บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 550 พายุก่อตัวอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 550: พายุก่อตัวอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 550: พายุก่อตัวอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 550: พายุก่อตัวอย่างรวดเร็ว
บนเชิงเขาจากที่ไกล ๆ มีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน รอบกายมีแสงเรืองราง ๆ
ตูม!
หมอกสีเลือดระเบิดก่อนปกคลุมไปทั่วเชิงเขาในระยะสิบจั้ง ทั้งก้อนหิน ต้นไม้และใบหญ้าล้วนถูกกัดกร่อนจนเสียหายอย่างมาก
สายตาของซูอี้และคนอื่น ๆ จับจ้องไปยังร่างนั้นในทันที
เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดขนสัตว์สีดำ ผิวขาวประดุจหยก ใบหน้าเย็นเฉียบราวกับหิน
รูปร่างของเขาแข็งแกร่งมาก กลิ่นอายดุดันและเย็นชา ในมือถือธนูคันใหญ่ที่ทำมาจากกระดูกสัตว์และกระดูกคนครึ่งหนึ่ง ตรงเอวห้อยซองธนูที่ทำจากหนังสัตว์เอาไว้
ดวงตาของเขาเป็นประกายสีน้ำตาลอมเทาอ่อน ๆ และยามที่จดจ้องมาช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!
“เฟิงจื่อตู!”
เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ จำตัวตนของชายหนุ่มในชุดขนสัตว์ได้ในทันที
เฟิงจื่อตูเป็นบุคคลชั้นนำอันดับต้น ๆ ในหมู่ตัวตนยุคโบราณ และติดอันดับที่หกของชุมนุมมวลพฤกษา
ว่ากันว่าเขาเป็นทายาทของตระกูลเฟิงซึ่งเป็นตระกูลผู้ฝึกฝนปีศาจเมื่อสามหมื่นปีก่อน และมีสายเลือดของ ‘นกกระจอกทะยานสวรรค์’ ที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้
ส่วนบรรพบุรุษของเขาคือ ‘จักรพรรดิโลหิตทะยานสวรรค์’ ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเมื่อสามหมื่นปีก่อน และเป็นที่รู้จักกันในเรื่องความว่องไวและการลอบสังหาร
เฟิงจื่อตูกะพริบตา มองซูอี้จากระยะไกล “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจิตสัมผัสของเจ้าจะแข็งแกร่งจนสามารถจับ ‘ศรโลหิตไร้ร่องรอย’ ได้ หรือเจ้าก็เป็นผู้ฝึกจิตวิญญาณ?”
น้ำเสียงของเขามีความประหลาดใจ
ศรโลหิตไร้ร่องรอยเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา ซึ่งทำจากเขี้ยวพิษของสัตว์ร้ายโบราณอย่าง ‘อสรพิษเงียบงัน’
ตอนที่มันพุ่งออกไป จะไร้เสียง ไร้กลิ่นอาย ไร้สี ไร้การเผชิญหน้า และป้องกันได้ยากที่สุด
ในจังหวะที่โจมตีอย่างกะทันหัน มันสามารถสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้อย่างง่ายดาย!
เฟิงจื่อตูคิดว่า แม้ซูอี้จะสามารถสกัดการโจมตีนี้ได้ ก็ต้องได้รับบาดเจ็บอยู่ดี แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่าซูอี้จะสามารถจับกลิ่นอายของศรโลหิตไร้ร่องรอยได้!
ซูอี้คร้านเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระ เขายื่นมือออกมาเป็นปราณดาบ แล้วฟันออกไป
ฟึ่บ!
ปราณดาบสีใสพุ่งไปในอากาศแล้วหายไป
ณ เชิงเขาจากที่ไกล ๆ เปลือกตาของเฟิงจื่อตูกระตุก ก่อนร่างที่เหมือนกับสายฟ้าสีดำจะหลบไปอีกด้านหนึ่ง
ตูม!
บริเวณที่เขาเคยยืนอยู่เกิดเหวลึกขึ้น ทำให้เจ้าตัวตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง!
ไม่รอให้เฟิงจื่อตูยืนดี ๆ ปราณดาบอีกเส้นก็พุ่งเข้าหาด้วยความเร็วไม่น่าเชื่อ ความคมกริบไร้สิ่งใดเปรียบทำผิวกายลุกชัน รูม่านตาหดแคบลงทันที
วืด!
เฟิงจื่อตูหลบอีกครั้ง
ปราณดาบเฉียดผ่านหูไป ตัดเส้นผมออกเป็นปอย ๆ และยามที่มันฟันยอดเขาที่อยู่ด้านหลัง หินผาขนาดใหญ่ก็ถูกตัดขาดราวกับเต้าหู้
เฟิงจื่อตูตกตะลึง แผ่นหลังเย็นเฉียบ ระดับวิถีดาบของชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“ที่แท้ก็เป็นสายเลือดที่มีความเกี่ยวข้องกับวิถีแห่งเงาลม…”
เมื่อเห็นว่าเฟิงจื่อตูหลบเลี่ยงที่จะถูกสังหารทางอากาศ ซูอี้ก็แปลกใจเล็กน้อย
แค่มองก็รู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่เฟิงจื่อตูเชี่ยวชาญคือ ‘วิถีแห่งเงาลม’ ซึ่งเกิดขึ้นจากการผสมผสานระหว่างจังหวะวิถีแห่งลมกับจังหวะวิถีแห่งเงา
นี่คือจังหวะวิถีพิเศษชนิดหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับความว่องไว!
เมื่อรวมจังหวะเช่นนี้เข้ากับการเคลื่อนไหวลึกลับบางอย่าง ก็สามารถทำให้ความว่องไวของผู้ฝึกตนไปถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อได้!
“ซูอี้ ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเจ้าหรอกนะ แต่ก่อนที่จะลงมือแค่อยากเตือนให้พวกเจ้ารู้สักหน่อย ว่าตัวข้าเฟิงจื่อตูเป็นคนแรกที่ค้นพบสถานที่แห่งนี้”
เฟิงจื่อตูถือธนูกระดูกในมือ ยืนบนก้อนหินและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หากพวกเจ้าออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะถือว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้น…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซูอี้ก็ขัดเสียก่อน “ก็แค่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงโอกาสเท่านั้น ไฉนถึงต้องพูดจาไร้สาระด้วย?”
“เหอะ!”
เฟิงจื่อตูยิ้มเยาะ ดวงตาสีน้ำตาลอมเทาของเขาประกายจิตสังหาร
เขาหยิบลูกธนูสีดำอันเล็กขนาดเจ็ดชุ่นขึ้นมา ง้างธนูกระดูกคันใหญ่ขึ้นแล้วยิงออกไปอย่างแรง
ฉึก!
ลูกธนูสีดำอันเล็ก หายไปในอากาศอันบางเบา ไร้สุ้มเสียง
ซูอี้ไม่แม้แต่จะมองดู แล้วยื่นมือไปคว้ามันไว้
ในอากาศเกิดความปั่นป่วนอย่างรุนแรง มันห่างจากร่างของเหวินซินจ้าวไปเพียงสามชุ่นเท่านั้น แล้วลูกธนูสีดำอันเล็กขนาดเจ็ดชุ่นก็ถูกฝ่ามือของซูอี้จับไว้แน่น
ฉากนี้ทำให้แผ่นหลังของเหวินซินจ้าวเย็นวาบ
แม้ก่อนหน้านี้นางจะเตรียมตัวมาพอแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าลูกธนูดอกนี้จะพุ่งเข้าใส่นางแทน!
กระทั่งซูอี้ยื่นมือออกมา นางถึงสัมผัสกลิ่นอายอันตรายถึงตายโดยสัญชาตญาณได้
และในตอนที่นางกำลังจะสกัดไว้ ศรโลหิตไร้ร่องรอยก็ถูกซูอี้ปราบลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ผ่านไปไม่ถึงพริบตา แต่อันตรายที่ซ่อนอยู่ในนั้นเรียกได้ว่าชวนสั่นผวา
เยว่ซือฉานและเก๋อเฉียนที่เห็นฉากนี้ก็อดใจเต้นถี่ไม่ได้ ศรโลหิตไร้ร่องรอยแปลกประหลาดและอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย!
หากครั้งนี้ไม่มีซูอี้อยู่ด้วย ด้วยความสามารถของพวกเขาแล้วเกรงว่าคงทำได้เพียงหลบความแหลมคมของมันเท่านั้น และไม่สามารถเผชิญหน้าตรง ๆ ได้
ฝ่ายตรงข้ามเป็นเหมือนดั่งมือสังหารลอบเร้นที่ไม่คิดเผชิญหน้าด้วยเลย ทว่าเพียงแค่ใช้ลูกธนูและความว่องไวของมันก็สามารถทำให้เกิดอันตรายถึงตายได้
“หึ!”
เฟิงจื่อตูที่อยู่ไกล ๆ พ่นลมหายใจเย้ยหยัน แววตาเป็นประกาย เขาหยิบศรโลหิตไร้ร่องรอยเก้าดอกขึ้นมาแล้วยิงออกไปในคราวเดียว
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
ศรโลหิตไร้ร่องรอยเก้าดอกหายไปในอากาศ
หากเป็นผู้ฝึกตนคนอื่นคงหลบไปตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับวิถีและกลิ่นอายต่าง ๆ ของลูกธนูทั้งเก้าดอกนี้ได้
แต่จากจิตสัมผัสของซูอี้ ร่องรอยของลูกธนูทั้งเก้านี้มองเห็นได้ชัดเจน!
ลูกธนูแปดดอกถูกแบ่งออกเป็นดอกละสี่คู่ โดยยิงใส่เหวินซินจ้าว เยว่ซือฉาน และเก๋อเฉียน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แต่ละคนจะโดนศรโลหิตไร้ร่องรอยสองดอก!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือวิถีของลูกธนูแต่ละดอกไม่เหมือนกัน บ้างก็ตรง บ้างก็วงกลม บ้างก็วาดขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตกลงมา บางอันก็เหมือนนกนางแอ่นช้อนน้ำที่พุ่งเข้าใกล้พื้นแล้วเสยขึ้นฟ้า
และดอกสุดท้ายถูกยิงไปทางบงกชเพลิงของสองเทพผู้ขับไล่โรคภัยที่อยู่ตรงกลางสระบัว
ลูกธนูทั้งเก้านั้นรวดเร็วมาก มีวิถีที่แตกต่างกัน ทำให้ไม่มีโอกาสได้คิดสักนิด
การโจมตีครั้งนี้ไร้ปรานีถึงตาย!
ทว่าเขากลับเห็นแขนเสื้อของซูอี้สะบัด แล้วพุ่งไปในอากาศทันที
ตูม!
ม่านดาบที่เหมือนกับสายน้ำพุ่งออกมา
ปัง! ปัง! ปัง!
ทันทีที่ศรโลหิตไร้ร่องรอยสามดอกถูกม่านดาบขวางเอาไว้ เสียงระเบิดก็ดังขึ้น ก่อนตามมาด้วยแสงสาดส่อง
เมื่อมองไปที่ซูอี้อีกครั้ง เขาก็ขึ้นไปในอากาศแล้ว ก่อนฝ่ามือจะชี้ ฟัน แทง และผ่า ทุก ๆ การโจมตี จากนั้นศรโลหิตไร้ร่องรอยถึงระเบิด
เพียงชั่วพริบตาที่ซูอี้ลงมือราวกับสายฟ้า และศรโลหิตไร้ร่องรอยทั้งเก้าดอกก็ถูกจัดการไปในคราวเดียว!
หลังจากนั้น แขนเสื้อของเขาก็โบกสะบัดอย่างรุนแรง
ตูม!
พายุแห่งพลังอันน่าสะพรึงกลัวได้พัดผ่านไป
หลังจากที่ศรโลหิตไร้ร่องรอยทั้งหมดระเบิด หมอกสีเลือดที่ปกคลุมท้องฟ้าก็ถูกกวาดออกไปด้วย
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วเวลาพริบตาเดียว!
ฉากนั้นทำเหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ ตื่นตระหนก ตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในตอนนั้นเองเฟิงจื่อตูที่ยืนอยู่ไกล ๆ ตะโกนออกมาว่า “ลงมือ!”
เสียงยังคงก้องกังวาน
ตูม!
บริเวณใกล้กับสระบัว มีชั้นน้ำแข็งแผ่นหนาที่อยู่ใกล้กับร่างซูอี้ระเบิดออก เศษน้ำแข็งกระจายไปในอากาศ หอกแหลมคมไร้สิ่งใดเปรียบแทงออกไปในทันที
การลอบสังหารนี้สามารถบรรยายได้ด้วยสามคำ นั่นคือ ‘เร็ว’ ‘แม่นยำ’ และ ‘อำมหิต’!
ในตอนที่เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ สังเกตเห็น หอกก็แทงเข้าไปในร่างกายของซูอี้เสียแล้ว
หัวใจของคนทั้งสามบีบรัด สีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ศิษย์พี่ซู!”
“ศิษย์พี่ซู!”
“คุณชายซู!”
ฉากนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ใครจะคิดว่าชั้นน้ำแข็งในสระบัวแห่งนี้…
ข้างใต้จะมีคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจและน่าสะพรึงกลัวซ่อนตัวอยู่?
“จะเรียกหาอะไรดังขนาดนั้นเล่า ข้ายังไม่ตายเสียหน่อย”
ไม่รอเหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ ได้ตอบสนอง น้ำเสียงที่เฉยเมยอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น
ในครรลองสายตาที่พวกเขาเห็น ร่างของซูอี้ที่ถูกหอกแทงเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น ไม่ใช่ร่างจริงของเขา
ซูอี้ในตอนนี้ยืนอยู่บนพื้นดินห่างออกไปจากจุดเดิม และเมื่อชั้นน้ำแข็งได้แตกออกแล้ว เขาพลันคว้าหอกที่พุ่งมาแทงด้วยมือข้างเดียวก่อนดึงออกมา
ตูม!
ร่างร่างหนึ่งพร้อมกับหอกถูกดึงออกมาสุดแรง
เป็นชายชุดดำรูปร่างผอมสูง ทันทีที่ตัวเขาถูกดึงขึ้นมาก็ทิ้งหอกในมือทันที และหันหลังเตรียมหนี
ทว่าคอกลับเจ็บแปลบขึ้นมากะทันหัน เป็นเพราะถูกฝ่ามือใหญ่กดไว้แน่น ก่อนพลังอันน่าสะพรึงกลัวจะปล่อยออกมาจากฝ่ามือคู่นั้นกักขังร่างเขาไว้ในทันที
ชายชุดดำอ่อนแอมาก แม้กระทั่งนิ้วก็ยังยกไม่ขึ้น สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตกใจกลัวสุดขีดจนวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง
“ช่วยข้าด้วย!” ชายชุดดำตะโกนสุดเสียง
ทว่าเขากลับเห็นซูอี้หมุนหอกในมือขวา แล้วหอกก็แทงกลับเข้าไปในชั้นน้ำแข็งอย่างรุนแรง!
ตูม!
ชั้นน้ำแข็งระเบิด เศษเล็กเศษน้อยกระเด็นดั่งฝนธนู
ภายใต้ชั้นน้ำแข็งมีเสียงกรีดร้องโหยหวน
แล้วเสียงร้องนั้นก็หยุดลงทันที
เมื่อมองดูใกล้ ๆ จะเห็นว่ามีคนซ่อนอยู่ใต้ชั้นน้ำแข็งอีกคน โดยคนผู้นั้นกำลังโค้งลำตัว ถือมีดสั้นอยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายวางแผนออกมาลอบโจมตี
แต่ตอนนี้หอกที่ซูอี้แทงลงมาได้ทะลุลำคอของเขา และถูกปักบนพื้น ทำให้เจ้าตัวได้แต่เผยรูม่านตาซึ่งเบิกกว้าง และแสดงสีหน้าอันเต็มไปด้วยความสับสนออกมา
ราวกับไม่ได้คาดไว้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ซูอี้จะรู้ถึงการมีอยู่ของเขาด้วย!
เลือดสาดกระจาย ในบริเวณเกิดความเงียบสงัด
ชายชุดดำที่ถูกซูอี้บีบคออยู่ ตกใจกลัว ตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
เหวินซินจ้าว เยว่ซือฉาน และเก๋อเฉียนที่อยู่ไม่ไกลออกไปมีเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมา สีหน้าเปลี่ยนไป
ฉากเมื่อครู่เกิดขึ้นไวมาก และอันตรายมากเช่นกัน
อย่างแรกคือลูกธนูเก้าดอกของเฟิงจื่อตูที่พุ่งผ่านอากาศมาสังหารด้วยความรวดเร็ว ฉากฆาตกรรมเพิ่งจะคลี่คลายไป ชายชุดดำก็พุ่งออกมาจากใต้ชั้นน้ำแข็งทันทีโดยเล็งหอกไปที่ซูอี้โดยตรง
มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายและทำให้ผู้คนไม่ทันระวัง ทว่าราวกับซูอี้รู้ล่วงหน้าและหลบไปได้ก่อนหนึ่งก้าว เพื่อให้หอกเล่มนั้นแทงไปยังภาพลวงตาของเขา
ก่อนชายชุดดำจะถูกซูอี้จับในคราวเดียว
แต่ใครจะไปคาดคิดว่ายังมีอีกร่างหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ชั้นน้ำแข็งนั่น!
การสังหารกลายเป็นกับดัก และทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์อันตรายถึงชีวิต เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ ก็จะถามตัวเองว่า หากเป็นพวกเขาก็คงจบสิ้นไปนานแล้ว
แต่สำหรับซูอี้ ทุกอย่างดูเหมือนไม่มีอันตรายอันใด และในชั่วพริบตาภัยการลอบสังหารก็พลันถูกปัดเป่าให้หายไปราวหมอกควันในยามเช้าต้องแสงสุริยัน!
ท่วงท่าที่ผ่อนคลายทำให้ความรู้สึกภายในใจทุกคนที่อยู่ตรงนี้ตกตะลึงอย่างมาก!
“เป็นไปได้อย่างไร…”
เฟิงจื่อตูที่ยืนอยู่บนก้อนหินจากเชิงเขาไกล ๆ เบิกตากว้างและพึมพำอย่างไม่เชื่อ
ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่ากับดักที่วางเอาไว้ต้องมีอานุภาพมากพอที่จะทำให้คนแข็งแกร่งอย่างซูอี้ หวนเฉ่าโหยว เยี่ยนจิงอวิ๋น จิงหลิงเจิน และโม่ซิงเจ๋อไม่ตายก็เจ็บหนัก
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าซูอี้ที่ชอบหลบหลีกปัญหา จะจัดการกับดักและรับมือการซุ่มโจมตีพวกนี้ได้!
“ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
ซูอี้มองไปยังเฟิงจื่อตูที่อยู่ไกล ๆ พูดด้วยความสนอกสนใจ
ขณะที่พูดก็บีบมือไปด้วย
กึก!
ชายชุดดำคอหัก ศีรษะบิดเบี้ยว
พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้บดขยี้จิตวิญญาณและร่างกายจนแหลกละเอียด
โครม!
และในที่สุดร่างกายของเขาก็ถูกซูอี้โยนทิ้ง โดยชายหนุ่มไม่แม้แต่จะปรายตามองด้วยซ้ำ