บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 581 ภาพหญิงงามอาบน้ำ
ตอนที่ 581: ภาพหญิงงามอาบน้ำ
ตอนที่ 581: ภาพหญิงงามอาบน้ำ
ในสายตาของซูอี้ เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงมีคุณประโยชน์สองอย่าง
อย่างแรก นี่คือโอกาสรอดของมหาทวีปคังชิง และขอเพียงฝึกฝนอยู่ในโลกใบนี้ ก็สามารถอาศัยพลังจากเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงดูดซับปราณวิญญาณในโลกหล้าได้ไม่ขาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพลังต้นกำเนิดแห่งคังชิงย้อนกลับมาดูแลมหาทวีปคังชิง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแสงสว่างแห่งโลกกว้าง อาศัยเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงย่อมเพียงพอที่จะแย่ง ‘ชะตาฟ้า’ มาได้!
เพราะเหตุใดกลุ่มปิศาจอสูรที่ร้ายกาจจึงถูกมองว่าเกิดมาพร้อมกับโชคชะตายิ่งใหญ่?
แกนสำคัญก็คือ พรสวรรค์ของพวกเขาผสานเข้ากับมหาวิถีฟ้าดินได้ง่ายยิ่งกว่า ด้วยเหตุนี้จึงได้รับประโยชน์อันเกินคาดคิดระหว่างการฝึกตน!
นอกจากนี้ ในเมื่อถูกเรียกว่าเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงแล้ว ก็ต้องมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงและเติบโต
การที่มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาก็คล้ายกับเมล็ดพันธุ์ที่งอกรากแตกหน่อ เจริญเติบโตอย่างแข็งแรง สุดท้ายจึงเติบโตจนกลายเป็น ‘โลก’ ที่สมบูรณ์!
มองดูมหาทวีปคังชิงในตอนนี้ ความเป็นจริงแล้วก็คือความเปลี่ยนแปลงซึ่งผ่านกาลเวลาอันเนิ่นนานของต้นกำเนิดแห่งคังชิง
และเมื่อสามหมื่นปีก่อน มหาทวีปคังชิงเป็นถึงโลกยิ่งใหญ่ที่เพียงพอจะรองรับตัวตนในวิถีจักรพรรดิได้!
ในฐานะที่เป็นโอกาสรอดของต้นกำเนิดแห่งคังชิง ในช่วงเวลาต่อไปภายภาคหน้า เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงก็สามารถเปลี่ยนแปลงกลายเป็นโลกใบหนึ่งได้เช่นกัน!
โอกาสสัมพันธ์เช่นนี้ ขอบเขตจักรพรรดิคนใดบ้างจะไม่อิจฉา?
แน่นอน ซูอี้ไม่ได้เห็นแก่สิ่งเหล่านี้จนโงหัวไม่ขึ้น
เพราะการจะทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องยากเกินกว่าจะคาดเดา
พลังทั่วไปไม่สามารถกระตุ้นให้เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ มีแต่พลังและสมบัติล้ำค่าที่เทียบเท่ากับระดับขอบเขตจักรพรรดิเท่านั้นจึงสามารถเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้เมล็ดพันธุ์เกิดความเปลี่ยนแปลงได้
นอกเหนือจากนี้ ยังจะต้องทุ่มเทเวลาอันยาวนานในการบ่มเพาะ
ผู้ฝึกตนทั่วไปไหนเลยจะสามารถทำได้ถึงขั้นนี้?
สำหรับซูอี้ในตอนนี้ คุณประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของเมล็ดพันธุ์คังชิงในเวลานี้ก็คือสามารถช่วยส่งเสริมการฝึกตนของเขาเพื่อไปดูดซับปราณวิญญาณของมหาทวีปคังชิง
นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยเสวียนหนิง ศิษย์คนที่เจ็ดของเขากลับสู่หนทางแห่งการฝึกตนอีกครั้ง
เพียงแค่ผนึกจิตวิญญาณของเสวียนหนิงลงในครรภ์อสูร จากนั้นก็เพาะเลี้ยงด้วยเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิง เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เสวียนหนิงสร้างร่างวิถี กลับสู่วิถีฝึกตนได้อีกครั้ง!
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ซูอี้ยินดียอมแบกรับผลต้นและกรรมอันมาจากเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงเมล็ดนี้
“เลือดสามหยดนี้ต่างหากที่กล่าวได้ว่าเป็นผลพลอยได้”
ซูอี้แอบคิด
ครั้งแรกที่เห็นอาคัง เขาก็มองถึงที่มาของสาวน้อยผู้งดงามคนนี้ออกว่านางเป็นวิญญาณน้ำแข็งหยินยะเยือกโดยกำเนิดที่หาพบไม่ได้ง่าย ๆ!
นางควบคุมพลังวิญญาณน้ำแข็งหยินได้โดยกำเนิด มีพรสวรรค์มหาวิถีเป็นอันดับหนึ่ง!
และเลือดของวิญญาณน้ำแข็งหยินยะเยือกโดยกำเนิดก็ได้รับการขนานนามให้เป็น ‘ทองคำโลหิตวิญญาณน้ำแข็ง’ มีคุณประโยชน์ในการชุบชีวิตคนตายสร้างร่างกายใหม่ ใช้สำหรับฝึกฝนพื้นฐานวิถีและมีประโยชน์อันน่าเหลือเชื่อ
ในเก้ามหาแดนดิน ‘ทองคำโลหิตน้ำแข็ง’ ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในโอสถล้ำค่ามหาวิถีระดับสูงสุดยอดด้วยเช่นกัน เป็นของหายาก แม้กระทั่งในสายวิถีระดับสุดยอดก็ยังถือเป็นสมบัติล้ำค่า มีแต่เวลาที่บุคคลสำคัญในสำนักได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายเท่านั้นจึงจะได้ใช้!
ซึ่งสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า หากให้คนในขอบเขตจักรพรรดิมาเจอตัวอาคัง จะต้องไล่ล่าราวกับนางเป็นเหยื่ออย่างแน่นอน
ถึงแม้ซูอี้จะขอเลือดสามหยดของอาคังมา ทว่าได้ตอบแทนนางด้วยวิชาสุดยอดสำหรับตัวตนเช่นนางโดยเฉพาะ การตอบแทนเช่นนี้เกินกว่าที่เลือดสามหยดจะเปรียบเทียบได้
นี่ก็คือวาสนาตามที่ซูอี้ว่า
ด้วยนิสัยของเขา ยังไม่ถึงกับต้องเอาเปรียบผู้หญิงด้วยเรื่องเช่นนี้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ซูอี้ออกจากสมาธิ เขามองไปที่โต้วโค่วแล้วได้แต่ส่ายหน้า พลางกล่าว “ในเมื่อฟื้นแล้ว ก็อย่าแสร้งทำเป็นสลบอีกเลย”
ขนตางอนยาวของโต้วโค่วสั่นเครือ ค่อย ๆ ลุกขึ้นช้า ๆ ความเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยได้รูป ก่อนจะกล่าว “ข้า… ไม่ได้เจตนาจะทำเช่นนี้”
ซูอี้หัวเราะพลางกล่าว “ฝืนใจเช่นนั้นหรือ?”
โต้วโค่วกล่าวเบา ๆ “นิดหน่อย แต่สหายเต๋าซูวางใจได้ บุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ ข้าจะไม่มีวันลืม วันข้างหน้าจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน!”
พูดด้วยเสียงที่หนักแน่นจริงจัง
“เอาล่ะ ข้าช่วยเจ้าเพียงแค่บังเอิญเท่านั้น”
ซูอี้ไหนเลยจะใส่ใจกับการตอบแทนของสาวน้อย “ออกจากที่นี่กันก่อนเถิด”
พูดจบเขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้า
โต้วโค่วรีบตามติด
ครั้งแรกที่เจอกัน สาวน้อยนางนี้ตาคมฟันขาว รัศมีจับ มีแต่ความมั่นใจและหยิ่งยโสในตัวเอง ทุกสีหน้าอาการล้วนมีแต่ความงดงามหาที่เปรียบมิได้
ทว่านางในเวลานี้กลับก้มหน้าเดินตามหลังซูอี้ต้อย ๆ เชื่อฟังและว่านอนสอนง่าย เวลาที่ชายตามองดูซูอี้ก็มักจะฉายแววแห่งความซาบซึ้งและชื่นชม
เห็นได้ชัดว่า ถึงแม้ซูอี้จะไม่สนใจในเรื่องที่ช่วยนางไว้ แต่ตัวโต้วโค่วเองกลับรู้ดีว่า ครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะได้ซูอี้ช่วย นางไม่มีทางรอดตายมาจากสถานที่น่ากลัวเหลือคณาเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน!
และพอคิดว่าซูอี้มีระดับการฝึกตนเพียงแค่ขอบเขตรวบรวมดาราเท่านั้น กลับสามารถอยู่ในสถานที่อันตรายเกินคาดเดาเช่นนั้นได้ราวกับเป็นสถานที่ไร้อันตายใด ในใจของโต้วโค่วจะไม่รู้สึกนับถือได้เช่นใดกัน?
“ใช่แล้ว วิญญาณอีกดวงของเจ้ามีนิสัยเช่นใด?”
ระหว่างทาง จู่ ๆ ซูอี้ก็ถามขึ้น
เขายังจำได้ ครั้งแรกที่เจอโต้วโค่วก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เมื่อสังเกตมองดูอย่างคร่าว ๆ แล้วจึงแยกแยะออกว่าสาวน้อยคนนี้เป็น ‘หนึ่งร่างสองวิญญาณ’ แต่กำเนิด!
พรสวรรค์เช่นนี้มีพบเห็นได้น้อยมาก ได้รับการบันทึกให้เป็นพรสวรรค์ชั้นหนึ่งในการประเมินพรสวรรค์ของเก้ามหาแดนดิน
ตัวตนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้มักจะเป็นผู้มีพื้นฐานและมีศักยภาพอันน่ากลัวในการฝึกตน
หากว่าได้ฝึกฝนวิชามหาวิถีที่มีความสอดคล้องกับตัวเองเพิ่มอีกก็จะยิ่งแกร่งกว่าเดิม
เหตุผลนั้นง่ายมาก
ตัวตนเช่นนี้ฝึกตนคนเดียว เท่ากับเสียเวลาและทุ่มเทฝึกพร้อมกันสองคน!
ยกตัวอย่างเช่น ในเวลาเดียวกัน วิญญาณอีกหนึ่งของนางฝึกจิตวิญญาณ รู้แจ้งในมหาวิถี ศึกษากฎวิถี ส่วนอีกวิญญาณหนึ่งก็สามารถฝึกระดับวิถี พัฒนาระดับการฝึกตน
วิธีการฝึกตนเช่นนี้ ความก้าวหน้าในระดับการฝึกจะล่าช้าได้เช่นใด?
โต้วโค่วนิ่งตะลึง กล่าวด้วยความอึดอัดเล็กน้อย “จิตวิญญาณอีกดวงของข้า… จะกล่าวเช่นใดดี คล้ายกับคนโง่ หลงใหลอยู่แต่การวาดภาพ”
“ใช้ภาพเข้าสู่วิถี จะเรียกว่าโง่ได้เช่นใด?” ซูอี้ไม่เข้าใจ
ใบหน้าสวยของโต้วโค่วแดงระเรื่อขึ้นมา กล่าวอึก ๆ อัก ๆ “นาง นาง… นางวาดผู้หญิง…”
ซูอี้ “…”
ความชอบเช่นนี้ หากว่าเป็นผู้ชาย ถือได้ว่าเป็นพวกเจ้าชู้
เพราะอย่างไรเสีย ผู้ชายที่ไหนไม่ชอบสาวงามบ้าง?
แต่หากว่าเป็นผู้หญิง ถ้าเช่นนั้นก็… ผิดประเภท!
ไม่แปลกเลยที่เวลาพูดถึงจิตวิญญาณอีกดวงขึ้นมา โต้วโค่วจึงได้แสดงท่าทีอึดอัดพูดไม่ออก โดยทั่วไปแล้วมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ชอบวาดรูปผู้หญิง?
คิดสักครู่ ซูอี้จึงกล่าวขึ้น “โลกกว้างใหญ่ ล้วนมีเรื่องแปลก คนเราก็เช่นกัน ถึงแม้ความชอบเช่นนี้จะค่อนข้างพิเศษอยู่สักหน่อย แต่ก็สามารถเข้าใจได้”
โต้วโค่วหัวเราะเจื่อนพลางกล่าว “ไม่ใช่… สหายเต๋าซูไม่รู้ ภาพที่นางวาดเหล่านั้นล้วนไม่ปกติ”
ซูอี้ถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้ “ไม่ปกติอย่างไร?”
คิดสักครู่ โต้วโค่วกัดฟัน หยิบม้วนภาพออกมาจากแขนเสื้อยื่นให้ซูอี้พลางกล่าว “นี่เป็นภาพที่นางวาดเมื่อช่วงก่อน สหายเต๋าซูดูก็จะรู้เอง”
ซูอี้คลี่ม้วนภาพออกดูแล้วถึงกับตะลึง
ในภาพ คือภาพของหญิงงามอาบน้ำ ท่ามกลางไอน้ำคละคลุ้ง หญิงงามเปลือยเปล่าแผ่นหลังที่ขาวเนียนประดุจหิมะ ยกขายาวเรียวงามข้างหนึ่งขึ้นพาดบนเก้าอี้ตัวน้อย โน้มตัวลงเพื่อใช้ผ้าซับหยดน้ำที่เกาะติดบนน่อง บั้นท้ายที่กระดกขึ้นท่ามกลางไอน้ำล้อมรอบถูกวาดออกมาให้เห็นเพียงแค่ครึ่ง ทว่าอกกลมกลึงที่นูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะกำลังก้มตัวเช่นนั้นแลดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
ภาพนี้เป็นภาพสาวงามอาบน้ำจริง ๆ ผู้วาดวาดได้เสมือนจริงมาก จับลักษณะอาการของหญิงงามได้อย่างเป็นธรรมชาติและงดงามที่สุด วาดออกมาเป็นภาพที่มีชีวิตชีวางดงามยิ่งนัก
ไอละอองน้ำบาง ๆ นั้น บดบังเรือนร่างอรชรของหญิงงามที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ จุดที่ถูกปิดบังเป็นละอองน้ำสีขาวทำให้ต้องเก็บไปคิด
หากว่านักวาดในโลกสามัญเป็นผู้วาดภาพนี้ ดูจะแต่งแต้มจนเกินไป
แต่เมื่อถูกผู้ฝึกตนคนหนึ่งร่างภาพออกมา กลับมีกลิ่นอายแห่งความงดงามอ่อนพลิ้วอย่างบอกไม่ถูก
พอซูอี้มองเห็นภาพ ๆ นี้ก็ยังอดนิ่งตะลึงไปชั่วครู่ไม่ได้ เพียงครู่เดียวจึงส่งเสียงร้องชื่นชมออกมา “ภาพวาดเช่นนี้เห็นได้ไม่บ่อยเลยจริง ๆ หญิงงามที่ถูกวาดมีรูปร่างงดงามยิ่งนัก ทั้งยังไม่สูญเสียความเป็นธรรมชาติ ดีกว่าภาพอานาจารที่วาดออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งเหล่านั้นเป็นไหน ๆ”
โต้วโค่วหน้าแดงอยู่ก่อนแล้ว พอได้ยินคำชื่นชมของซูอี้ นางก็ยิ่งวางตัวลำบากมากขึ้นอีก พูดเสียงเบาราวกับเสียงยุง “ช่างขายหน้านัก”
เห็นว่าโต้วโค่วอายถึงเพียงนี้ ซูอี้จึงเก็บภาพ และยื่นคืนให้โต้วโค่วพลางกล่าว “นี่ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลย ในทางกลับกัน ใช้การวาดภาพเข้าสู่วิถี เดิมทีก็เป็นวิถีแห่งการฝึกตนอย่างหนึ่ง นักวาดภาพผู้ยิ่งใหญ่ ช่วงระหว่างที่สาดเทน้ำหมึก สามารถชักนำพลังแห่งฟ้าดิน เมื่อลงพู่กันก่อให้เกิดลมสายฟ้า เป็นความสามารถโดดเด่นอย่างแท้จริง”
พูดถึงตรงนี้ สายตาของซูอี้ย้อนรอยความทรงจำ ก่อนจะกล่าว “ข้าเคยพบหลวงจีนรูปหนึ่ง เก่งกาจในวิถีวาดภาพ นรกแดนมืดที่เขาวาดเหมือนจริงมาก สามารถจับศัตรูกักขังไว้ในภาพเพื่อรับการทรมานจากนรกแดนมืด”
เขาชายตามองไปที่โต้วโค่ว แล้วกล่าวหยอกล้อ “วันข้างหน้าจิตวิญญาณอีกดวงของเจ้าอาจจะทำถึงขั้นนี้ได้ก็เป็นได้ ใช้การวาดภาพเข้าสู่วิถี ทำให้สาวงามในภาพแสดงปาฏิหาริย์ กลายเป็นร่างวิญญาณที่มีวิญญาณได้ เช่นนั้นถึงจะเยี่ยมยอด”
โต้วโค่วฟังแล้วสายตาดูแปลกไป
ฉับพลันนางก็พบว่าซูอี้ผู้ใจกว้างไม่สนใจใครประหนึ่งเซียนบนแดนดินในใจของนาง กลับดูเหมือนจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ แม้กระทั่งมีเรื่องพูดมากขึ้น พูดอย่างเปิดเผย ไม่ต้องปิดบังอันใด
“ผู้ชาย… เป็นเช่นนี้เหมือนกันหมดเลยหรือ?” โต้วโค่วแอบพึมพำ
“ใช่แล้ว สาวงามในภาพคือใคร?”
จู่ ๆ ซูอี้ก็ถามขึ้น
ในภาพเห็นเพียงแค่ส่วนหลังอยู่ท่ามกลางไอน้ำคลุมเครือ มองไม่เห็นโฉมหน้า
“เอ่อ…”
โต้วโค่วรีบเก็บภาพโดยเร็วราวกับถูกฟ้าผ่า สองแก้มแดงก่ำ ทำท่าราวกับอึดอัดมากเหลือเกิน
“เจ้าเองรึ?” สายตาของซูอี้แปลกไป
มิน่าเล่า ตอนที่ตัวเองวิจารณ์ภาพ สาวน้อยคนนี้ถึงได้ทำท่าเขินอายถึงเพียงนั้น ที่แท้นางก็คือสาวงามในภาพ ๆ นั้น…
ทันใด ซูอี้พิจารณามองโต้วโค่วอย่างละเอียดใหม่อีกครั้ง
การกระทำนี้ส่งผลให้โต้วโค่วรู้สึกวางตัวไม่ถูก ขนลุกซู่ แอบเสียใจว่าไม่น่าเลย เหตุใดเมื่อสักครู่จึงหยิบภาพนี้ออกมาได้
ซูอี้มองอาการอึดอัดของโต้วโค่วออก จึงยิ้มพลางกล่าว “วางใจเถิด ความลับนี้ของเจ้าข้าจะไม่บอกให้คนอื่นรู้”
คิดสักครู่ เขาก็หยิบแผ่นหยกออกมาชิ้นหนึ่ง แกะสลักสักครู่จึงยื่นให้โต้วโค่วพลางกล่าว
“นี่คือประสบการณ์การฝึกตนที่เกี่ยวข้องกับการวิถีวาด เก็บไว้ที่ข้าก็ไร้ประโยชน์ ทว่าสามารถช่วยเหลือดวงวิญญาณอีกดวงของเจ้าให้ยกระดับฝีมือวิถีวาดได้ ถึงได้ว่าเกิดประโยชน์อย่างที่สุดแล้ว รับไว้เสีย”
โต้วโค่วตะลึง แล้วรีบกล่าว “สหายเต๋าช่วยชีวิตข้า ทำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้งไม่มีสิ้นสุดแล้ว ข้าไหนเลยจะ…”
“รับไว้เถิด”
ซูอี้ตัดบท ยัดแผ่นหยกใส่มือโต้วโค่ว จากนั้นเดินมือไพล่หลังไปข้างหน้าต่อ