บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 591 สังหารราบคาบ
ตอนที่ 591: สังหารราบคาบ
ตอนที่ 591: สังหารราบคาบ
โถงนั้นเต็มไปด้วยโลหิตและเศษซาก
เมื่อเห็นท่าทางสบาย ๆ ราวดายหญ้าของซูอี้ ทุกคนต่างตื่นกลัว!
ทว่าใครเล่าเต็มใจอยู่เฉย?
“ไป!”
หวนเทียนเหอและคนอื่น ๆ ต่างไม่กล้าอยู่ต่อ พวกเขาหันหลังกลับเผ่นหนีทันที
เมื่อไร้การจองจำจากค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน ซูอี้ในยามนี้นับว่าไร้พันธนาการอย่างสมบูรณ์! และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกหวนเทียนเหอจะกล้าอยู่ต่อหรือ?
“ยามมาเยือน พวกเจ้าช่างกร่างโอหัง ทว่ายามนี้กลับตื่นกลัวราวเป็นสุนัข หากปล่อยเจ้ากลับไป ข้าคนแซ่ซูจะไม่เหลวไหลแย่หรือ?”
เมื่อเสียงอันเฉยเมยดังก้อง เสียงคำรามแห่งดาบพลันกู่ร้อง
ราวพายุอสนีบาต เทพยดารัวกลอง
ภายใต้สายตาตกตะลึงของเซี่ยชิงหยวน เขาเห็นปราณดาบสาดซัดติดต่อกันเป็นระลอกราวกับสายรุ้งเจิดจ้าซัดซ้ำเป็นเกลียวคลื่น
เจิดจ้าตระการตา
ปราณดาบทุกสายต่างแผ่อำนาจกดดัน
พวกมันถูกฟาดฟันออกมาด้วยท่วงท่าราวเทพสวรรค์ร่ายรำศาสตรา เป็นแสงสว่างทะลวงโลกา!
เซี่ยชิงหยวนตะลึงงัน
เพล้ง!
เตาหลอมสมบัติสีชาดแตกกระจายเยี่ยงแก้ว
สตรีในอาภรณ์ขนนกเขียวเจ้าของสมบัติชิ้นนี้ถูกปราณดาบแข็งแกร่งซัดสาดเยี่ยงวารีธารสวรรค์ ร่างของนางแหลกเละเป็นเศษเลือดเนื้อนับไม่ถ้วน ก่อนจะสลายสู่ธุลี
ตู้ม!
ร่างของชายร่างกำยำในชุดสีดำกระเด็นไปเบื้องหลัง ดาบศึกคู่ที่ปกปักษ์เขาสลายหายทีละน้อย
“ขอบเขตรวบรวมดารา ไฉนจึงร้ายกาจนัก…”
เขาพึมพำ โลหิตรินไหลจากมุมปาก ก่อนดวงตาพลันมืดคล้ำ แม้จะหยุดดาบซูอี้ได้ในกาลท้าย ทว่าหัวใจและวิญญาณของเขาแตกสลาย สูญสิ้นลงคาที่
ขณะเดียวกัน ณ อีกมุมหนึ่ง เมื่อปราณดาบฟาดฟันต่อเนื่อง เหล่าผู้ส่งสาส์นจากกองกำลังโบราณต่างก็ถูกบั่นหัวตายตกตามกันโดยไม่ทันได้หนีจากโถง
บางคนพยายามขัดขืนสุดชีวิต ทว่าก็เหมือนใช้แขนหยุดรถม้า ร่างของพวกเขาถูกปราณดาบขยี้ราวกระดาษ
บางคนใช้ไพ่ตายเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสุดท้ายก็ยับเยินไม่เป็นท่าเมื่อตกภายใต้ปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัวของซูอี้
หวนเทียนเหอตายอนาถที่สุด ปราณดาบสายหนึ่งโฉบลงจากฟ้า เสียบลงที่กลางกระหม่อม ปักร่างของเขาคาที่ราวถังหูลู่
ในยามเจียนตาย ยอดฝีมือจากตระกูลหวนเผ่ามารมีเพียงความตะลึงและตกใจกลัวในแววตาอันเบิกกว้าง
เรื่องทั้งหมดที่ดูแช่มช้านี้ ความจริงแล้วเกิดขึ้นพร้อมกัน
เรื่องทั้งหมดทั้งก่อนหลังเกิดขึ้นไวราวดีดนิ้ว และแล้วผู้เฒ่าจากกองกำลังโบราณต่าง ๆ ในวิถีวิญญาณสิบกว่าคนก็ตายลงคาที่ทั้งหมด!
ภาพอันนองเลือดและกดดันนี้ทำให้เซี่ยชิงหยวนตกใจสั่นเทิ้ม ซูอี้ ชายผู้นี้อุกอาจจริงแท้…
“นี่…” ไกลออกไป เซี่ยหลินเยวียนและคนที่ยังหลงเหลือต่างอกสั่นขวัญแขวน ใบหน้าซีดขาว
หนึ่งอึดใจ สังหารผู้อยู่ในวิถีวิญญาณราบคาบ!!
เหนือล้ำเพียงไร ร้ายกาจเพียงไร?
“ยามนี้ ไฉนไม่หัวเราะเล่า?”
ซูอี้กล่าวอย่างเยือกเย็น
เซี่ยหลินเยวียนและพวกหน้าซีดเขียว
“อืม หากมีผู้ใดยังหัวเราะได้ ข้าจะไว้ชีวิตเขา”
น้ำเสียงของซูอี้เรื่อยเฉื่อย
ทุกคน “…”
ใครเล่าจะมองไม่เห็นว่าซูอี้กำลังจงใจเยาะเย้ยพวกเขา?
ยามนี้ ชายชราอาภรณ์เหลืองผู้หนึ่งซึ่งถูกตัดแขนกล่าวขึ้นเสียงสั่น “เกิดเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ เหตุใด… ไฉนจึงไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือ?”
ที่แห่งนี้คือพระราชวังเทียนหยาง ตั้งอยู่บนภูเขาเทียนหมาง
เมื่อเกิดเรื่องราวใหญ่โต มันควรจะดึงดูดความสนใจของเหล่าคนใหญ่คนโตในราชวงศ์เซี่ย และเร่งรี่มาที่นี่ให้เร็วที่สุดแท้ ๆ
เรื่องผิดปกติก็คือ จนยามนี้ ยังคงไร้เงากำลังเสริม!
เซี่ยหลินเยวียนและคณะต่างหัวใจดิ่งวูบ ตระหนักได้ว่าบางสิ่งผิดปกติ
เซี่ยชิงหยวนพลันกล่าวขึ้นว่า “ผู้เฒ่าสาม เนื้อร้ายอย่างท่านไม่ต้องรีรอผู้ใด วันนี้จะไม่มีผู้ใดช่วยท่าน”
หญิงสาวดูเย็นชามาก นางเรียกอีกฝ่ายเป็นเนื้อร้าย!
“ยายหนูชิงหยวน เจ้าหมายความเช่นไร?”
เซี่ยหลินเยวียนเดือดดาล
“กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ราชวงศ์เซี่ยของเราไม่ต้องการกระดูกเน่า ๆ เช่นพวกท่าน”
เซี่ยชิงหยวนแสดงความขยะแขยง
“ข้าเลือกวางตัวเป็นกลางเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับซูอี้ และยังมุ่งเป้าไปที่ความปลอดภัยของราชวงศ์เซี่ยด้วย ข้าผิดอันใด?”
ชายวัยกลางคนชุดสีเงินกล่าวอย่างโกรธเคือง “ยิ่งกว่านั้น วันนี้ซูอี้สังหารพวกหวนเทียนเหอและผู้ส่งสาส์นจากกองกำลังโบราณต่าง ๆ พวกเขาจะปล่อยมันไปเพียงเท่านั้นหรือไร?”
ฉับ!
ปราณดาบพลิ้วข้ามนภา สังหารชายวัยกลางคนชุดสีเงินลงทันที
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “กักขังบุคคลรอบกายข้า ยังกล้ากล่าวถึงความเป็นกลางอีกหรือ?”
ภาพนี้ทำให้เซี่ยหลินเยวียนและผู้อื่นตระหนกยิ่งขึ้น
การไร้กำลังเสริมเป็นเวลานานทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็น
ในอดีต ในฐานะคนใหญ่คนโตในราชวงศ์เซี่ย คนทั่วโลกล้วนแหงนหน้ามองพวกเขา ไฉนเลยจะมาประสบเรื่องราวเยี่ยงนี้ได้?
“ซูอี้ เรื่องวันนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”
เซี่ยหลินเยวียนกล่าวเสียงต่ำ “ระหว่างเราสองหามีความแค้นใดไม่ เหตุที่หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงถูกกักตัวนั้นก็เพราะพวกเขาอาจถูกขุมอำนาจเหล่านั้นจัดการได้ ด้วยตำแหน่งของข้า ข้าจึงไร้ทางเลือกเว้นแต่ลงมือเอง”
ซูอี้ยิ้มเยาะ ก่อนจะกล่าวว่า “หากบุคคลผู้กักขัง ข้าถูกบังคับจนมุม จะใช้ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนมาจัดการกับข้าก่อนด้วยหรือ?”
เซี่ยหลินเยวียนไร้วาจา
ชายชราชุดดำผู้หนึ่งที่ด้านข้างกล่าวอย่างโกรธเคือง “ข้าไม่อาจทนเห็นเจ้าเข่นฆ่าผู้คนในเขตแดนของราชวงศ์เซี่ยข้าอีกแล้ว!”
ฉัวะ!
เสียงยังคงกังวาน ทว่าชายชราชุดดำกลับถูกบั่นคอคาที่ ศีรษะกลิ้งลงสู่พื้น
จู่ ๆ พวกเซี่ยหลินเยวียนก็รู้สึกสติใกล้หลุดลอย
เห็นเช่นนั้น ซูอี้ก็จ้องเซี่ยหลินเยวียนพลางกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้โง่ เจ้าแค่เลว หากข้าเดาถูก ก่อนเจ้าจะเลือกกักขังผู้คนรอบกายข้า บางทีเจ้าอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากกองกำลังโบราณเหล่านั้นแล้ว!”
เซี่ยหลินเยวียนเดือดดาล พูดเสียงแข็ง “อย่าใส่ความกันนะ!”
“ใส่ความ?”
ซูอี้หัวเราะ และจู่ ๆ มือก็คว้าไปในอากาศ
ร่างของเซี่ยหลินเยวียนชะงักค้าง ถูกตรึงตรงหน้าซูอี้อย่างเกินควบคุมเยี่ยงลูกไก่ในกำมือ
“เจ้าอยากสังหารพวกเขาทั้งหมดจริงหรือ!?”
เซี่ยหลินเยวียนตาถลน
“อย่าตระหนกไป ข้าจะเอาวิญญาณของเจ้ามาใช้วิชาลับค้นหา เพื่อยืนยันว่าข้าคนแซ่ซูใส่ความผู้ใดหรือไม่”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉื่อยชา
สีหน้าของเซี่ยหลินเยวียนเปลี่ยนผันกลับกลาย ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง และกล่าวอย่างเดือดดาล “ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ แม้ข้าตายก็จะไม่ยอมถูกเจ้าข่มเหง!”
กล่าวจบ ร่างของเขาก็ปรากฏโลหิต ปราณทำลายล้างก่อตัววูบไหว
“หากจะฆ่าตัวตาย เจ้าต้องได้รับคำยินยอมจากข้าเสียก่อน”
แววตาของซูอี้เหยียดหยัน ใช้นิ้วแตะหน้าผากเซี่ยหลินเยวียน
ตู้ม!
เซี่ยหลินเยวียนร่างสั่นราวอยู่บนตะแกรงร่อน ปราณทำลายล้างที่สั่งสมไว้ถูกทะลวงสลายไป
“เจ้า…”
เซี่ยหลินเยวียนแสดงสีหน้าสิ้นหวัง
ยามนี้ จิตสัมผัสรุนแรงพุ่งอัดใส่ห้วงความนึกคิดของเซี่ยหลินเยวียน ทำให้เขาตาเหลือกกลับเบ้า หมดสติทันที
ครู่ถัดมา
ซูอี้เก็บจิตสัมผัส เหวี่ยงร่างหมดสติของเซี่ยหลินเยวียนออกไป
“ศิษย์พี่ซู เป็นเช่นไรบ้าง?”
เซี่ยชิงหยวนอดถามไม่ได้
“เจ้าเฒ่านี่เป็นไปตามคาด เน่าฟอนเฟะเข้ากระดูกดำ”
ซูอี้ยิ้มขำ
เขาหยิบม้วนหยกโบราณออกมาจารึก ส่งให้เซี่ยชิงหยวน “นี่คือภาพความทรงจำที่คัดมาจากวิญญาณของเขา รับไป”
พูดจบ เขาก็มองเซี่ยหลินเยวียนและราชนิกุลที่ยังอยู่อีกสองคน กล่าวขึ้นเบา ๆ “ทุกท่าน นี่ก็สายแล้ว ถึงคราวส่งเดินทาง”
เสียงยังไม่ทันสิ้น ซูอี้ก็ลงมืออีกคราแล้ว
…
นอกพระราชวังเทียนหยาง
กลุ่มราชนิกุลรวมตัว บรรยากาศอึมครึม
นี่ยังคงเช้าตรู่ แสงเหมันต์จาง ๆ ไม่อาจขับความหนาวเย็นในอากาศได้
“ดูเหมือนการล่าสังหารครานี้จะจบแล้ว”
เวิงจิ่วกระซิบด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“หากไม่ใช่เพราะโองการขององค์หญิงเมื่อคืน ข้าคงไม่แม้กระทั่งจะรู้ ปรากฏว่านี่คือแผนที่ฝ่าบาทวางไว้”
สุ่ยเทียนฉีทอดถอนใจ
คนใหญ่คนโตผู้นำโดยผู้เฒ่าใหญ่เซี่ยฉางหงเหล่านี้ต่างมีสีหน้าซับซ้อน
เมื่อคืนวาน พวกเขาก็ได้รู้เรื่องวงในจากเซี่ยชิงหยวนเช่นกัน
ยามนี้ หัวใจของพวกเขาทั้งยินดีและโศกเศร้า
มันไม่ใช่ความโศกเศร้าเพราะเห็นใจคนหัวอกเดียวกัน แต่หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ พวกเขาก็จินตนาการไม่ได้เลยว่าเพื่อนพ้องร่วมราชวงศ์จะช่างดูไม่ได้ถึงเพียงนี้!
“เวิงจิ่ว เหตุใดซูอี้จึงควบคุมพลังของค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนได้กัน?”
เซี่ยฉางหงอดถามไม่ได้
เวิงจิ่วรู้แล้วว่าตนไม่อาจปิดบังได้ต่อไป เขาจึงพูดทันที “เพราะว่า… เคล็ดวิชาที่ใช้ซ่อมแซมค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนนี้ แต่เดิมก็มาจากมือของสหายเต๋าซู”
เซี่ยฉางหงและราชนิกุลต่างตกตะลึงกับความลับนี้!
“มิน่าเล่า ฝ่าบาทจึงให้ค่าซูอี้มากนัก…”
เซี่ยฉางหงพึมพำ
ในที่สุด พวกเขาก็ซึ้งในอุรา
“ออกมาแล้ว!”
จู่ ๆ ใครสักคนก็กระซิบ
สายตาทุกคู่มองไกลออกไปโดยไม่ทันคิด
ณ ประตูพระราชวังเทียนหยาง ชายหนุ่มชุดเขียวเดินมือไพล่หลังออกมาอย่างเรื่อยเฉื่อย ราวเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน
ภายใต้แสงจากนภา ร่างสูงของเขาถูกฉาบด้วยแสงเงาชั้นบาง ราวผู้สูงส่งสงบเสงี่ยม บริสุทธิ์ไร้มลทิน
ข้างกาย เซี่ยชิงหยวนผู้สวมใส่ชุดกระโปรงสีเขียวและผิวพรรณขาวละเอียดยิ่งกว่าหิมะเดินมากับเขาด้วย
เมื่อมองคู่หนุ่มสาวที่เดินออกมา บรรยากาศก็เงียบงันลง
“เวิงจิ่ว หยวนเหิงกับแม่นางไป๋อยู่หนใด?”
เซี่ยชิงหยวน เอ่ยถาม เวิงจิ่วตอบอย่างจริงจัง “ทูลองค์หญิง ทั้งสองรออยู่ที่ตีนเขาเทียนหมางแล้วขอรับ”
เห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็กล่าวว่า “ข้าจะล่วงไปก่อน”
จากนั้นเขาก็เมินคนทุกคน และเดินจากไป
“ข้าจะไปส่งสหายเต๋าซู”
เซี่ยชิงหยวนเอวก็อยากตามไป ทว่าเวิงจิ่วหยุดไว้ “องค์หญิง ผู้ชราจะออกไปส่งสหายเต๋าซูเอง ท่านควรอยู่ที่นี่เพื่อบอกเล่าสิ่งที่เกิดก่อนหน้าแก่เหล่าผู้เฒ่าคนอื่น”
กล่าวจบ เวิงจิ่วก็ไล่ตามชายหนุ่มไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ทำได้เพียงยอมถอย
ผู้อาวุโสใหญ่เซี่ยฉางหงไม่อาจสะกดกลั้นความสงสัยได้อีก กล่าวขึ้นว่า “ไป เข้าไปดูที่ในพระราชวังเทียนหยางก่อน ยายหนูชิงหยวน เจ้าตามมาบอกเราถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทีหลัง”
“ได้”
เซี่ยชิงหยวนตกลงเสียงใส
จากนั้น พวกเขาก็เข้าสู่พระราชวังเทียนหยางอย่างองอาจทันที
ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโถง ราชนิกุลเหล่านี้ต่างอ้าปากค้าง ตะลึงกับโลหิตบนพื้น
วันที่สองเดือนสิบเอ็ด
วันที่สองนับแต่จากเกาะเซียนพระสุเมรุมา
ซูอี้และดาบของเขาเหยียบย่างลำพังสู่ภูเขาเทียนหมาง ฟาดฟันผู้ส่งสาส์นสิบสามคนจากขุมอำนาจกลุ่มเต๋าโบราณมากมาย รวมถึงประหารบุคคลชั้นสูงในราชวงศ์แห่งต้าเซี่ยมากมาย รวมถึงเซี่ยหลินเยวียน อ๋องแห่งแคว้นเทียนหยาง
ยามเสร็จสิ้นก็จากไปอย่างเฉยเมย!
ทันทีที่ข่าวถูกประกาศ นครหลวงจิ๋วติ่งก็ตื่นเต้นอื้อฉาว สะท้านสะเทือนแดนดิน!