บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 561 ศัตรูสิบด้าน อยากจะแพ้สักครั้ง!
ตอนที่ 561: ศัตรูสิบด้าน อยากจะแพ้สักครั้ง!
ตอนที่ 561: ศัตรูสิบด้าน อยากจะแพ้สักครั้ง!
บนแท่นจุติเทียนเต๋า
พลังของผู้แข็งแกร่งขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั้งเก้า มีอานุภาพดั่งคลื่นทะเลคลั่ง ถาโถมไปทั่วแผ่นพสุธา
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นทำให้ผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ถึงกับหน้าถอดสี
ทว่าดวงตาของซูอี้กลับส่องสว่างขึ้นเล็กน้อย พลางกล่าว “ชักจะสนุกแล้ว”
นับตั้งแต่ย่างก้าวสู่นครหลวงจิ๋วติ่งจนถึงตอนนี้ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ต่อสู้อย่างสาสมแก่ใจ
ถึงแม้จะฆ่าบุคคลขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลางอย่างฮั่วเทียนตูไป แต่ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกหนำใจแม้แต่น้อย
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิม
คู่ต่อสู้ของเขาเป็นถึงตัวตนร้ายกาจเก้าตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ และแต่ละคนก็มีพื้นฐานอันแข็งแกร่ง มีพรสวรรค์พิเศษ ต่างไปจากคนแก่ ๆ อย่างฮั่วเทียนตู
การต่อสู้เช่นนี้จะให้ซูอี้ไม่รู้สึกสนุกได้เช่นใด?
“ซูอี้ วันนี้เจ้าจะต้องตายแน่!”
โม่ซิงเจ๋อพุ่งเข้ามาก่อนเป็นคนแรก
แสงวาบสีดำหลายแสงวนเวียนอยู่รอบตัวเขา ดวงตาทั้งคู่มีประกายสีเงิน ทั้งลึกล้ำและแปลกประหลาด ราวกับมาจากนรกภูมิเก้า
โครม!
โม่ซิงเจ๋อพนมมือ ดึงหอกยาวสีดำเล่มหนึ่งออกมาจากกลางอากาศ
หอกยาวเล่มนี้เป็นสีดำขลับทั้งเล่ม มีความแวววาว ปลายหอกมีประกายแสงอันเย็นชาส่องสว่าง แฝงไว้ซึ่งเปลวพลังอันน่ากลัวสยดสยอง
หอกเทพลิขิตฟ้า!
แสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนส่องแสงวิบวับที่ปลายหอก มีกลิ่นอายแห่งความน่าสะพรึงกลัว
“ตาย!”
โม่ซิงเจ๋อร้องตวาดเสียงดัง ตวัดหอกแทงออกไป รวดเร็วจนถึงขั้นน่าตื่นตระหนก เพียงแค่ชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าซูอี้แล้ว
ต้องการจะแทงร่างของเขาในหอกเดียว แทงจนทะลุ!
การบุกแทงนี้ เป็นการบุกที่โม่ซิงเจ๋อภาคภูมิใจเป็นที่สุดในชีวิต เขาใส่พลังเต็มที่
อาศัยการบุกแทงครั้งนี้ครั้งเดียว โม่ซิงเจ๋อสามารถสยบคนในขอบเขตเดียวกันให้ต่ำต้อยลงได้!
ทว่าครู่ถัดมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งกระด้าง
ด้วยซูอี้ไม่หลบไม่หลีก เพียงแต่ยกมือขึ้น ชี้นิ้วออกไปเบา ๆ ปลายนิ้วซึ่งมีประกายแสงสว่างสีใสแตะโดนปลายหอกเข้าอย่างพอดี
“ซูอี้ หอกเทพลิขิตฟ้าของข้า ใช่ว่าจะรับได้ง่าย ๆ เช่นนี้!”
โม่ซิงเจ๋อหัวเราะเสียงดัง
หอกเทพลิขิตฟ้าเป็นของชั่วร้ายอย่างที่สุด ภายในเต็มไปด้วยพลังแห่งความชั่วร้ายน่ากลัว แม้กระทั่งบุคคลในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณก็ยังไม่กล้าต้านทานโดยตรง มิเช่นนั้นจะถูกพลังสายฟ้าชั่วร้ายฟาดจนตายในชั่วพริบตา
ปัง!
ท่ามกลางเสียงกระทบกระทั่งอย่างรุนแรงสั่นสะเทือน แสงสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าวิ่งขึ้นปลายนิ้วและวนขึ้นไปอยู่บนแขนของเขา
ทว่าธาตุทั้งห้ากับจังหวะวิถีหยินหยางที่ล้อมรอบตัวซูอี้แฝงอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบดั่งมวยไทเก๊กอันอ่อนละมุนไร้ซึ่งจุดอ่อน ไม่ว่าแสงชั่วสีดำนั้นจะร้ายกาจสักเพียงไหนก็ไม่อาจเข้าสู่ร่างได้
“ขาด!”
หลังจากที่ซูอี้ส่งเสียงร้องตวาดออกมาเบา ๆ แสงสีใสบนปลายนิ้วของเขาก็สว่างยิ่งขึ้น ทันใดก็ระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา
โม่ซิงเจ๋อรู้สึกว่ามีพลังอันยิ่งใหญ่ยากจะต้านทานซัดกระแทกเข้าใส่ ราวกับโดนเทพแดนพุทธยกภูเขาใหญ่โถมทับ
ฉึบ!
หอกเทพลิขิตฟ้าซึ่งมีสายฟ้าชั่วล้อมรอบเล่มนั้นแตกหักเป็นท่อน ๆ โดยเริ่มจากปลายหอก จากนั้นกลายเป็นแสงสีดำแตกกระเซ็นออกไป
พอซูอี้ชี้นิ้ว หอกเทพลิขิตฟ้าทั้งเล่มก็ถูกทำลายย่อยยับ!
ปัง!
ภายใต้แรงซัดรุนแรง ร่างของโม่ซิงเจ๋อสั่นสะท้านจะถอยร่นเซถลา สีหน้าเปลี่ยนในฉับพลัน ร้องเสียงหลงขึ้นมา “เป็นไปได้อย่างไร?”
ผู้ที่มองดูการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ต่างก็สูดปากด้วยความตื่นตะลึง
ก่อนหน้านี้ พอซูอี้พลิกฝ่ามือก็ซัดผู้ร้ายกาจอย่างฉีเซียวกระเด็น
ทว่าตอนนี้ เพียงแค่ปลายนิ้วเท่านั้นก็ทำลายไม้ตายของตัวตนที่ร้ายกาจอย่างโม่ซิงเจ๋อได้อย่างง่ายดาย!
เช่นนี้ช่างน่ากลัวเกินไปเสียแล้ว
“บุกพร้อมกัน!”
หวนเฉ่าโหยวกับคนอื่น ๆ รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล สีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นพวกเขาก็ลงมือพร้อมกันในทันใด
“ขึ้น!”
หวนเฉ่าโหยวร้องตะคอกเสียงดัง และลงมือก่อนเป็นคนแรก
สวบ!
ดาบวิญญาณสีม่วงในมือของเขาฟันออกไปกลางอากาศ เพียงแค่ชั่วพริบตา พลังดาบสีม่วงแปดร้อยวิถีก็ปรากฏขึ้น ทับถมซับซ้อนกันจนกลายเป็นรังแห่งพลังดาบ ยิ่งใหญ่ราวกับสามารถแบ่งภูเขาแยกทะเล พุ่งฟันไปที่ซูอี้
ดาบวารีไร้ขอบเขต!
ภายใต้แรงฟันในดาบเดียว ก่อให้เกิดพลังดาบแปดร้อยวิถีครอบคลุมไปทั่วฟ้าทั่วแผ่นดิน สามารถฆ่าศัตรูในขอบเขตเดียวกันได้อย่างง่ายดาย เป็นหนึ่งในวิชาสุดยอดแห่งตระกูลของตระกูลหวนเผ่าพันธุ์ปีศาจ
“ข้ามาแล้ว!”
ผู้ชายในชุดเพลิงไฟส่งเสียงดังขึ้นมา
ครืน!
พลังอันน่ากลัวปะทุขึ้นจากร่างของผู้ชายในชุดเพลิงไฟ เห็นแต่เพียงระฆังใหญ่ทองเหลืองลอยอยู่ตรงหน้าเขา บนระฆังสลักลวดลายโบราณอย่างหลักการแห่งฟ้าดินและตะวันจันทรากับดวงดาว
ระฆังวิญญาณพิฆาต!
เมื่อแสดงอาวุธชิ้นนี้ออกมา ทั่วทั้งผืนฟ้าผืนแผ่นดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยเสียงระฆังที่ดังกึกก้องดุจเสียงฟ้าผ่า
คลื่นเสียงสีทองที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าซัดไปที่ซูอี้ อากาศผันผวนแปรปรวน พื้นแข็งบนแท่นจุติเทียนเต๋าแตกร้าวเป็นชิ้น ๆ ในทันใดเมื่อกระทบกับคลื่นเสียงสีทอง รุนแรงยากจะต้านทานได้ไหว
ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ห่างไกลออกไปต่างรู้สึกแสบแก้วหู จิตใจสับสนว้าวุ่น ต้องเดินพลังในร่างจึงสามารถบรรเทาพลังคลื่นเสียงอันแข็งแกร่งเช่นนี้ลงได้
“ขึ้น!”
“ออก!”
“ไป!”
ตามเสียงตะคอกที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก ๆ ผู้ร้ายกาจยุคโบราณคนอื่น ๆ ต่างก็แสดงไพ่ตายของตัวเอง
มีเตาหลอมสีโลหิตปรากฏขึ้นกลางอากาศ ขณะที่หมุนติ้วอยู่นั้น นกกาสีเพลิงนับร้อยนับพันตัวก็พุ่งออกมา บินร่ายรำเป็นกลุ่มเป็นก้อน ชั่วขณะที่กระพือปีกคลื่นเพลิงไฟสีแดงดุจเลือดก็กระเซ็นออกมา
มีตราประทับเทพกระดูกขาวส่องแสง ร่างปิศาจสีเลือดที่น่ากลัวสยดสยองผุดออกมาตนแล้วตนเล่า แต่ละตนแยกเขี้ยวขบฟัน รุนแรงขั้นทำลายฟ้าดิน
และยังมีอาวุธคู่ใจมากมายโผล่ออกมากลางอากาศ อย่างมีดบิน หอกยาว ง้าวใหญ่ ขวานยักษ์ แต่ละอย่างล้วนมีอานุภาพอันร้ายกาจ เป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากในขั้นวิถีวิญญาณ
นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดวิชาซึ่งมีอานุภาพล้นฟ้าถูกปล่อยออกมา ก่อให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าบาดตา แสดงความลี้ลับในแบบที่แตกต่างกันออกไป ราวกับคลื่นพลังที่ถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน เป็นที่น่าครั่นคร้ามสะพรึงกลัว
ชั่วขณะนี้ ผู้ร้ายกาจแห่งยุคโบราณขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั้งเก้าลงมือพร้อมกันแล้ว!
สถานการณ์เช่นนั้นมีความน่ากลัวถึงเพียงใด?
แม้กระทั่งผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างเฉิงผู ฉือเจี่ยนซู่ หลวงจีนเฉินลวี่ หรือว่าผู้ที่ก้าวสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณคนอื่น ๆ ในที่นั้น ไม่มีใครที่ตัวไม่แข็ง สันหลังไม่รู้สึกหนาววาบ
เหตุการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ อานุภาพร้ายแรงเช่นนี้ เพียงพอที่จะคุกคามชีวิตของพวกเขาคนใดก็ได้!
“มาได้เวลา!”
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ ซูอี้ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับเงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะเสียงดังออกมา
ในตัวของเขา ภาวะดาบอันร้ายกาจเสียดฟ้าถูกปลดปล่อย พลังลมปราณในตัวดุจดังดาบเทพที่ส่งเสียงชิ้ง ๆ จนแสบหูและเพิ่มระดับจนถึงขั้นไม่น่าเชื่อ
ท่าทีของเขาองอาจทระนง งดงามประดุจเซียน!
ซูอี้ตวัดหมัด ฉับพลันพุ่งชนคลื่นเสียงสีทองที่ซัดเข้ามา
ครืน!
พลังปราณวิญญาณเดือดพล่าน อากาศแปรปรวน
พลังน่ากลัวสองลูกปะทะใส่กันระเบิดเสียงดังกึกก้อง ผู้ชายชุดเพลิงไฟผู้ควบคุมระฆังวิถีคนนั้นถึงกับหายใจไม่ออก ถูกกระเทือนจนแทบไม่อาจควบคุมระฆังวิถีไว้ได้ จำเป็นต้องถอยไป
ซูอี้งอนิ้วดีดออกไป พลังดาบซึ่งปรากฏกลางอากาศมีลักษณะคล้ายกับกรวยแหลมก็ทลายคลื่นพลังดาบแปดร้อยวิถีที่หวนเฉ่าโหยวปล่อยออกมาได้อย่างง่ายดาย
เสียงพลังดาบพังทลายดังก้องไปทั่วแผ่นดิน
ขณะนี้เอง ซูอี้ก็เริ่มต่อสู้กับคนอื่น ๆ
ครืน!
ฝ่ามือที่กลายมาจากวิชานิพพานดับสายฟ้าอัสนีกดทับลงมา สลายหอกยาวสีทองเจิดจำรัส
ครู่ถัดมา ซูอี้ประสานมือทั้งสอง หนีบมีดบินที่ถือโอกาสแทงเข้ามา
เอื๊อก!
มีดบินนี้แหลมคมไร้เทียมทาน มีอานุภาพสามารถฆ่าคนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ทว่าหลังจากที่โดนสองมือของซูอี้หนีบก็หมดสภาพราวกับงูที่ตายแล้ว
หลังจากที่เขาออกแรงบีบจนเกิดเสียงดังฉึบ มีดบินก็หักไปอย่างง่ายดาย
เพียงแค่ดีดนิ้ว ซูอี้ก็ทะลวงการบุกโจมตีของผู้ร้ายกาจยุคโบราณสี่คน
ทว่าอย่างไรเสียคู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นถึงผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณถึงเก้าคน หลังจากที่ทลายการบุกโจมตีของคู่ต่อสู้สี่คนติดต่อกันแล้ว ถึงแม้จะเป็นระดับการฝึกตนเช่นเขา ทว่าพลังทั้งหมดในตัวก็ยังคงอ่อนลง
โม่ซิงเจ๋อถือโอกาสนี้ ผลักง้าวใหญ่สีเลือดออกไป
โครม!
ง้าวใหญ่สีเลือดราวกับต้องการจะแหวกอากาศ ระเบิดพลังลมปราณอันน่ากลัวออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งของซูอี้แล้ว แรงบุกโจมตีครั้งนี้ของโม่ซิงเจ๋อจึงใช้พลังขีดสุด จนแทบเผาผลาญศักยภาพซ่อนเร้น ถือโอกาสตอนที่พลังของซูอี้เปิดช่องโหว่บุกเข้าใส่ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาต้องการจะฆ่าให้ตาย
“ไสหัวไป!”
สายตาของซูอี้มีประกายเย็นวาบผุดขึ้น สองมือประสานนิ้วอยู่ด้านหน้าทำเป็นรูปสัญลักษณ์ ซัดไปกลางอากาศอย่างแรง
ปัง!!
ง้าวใหญ่สีเลือดสั่นระริกเสียงดัง
โม่ซิงเจ๋อกระเด็นออกไปเพราะแรงกระแทกนี้ ทว่าเขากลับแสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา พลางกล่าว “ทุกท่าน มันผู้นี้ได้รับบาดเจ็บแล้ว!”
ที่หัวไหล่ของซูอี้มีบาดแผลเหวอะ เลือดไหลออกมาซิบ ๆ
นั่นคือบาดแผลที่โดนคมง้าวใหญ่สีเลือดของโม่ซิงเจ๋อฟัน
ถึงแม้ สำหรับซูอี้แล้วบาดแผลเพียงแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ไม่ต้องให้ความสนใจ เพียงแค่ชั่วครู่เดียวก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว
แต่ภาพเหตุการณ์นี้กลับทำให้ตัวตนยุคโบราณที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นต่างพากันฮึกเหิมได้ใจ มองเห็นโอกาสที่จะชนะ!
ผู้ที่มองดูการต่อสู้อยู่ไกล ๆ ต่างก็รู้สึกสั่นสะท้าน
พวกเขาทั้งรู้สึกตื่นตระหนกในพลังการต่อสู้อันร้ายกาจที่ซูอี้ใช้ขอบเขตรวบรวมดาราแสดงออกมา ขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นตระหนกในพลังของผู้ร้ายกาจยุคโบราณเก้าคนของพวกหวนเฉ่าโหยว!
ครืน! ครืน! ครืน!
ผู้ร้ายกาจยุคโบราณทั้งเก้าร่วมมือกันบุกเข้ามาอีกครั้ง
กลางอากาศมีดาบม่วงโฉบบิน ระฆังวิถีสั่นสะเทือน รุ้งขาวสะท้านฟ้า เงาปีศาจผลุบโผล่…
พลังของคนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั้งเก้าถูกปล่อยเข้าสู่อาวุธและสมบัติล้ำค่า ทั้งแท่นจุติเทียนเต๋าถูกพลังอันบ้าระห่ำท่วมท้นจนมิด
ผืนแผ่นดินในบริเวณนั้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมฆแปดทิศทางบุบสลาย!
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้น หากว่าอยู่ในอาณาจักรต้าเซี่ย ต่อให้เป็นผู้อาวุโสอย่างที่สุดหรือว่าเป็นตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นสมบูรณ์ที่เยี่ยมยอดที่สุดในตอนนี้ก็ยังคงถูกฉีกเป็นชิ้นย่อยในชั่วพริบตาเช่นกัน!
ซูอี้รู้สึกกดดันเพิ่มมากขึ้น
ทว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ ความกระหายในการต่อสู้ของเขาก็ยิ่งทวีเพิ่มขึ้น เลือดในตัวราวกับถูกแผดเผา ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความสบายที่รอคอยมานาน
กลิ่นอายของอันตราย แรงกดดันที่พุ่งเข้าหา อันตรายที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บตลอดเวลาเหล่านั้น… สำหรับซูอี้ในเวลานี้แล้ว คล้ายกับสุราชั้นเลิศรสชาติเข้มข้นอย่างที่สุด
ยิ่งดื่มก็ยิ่งนุ่ม ยิ่งดื่มก็ยิ่งมีความสุข
วิถีดาบ คือวิถีแห่งการฆ่าอันร้ายกาจที่สุดในโลก
ด้วยเหตุนี้ ตลอดชั่วชีวิตของนักดาบจึงไม่เคยขาดแคลนการต่อสู้ระหว่างความเป็นกับความตาย และไม่เคยขาดแคลนการฝึกฝนระหว่างเลือดกับไฟ!
นานมากแล้วที่ซูอี้ไม่ได้ลิ้มรสชาติของอันตราย เสี่ยงต่อชีวิต และการได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นรู้สึกทนเหน็บหนาวไม่ไหวเมื่อขึ้นมาเป็นหนึ่ง อยากจะขอให้แพ้สักครั้ง
การต่อสู้ในครั้งนี้ ยิ่งอันตรายมาก กลับยิ่งทำให้ซูอี้ตั้งความหวังไว้สูง
คนรอบกายต่างก็รู้ว่า เขาฝึกฝนด้วยความเพียรพยายามอย่างที่สุด และใช้ชีวิตประจำวันเกียจคร้านอย่างที่สุด
แต่แทบไม่มีใครรู้เลยว่า ลึก ๆ แล้ว เขา ซูเสวียนจวิน ยังคงเป็นคนที่ชอบต่อสู้มากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อชาติก่อน เคยออกเดินทางไปทั่วแดนดิน เพียงเพื่อจะหาคนที่สามารถต่อสู้ด้วยได้!
ในการต่อสู้ฆ่าฟัน เขามีท่าทีบ้าระห่ำ มีวิธีการมากมายหลายแบบ
เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ
เพลงดาบสุดปรีดี
วิชานิพพานดับสายฟ้าอัสนี…
จนท้ายที่สุด เบญจธาตุ หยินหยาง และลมกับสายฟ้าอัสนีซึ่งเป็นจังหวะวิถีระดับสุดยอดทั้งสามก็มีพร้อมในตัว ถูกเขาหลอมรวมเข้าไปในเคล็ดวิชาที่แตกต่างกันออกไปและแสดงออกมา
มองไปไกล ๆ ถึงแม้เขาคนเดียวถูกโอบล้อมอย่างแน่นหนา มีแต่อันตรายรอบด้าน ทว่าสามารถหลบเลี่ยงไปได้ทุกครั้ง หลบการโจมตีถึงแก่ชีวิตได้อย่างหวุดหวิด!
คน ๆ เดียวสู้รบกับศัตรูสิบด้าน ยิ่งรบก็ยิ่งอาจหาญ ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นทำให้ผู้ที่มองดูการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ล้วนตะลึงจนอ้าปากตาค้าง ตื่นตระหนกซ้ำแล้วซ้ำอีก
ไม่อาจคาดคิดได้เลยว่า ซูอี้ผู้ที่เพิ่งมีระดับการฝึกตนในขอบเขตรวบรวมดาราคาจะมีพลังที่ร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้!