บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 548 ล่าสมบัติ
ตอนที่ 548: ล่าสมบัติ
ตอนที่ 548: ล่าสมบัติ
ร่างของโม่ซิงเจ๋อหายลับไปจากสายตา
เก๋อเฉียนอดพึมพำไม่ได้ “หากเป็นข้าคงไม่มีทางยั่วยุเช่นนี้แน่ ไม่ว่ากำลังจะแกร่งกล้ามากเพียงใด ย่อมต้องมีช่วงเวลาเรือพลิกคว่ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน”
ซูอี้ยิ้มบาง ๆ “หลายชีวิตหลากอารมณ์ ถ้าทุกคนบนโลกคอยพะวงเหมือนกับเจ้า เช่นนั้นก็น่าเบื่อเกินไปพอดี”
เวิงจิ่วที่อยู่ไม่ไกลกันนักเดินเข้ามาเตือน “สหายเต๋าซู ในความคิดของชายชราคนนี้ โม่ซิงเจ๋อไม่ได้แกว่งเท้าหาเสี้ยน กลับกันแล้วหลังจากที่เขารู้ว่าเจ้าจัดการหวนเฉ่าโหยวได้อย่างง่ายดาย เขายังกล้าเผชิญหน้าเพื่อยั่วยุด้วย แสดงว่าต้องมีไพ่ตายทรงพลังอยู่ในมือเขาแน่”
ซูอี้พยักหน้า “เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
เวิงจิ่วกล่าวต่อ “ไม่ใช่แค่โม่ซิงเจ๋อเท่านั้น แต่ผู้แข็งแกร่งที่ไปเกาะเซียนพระสุเมรุครั้งนี้ แต่ละคนต่างก็เตรียมของล้ำค่าช่วยชีวิตไว้ก่อนแล้ว ในท้ายที่สุดหากพวกเขาล้มตายบนเกาะเซียนพระสุเมรุ จะต้องเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาแน่นอน”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างเคร่งขรึม “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่เป็นตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราขั้นสมบูรณ์กันทั้งนั้น อย่างเยี่ยนจิงอวิ๋น โม่ซิงเจ๋อ และจิงหลิงเจิน คนพวกนี้ต่างก็มีจุดประสงค์ที่จะบุกเข้าไปในเกาะเซียนพระสุเมรุ หวนเฉ่าโหยวเองก็เช่นกัน”
“คาดการณ์ได้ว่าทันทีที่พวกเขามาถึงเกาะเซียนพระสุเมรุ สิ่งแรกที่จะทำคือการทะลวงขอบเขต!”
“ด้วยภูมิหลังและความสามารถแล้ว หากพวกเขาได้กลายเป็นผู้ฝึกตนตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ความแข็งแกร่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากแน่นอน และถ้าร่วมมือกับไพ่ตายของพวกเขาด้วยแล้ว จะต้องเป็นภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่แน่”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สหายเต๋าซูต้องระวังให้มาก”
คำพูดของเวิงจิ่วเรียกได้ว่าเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี
เพราะในมุมมองของเขา ท้ายที่สุดแล้วซูอี้ก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนตัวตนขอบเขตเปิดทวารขั้นปลายเท่านั้น และยามที่ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณก้าวเข้าสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณแล้ว แค่ความต่างชั้นของขอบเขตก็ทำให้กังวลได้
เก๋อเฉียนพยักหน้าอยู่หลายครั้ง “คำพูดของผู้อาวุโสจริงที่สุด หากระวังย่อมแล่นเรือได้หมื่นปี การไปเกาะเซียนพระสุเมรุในคราวนี้ จะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่เผชิญหน้ากับศัตรูเหล่านั้นโดยตรง”
เห็นซูอี้ขบคิดอย่างจริงจังแต่ดันพูดว่า “ข้าคิดว่าฝ่ายตรงข้ามต่างหากที่ควรระวังตัวเอาไว้”
เวิงจิ่ว “…”
เก๋อเฉียน “…”
เหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉานมองหน้ากันและอดยิ้มไม่ได้
นี่ถึงจะเป็นซูอี้ที่พวกนางรู้จัก ท่าทางที่ดูเหมือนสบาย ๆ แต่ความจริงยังคงหยิ่งผยองและมั่นใจในตนเอง
เมื่อเห็นคนอื่น ๆ เดินเข้าสู่ทางเข้าของเกาะเซียนพระสุเมรุ เวิงจิ่วก็หยิบกล่องหยกจากแขนเสื้อของเขา ก่อนจะส่งให้ซูอี้
เขาเอ่ยขึ้น “สหายเต๋าซู นี่เป็นสิ่งของที่นายท่านของข้าเตรียมไว้สำหรับเจ้า หากเจ้าเจอกับภัยบนเกาะเซียนพระสุเมรุ สามารถใช้สิ่งนี้แก้ไขได้”
ว่าจบก็เปิดกล่องหยกออก
ข้างในนั้นคือยันต์หยกรูปผีเสื้อสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ ดวงตาของผีเสื้อคู่นั้นเป็นสีขาวใสโปร่งแสง มีชีวิตชีวาราวกับของจริง
“ยันต์ลับระดับจักรพรรดิ?”
ซูอี้อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เวิงจิ่วกล่าวเสียงต่ำ “ยันต์ลับนี้เรียกว่า ‘ผีเสื้อแปรสวรรค์’ แม้พลังส่วนใหญ่จะสูญเสียไปหลังจากการเสื่อมสภาพเมื่อสามหมื่นปีก่อน แต่พลังของมันก็ไม่สามารถมองข้ามได้และยังเป็นของชั้นยอดในคลังสมบัติของราชวงศ์เซี่ยด้วย นายท่านของข้าเองก็กังวลถึงความปลอดภัยของสหายเต๋าซูเช่นกัน จึงได้มอบของชิ้นนี้ให้เป็นพิเศษ และหวังว่าสหายเต๋าจะยอมรับมันไว้”
เก๋อเฉียน เหวินซินจ้าว และเยว่ซือฉานนึกประหลาดใจ
สิ่งของจากจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยองค์ปัจจุบัน!
“ขอบคุณท่านมาก”
ซูอี้หยิบกล่องหยกมาก่อนยื่นให้เก๋อเฉียนข้างกาย “เจ้าดูแลนะ”
เก๋อเฉียนตกตะลึงงัน
เขาไม่ได้คาดหวังว่าซูอี้จะมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้ตัวเองดูแล จึงอดตกใจไม่ได้ “นี่คือ…”
ซูอี้กล่าว “เจ้าเป็นคนที่ระมัดระวังและรอบคอบที่สุด หากมีอะไรเกิดขึ้นขณะข้าไม่สามารถดูแลได้ เจ้าก็ใช้มันได้เลย”
“นายท่านซูอย่ากังวลไปเลย วางใจข้าได้”
เก๋อเฉียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยิบกล่องหยกด้วยมือทั้งสอง
จากนั้นซูอี้และพรรคพวกของเขาก็ไม่รอช้า ทะยานสู่ฟ้าไปยังทางเข้าของเกาะเซียนพระสุเมรุใต้ผืนฟ้าทันที
ทันทีที่ร่างของพวกเขาลับตาสาย เวิงจิ่วก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าองค์จักรพรรดิรู้ว่ายันต์ผีเสื้อแปรสวรรค์จะถูกซูอี้ส่งไปให้คนอื่นดูแล ก็ไม่อยากจะคิดอีกแล้ว…”
…
เกาะเซียนพระสุเมรุ
นี่คือโลกเร้นลับที่แยกออกจากโลกปกติ
ภูเขากว้างใหญ่สลับซับซ้อน โลกแสดงบรรยากาศรกร้างอันเก่าแก่ออกมา
“ปราณวิญญาณฟ้าดินเข้มข้นมาก!”
เก๋อเฉียนตะโกนออกมาท่ามกลางในหุบเขาลึก
“ปราณวิญญาณที่นี่ดีกว่าแดนลับของวังเทพสวรรค์เมฆาเสียอีก”
แววตาอันงดงามของเหวินซินจ้าวเป็นประกาย
เยว่ซือฉานดื่มด่ำเงียบ ๆ นางรู้สึกได้ว่าปราณวิญญาณอันเข้มข้นในบริเวณนี้อัดแน่นเต็มทุกชุ่น เมื่อหายใจเข้าและออกก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แม้แต่ร่างกายของนางก็มีชีวิตชีวามากกว่าปกติ
กวาดตามองดูพื้นที่ใกล้เคียงก็จะเห็นพืชพรรณที่มองเห็นได้ทั่วไปมีสีเขียว ดูมีชีวิตชีวา
ซูอี้ที่อยู่ไม่ไกลนักหยิบดินขึ้นมาจากพื้น แล้วใช้ปลายนิ้วถูเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเผยสีหน้าแปลก ๆ
โลกเร้นลับแห่งนี้เปรียบเสมือนดินแดนบริสุทธิ์ มีปราณวิญญาณอุดมสมบูรณ์น่าอัศจรรย์
หากอยู่ในเก้ามหาแดนดิน ก็นับว่าเป็นแดนประทานพรของผู้ฝึกตนอีกหนึ่งแห่ง
“นายท่านซู ในความคิดของข้านั้น การที่พวกเรามาฝึกฝนใกล้ ๆ สถานที่แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน ข้าเชื่อว่าการฝึกฝนของทุกคนจะมีความก้าวหน้าอย่างมากแน่นอน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะสามารถหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้พวกนั้นได้ และไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นด้วย”
เก๋อเฉียนกล่าวอย่างกระตือรือร้น
ที่พูดมาทั้งหมด ใจความสำคัญมีแค่คำเดียวเท่านั้น ‘ขลาดเขลา!’
เหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉานพูดไม่ออกครู่หนึ่ง ระมัดระวังและรอบคอบเช่นนี้คงนับว่าเป็น… ผู้ชายใช่หรือไม่?
ซูอี้เมินเฉยคำพูดของเก๋อเฉียน
“ไปกันเถิด ไปสำรวจโลกใบนี้ก่อน”
ซูอี้กวาดตามอง แล้วเดินไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกล
ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้ หากไม่มีใครเข้ามาเป็นเวลาหลายหมื่นปี จะมีโอสถวิญญาณอันล้ำค่าและวัตถุวิญญาณมากมายที่เรียกได้ว่าหายากเป็นอย่างยิ่ง!
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่ว่าเกาะเซียนพระสุเมรุมีสำนักเก่าแก่นาม ‘หอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสำนักผู้ฝึกปีศาจเมื่อสามหมื่นปีที่แล้วตั้งอยู่ เช่นนั้นแล้วโอกาสที่ซ่อนอยู่ในนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือ สถานที่แห่งนี้อาจจะซ่อนความลับและเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับ ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ เอาไว้!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ซูอี้จะเลือกทำการขลาดเขลาได้อย่างไร?
เขามาที่เกาะเซียนพระสุเมรุแห่งนี้ก็เพื่อจุดประสงค์สองประการ
หนึ่งคือเพื่อฝึกฝน
ตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตเปิดทวารขั้นปลาย และอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ขอบเขตรวบรวมดารา ดังนั้นการเข้ามาในเกาะเซียนพระสุเมรุได้ ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว
นอกจากนี้ในการหยั่งรู้มหาวิถี แม้ว่าเขาจะเข้าใจจังหวะวิถีเบญจธาตุ จังหวะวิถีแห่งลม และจังหวะวิถีแห่งหยินในระดับที่สมบูรณ์แบบแล้ว
แต่ในวิถีต้นกำเนิดนี้ เขายังขาดจังหวะวิถีแห่งหยางและจังหวะวิถีแห่งสายฟ้า ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถรวมจังหวะวิถี ‘หยินหยาง’ และ ‘ลมและสายฟ้า’ ได้
แม้ซูอี้จะมีประสบการณ์จากชีวิตโลกก่อนแต่ก็ยังไม่พอ ทว่าคล้ายว่าโลกเร้นลับของเกาะเซียนพระสุเมรุแห่งนี้ เป็นไปได้มากว่าพลังมหาวิถีที่ยังคงอยู่จะมีความเกี่ยวข้องกับจังหวะวิถีแห่งหยางและจังหวะวิถีแห่งสายฟ้า!
พูดอย่างจริงจังคือ จังหวะวิถีแห่งหยางและจังหวะวิถีแห่งสายฟ้าไม่ใช่พลังมหาวิถีที่หายากในที่แห่งนี้
ตามแผนของซูอี้คือ ภายในเดือนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือบรรลุขอบเขตรวบรวมดารา และในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการจะบรรลุความเข้าใจจังหวะวิถีแห่งหยางและจังหวะวิถีแห่งสายฟ้าด้วย!
อีกวัตถุประสงค์หนึ่งก็คือเกี่ยวข้องกับการตามหาเบาะแสของ ‘การจองจำแห่งยุคมืด’
ในซากปรักหักพังของหอเซียนดาบแห่งทะเลวิญญาณโกลาหล ซูอี้ได้รู้ความลับมากมายที่เกี่ยวข้องกับการจองจำแห่งยุคมืดที่ปะทุขึ้น
และที่เรียกว่า ‘แหล่งกำเนิดคังชิง’
ตามข่าวลือ แหล่งกำเนิดคังชิงอยู่ในสถานที่ต้องห้ามที่เรียกว่า ‘บ่อโบราณโกลาหล’
เมื่อนานมาแล้วมีจักรพรรดิผู้หนึ่งบุกเข้าไปในสถานที่แห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจและเปิดผนึกลึกลับออก พลังของการจองจำแห่งยุคมืดได้ปะทุออกมาจากบ่อโบราณโกลาหลและกวาดล้างมหาทวีปคังชิงทั้งหมด มันกินเวลานานถึงสามหมื่นปี
แต่จนถึงขณะนี้ น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ‘บ่อโบราณโกลาหล’ ตั้งอยู่ที่ใด
ซูอี้สนใจเรื่องนี้มาก เขามาที่นี่เพื่อดูว่าสามารถหาเบาะแสที่คล้ายกันในเกาะเซียนพระสุเมรุได้หรือไม่
ไม่มีใครชักช้า ทุกคนเริ่มลงมือทันที
สำหรับซูอี้แล้ว การที่จะสำรวจโลกเร้นลับที่ไม่รู้จักนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต่อให้มีประสบการณ์มากมายก็ตาม
จากประสบการณ์ชีวิตก่อนหน้านี้ ซูอี้สังเกตสถานการณ์ของโลก ระบุตำแหน่งของฮวงจุ้ย และคอยนำคนอื่น ๆ เดินทางข้ามน้ำข้ามภูเขาเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ปราณวิญญาณแข็งแกร่ง
บางครั้งเขาก็จะหยุดฝีเท้าและใช้วิธีลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ‘แสวงวิญญาณหาสิ่งของ’ แล้วใช้จิตสัมผัสเพื่อจับวัตถุวิญญาณที่กระจายไปในโลกแห่งนี้
ระหว่างทางโอสถวิญญาณและวัตถุวิญญาณจำนวนมากก็จะถูกเขาเก็บมา และทั้งหมดนั้นล้วนอยู่เหนือระดับหก มีบางครั้งที่พบวัตถุวิญญาณระดับเจ็ด
อย่างที่ซูอี้คาดไว้ ในเกาะเซียนพระสุเมรุแห่งนี้ไม่มีใครเข้ามานับหมื่นปีแล้ว ผนวกกับปราณวิญญาณที่แข็งแกร่งและพลังมหาวิถีที่น่าอัศจรรย์ ณ ที่แห่งนี้ มันก็ได้ทำให้โลกนี้ถือกำเนิดวัตถุวิญญาณที่หายากมากมายขึ้น!
จากการสำรวจอย่างตั้งใจของซูอี้โดยอาศัยประสบการณ์ชีวิตก่อนหน้านี้และวิธีลับบางอย่างเพื่อค้นหาวัตถุวิญญาณ เขาก็สามารถเก็บโอสถวิญญาณและวัตถุวิญญาณหลายร้อยอย่างได้ในเวลาไม่ถึงสองก้านธูป!
“ศิษย์พี่ซู ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง ข้าคงสงสัยไปแล้วว่าพี่เคยมาที่เกาะเซียนพระสุเมรุมาก่อน”
เหวินซินจ้าวอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ใบหน้างดงามและสะอาดสะอ้านของนางแสดงความชื่นชม
เยว่ซือฉานและเก๋อเฉียนต่างก็พยักหน้าเช่นกัน
ยามเผชิญกับโลกที่ไม่คุ้นเคยและไม่รู้จัก ซูอี้กลับเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนผักของตน เดิน ๆ แล้วก็หยุด เจอสิ่งของล้ำค่าอันลึกลับที่ซ่อนอยู่ทุกประเภทอย่างง่ายดาย
ในบางครั้งจากระยะทางกว่าสิบจั้ง ซูอี้แค่มองจากที่ไกล ๆ เพื่อระบุว่าจะมีวัตถุวิญญาณเกิดขึ้นในสถานที่นั้น และไปสำรวจตามที่คาดไว้
วิธีการมหัศจรรย์เหล่านี้ทำให้คนอื่น ๆ ตื่นตาตื่นใจนัก
หากว่าถ้าเป็นพวกเขาเอง ก็อาจเจอวัตถุวิญญาณเป็นบางอย่างเท่านั้น ทว่ามันก็คงทั้งเสียเวลา และยังใช้ความพยายามอย่างมากแน่นอน ซึ่งจะไม่ง่ายเช่นซูอี้ด้วย
“แค่ทักษะเล็กน้อย”
ซูอี้ไม่ได้ปฏิเสธก่อนพูดอย่างเป็นกันเอง “รอหลังจากพวกเจ้ามีประสบการณ์พอแล้ว หากไปสำรวจโลกเร้นลับเช่นนี้ เจ้าจะคุ้นเคยกับมันเหมือนข้า”
ตอนที่เขาพูดก็อ้าปากหาวเล็กน้อย ก่อนดวงตาจะหรี่ลง ทันใดนั้นเขาก็มองไปยังสถานที่ที่ไกลออกไป!