บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 571 ไร้การตอบสนอง
ตอนที่ 571: ไร้การตอบสนอง
ตอนที่ 571: ไร้การตอบสนอง
เฉิงผูไม่อาจยินดีได้อีก ดังนั้นเมื่อเขาเห็นฉือเจี่ยนซู่ยังคงปรีดา ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็อดพูดไม่ได้ “ฉือเจี่ยนซู่ เจ้ายินดีด้วยเหตุใดกัน เหตุใดจึงรู้สึกเยี่ยมยอดนักเล่า?”
ร่างบอบบางของฉือเจี่ยนซู่สั่นไหว จู่ ๆ นางก็หันหลังกลับมามอง เมื่อพบเฉิงผู รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวพลันค้างแข็ง ดวงตาเบิกกว้าง คมกริบดั่งใบมีด “เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด?!”
เมื่อเห็นท่าทางคล้ายแมวโดนจับผิดของนาง เฉิงผูก็แอบรู้สึกรื่นรมย์ในใจเล็กน้อย เขารำพึง “ขออภัย ข้าดับฝันการขึ้นสู่อันดับหนึ่งของเจ้า”
ฉือเจี่ยนซู่ “…”
หญิงสาวไล้เส้นผมสั้นถึงหูของนาง เบิกตากว้าง ประกายตาคมกริบ เมื่อถูกเฉิงผูยั่วแหย่เช่นนี้ นางก็โกรธอย่างเห็นได้ชัด
เฉิงผูที่เห็นจึงรีบร้อนกล่าวว่า “อย่าหุนหันพลันแล่น เราทั้งคู่ไม่ได้ต่างกัน ไม่ใช่อันดับหนึ่ง”
ฉือเจี่ยนซู่อดแปลกใจไม่ได้ นางถาม “ผู้ใดคืออันดับหนึ่ง?”
เฉิงผูยิ้มแห้ง ๆ กล่าวว่า “นอกจากซูอี้จะยังเป็นผู้ใดได้?”
ซูอี้!
นัยน์ตากระจ่างของฉือเจี่ยนซู่หรี่ลงเล็กน้อย ทว่าจากนั้นก็ยิ้มขำอย่างยินดี “งั้นเจ้าก็คือเจ้ารอง ดีแล้ว”
เฉิงผูถลึงตากล่าว “เจ้ารองอันใด มาด่ากันเช่นนี้ได้เช่นไร!”
ฉือเจี่ยนซู่กอดอก สายตาจ้องมองเป้ากางเกงของเฉิงผูราวคมมีด และกล่าวพร้อมรอยยิ้มเยาะ “ข้าไม่เพียงกล้าด่าคน เชื่อหรือไม่ ข้าจะหาโอกาสสับเจ้าโลกเจ้าไปให้สุนัขกิน?”
เฉิงผูพยายามหลบเลี่ยงสายตาของนางอย่างยากเย็น ขาทั้งสองเกร็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เหงื่อผุดบนหน้าผากของเขา ก่อนจะกล่าวว่า “นี่ ท่านป้าน้อย หากไม่เปลี่ยนนิสัยดุร้ายเช่นนี้ ไม่ว่าจะงามเพียงไร ร่างชดช้อยเย้ายวนเพียงไร บุรุษจะเฉาตายเมื่อเห็นเจ้าก่อนนะ”
เมื่อเห็นสีหน้าฉือเจี่ยนซู่ไม่ค่อยดี เฉิงผูก็รีบบ่ายเบี่ยงทันที “เอาล่ะ ข้ามีเรื่องจริงจังมาบอก!”
ฉือเจี่ยนซู่กล่าวอย่างขุ่นเคือง “อันใดอีก?”
เฉิงผูยิ้มเจื่อน ๆ “ครานี้จริงจังจริง ๆ นะ”
ฉือเจี่ยนซู่กล่าว “ว่ามา”
เฉิงผูสูดหายใจลึก ๆ ปรับสีหน้าจริงจังและพูด “เมื่อครู่ ซูอี้ขอให้ข้าช่วย”
สุดท้ายแล้ว เขาก็อดยิ้มกริ่มไม่ได้
ฉือเจี่ยนซู่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นแสดงท่าทีขำขันแล้วกล่าว “เรื่องตลกเยี่ยงปิดทองหน้าตนเองนี่ไม่ตลกเลยนะ”
คนอย่างซูอี้ เขาคนเดียวก็สามารถสังหารหวนเฉ่าโหยวและอีกเก้าผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ ไฉนยังต้องการความช่วยเหลือจากเฉิงผูอีก?
เฉิงผูฉุนเฉียวทันที “นี่จริงนะ! เมื่อครู่ จู่ ๆ ซูอี้ก็มาหาข้าก่อน ขอให้ข้าช่วยดูแลเหวินซินจ้าว…”
เขาสาธยายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
หลังฉือเจี่ยนซู่ฟังจบ นางก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “จริงหรือ?”
เฉิงผูรู้สึกเศร้าในใจ เรื่องที่ซูอี้ขอให้เขาช่วยมันยอมรับไม่ได้เพียงนั้นเลยหรือ?
เขาสูดหายใจลึก และกัดฟันกล่าว “ข้าสาบานด้วยชื่อเสียงปู่ข้าเลย!”
ยามนั้นเอง ฉือเจี่ยนซู่จึงเชื่อว่าเป็นความจริง จากนั้นนางก็แย้มยิ้ม “ก่อนหน้านี้ไฉนเลยข้าจึงไม่เชื่อกันนะ?”
เฉิงผู “…”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในสายตาฉือเจี่ยนซู่ ชื่อเสียงปู่ของเขาอย่างราชันย์มารสวนกู่เชื่อถือได้มากกว่าคำพูดของเขามากโข…
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าวางแผนจะไปถ้ำใต้ดินนั้นหรือ?”
เฉิงผูถาม
ฉือเจี่ยนซู่ส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ล่ะ ข้าเชื่อคำพูดของซูอี้”
เฉิงผูปากกระตุก ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ได้พูดอันใดกับซูอี้เลยใช่หรือไม่? แต่เจ้ากลับเชื่อเขาเช่นนั้น…”
ฉือเจี่ยนซู่กล่าว “คนเราเขาต่างกัน”
ทันใดนั้น หลวงจีนเฉินลวี่ก็ผ่านร้อยแปดขั้นศิลาทดสอบมาเช่นกัน
เฉิงผูและฉือเจี่ยนซู่พลันหยุดพูดคุยแล้วหันไปมองด้วยกัน
“พวกเจ้าสองคนมาเร็วนะ…”
มีความเศร้าเจืออยู่ในแววตาของเฉินลวี่ ทว่ามันจางเสียจนสังเกตไม่ได้
ฉือเจี่ยนซู่กล่าวอย่างเรียบง่าย “หลวงจีนไม่ต้องหดหู่ไปหรอก เขาเป็นที่สอง ข้าคือที่สาม และเจ้าคือที่สี่”
เฉินลวี่ตะลึง พลางยิ้มอย่างขมขื่น “ข้ายังคิดอยู่เลยว่าจะเป็นที่สาม ไม่คิดว่า… ที่แท้จะเป็นเพียงที่สี่…”
เฉิงผูเกือบหลุดหัวเราะ ศิษย์วัดมหาจันทราผู้นี้ดูจะยึดติดกับความแข็งแกร่งอ่อนแอมาก
“แล้ว… ผู้ใดหรือคืออันดับหนึ่ง?”
เฉินลวี่มองไปรอบ ๆ อย่างงุนงงเล็กน้อย
“ซูอี้”
ฉือเจี่ยนซู่กล่าว
“เช่นนี้นี่เอง…” เฉินลวี่แสดงสีหน้าอึ้ง ๆ ทว่ามันก็ไม่น่าแปลกใจ ด้วยความสามารถของซูอี้ มันไม่ยากจริง ๆ ในการผ่านร้อยแปดขั้นศิลาทดสอบ
เฉิงผูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “เฉินลวี่ ศิษย์พี่ซูขอให้ข้าช่วยบางสิ่งเมื่อครู่…”
ทันทีที่กล่าวจบ เฉินลวี่ก็พูดอย่างประหลาดใจ “ช้าก่อน เจ้าบอกว่าสหายเต๋าซูขอให้เจ้าช่วยเหลือหรือ?”
เฉิงผู “…”
ฉือเจี่ยนซู่อดหัวเราะไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าในใจเฉินลวี่ เขาไม่ได้คิดว่าคนเยี่ยงซูอี้จะมาขอให้เฉิงผูช่วย
“สวรรค์ นี่มันน่าตกใจจริง ๆ…”
เฉิงผูถูจมูกทอดถอนใจ “ก่อนหน้านี้ นายน้อยผู้นี้เคยพึงพอใจ คิดว่านี่คือสิ่งที่ควรค่ากล่าวถึง ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้า… ผิดหวังจริง ๆ!”
ฉือเจี่ยนซู่เมินคำพูดติดตลกของเฉิงผูอีกครั้ง และถ่ายทอดวาจาของซูอี้แก่เฉินลวี่โดยตรง
จากนั้น นางจึงกล่าวว่า “เจ้าเลือกไม่เชื่อและเดินต่อลึกเข้าไปในถ้ำก็ย่อมได้ หรือจะเชื่อและหยุดลงที่นี่ สุดแท้แต่เจ้า”
เฉินลวี่เงียบไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “ข้ายังเชื่อในบุคคลเช่นสหายเต๋าซู ในเมื่อจากความเห็นของเขา อันตรายเกินคาดหยั่งซุกซ่อนลึกอยู่ในถ้ำ เราย่อมไม่ควรเดินเข้าปากที่อ้าอยู่”
หัวใจของเฉิงผูยุ่งเหยิงไม่สบายใจขึ้นเรื่อย ๆ ช่างน่าแปลก ซูอี้ไม่เกี่ยวพันอันใดกับเจ้า ไฉนจึงเชื่อคำพูดเขาง่ายนัก?
เหตุใดจึงเชื่อว่าสิ่งที่ข้าพูดมีค่าเพียงเรื่องตลก?
ความต่างระหว่างบุคคลมากมายเพียงนี้เลยหรือ?
ในกาลต่อมา หลี่หานเติง อวี่เหวินซู่ เจียงหลีและคนอื่น ๆ รวมไปถึงเหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉานต่างมารวมกันที่ยอดเขาคนแล้วคนเล่า
จากวาจาของฉือเจี่ยนซู่ พวกเขาต่างรับรู้ถึงที่อยู่ของซูอี้และคำเตือนของเขา
“เหตุใดคุณชายซูจึงไปยังสถานที่โหดร้ายเช่นนั้นลำพังเล่า? มันเสี่ยงเกินไป”
เก๋อเฉียนกังวลมาก
“เจ้าลนลานอันใด ศิษย์พี่ซูไม่เป็นไรหรอก”
เหวินซินจ้าวกล่าวเบา ๆ
นางพูดพลางมองเยว่ซือฉานผู้ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาสงบเงียบไม่เปลี่ยนแปลง
ทว่าจากสัญชาตญาณแห่งสตรีเพศ เหวินซินจ้าวสัมผัสได้ว่าหัวใจของเยว่ซือฉานไม่ได้สงบเช่นภายนอก
นาง… น่าจะเป็นห่วงความปลอดภัยของศิษย์พี่ซูเฉกเช่นเดียวกัน…
เมื่อคิดเช่นนี้ เหวินซินจ้าวก็ลอบทอดถอนใจพลางพูดเบา ๆ “พี่ซือฉาน เช่นนั้นเราจะอยู่ที่นี่รอจนศิษย์พี่ซูกลับมาดีหรือไม่?”
เยว่ซือฉานพยักหน้า
“จากคำพูดของซูอี้ ลึกเข้าไปในถ้ำอาจจะมีอันตรายร้ายแรงรออยู่ ทว่าในขณะเดียวกันก็ยังมีความเป็นไปได้สูงถึงโอกาสสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่เช่นกัน”
จู่ ๆ หลี่หานเติงซึ่งอยู่ไม่ไกลนักก็กล่าวว่า “หากเราฟังวาจาของซูอี้และอยู่ที่นี่ เราก็อาจไม่ได้เผชิญอันตรายใด ทว่าในขณะเดียวกัน เราก็จะไม่ได้รับสิ่งใดเช่นกัน”
ทันทีที่สิ้นคำ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าแตกต่างกันไป
เหวินซินจ้าวขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่ชอบใจ “สหายเต๋าหลี่ เจ้ากำลังเคลือบแคลงสหายเต๋าซูว่าใช้วิธีนี้กีดกันเราไม่ให้เข้าไปแย่งไขว่ขว้าโชคลาภโอกาสกับเขาหรือ?”
หลี่หานเติงตอบยิ้ม ๆ “แม่นางเหวิน อย่าคิดมากเลย ข้าก็แค่พูดเท่านั้น เพราะอย่างไร เราผู้สามารถมายังภูเขาพระสุเมรุได้ แต่เดิมก็เพื่อมองหาโอกาสสัมพันธ์อยู่แล้ว”
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ “ยามนี้ ทุกคนรู้แล้วว่าสถานที่ซึ่งโอกาสซุกซ่อนต้องเป็นที่ถ้ำใต้ดิน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเราหยุดที่นี่ไม่น่าเสียดายแย่หรือ?”
ว่าพลาง เขาก็กวาดตามองทุกผู้ซึ่งอยู่ที่นี่ กล่าวอย่างจริงจัง “ทุกท่าน ในความเห็นข้า ขอเพียงเราร่วมมือกัน เราอาจค้นพบโอกาสบางอย่างในถ้ำใต้ดินก็เป็นได้!”
จากนั้น เขาก็คาดหวังเสียงตอบรับ
ทว่าใครเล่าจะคิดว่าทุกคนต่างดูเฉยเมย ไม่มีผู้ใดตอบกลับ!
บรรยากาศกระอักกระอ่วนเฉียบพลัน
เฉิงผูฉีกยิ้ม ชี้ไปที่ทางเข้าถ้ำห่างออกไป “เชิญเจ้าไปคนเดียวได้เลย ไม่มีผู้ใดหยุดเจ้าหรอก สหายเต๋าซูกล่าวไว้แล้วว่าขึ้นกับทุกคนตัดสินว่าจะเชื่อหรือไม่”
สีหน้าของหลี่หานเติงแข็งค้าง
ฉือเจี่ยนซู่กอดอกเหยียดยิ้ม “ลองคิดอีกแง่ดู ว่าหากเจ้าไปถึงถ้ำใต้ดินและพยายามเก็บเกี่ยวโอกาสโชคลาภจริง ๆ เจ้าจะใช้สิ่งใดไปสู้กับซูอี้?”
วาจาช่างแดกดัน
หลี่หานเติงไม่เคยคาดว่าผู้ร้ายกาจแห่งยุคโบราณทั้งสองจะโต้แย้งเขาเช่นครานี้ ซึ่งทำให้สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดเล็กน้อย
หลังจากใจเย็นลง หลี่หานเติงก็กล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งสองเข้าใจผิดแล้ว ข้าหลี่หานเติงไม่เคยคิดร่วมมือกับพวกเจ้า เพราะถึงอย่างไร ต่างกรรมย่อมต่างวาระ”
ยามนี้ จู่ ๆ เจียงหลีก็กล่าวขึ้น “สหายเต๋าหลี่ แม้ว่าเราจะเป็นพันธมิตรกัน แต่ข้าเชื่อคำพูดของซูอี้และไม่คิดไปหรอก”
อวี่เหวินซู่พยักหน้า จากนั้นจึงกล่าวเสริม “ข้าด้วย”
หัวใจของหลี่หานเติงสั่นไหวจากการแสดงออกของคนทั้งสอง ในที่สุดเขาก็เสตาไปมองหลวงจีนเฉินลวี่ และสบตากับอีกฝ่าย
ก่อนเขาจะทันอ้าปาก เฉินลวี่ก็พนมมือ แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ความเมตตาอยู่เหนือสรรพสิ่ง สหายเต๋าหลี่ หันกลับเข้าฝั่งเถิด”
ทันทีที่คำเหล่านี้ถูกกล่าว หลี่หานเติงก็นิ่งอึ้งสนิท
สีหน้าของเขาแปรผัน เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว หัวใจทั้งอับอายและโกรธเคือง เขารู้สึกเพียงว่าตนเองก่อนหน้านี้ช่างคล้ายเล่นละครลิง อายเสียจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
เขาไม่อาจคิดเลยว่าไฉนสัตว์ประหลาดมากฝีมือเช่นเฉิงผูและฉือเจี่ยนซู่จึงเลือกเชื่อใจซูอี้
ที่เกินคาดกว่านั้นคือเหล่าผู้เก่งกล้ายุคปัจจุบันเช่นหลวงจีนเฉินลวี่ยังเต็มใจล่าถอยการสำรวจหาโอกาสด้วยเช่นกัน
ทั้งความดูแคลนและแดกดันของเฉิงผูกับฉือเจี่ยนซู่ และการที่พวกเจียงหลี อวี่เหวินซู่ เฉินลวี่ต่างปฏิเสธโดยไม่ลังเล การโจมตีจุดตายต่อเนื่องเช่นนี้ส่งผลกระทบหนักต่อความนับถือตนเองของหลี่หานเติงจนอึ้งไป
จะเป็นเช่นนี้ได้เช่นไร?
พวกเขาเหล่านี้ตกสู่แผนชั่วของซูอี้หรือไร?
หลี่หานเติงเปลี่ยนความอับอายเป็นโทสะ ดวงตากวาดมองเหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ และจู่ ๆ หัวใจของเขาก็ขยับไหว
เขาถ่ายทอดเสียงสู่หลวงจีนเฉินลวี่ กล่าวว่า “สหายเต๋า ข้าก็ตระหนักถึงความกังวลของเจ้า ทว่ายามนี้ข้ามีความคิดดี ๆ อย่างหนึ่ง ขอเพียงใช้วิธีนี้ เมื่อซูอี้รอดกลับมาจากถ้ำใต้ดิน เราจะสามารถตรึงเขาไว้ได้อย่างไม่ต้องลงแรง!”
ดวงตาของเฉินลวี่หรี่ลงเงียบ ๆ จากนั้นจึงหันมองหลี่หานเติงด้วยเวทนา ก่อนกล่าวว่า “สหายเต๋าหลี่ หากสหายเต๋าหมายถึงการใช้พวกเหวินซินจ้าวมาข่มขู่ วิธีการเช่นนี้ใช้ไม่ได้หรอก ถือตนมากเกินไป ข้าแนะนำให้ทิ้งความคิดนี้เสีย หาไม่ เฉิงผูจะเป็นบุคคลแรกที่ไม่ยกโทษให้เจ้า”
“เฉิงผู?!”
หลี่หานเติงพลันเปลี่ยนสีหน้า และหันไปมองเฉิงผูผู้อยู่ไม่ไกลโดยไม่ทันคิด
เขาพบเฉิงผูยืนมองเขาด้วยสีหน้าท่าทางขี้เล่น
ยามนี้เอง หลี่หานเติงตัวสั่น มือเท้าเย็นเฉียบ!