บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 574 เมื่อหนึ่งดาบฟาดฟัน หัวก็กลิ้งบนพื้น
ตอนที่ 574: เมื่อหนึ่งดาบฟาดฟัน หัวก็กลิ้งบนพื้น
ตอนที่ 574: เมื่อหนึ่งดาบฟาดฟัน หัวก็กลิ้งบนพื้น
ขณะกล่าว ซูอี้ก็มองดาบขจีบริสุทธิ์จากระยะไกล
ปราณดาบไพศาลไร้ขอบเขตถูกจิตสัมผัสของซูอี้ตรวจจับได้จากดาบขจีบริสุทธิ์
ยามนี้ วิถีดาบของซูอี้ถูกเปิดเผย
มันทำให้กระทั่งวิญญาณในดาบเก้าคุมขังอันเงียบงันสั่นไหวได้เล็กน้อย ราวกับกำลังสั่นพ้อง
เคร้ง!
สูงขึ้นไปเหนือนภา ดาบขจีบริสุทธิ์ขึ้นสนิมด่างดำส่งเสียงครวญกังวานใส
ชายผู้นี้จบสิ้นแล้ว!
เมื่อเห็นภาพทั้งมวล เยี่ยนจิงอวิ๋นและคนอื่น ๆ ต่างสูดหายใจเฮือก ยามนี้อำนาจจากดาบขจีบริสุทธิ์ทำให้พวกเขารู้สึกหายใจลำบากแม้จะมองจากระยะไกล
รัศมีดาบนั้นแข็งแกร่ง ความน่ากลัวไร้ขอบเขต ทำให้พวกเขาหวาดกลัว
ชายชราชุดขาวและชายในอาภรณ์สีเลือดต่างสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
พวกเขาตระหนักว่าหากเป็นตนไปรับมือดาบขจีบริสุทธิ์เมื่อครู่ อำนาจของดาบนี้จะทำให้พวกตนสาหัส!
อำนาจดาบระดับนี้ ซูอี้ซึ่งอยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราจะต้านไหวเช่นไร?
ชิ้ง!
ดาบขจีบริสุทธิ์บนฟ้าทะยานราวสายรุ้งสีครามทอดจากผืนนภาสู่ซูอี้ท่ามกลางทุกสายตา
ทว่าพริบตาต่อมา สีหน้าของพวกเยี่ยนจิงอวิ๋นก็ตะลึงค้าง
ในคลองจักษุของพวกเขา ซูอี้ยังคงยืนที่เดิม ไร้รอยขีดข่วน
ทว่าดาบขจีบริสุทธิ์ที่ฟันเข้าใส่ซูอี้กลับดูราวนกนางแอ่นคืนรัง คราแรกมันเหินอย่างสุขใจรอบกายซูอี้สองสามหน จากนั้นปลายดาบก็ชี้ออกด้านนอก กลับด้านฝั่งด้ามจับเข้าหา และร่วงใส่มือขวาที่ยื่นมาเบื้องหน้าของซูอี้
เงาดาบวูบวาบและปราณดาบน่าสะพรึงกลัวอันเติมเต็มนภาราวหิมะเหมันต์สลายไปเงียบ ๆ
บรรยากาศเงียบกริบกะทันหัน ไร้สำเนียงวจีใด
ดวงตาของเยี่ยนจิงอวิ๋นเบิกกว้าง มือกำเข้าหากันแน่น นี่… เป็นไปได้เช่นไร!?
ก่อนหน้านี้เขาจิกกัดล้อเลียน เห็นการกระทำของซูอี้ไม่ต่างจากเดินสู่ความตาย ทว่าไม่เคยคาดฝันว่าภาพอันน่าเหลือเชื่อนี้จะปรากฏให้เขานิ่งค้าง
ม่านตาของจิงหลิงเจินหดตัว ใบหน้าตกตะลึงพรึงเพริด
ต่อให้ต้องคิดหัวแทบแตก เขาก็ไม่เคยคิดฝันว่าซูอี้ผู้ซึ่งเขามองว่ากำลังจะตายตก …ไม่เพียงไร้รอยขีดข่วน อีกฝ่ายยังทำเพียงยืนเฉย ๆ แล้วดาบขจีบริสุทธิ์ก็ส่งตัวเองถึงมืออย่างว่าง่าย!!
นี่มันเหลือเชื่อโดยแท้!
ชายชราชุดขาวและชายในอาภรณ์สีเลือดมองหน้ากัน สีหน้าหม่นหมองไม่แน่ใจ หัวใจพลิกกลับไปมารุนแรง
ทั้งสองต่างตะลึงกับภาพที่เห็น เมื่อพวกเขาคิดว่าพวกตนได้ขู่สังหารซูอี้ไปก่อนหน้านี้ ใบหน้าของพวกเขาก็ร้อนผ่าวไม่สบายราวถูกเหยียบ
ช่างน่าละอาย
ไร้สงคราม ไร้จังหวะพลิกผัน ซูอี้แค่ยืนเฉย ๆ และดาบขจีบริสุทธิ์ก็ชิงก้มหัวศิโรราบ!
ในสนามประลอง ดวงตาของซูอี้ฉายประกายโล่งอก ปลายนิ้วมือของเขาไล้ไปบนดาบขจีบริสุทธิ์พลางกล่าวเบา ๆ “เจ้าช่างฉลาดนัก หากเปลี่ยนเป็นในอดีต แม้เจ้าจะขอร้องข้า… เจ้าก็ไม่มีทางได้โอกาสติดตามข้าไปฝึกฝนเป็นแน่”
ดาบขจีบริสุทธิ์สั่นไหวเล็กน้อย ดูลิงโลดปรีดา
“ซูอี้!” ทันใดนั้น เสียงของเยี่ยนจิงอวิ๋นก็ก้องมาจากไกล ๆ
ซูอี้หันกลับไปมอง
เมื่อเห็น สีหน้าของเยี่ยนจิงอวิ๋นมืดทะมึนไม่แน่ใจ เขากล่าวว่า “เจ้า… ทำได้อย่างไร?”
ทุกคนต่างมองซูอี้และดาบขจีบริสุทธิ์ที่ร่วงลงบนฝ่ามือ ต่างคนต่างสีหน้าดูไม่ได้ยิ่งขึ้น
ในห้าวันที่ผ่านมา พวกเขาใช้สารพัดวิธีการและทุ่มสุดตัวเพื่อปราบดาบขจีบริสุทธิ์เล่มนี้หลายต่อหลายหน ทว่าไม่เคยสำเร็จแม้เพียงครั้ง
ใครเล่าจะคิดว่าชายหนุ่มในขอบเขตรวบรวมดารา ซูอี้ผู้เพิ่งมาถึงสนามประลองจะได้รับการยอมรับจากดาบขจีบริสุทธิ์อย่างง่ายดายเพียงนี้!
ความตาลปัตรนี้ชัดเจนเกินไป ทำให้พวกเขาหดหู่ใจเสียจนแทบกระอักเลือด สีหน้าจะยังดีอยู่ได้เช่นไร
“บางทีดาบวิญญาณเล่มนี้คงสัมผัสได้ว่ามีเพียงข้า ซูผู้นี้ที่ทำให้มันยอมจำนนได้กระมัง?”
ซูอี้กล่าวลอย ๆ
“เจ้าจะบอกว่าพวกเราไม่มีคุณสมบัติหรือไร?”
เยี่ยนจิงอวิ๋นขมวดคิ้ว
“ถูกต้อง โกรธไปก็ไร้ประโยชน์”
ซูอี้กล่าว ดวงตาของเขาจับจ้องประตูสำริดที่ปิดอยู่ไกล ๆ สัมผัสพลังของดาบขจีบริสุทธิ์ในมือ และเข้าใจแล้วว่าดาบนี้คือ ‘กุญแจ’ เปิดประตู!
ขอเพียงได้มันมา ก็จะสามารถเดินเข้าประตูได้อย่างง่ายดาย
หาไม่ ต่อให้ผู้อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิมา เขาก็จะถูกกันไม่ให้เข้าจากด้านนอกอยู่ดี
ณ ยามนั้น ชายในอาภรณ์สีโลหิตพลันกล่าวขึ้นด้วยเสียงลุ่มลึก “พ่อหนุ่ม หากเจ้ายินยอมส่งดาบขจีบริสุทธิ์ในมือเจ้ามา ข้ารับประกันได้ว่าหลังเข้าสู่ประตูจองจำไป เจ้าจะได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ หาไม่เกรงว่าสุสานนี้จะได้เพิ่มหลุมศพอีกหลุม!”
เสียงนั้นเย็นชาขวนขนลุก
ทันทีที่คำเหล่านี้ถูกเอื้อนเอ่ย เยี่ยนจิงอวิ๋น ชายชราชุดขาวและจิงหลิงเจินต่างมองไปทางซูอี้
พวกเขาย่อมไม่เต็มใจให้ซูอี้ได้ดาบขจีบริสุทธิ์ไป
“นี่มันจะปล้นกันหรือไร?”
ซูอี้ถาม
“ศึกชิงโอกาสโชคลาภเป็นเช่นนี้เสมอ ยามเมื่อเจ้าได้ดาบไป ก็ไม่จำเป็นว่าสุดท้ายมันจะเป็นของเจ้า” ชายในอาภรณ์สีเลือดกล่าวอย่างเย็นชา “นอกเหนือจากนั้น หากก่อนหน้านี้ข้าไม่มอบโอกาสให้เจ้า เจ้าจะได้รับการยอมรับจากดาบนี้ได้เช่นไร??”
ซูอี้ยิ้มขำพลางมองไปทางพวกเยี่ยนจิงอวิ๋น “ข้ารู้อยู่นานแล้วว่าพวกเจ้าคงไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ ทว่า…”
เขายกดาบขจีบริสุทธิ์ในมือ พลางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าทั้งสองยังหยุดดาบนี้ไม่ได้ และยามนี้… พวกเจ้าไม่กลัวข้าสังหารทิ้งด้วยดาบนี้หรือไร?”
ยามนี้ ชายชราชุดขาวอดกล่าวขึ้นยิ้ม ๆ ไม่ได้ “พ่อหนุ่ม อย่าโอหังเกินไปนัก ก่อนหน้านี้เราได้ประมือกับดาบนี้มาหลายหน เราจะไม่รู้ได้เช่นไรว่ามันเสียหายหนักและเกือบหมดสิ้นพลัง ดาบเล่มนี้จะไม่สามารถหยิบยืมพลังจากประตูจองจำได้อีก”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเจ้าคิดว่าดาบนี่จะเป็นภัยต่อเราก็คงฝันเฟื่องเกินไป”
น้ำเสียงของเขามีคำดูแคลน
“ซูอี้ เจ้าเห็นสถานการณ์แล้ว มีเพียงการร่วมมือกับเราเท่านั้นที่จะทำให้เจ้ารอดตาย ทั้งยังได้รับโอกาสตามวาสนาในอนาคตอันใกล้ หากเจ้ามัวยึดติดกับมัน เจ้าจะเอาชีวิตไปทิ้งนะ”
เยี่ยนจิงอวิ๋นดูจริงใจ กล่าวอย่างจริงจัง “ฟังคำแนะนำของข้านะ หยุดเถอะ อย่าพลั้งพลาดเลย”
“เจ้าผิดแล้ว แม้จะไม่หยิบยืมพลังจากประตูจองจำ ข้าก็ยังฆ่าเจ้าได้ราวเชือดไก่ฆ่าสุนัข ไร้ความแตกต่าง” ซูอี้ใช้หนึ่งมือถือดาบขจีบริสุทธิ์ จากนั้นก็เดินออกจากสนามประลอง ก่อนจะกล่าวว่า “หากไม่เชื่อข้า ก็เข้ามาลองได้”
ทุกคนต่างประหลาดใจ ไม่เคยคาดว่าซูอี้จะกล้าออกจากสนามประลองไปจริง ๆ!
ในลักษณะนี้ ดาบขจีบริสุทธิ์ในมือของเขาจึงไม่อาจยืมพลังจากประตูจองจำได้อีก และยากจะเป็นภัยต่อพวกเขา!
การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอันใดกับความไร้ปัญญา
มากเสียจนเยี่ยนจิงอวิ๋นและผู้อื่นต่างรู้สึกไม่อยากเชื่อ ชายผู้นี้… ถือตนจนโง่ได้เพียงนี้เลยหรือ!?
“เชือดไก่ฆ่าสุนัข? ข้าคิดว่าเจ้าต่างหากเล่าที่รนหาที่ตาย!”
เสียงของจิงหลิงเจินเย็นเฉียบ และเขาก็เริ่มลงมือ
ชิ้ง!
ร่างผอมสูงของเขาฉับไวเช่นสายฟ้า ในขณะที่ร่างเหินอยู่บนเวหา เขาก็ชักดาบออกจากฝัก ตวัดฟันใส่ซูอี้
หนึ่งดาบพลิ้วไหว ประกายแสงสีเงินกวาดผ่านนภากาศราวธารดาราเคลื่อนคล้อย เผยอำนาจมหาศาลถล่มโลกา
ตู้ม!!
ซูอี้ยกมือ ดาบขจีบริสุทธิ์ทะยานขึ้นสู่นภา สาดแสงพรรณรายเจิดจ้า ปัดป้องดาบอันฟาดฟันเยื้องใกล้
จากนั้น ข้อมือของเขาพลิกบิด ใบดาบสนิมด่างดำของดาบขจีบริสุทธิ์ระเบิดพลังมหาศาลในทันใด ก่อนจะฟาดฟันด้วยเขตแดนมหาดาบเบญจธาตุโต้กลับไป
ตู้ม!!
ปฐพีสะเทือนคำรามก้อง คีรีดาบเบญจธาตุยากยั้งหยุด
ม่านตาของจิงหลิงเจินหดตัว ส่งเสียงตะโกนลั่น ปราณดาบสีเงินฉวัดเฉวียนออกมาจากดาบในมือ
วังวนเงินขาว!
นี่คือไม้ตายที่แท้จริงของจิงหลิงเจิน
ทว่า ในกาลชั่วพริบตา ภายใต้การกดทับจากภูเขาเบญจธาตุ ปราณดาบคล้ายวังวนสีเงินพลันระเบิดเป็นเศษเสี้ยวราวกระดาษ เปลี่ยนเป็นคลื่นคลั่งสาดกระจาย
พริบตาต่อมา ร่างของจิงหลิงเจินก็ถูกกดทับอย่างแรงจนกระแทกสู่พื้นอย่างไร้การควบคุม จากนั้นก็ทรุดลงคุกเข่าตรงหน้าซูอี้อย่างแรง
หนึ่งดาบปราบจิงหลิงเจิน!
ภาพการทำลายล้างนี้ทำให้เยี่ยนจิงอวิ๋นและผู้ชมคนอื่นคางแทบร่วง เหตุใดบุคคลในขอบเขตรวบรวมดาราจึงปราบตัวตนเช่นจิงหลิงเจินได้ง่ายนัก!?
ต้องทราบว่าจิงหลิงเจินเป็นบุคคลระดับสูงสุดในหมู่ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณ และหลังย่างก้าวสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ความแข็งแกร่งของเขาก็เกินเทียบได้กับผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณรุ่นก่อน ๆ!
ทว่ายามนี้…
จิงหลิงเจินกลับทรุดลงคุกเข่าในดาบเดียว!
ใครเล่าจะไม่ประหลาดใจต่อสิ่งนี้?
กระทั่งตัวจิงหลิงเจินเองยังแทบสมองว่าง เมื่อเขาฟื้นสติ ความอัปยศไร้สิ้นสุดก็เอ่อขึ้นในใจ ทำให้ตาถลนหน้าเขียวคล้ำ
“เปิด!”
จิงหลิงเจินคำราม ร่างเปี่ยมพลังแผ่พุ่ง โลหิตเดือดพล่าน เห็นได้ชัดว่าเขาใช้เคล็ดวิชาร้ายกาจบางอย่าง
ทว่าภายใต้การจองจำของเขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ ทุกการดิ้นรนของเขาล้วนเสียแรงเปล่า สมบัติป้องกันตัวที่สวมใส่อยู่ทุกชิ้นสลายแหลกระเบิดเละ
ท้ายที่สุด ร่างของเขาก็ถูกกดลงสู่พื้น ผิวปริแตก กระดูกส่งเสียงฝืด ๆ ราวถูกบีบดังลั่น
“วอนตาย!”
ชายในอาภรณ์สีโลหิตเดือดดาล จากนั้นก็โจมตีโดยไม่ลังเล
ตู้ม!
ร่างของเขาเหินสู่อากาศ ฟาดฝ่ามือใส่ซูอี้พร้อมด้วยรัศมีแสงโหดเหี้ยมสีเลือด
แม้ว่าชายในอาภรณ์สีโลหิตจะเป็นจิตดั้งเดิมในขอบเขตสยายวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบ อำนาจและความแข็งแกร่งของเขาร้ายกาจไร้ขอบเขต สูงล้ำเหนือจิงหลิงเจินมากโข
ทว่ามุมปากของซูอี้กลับยกขึ้น… ทั้งยังเต็มไปด้วยการล้อเลียน!
คราก่อน แม้ยามเผชิญหน้าหวนเฉ่าโหยวและตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณอีกเก้าจนต้องใช้ไม้ตายก้นหีบ เขายังไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว นับประสาอันใดกับคราวนี้?
ซูอี้แทงดาบโดยไม่ลังเล
ฉึก!
ดาบขจีบริสุทธิ์เปล่งแสงสีครามเจิดจ้าเสียดจักษุ ยากจะปัดป้อง
เสียงคำรามสะเทือนหล้าดังขึ้น เรี่ยวแรงมหาศาลของดาบที่กวาดออกเกินยับยั้ง
เมื่อหันมองซูอี้อีกครา ร่างผอมสูงโซเซเล็กน้อย ร่างของเขาอาบโลหิต
“ด้วยผลการฝึกระดับปัจจุบันของข้า อาจต้องทุลักทุเลเล็กน้อยในการปะทะกับผู้อยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณระดับสมบูรณแบบเช่นนี้…”
ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ
“นี่…” ไกลออกไป ทั้งเยี่ยนจิงอวิ๋นชายชราชุดขาวต่างก็ต้องตกใจอีกครั้ง สีหน้าของพวกเขาแปรผันมหันต์ ไม่เคยคิดว่าซูอี้จะหยุดการโจมตีจากชายในอาภรณ์สีโลหิตซึ่งห่างชั้นเกินจินตนาการกับเขาได้!
“เป็นไปได้เช่นไร.. นะ นี่มัน?” ชายชุดแดงก็ตะลึงนิ่ง หน้าตาถมึงทึง
เขาสามารถสังหารผู้ใดก็ตามในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ง่าย ๆ เพียงฟาดหนึ่งฝ่ามือ เหตุใดเจ้าหนุ่มในขอบเขตรวบรวมลมปราณผู้นี้จึงสกัดมันไว้ได้?
ยามนี้เอง…
ซูอี้กล่าวเบา ๆ “งั้นหรือ เจ้ากระทั่งขู่จะตัดหัวข้า คนแซ่ซูผู้นี้? ไม่ดูกำลังตนเอง”
ทันทีที่สิ้นคำ ซูอี้ก็เงื้อดาบฟันลงมา
ฉัวะ!
จิงหลิงเจินผู้ถูกกดกับพื้นอยู่ก่อนไม่อาจหลบหลีกได้ เมื่อหนึ่งดาบฟาดฟัน หัวก็กลิ้งบนพื้น
ดวงตาเหลือกกว้าง!