บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 562 พวกเจ้าเปรียบดั่งมดปลวก
ตอนที่ 562: พวกเจ้าเปรียบดั่งมดปลวก
ตอนที่ 562: พวกเจ้าเปรียบดั่งมดปลวก
ใต้ผืนนภา บนแท่นจุติเทียนเต๋า
สถานการณ์การรบดุเดือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นสงครามที่ควรค่าแก่การบันทึกเข้าไปในประวัติศาสตร์ต้าเซี่ยเลยทีเดียว
คนหนุ่มขอบเขตรวบรวมดารา ต่อสู้เพียงลำพังกับผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณขอบเขตดาราเก้าคน เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
อย่าว่าแต่ยุคสมัยนี้เลย ต่อให้เป็นมหาทวีปคังชิงเมื่อสามหมื่นปีก่อนที่วิถีปราชญ์กลุ่มเต๋ามีอยู่คณานับ ก็ไม่เคยมีศึกเช่นนี้มาก่อน!
ผู้ที่คอยรับชมศึกนี้ไกล ๆ ตกตะลึงจนสติกระเจิงกันหมด
สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่ซูอี้คนเดียว
เมื่อได้เห็นเขาตกอยู่ในวงล้อมหฤโหด ทว่าความเกรียงไกรไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งต่อสู้ยิ่งองอาจ ความเกรียงไกรที่ชนะสิบทิศ พร้อมกวาดล้างทั้งใต้หล้าสะท้านใจทุกผู้ทุกคน
“พลังรบระดับนี้ ต่อให้ท้ายที่สุดพ่ายแพ้ ก็ถือว่าไร้ผู้ใดทัดเทียมในโลกนี้แล้ว…”
หลวงจีนเฉินลวี่ลอบถอนหายใจ
เขาพลันตระหนักได้ว่าการตัดสินใจปฏิเสธไม่ให้ซูอี้เข้าร่วมพันธมิตรของพวกเขาเป็นความผิดมหันต์
อย่างไรเสีย ด้วยพลังรบที่ซูอี้แสดงให้เห็นในตอนนี้ หากได้ร่วมมือกับผู้เก่งกล้ายุคปัจจุบัน จะต้องกังวลไปไยว่าต้องต่อกรกับพวกหวนเฉ่าโหยวอย่างไร
“ที่แท้ เขาแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้วหรือนี่!”
หลี่หานเติงกำหมัดแน่น หน้าตาอึมครึมถึงขีดสุด ทว่าแท้จริงแล้วนึกโชคดีในใจ
สองคืนก่อน ซูอี้เคยท้าทายอยู่หลายครั้ง หมายให้เขาลงมือ ครานั้นหลี่หานเติงยังไม่เข้าใจเท่าไร ว่าซูอี้เอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงได้ท้าทายผู้แกร่งขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณอย่างตน
แต่ท้ายที่สุด เขาก็อดกลั้นไว้ไม่ได้ลงมือ
และตอนนี้ หลังได้ประจักษ์พลังรบสะท้านฟ้าของซูอี้แล้ว หลี่หานเติงก็ตกใจจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้ และตระหนักได้ว่าหากคืนนั้นเขาลงมือไป คนตายต้องเป็นตัวเองแน่แท้!
จะไม่ให้หลี่หานเติงรู้สึกโชคดีได้อย่างไร
“เจ้ากู่ชางหนิงต่างหากที่ฉลาดที่สุด…”
อวี่เหวินซู่และเจียงหลีคิดขึ้นมาพร้อมกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งกู่ชางหนิงปฏิเสธร่วมมือกับพวกหวนเฉ่าโหยว พวกเขาทุกคนล้วนรู้สึกถึงความผิดปกติและไม่เข้าใจ
แต่ตอนนี้กลับต้องยอมรับว่า การตัดสินใจของกู่ชางหนิงช่างหลักแหลมนัก
“เจ้าพูดถูก ซูอี้ผู้นี้เป็นตัวตนที่น่ากลัวมากจริง ๆ สมัยก่อนเจ้าเคยเห็นขอบเขตรวบรวมดาราที่แกร่งกล้าปานนี้รึ?”
ฉือเจี่ยนซู่ส่งกระแสปราณถามอย่างอดไม่ได้
ร่างของหญิงรูปงามก็พลันสะท้านจนสายตาพร่าเลือน
“อย่าว่าแต่เคยเห็นเลย ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินด้วยซ้ำ…”
เฉิงผูพึมพำ “เจ้าเองก็รู้ ท่านตาของข้าถูกขนานนามว่าราชันย์มารสวนกู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าชันย์แห่งคังชิง มวยหมัดชนะสิบทิศ ชื่อเสียงเกรียงไกรไปทั่วหล้า แต่จากที่ข้ารู้ เมื่อครั้งท่านอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา ก็ไม่ได้แข็งแกร่งดั่งซูอี้…”
ซูอี้ซึ่งอยู่ระหว่างการต่อสู้ ใช้เพียงกำปั้นของตัวเอง ไม่ได้ใช้ศาสตราวุธใด ๆ
ภาพนี้สร้างความสะท้านให้เฉิงผูมากที่สุด
เพราะตัวเขาเองเป็นผู้ฝึกกาย สืบทอดวิชาจากท่านตาของเขา ราชันย์มารสวนกู่ และเสาะหาวิชาหมัดมวยสุดแกร่ง
แต่เมื่อเทียบกับซูอี้ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือท่านปู่ของเขาเมื่อครั้งยังอยู่ขอบเขตรวบรวมดารา เมื่อเทียบแล้วจะเห็นว่าด้อยกว่ากันมาก!
“เฉียนอวิ๋น บรรพบุรุษที่เจ้านับถือช่างเก่งกล้าจริง ๆ…”
ห่างออกไปไกลโพ้น สีหน้าของโต้วโค่วเลื่อนลอย นางเอ่ยเสียงพึมพำโดยไม่รู้ตัว
พวกเหมยเหยียนไป๋ต่างก็มีสีหน้าตะลึงระคนประหลาด
มุมปากของเฉียนอวิ๋นกระตุกอย่างแรง หน้าแดงก่ำ แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
เรื่องราวเล็ก ๆ นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ เหวินซินจ้าว เยว่ซือฉาน เก๋อเฉียน ต่างกังวลขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในสายตาพวกเขา ซูอี้ซึ่งตกอยู่ในวงล้อมการโจมตีมีบาดแผลที่ตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ!
“ซูอี้ เจ้าฝืนต่อไปได้ไม่นานหรอก!”
ภายในสนามรบ หวนเฉ่าโหยวตะโกนลั่น เส้นผมสีม่วงของเขาปลิวไสว เขาเร่งพลังดาบวารีไร้ขอบเขต แรงอาฆาตซัดสาด ดุร้ายน่ากลัว
“ทุกท่าน อย่าให้โอกาสเขาได้พักหายใจเด็ดขาด มิฉะนั้น ด้วยความสามารถของคนผู้นี้ เป็นไปได้สูงว่าสถานการณ์จะพลิกผัน”
โม่ซิงเจ๋อเอ่ยเสียงเย็น
ความแข็งแกร่งของซูอี้เกินความคาดหมายของพวกเขาทุกคน และพวกเขายิ่งแน่ใจในการตัดสินใจสังหารซูอี้
ลองคิดดูสิ ซูอี้เพิ่งจะอยู่ขอบเขตรวบรวมดารายังแข็งแกร่งปานนี้
หากเขาได้อยู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเมื่อใด จะมีพลังน่ากลัวเพียงใด?
“ฆ่า!”
ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณทั้งเก้าล้วนมีสีหน้าเย็นยะเยือก พวกเขาเร่งพลังปราณในกาย และใช้สมบัติล้ำค่าถาโถมเข้าไป โดยไม่คิดให้โอกาสซูอี้แต่อย่างใด และหมายจะปลิดชีพเขาเสียเดี๋ยวนี้!
ซูอี้ในเวลานี้มีบาดแผลโชกเลือดอยู่เต็มตัว ทั้งไหล่ หน้าอก แผ่นหลัง แขน… แม้จะเป็นอาการบาดเจ็บเพียงภายนอกเท่านั้น ทว่าดูแล้วชวนผวายิ่ง
แต่สายตาลึกล้ำคู่นั้นของเขาวาวโรจน์ พลังปราณลุกโชนดั่งไฟ ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังน่าสะพรึงยิ่ง
เมื่อประจันหน้ากับศัตรูเก่งกาจเป็นกลุ่ม แขนเสื้อกว้างของเขาพลิ้วไสว จากนั้นก็ใช้เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุเข้ากำราบ
ตูม!!
ผืนฟ้าอลหม่าน ฟ้าดินมืดมัว
ความสยดสยองของการโจมตีนี้ ทลายหมอกเมฆในรัศมีพันจั้งจนแหลกลาญ พลังมหาศาลนั้นโถมทับกระจัดกระจายออกไป ประหนึ่งพายุกระหน่ำ พื้นดินถูกบดขยี้เป็นรอยร้าวมากมาย เศษหินดินทรายปลิวว่อน
ท่ามกลางม่านหมอกเศษฝุ่น ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณทั้งเก้าร่างกายเอนไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าร่างของซูอี้กลับทรุดฮวบ แทบร่วงลงจากกลางอากาศ บาดแผลบนตัวเพิ่มขึ้นอีกมาก เลือดสาดกระจาย
ภาพนี้ส่งผลให้ผู้รับชมศึกจากระยะไกลเริ่มหวั่นใจกันหมด
“ซูอี้ ยอมโดนจับแต่โดยดีเสียเถิด!”
หวนเฉ่าโหยวตะโกน ท่าทางคล้ายปีศาจคลุ้มคลั่ง โอหังเหนือผู้ใด
บาดแผลบนตัวซูอี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เขาและเหล่าผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณลำพองใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคิดว่าซูอี้หมดทางต่อสู้แล้ว
“ยอมโดนจับอย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้เงยหน้า พลางหัวเราะยาว “เอาเถิด ข้าจะให้พวกเจ้าได้ประจักษ์ถึงพลังที่แท้จริงของข้าผู้นี้”
เคร้ง!
ท่ามกลางเสียงใสกังวาน ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าปรากฏขึ้นในมือซูอี้ ตัวดาบดั่งหมึกเปล่งประกายเต๋าเลือนราง
ชั่วขณะนั้น พลังปราณอันลุกโชนล้วนหลอมเข้าไปในดาบเล่มนั้น ทะยานอยู่ระหว่างฟ้าดิน!
ดวงตาของเขาลึกล้ำและสงบ ไม่โศกเศร้า ไม่ปีติ ดั่งสายน้ำโบราณอันเรียบนิ่ง
พริบตานั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้รับชมศึกจากระยะไกล หรือพวกหวนเฉ่าโหยว ล้วนรับรู้ได้ด้วยปฏิภาณว่าพลังในตัวซูอี้เปลี่ยนไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
หากเป็นเขาเมื่อก่อน ทั้งยโสโอหัง และเกรียงไกรไม่ยอมผู้ใด
ทว่าชายหนุ่มในเวลานี้ ประหนึ่งเทพเทวาผู้อยู่เหนือปวงมนุษย์ มีดาบเล่มนี้ในมือ ให้ความรู้สึกเกรียงไกรไร้ใครเทียมในปฐพีอยู่ราง ๆ
“นี่มัน…”
ผู้รับชมศึกระยะไกลต่างสูดปาก
“ลงมือเร็วเข้า ฆ่าเขา!”
หวนเฉ่าโหยวตะโกนลั่น เสียงของเขายังดังอยู่ ขณะที่ในมือสะบัดดาบวารีไร้ขอบเขตเข้าฟาดฟันซูอี้
ตู้ม!
แทบจะในเวลาเดียวกัน ตัวตนจากยุคโบราณคนอื่น ๆ ก็เร่งศาสตราวุธตัวเอง และบุกเข้ามาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
พลังปราณวิญญาณอันน่ากลัวมากมายถาโถมปกคลุมเข้ามาหาซูอี้จากทั่วสารทิศ แสงรัศมีสะท้านฟ้า เสียงแห่งเต๋าสะท้านปฐพี
“เมื่อข้าขยับดาบ พวกเจ้า… ก็เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น!”
ซูอี้ส่ายหัวเล็กน้อย
เคร้ง!
เขายืดร่าง แขนเสื้อโบกไสว คล้อยตามการหมุนไปมาของข้อมือ ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าฟาดฟันออกมา
บนกลางอากาศ ปราณดาบร่วงหล่นดั่งดวงดารา ยิ่งใหญ่อลังการ เกิดเป็นพลังเดือดดาลถาโถมเข้ามาจากทั่วสารทิศ!
ดาบตวัดเกี่ยวดาราทลายปฐพี
ด้วยพลังขอบเขตรวบรวมดาราของซูอี้ พลานุภาพวิถีดาบอย่างแท้จริงที่เขาแสดงให้เห็นขณะนี้ ย่อมเหนือล้ำยิ่งกว่าที่เคยแสดงก่อนหน้านัก
และก็ได้เห็น…
ตู้ม!
ปฐพีสะเทือน สุริยันจันทราพลันสิ้นแสง
การรวมพลังโจมตีของผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณทั้งเก้าล้วนถูกปราณดาบดุดันนั้นทลายบดขยี้ ฟ้าดินผืนนั้นตกสู่ความโกลาหลเดือดดาล
วิชาลับซึ่งมีอานุภาพสูงเกินหยั่งมากมายสลายใต้การบดขยี้จากปราณดาบ
สมบัติล้ำค่าอันทรงพลังชิ้นแล้วชิ้นเล่า โดนแรงสะเทือนจนส่งเสียงกู่ร้องสะท้านฟ้าพร้อมกระเด็นออกไป
หวนเฉ่าโหยวและพวกร่างกายเอนไหวอย่างแรง เมื่อโดนการโจมตีจนถอยออกไปหลายก้าวอยู่กลางอากาศ วงล้อมแทบแตกออกจากกัน
เพียงดาบเดียวก็พลิกสถานการณ์ได้!
วิถีดาบน่าสะพรึงที่คล้ายแย่งชิงโอกาสวาสนาทั้งแผ่นดินของซูอี้นั้นเล่นเอาทุกคนในที่นี้สะท้านกันหมด
ผู้รับชมศึกจากระยะไกลต่างก็ตาโตอ้าปากค้างอย่างอดไม่ได้ ตะลึงงันกันหมด
นี่หรือคือ… พลังที่แท้จริงของซูอี้?
ก่อนหน้านี้… ที่ซูอี้ต่อสู้เพียงลำพังกับทุกคนได้ก็เล่นเอาทุกคนอึ้งมากแล้ว จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าเหตุใดพลังของเขาถึงสะท้านโลกาได้เพียงนี้
ทว่าเมื่อซูอี้ชักดาบ เผยความสามารถวิถีดาบของเขา ผู้คนถึงตระหนักได้โดยฉับพลันว่าจวบจนบัดนี้ ซูอี้เพิ่งจะเผยพลังที่แท้จริงออกมา!
“เดิมข้าเฝ้ารอศึกนี้มาก อยากพ่ายแพ้ดูสักครา แต่ดูแล้วพวกเจ้าเป็นเพียงหินฝนดาบเท่านั้น”
ซูอี้ลูบไล้ตัวดาบด้วยนิ้วเบา ๆ พร้อมถอนหายใจ
เสียงนั้นเจือแววเสียดาย
“อวดดีนัก!”
ท่ามกลางเสียงคำรามลั่น ชายชุดเพลิงเร่งระฆังเต๋า บุกเข้ามากลางอากาศ
เคร้ง!!
ระฆังสั่นสะเทือน คลื่นเสียงสีทองถาโถมเข้ามาดั่งมหาสมุทรอันดุดัน สะท้านปฐพี
“โอหังอย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้ยิ้ม ก่อนจะแทงดาบออกไป
เพียงดาบเดียวง่าย ๆ กลับให้ความรู้สึกทะลุทะลวง ไม่อาจหยุดยั้ง
ตูม!
คลื่นเสียงสีทองระเบิดออกดั่งพลุ
ท่ามกลางฝนแสง พลังดาบนี้ของซูอี้แทงเข้าใส่ระฆังเต๋าของชายชุดเพลิง
สมบัติล้ำค่าส่งเสียงโหยหวน กระเด็นออกไปอย่างแรง รอยดาบปรากฏอยู่ที่พื้นผิว ชวนสยดสยองยิ่ง
ชายชุดเพลิงกระอักเลือด ใบหน้าซีดเผือด
หากไม่ใช่ว่าในช่วงเวลาวิกฤต ไพ่ตายช่วยชีวิตที่เขาพกติดตัวแสดงพลัง ลำพังปราณดาบนั้นก็ทำลายร่างกายของเขาได้แล้ว!
พวกหวนเฉ่าโหยวมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ช่างเป็นพลังวิถีดาบที่น่ากลัวเหลือเกิน!
“ฆ่า!”
พวกเขาไม่กล้าละล้าละลัง รวมพลังกันด้วยกำลังทั้งหมดของพวกเขา
ฟึ่บ!
หวนเฉ่าโหยวเร่งพลังดาบวารีไร้ขอบเขต ปล่อยลำแสงดาบสีม่วงแวววาวยาวร้อยจั้ง ฟาดฟันไปทางซูอี้จากกลางอากาศ ลำแสงดาบไม่ทันไปถึง ปราณดาบซึ่งผ่าผืนฟ้าก็แทงตาของผู้รับชมศึกที่อยู่ไกล ๆ จนปวดแสบปวดร้อน
เกือบจะในเวลาเดียวกัน การโจมตีของพวกโม่ซิงเจ๋อก็พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง
ร่างของซูอี้วูบไหว
ฟึ่บ!
เขาใช้วิชาหลบหนีทะยานเวหา ร่างกายผสานกับจังหวะวิถีแห่งลมขั้นสมบูรณ์จนเปรียบเสมือนสายควัน เปล่งแสงแวววับอยู่ในสนามรบ หลบหลีกการรุมล้อมโจมตีอันรุนแรงได้อย่างง่ายดาย
“ตาย!”
ทันใดนั้น ร่างของซูอี้ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าชายชุดเพลิงฉับพลัน
แสงดาบส่องประกาย
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ คนผู้นี้บาดเจ็บหนักจากดาบของซูอี้ เมื่อดาบนี้ของซูอี้ฟาดฟันลงมา เจ้าตัวไม่มีเวลาหลบหลีกด้วยซ้ำ ต่อมาร่างก็โดนฟันด้วยดาบนั้นประหนึ่งเต้าหู้ที่โดนหั่น ถูกตัดฉับเป็นสองท่อน แม้แต่จิตวิญญาณของเขายังโดนพลังดาบอันรุนแรงถึงขีดสุดนั้นบ่อนทำลาย
ตอนนั้นเองโลหิตก็ได้หลั่งไหลลงมาจากร่างที่แยกเป็นสองท่อนของชายชุดเพลิง
ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณผู้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณถูกดาบนี้ปลิดชีพ!
ทุกคนล้วนตะลึงกับฉากนองเลือดแสนน่ากลัวนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
การต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ชายชุดเพลิงกลายเป็นตัวตนแรกที่ตายลง!
และนี่ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!!