว่าเป็นเมื่อก่อน ด้วยพลังวิถีดาบซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในเก้ามหาแดนดินของอาจารย์ ย่อมสามารถฆ่าคนระดับจักรพรรดิได้ง่ายดายราวกับเชือดไก่
เมื่อเทียบกันแล้ว ภาพเหตุการณ์ตรงหน้านี้ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นแม้แต่น้อย
ทว่า เสวียนหนิงก็ยังสงสัยมากว่า เหตุใด… อาจารย์จึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?
หรือว่าจะเป็นเหมือนดังคำเล่าขานในเก้ามหาแดนดิน อาจารย์เข้าสู่วัฏสงสาร เดินสู่หนทางกลับชาติซึ่งไม่มีใครคนใดล่วงรู้?
นึกถึงตรงจุดนี้แล้ว เสวียนหนิงพลันสะดุ้งขึ้นมา
กลับชาติมาเกิดใหม่!
ความลับยิ่งใหญ่นี้เปรียบได้กับกฎข้อห้าม หากว่าอยู่ในเก้ามหาแดนดินก็คงนับเป็นเรื่องเล่าขานที่เลื่อนลอยห่างไกลเช่นกัน
หากว่าอาจารย์สามารถทำได้ถึงขั้นนี้จริง ก็เท่ากับเป็นการแหกกฎอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่แตกต่างไปจากการเดินสู่หนทางแห่งตำนาน!
“ซูอี้ เจ้าจริง ๆ ด้วย!”
เสียงตื่นตะลึงเสียงหนึ่งดังขึ้น
ไม่ไกลนัก หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยก เซียนหง กับชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงปรากฏตัวพร้อมกัน
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นองเลือดเหล่านี้แล้ว ต่างก็มีสีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมา
และเมื่อมองเห็นว่าเก๋อเฉียนอยู่ในมือของเสวียนหนิง หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยกถึงกับร้องอุทานตกใจ “เก๋อฉางหลิง? นี่…”
เซียนหงกับชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงก็หน้าเปลี่ยนเช่นกัน พลันเข้าใจได้ว่า พวกของเฮ่อฉางอิงอาจจะเกิดเรื่องแล้ว!
“ข้านับถึงสาม ใครสามารถบอกข้าได้ว่าหวนเฉ่าโหยวอยู่ที่ใด จะไม่ฆ่าตาย”
ซูอี้เอ่ยพูดน้ำเสียงราบเรียบ
นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในจวน จิตสัมผัสของเขาแผ่ไปทั่วทุกซอกทุกมุมของจวนแล้ว ทว่ากลับสัมผัสไม่เจอกลิ่นอายของหวนเฉ่าโหยว
“บังอาจ!”
ได้ยินคำพูดข่มขู่เช่นนี้แล้ว เซียนหงถึงกับสบถเสียงหัวเราะ “ซูอี้ ที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลหวน หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แม้แต่ราชวงศ์เซี่ยก็ไม่อาจช่วยเหลือเจ้าได้!”
ซูอี้ไม่ใส่ใจ นับถึงขึ้นมาเบา ๆ “หนึ่ง”
“เจ้า…”
สายตาของเซียนหงดุดัน เห็นได้ชัดว่าโกรธจัดแล้ว
ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของซูอี้เกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้
ทว่าเวลานี้ หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยกสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่งจึงกล่าว “ซูอี้ บอกกับเจ้าตามตรง นายน้อยของข้าในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในนครหลวงจิ๋วติ่ง”
“สอง”
สีหน้าของซูอี้ราบเรียบ ไม่สะทกสะท้าน
เห็นได้ชัดว่า เขาไม่พึงพอใจในคำตอบของหญิงสาวชุดลวดลายนกหงส์หยก
“ฮูหยินรั่วเหวิน คน ๆ นี้บังอาจถึงเพียงนี้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีก พวกเราลงมือพร้อมกัน ฆ่าเขาให้ตายก็จบเรื่อง!”
ไฟอาฆาตของเซียนหงคุกรุ่น “นี่เป็นโอกาสอันดีที่สุดที่จะช่วยแก้แค้นแทนนายน้อย!”
มุมปากของชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงกระตุก หากว่าซูอี้ฆ่าได้ง่าย ๆ ถึงเพียงนั้นจริง เหตุใดตอนนี้ยังต้องพูดมากอีก?
หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยกถอนใจยาว ๆ ทีหนึ่งจึงกล่าว “เจ้าควรจะรู้ดีว่า ในงานชุมนุมมวลพฤกษาเมื่อวานนี้ นายน้อยของพวกข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงใด ถูกส่งออกนอกนครหลวงไปตั้งแต่พลบค่ำของเมื่อวานแล้ว โดยมีผู้อาวุโสของตระกูลหวนมารับตัวไปทำการักษาตัวใน ‘ศาลบรรพชน’ ซึ่งมีแต่ลูกหลานสายตรงของตระกูลหวนเท่านั้นจึงจะรู้”
เซียนหงกล่าวไม่พอใจ “ฮูหยินรั่วเหวินบอกสิ่งเหล่านี้ให้เขารู้เพื่ออะไรกัน?”
ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงราวกับนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าคร่ำเคร่งร้องตวาด “ฮูหยินรั่วเหวิน ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะขี้ขลาดตาขาวถึงเพียงนี้ หากว่านายน้อยรู้เรื่อง คงไม่ละเว้นเจ้าเป็นแน่!”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา แม้กระทั่งเซียนหงก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้วเช่นกัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป และร้องด่า “นังหญิงทรยศ เพื่อเอาตัวรอดกล้าทรยศนายน้อยเลยเชียวรึ!”
หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยกไม่ใส่ใจพวกเขา สายตายังคงมองไปที่ซูอี้ กล่าว “สิ่งที่ข้ารู้ ได้บอกสหายเต๋าไปหมดแล้ว สหายโปรดทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ด้วย”
ซูอี้ขมวดหัวคิ้ว พลางกล่าว “เจ้าไม่รู้ว่า ‘ศาลบรรพชนตระกูลหวน’ อยู่ที่ใดเช่นกันอย่างนั้นหรือ?”
หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยกส่ายหน้าพลางตอบ “พวกเราเป็นเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งภายใต้การควบคุมของตระกูลหวนเท่านั้น ยังไม่มีสิทธิ์รับรู้ความลับเหล่านี้”
ซูอี้ร้องอ้อขึ้นมา พลางกล่าว “เจ้าไปรออีกด้านหนึ่งก่อน”
ขณะที่พูด สายตาของเขามองไปที่เซียนหงกับชายวัยกลางคนในชุดสีม่วง เขาไม่พูดพร่ำเพรื่ออีก ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าถูกชักออกมาเสียงดังชิ้ง แล้วฟาดฟันออกไป
สวบ!
พลังดาบอันยิ่งใหญ่คล้ายกับทางช้างเผือกร่วงหล่นจากฟากฟ้า ผืนฟ้ามืดมิดเจิดจ้าในทันใด เสียงดังกึกก้อง
“หาที่ตายเสียแล้ว!”
เซียนหงตวัดหอกรบสีเหลืองอร่าม ฟาดแทงไปกลางอากาศอย่างแรง
ทว่าในชั่วขณะเดียวกัน ร่างของชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงก็หมุนตัววิ่งหนีออกไป!
ภาพเหตุการณ์ที่ฉุกละหุกเช่นนี้ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนหง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ตอนแรกฮูหยินรั่วเหวินเป็นฝ่ายยอม แสดงความอ่อนข้อให้กับซูอี้ก่อน
ตอนนี้ ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงก็มาหนีไปโดยที่ไม่ต่อสู้!
ทั้งหมดนี้ทำให้เซียนหงรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
แต่เขาลงมือไปแล้ว ยากนักจะถอยกลับได้อีก คิดจะเปลี่ยนใจก็สายไปเสียแล้ว
ปัง!!
เสียงระเบิดทะลุแก้วหูดังขึ้น
ถัดจากนั้นก็เป็นเสียงฉึบ หอกรบสีเหลืองอร่ามที่เซียนหงชักออกมาหักเป็นสองท่อน ตัวเขาถูกกระเทือนจนเซถลาเกือบจะร่วงไปกองอยู่กับพื้น
“ตาม!”
แทบจะในขณะเดียวกัน ซูอี้หมุนตัว ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าขยับพุ่งหาชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงที่หนีไปไกลแล้ว
ดาบ ๆ นี้บอกได้คำเดียว เร็ว!
เพียงแค่ชั่วพริบตา หายแวบไปกลางอากาศ แล้วก็มาปรากฏอยู่กลางอากาศที่ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง ฟันไปที่หัวของชายวัยกลางคนในชุดสีม่วง
ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงตื่นตะลึง สูดหายใจลึก ๆ อย่างสุดแรง เอ็นกระดูกทั่วร่างส่งเสียงดังเปรี๊ยะ ๆ ร่างทั้งร่างปริขยายใหญ่ กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ พองโต เสื้อผ้าปริจนฉีก ขนสีดำดกครึ้มแผ่ปกคลุมทั่วร่าง
ตรงกลางกระหม่อมมีเขาอันหนึ่งงอกขึ้น ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำน่ากลัว
เลือดลมที่น่ากลัวรอบตัวเขาประดุจภูเขาไฟระเบิด
มองดูจากระยะไกล เขาได้กลายร่างเป็นวานรยักษ์ร่างสูงจั้งกว่า ๆ ใหญ่โตมหึมา!
“เปิด!”
เขาร้องตะโกนเสียงดัง โล่ยักษ์สีดำปรากฏขึ้นในมือบังอยู่ด้านหน้า
ปัง!!!
โล่ยักษ์สีดำส่งเสียงระเบิด สั่นสะเทือนอย่างแรง
ภายใต้แรงฟาดฟันของพลังวิถีดาบอันน่ากลัวนั้น ร่างสูงใหญ่จั้งกว่า ๆ ของชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงดำดิ่งลงไปราวกับหินอุกกาบาตตกลงมากระแทกกับพื้น ฝุ่นละอองคละคลุ้ง
ครู่ถัดมา ผิวนอกของโล่ยักษ์สีดำในมือเขาก็ปรากฏมีรอยร้าวขึ้นเป็นแนว จากนั้นก็แตกสลายพร้อมกับเสียงดังปัง
ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงถึงกับสูดปาก
โล่ยักษ์สีดำชิ้นนี้มีนามว่า ‘ปกป้องคีรี’ เป็นสมบัติป้องกันวิถีวิญญาณซึ่งมีความแข็งแกร่งมากชิ้นหนึ่ง เคยช่วยป้องกันอันตรายถึงแก่ชีวิตให้กับเขามานับหลายครั้ง
ทว่าตอนนี้ กลับโดนคนหนุ่มในขอบเขตเปิดทวารฟาดฟันจนแตกสลายในดาบเดียว!
“หากว่าเมื่อสักครู่ข้าไม่ทันใช้สมบัติชิ้นนี้ป้องกันตัว ตอนนี้จะรอดหรือ?”
ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงตื่นกลัวจนเหงื่ออาบ
เขาชักขาได้ก็คิดจะหนีอีกครั้ง ทว่าในชั่วขณะนั้นเอง ดาบก็ส่งเสียงดังกึกก้องขึ้น ราวกับเสียงสายฟ้าฟาดดังก้องท้องฟ้าในท้องฟ้าแห่งนี้
ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงเงยหน้าขึ้นมอง
เห็นพลังดาบเต็มฟากฟ้าประดุจฝนฟ้าคะนองสาดเทลงมาไม่จบไม่สิ้น บดบังไปรอบด้าน
พลังดาบสีใสแสบตานั้นแลดูจรัสแสงและบาดตาเป็นอย่างยิ่งในช่วงค่ำคืนเช่นนี้
ทว่าในสายตาของชายวัยกลางคนชุดสีม่วงแล้ว สิ่งเหล่านี้เปรียบได้ดั่งเงามืดแห่งความตาย แฝงไว้ซึ่งภัยคุกคามถึงชีวิต ทำให้เขารู้สึกกลัวจนท้องไส้ปั่นป่วน
“ช่วยข้าด้วย…!”
เขาส่งเสียงแผดร้องออกมา
ครืน!
ในชั่วพริบตา ร่างของเขาทั้งร่างก็ถูกฝนดาบกลบกลืน เสียงแผดร้องซึ่งแฝงความหวาดกลัวในตอนแรกกลายเป็นเสียงโอดครวญด้วยความทรมานและความเจ็บใจ
ฉับพลันทุกอย่างก็สงบนิ่ง
เมื่อฝนดาบหายไป ผืนแผ่นดินตรงนั้นปรากฏรูจำนวนนับร้อยพัน มีแต่รอยแทงของดาบเต็มไปหมด
ใจกลางรอยแทงของดาบคือเลือดเนื้อกองหนึ่ง!
เพียงสองดาบ กลับฆ่าผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่กำลังจะหลบหนี!
ภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้หญิงสาวในชุดลวดลายนกหงส์หยกกับเซียนหงถึงกับสูดปาก หนังศีรษะชาไปหมด
เมื่อหันไปมองดูซูอี้ที่อยู่ไม่ไกลนักอีกครั้ง สีหน้าของคนทั้งสองต่างก็เต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน!
ความสามารถที่ซูอี้แสดงออกมาในตอนนี้ แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่แสดงในงานชุมนุมมวลพฤกษาเมื่อวานมาก
และในขณะนี้เอง ในที่สุดทั้งสองก็เข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดพวกของเฮ่อฉางอิงจึงยังไม่กลับมาเสียที เป็นไปได้มากว่าพวกเขาคงตายด้วยฝีมือของซูอี้แล้ว!
เมื่อรู้สึกได้ว่าซูอี้กำลังเบนสายตามองมา เซียนหงสั่นสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกเข่าอ่อนจนคุกเข่าลงกับพื้น
เขาโขกศีรษะร้องเสียงดัง “ใต้เท้าซู ข้ายอมแพ้แล้ว! ข้ายอมแพ้แล้ว! ขอเพียงท่านละเว้น ไว้ชีวิตข้า ข้ายินดีเป็นวัวเป็นควายรับใช้ท่านไปตลอดทั้งชาติ ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่มีปฏิเสธ!”
เป็นถึงผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ แต่กลับหวาดกลัวจนถึงขั้นคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิต ภาพเช่นนี้แม้กระทั่งฮูหยินรั่วเหวินเองก็ยังรู้สึกคาดไม่ถึง
นางไม่คิดมาก่อนเลยว่า เฒ่าลามกคนนี้จะขี้ขลาดได้ถึงเพียงนี้!
“ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่มีปฏิเสธเช่นนั้นหรือ? ได้ ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปตายเสียตอนนี้”
ท่ามกลางเสียงที่ราบเรียบ ซูอี้ลงมืออีกครั้ง
พอแสงดาบสว่างวาบ
เซียนหงยังไม่ทันได้ตั้งตัวและตอบโต้ หัวก็ร่วงกระเด็นลงพื้นแล้ว!