บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 598 ไม่ผิดจนสมควรตาย
ตอนที่ 598: ไม่ผิดจนสมควรตาย?
ตอนที่ 598: ไม่ผิดจนสมควรตาย?
เสียงตะโกนลั่นสะท้านทั่วนภาราตรี
สีหน้าของชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ เปลี่ยนไปฉับพลัน เขารีบเก็บหม้อสีเลือดและหันหลังวิ่งหนีทันที
ตู้ม!
ลำแสงดาบฟาดลงรวดเร็วเยี่ยงอสนีบาต
ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ เบี่ยงหลบ ลำแสงดาบฟาดฟันร่างของเขาจนล้มลงกับพื้นอย่างน่าหวาดกลัว
ผืนปฐพีแตกร้าวร้อยจั้ง เม็ดทรายไหลกระเด็น
พรึ่บ! พรึ่บ!
ยามเมื่อชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ กำลังจะหนี เงาร่างเจ็ดหรือแปดคนก็ปรากฏขึ้นขวางทางหนีของเขาไว้
“ที่แท้ก็เป็นผู้ฝึกวิถีชั่วช้าตัวน้อย”
ผู้นำคือชายวัยกลางคนในชุดคลุม เคราพลิ้วบนอากาศ เปี่ยมด้วยพลังอำนาจ
ดวงตาของพวกเขาต่างจับจ้องชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ ดุดันราวสายฟ้า
แรงกดดันมหาศาลทำให้สีหน้าของชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ แปรผัน ก่อนจะกล่าวว่า “ผู้อาวุโส พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่ผู้ฝึกวิถีชั่วช้านะ”
สตรีในชุดม่วงแค่นหัวเราะ
ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ อธิบาย “หากข้าไม่รวบรวมวิญญาณเหล่านี้ไป ยามพวกเขากลายเป็นสัมภเวสีติดถิ่น พวกเขาจะรบกวนโลกหล้า รังควานผู้คน”
“หุบปาก ทั้งสมบัติและเคล็ดวิชาที่เจ้าใช้ต่างเป็นสิ่งชั่วร้ายนอกรีต ทว่ายามนี้ยังกล้าเถียง!”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมแค่นเสียงเย็นชา
“ศิษย์พี่ ท่านไม่ต้องพูดไร้สาระกับมารน้อยเหล่านี้หรอก ฆ่าพวกเขาเสียก็พอ!”
สตรีในชุดกระโปรงสีม่วงกล่าว พลางยกมือขึ้นฟาดใส่ชายหนุ่ม
ตู้ม!
เสียงกัมปนาทเย่อหยิ่งอหังการ
สีหน้าของชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ แปรผันยิ่งยวด เขารีบใช้หม้อสีเลือดเข้ารับมือ
เคร้ง!
ท่ามกลางเสียงคำรามสะเทือนโสต ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ และหม้อสีเลือดของเขาต่างปลิวกระดอนลงสู่พื้นไกลออกไปหลายจั้ง
ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ กระอักเลือดคำโต ใบหน้าซีดขาว เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส
“เห สมบัติชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเลย”
สตรีชุดม่วงแปลกใจเล็กน้อย
เมื่อระดับฝึกฝนของนางอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา การสังหารผู้อยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญต่ำต้อยเช่นชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ ก็ไม่ต่างจากการบี้มด
ทว่า ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ กลับใช้หม้อสีเลือดขวางไว้ได้!
ชายวัยกลางคนชุดคลุมและคณะต่างหันมองหม้อสีเลือดอย่างแปลกใจเล็กน้อย
พื้นฐานการฝึกฝนของชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ นั้นมีให้เห็นเกร่อทั่วไป ไม่อยู่ในสายตาพวกเขา ทว่าหม้อสีเลือดนี้เรียกความสนใจของพวกเขาได้
ยามนี้ ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ ตะเกียกตะกายลุกขึ้น ปาดโลหิตที่มุมปาก ก่อนจะกล่าวเสียงดัง “แม้ข้าจะฝึกฝนวิชาชั่วช้า แต่การกระทำของข้ามีเกียรติถูกต้อง การใช้กลุ่มรุมฆ่าข้าโดยไม่ฟังคำอธิบายแม้แต่น้อยนี้ต่างอันใดกับมารนอกรีตหรือ?”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมโทสะ
“สารเลว กล้าดูหมิ่นข้า คุกเข่าซะ!”
ชายชุดคลุมเทาผู้หนึ่งแค่นเสียงเย็นชา ฟาดฝ่ามือเข้าใส่
ตู้ม!
รอยประทับฝ่ามือสีดำขนาดสิบจั้งแหวกอากาศเข้าหาชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ
“เปิด!”
ชายหนุ่มตวาด โลหิตทั่วร่างพลุ่งพล่าน
จากนั้น หม้อสีเลือดก็ทอแสงเจิดจรัส แสงสว่างสีขาวจ้าออกมาจากปากหม้อ
ทว่า ไม่ว่าเช่นไร การฝึกฝนของชายหนุ่มก็ยังต่ำเกินไป และในยามที่เขาถูกการโจมตีเช่นนี้เข้าไป ร่างของเขาก็โซเซร่วงสู่พื้นดังตุ้บ ทวารทั้งเจ็ดอาบโลหิต ใบหน้าซีดเยี่ยงกระดาษ
นี่ทำให้พวกชายวัยกลางคนในชุดคลุมแปลกใจมากยิ่งขึ้นอีก
ชายหนุ่มผู้นี้เห็นได้ชัดว่าร่อแร่นัก ทว่าเขากลับรอดจากความตายครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยหม้อสีเลือด ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์เกินคิดเชื่อ
“พวกเจ้ามีผลการฝึกฝนสูง เป็นที่เคารพทั่วหล้า ทว่ากลับชั่วช้าสามานย์ราวกับลัทธิมารนอกรีต ไร้ยางอายสิ้นดี แม้ข้าจะตายลงวันนี้ ทว่าข้าดูแคลนคนอย่างพวกเจ้านัก!”
ชายหนุ่มลุกขึ้นตวาดลั่น
เขาบาดเจ็บสาหัส ร่างกายโงนเงน ทว่ากลับไร้ความกลัว บรรยากาศรอบกายไม่อาจถูกสยบ
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของพวกชายวัยกลางคนชุดคลุมแย่ลงเล็กน้อย
“สารเลว เป็นแค่มารน้อยแท้ ๆ ยังกล้าตวาดสามหาว ฆ่าเจ้าเสีย โลกนี้ก็จะมีมารน้อยลง!”
สตรีชุดม่วงสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นอสนีบาตก็ฟาดลงจากนภา สว่างวาบทั่วแดนดิน อำนาจทำลายล้างมุ่งเป้าที่ชายหนุ่ม
ชายหนุ่มพยายามเรียกใช้หม้อสีเลือดอีกครั้ง แต่เขาบาดเจ็บหนักเกินกว่าจะทำได้ จึงทำได้เพียงยิ้มแห้ง ๆ
เขาไม่กลัวความตาย
แค่ว่าการถูกเข้าใจผิดเป็นมารน้อยนี้ทำให้เขาขุ่นข้องใจอยู่เสมอ
“นี่… อาจจะเป็นโฉมหน้าที่จริงแท้ของโลกใบนี้ ไร้การแยกแยะดีชั่วขาวดำ ผู้แข็งแกร่งกดขี่ผู้อ่อนแอ ช่าง… ไร้เหตุผลนัก…”
ชายหนุ่มหลับตาลง
ตู้ม!
เสียงกัมปนาทกึกก้อง
สุ้มเสียงอุทานดังขึ้นในสนามรบ
ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ ลืมตาขึ้นอย่างสงสัย และพบกับชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่เบื้องหน้าราวขุนเขา ให้ความรู้สึกไม่อาจสั่นคลอน
“พ่อหนุ่ม ไม่เป็นไรแล้ว”
ชายหนุ่มหันมาแย้มยิ้มให้เขาอย่างเรียบ ๆ จริงใจ
เขาคือหยวนเหิง
ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ กล่าวอย่างเหม่อลอย “ไฉนผู้อาวุโสจึงอยากช่วยข้า ไม่กังวลว่าข้าจะเป็นผู้ฝึกวิถีชั่วช้าหรือไร?”
หยวนเหิงเผยสีหน้าละอาย กล่าวอย่างเปี่ยมอารมณ์ “ก่อนหน้านี้ข้าเกือบเข้าใจเจ้าผิด ทว่ายามนี้จะให้คิดเช่นนั้นได้เยี่ยงไร”
“ผู้อาวุโสคือผู้ใดกัน เหตุใดท่านจึงอยากเข้ามาแทรกแซงกงการของสำนักเต๋าเสวียนเหอเรา?”
ไม่ไกลนัก ชายวัยกลางคนในชุดคลุมและคณะต่างขมวดคิ้วมองหยวนเหิงผู้มาโดยไม่ได้รับเชิญ
“ข้าทนพฤติกรรมของเจ้าไม่ได้ จึงอยากมาช่วยชายผู้นี้”
หยวนเหิงดูสุขุม สายตาเพ่งมองชายวัยกลางคนชุดคลุมและคณะ
“ช่างน่าขัน ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสเห็นแล้วหรือว่าเจ้าหนุ่มนั่นฝึกฝนวิถีชั่วช้า?”
สตรีชุดม่วงกล่าวอย่างเย็นชา
“หากตัดสินดีชั่วกันเช่นนี้ ในฐานะผู้ฝึกตนปีศาจ ข้าในสายตาเจ้าไม่กลายเป็นยอดผู้ชั่วร้ายหรือไร?”
หยวนเหิงกล่าวอย่างจริงจัง
ม่านตาของชายวัยกลางคนชุดคลุมและคณะหดตัวเล็กน้อย ชายตรงหน้าเขาเป็นผู้ฝึกตนปีศาจหรือ!?
สตรีชุดม่วงขมวดคิ้วกล่าว “ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจะเป็นศัตรูกับเราให้จงได้ในคืนนี้หรือ?”
หยวนเหิงกล่าวคำ “ขอเพียงเจ้าทั้งสองคุกเข่าลงขออภัยสหายน้อยผู้นี้ ข้าจะเมินเฉยต่อความผิดก่อนหน้าของพวกเจ้าก็ย่อมได้”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมและพรรคพวกมองหน้ากันไปมา และอดหัวเราะไม่ได้
ผู้ฝึกตนปีศาจในขอบเขตรวบรวมดารากล้าดีเช่นไรมาข่มขู่พวกเขาเช่นนี้?
อยู่ไม่เป็น ไม่รู้เป็นตายโดยแท้!
“ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าผู้ฝึกตนปีศาจเช่นเจ้ามีคุณสมบัติเข้ามาพัวพันเรื่องนี้หรือไม่!”
ชายชุดคลุมสีเทาพุ่งออกมา จากนั้นเขาก็เงื้อมือขึ้นบงการดาบบินฟาดฟันใส่หยวนเหิง
ปั้ง!
หยวนเหิงเหวี่ยงหมัดขยี้ดาบบินเป็นเสี่ยง ๆ กระจัดกระจายในคราเดียว
ชายชุดคลุมเทาถูกผลตีกลับ กระอักโลหิตคำโตด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“นี่มัน…”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมและคณะต่างตกตะลึง สีหน้าแปรเปลี่ยน
ส่วนชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ เบิกตามองค้าง แข็งแกร่งยิ่งนัก!!
“แล้วเจ้าเล่า มีคุณสมบัติหรือไร?”
หยวนเหิงกล่าวอย่างเฉยเมย
“ร่วมมือกันกำจัดมารร้าย!”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมตะโกนพลางพุ่งนำหน้า
เขาหยิบดาบสีเงินเล่มยาวออกมาฟาดฟันบนอากาศ ลำแสงดาบขาวดั่งหิมะ เจิดจ้าท่ามกลางราตรี
ผู้อื่นต่างเข้ามาร่วมวงไพบูลย์
ในหมู่ผู้ฝึกตนทั้งเจ็ด มีสามคนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา สี่คนในขอบเขตเปิดทวาร ทุกผู้ต่างใช้สมบัติและเคล็ดวิชาของตนเพื่อล้อมโจมตีหยวนเหิงโดยพร้อมเพรียง
ฉากดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ แผดเสียงอย่างตกใจ “ผู้อาวุโส อย่าห่วงข้าเลย ไปเถิด!”
ทว่าหยวนเหิงกลับยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เด็กดี!”
สิ้นเสียง เขาก็ลงมือโจมตี
ตู้ม!
ร่างใหญ่โตของเขาพลันปรากฏปราณปีศาจดุร้ายแผ่พุ่งราวกับสัตว์ปีศาจบรรพกาล เปลี่ยนสถานการณ์ไปในบัดดล
ตู้ม!
สารพัดสมบัติและเคล็ดวิชาประดังเข้ามา ทว่าการป้องกันของหยวนเหิงไม่เคยแตกพ่าย ทุกการโจมตีถูกหยุดไว้ในระยะหนึ่งจั้งก่อนถึงตรงหน้าเขา
ภาพนี้ทำให้ผู้ชมทั้งหมดตะลึงในทันใด
ยามนี้เอง หยวนเหิงก็เคลื่อนไหว ฟาดฝ่ามือเสวียนอู่สะท้านโลการาวเทพาแห่งขุนเขา แข็งแกร่งเยี่ยงเทพอหังการ!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เกิดเสียงกรีดร้องดังระงม ร่างของชายวัยกลางคนในชุดคลุมและคณะถูกปลิวละลิ่วทีละคนเยี่ยงกระสอบทราย กระแทกพื้นก่อเป็นหลุมใหญ่…
เจ็ดผู้ฝึกตนจากสำนักเต๋าเสวียนเหอถูกปราบลงในพริบตา!
ฉากทำลายล้างนี้ทำให้ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ ตะลึงอึ้งราวได้เห็นเทพยดาสำแดงฤทธา
ด้วยหนึ่งดีดนิ้ว กวาดล้างทั่วทิศ!
“นายท่าน ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ไม่อาจรับรู้ได้ว่ามียอดฝีมือตรงหน้า ขอนายท่านอภัยให้ข้าน้อยด้วย”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมรีบร้องตะโกน
คณะของเขาต่างก็หน้าซีดตัวสั่น
ยามนี้เอง พวกเขาจึงรู้ว่าเตะแผ่นเหล็กเข้าแล้ว!
หยวนเหิงมองชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ พลางกล่าว “สหายน้อย เจ้าคิดว่าเราควรจัดการกับพวกเขาเช่นไร?”
ด้วยหนึ่งวาจา ชายวัยกลางคนในชุดคลุมและคณะต่างหันมองชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ ด้วยตระหนักว่าคำตอบของชายผู้นี้จะตัดสินเป็นตายต่อพวกเขา!
ยามนี้ พวกเขาต่างส่งเสียงขอความเมตตาด้วยสีหน้าน้ำเสียงอ้อนวอน
“สหายน้อย ก่อนหน้านี้ข้าผิดไปแล้ว ขอสหายน้อยโปรดไว้ชีวิต เพื่อเป็นการชดใช้ความผิด ข้ายินดีมอบสมบัติทั้งหมดบนตัวข้าให้!”
“ข้าก็ขอสหายน้อยเมตตาเช่นกัน!”
“สหายน้อย วอนเจ้าแล้ว!”
…เมื่อมองเหล่าคนตัวโตซึ่งเมื่อครู่ยังเชิดหน้าดั้นฟ้า ถือว่าเขาเป็นมดปลวกมาคุกเข่าอ้อนวอนเขาอย่างตื่นตระหนกราวสุนัข ภาพนี้ก็ทำเอาชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ เกือบไม่เชื่อสายตาตน
ครู่ใหญ่ ๆ ถัดมา ชายหนุ่มก็ถามประโยคอันไม่คาดคิด “พวกเจ้า… กลัวความตายมากหรือ?”
ประโยคง่าย ๆ นี้ทำให้พวกชายวัยกลางคนในชุดคลุมพูดไม่ออก
ภาพนี้ยังทำให้หยวนเหิงรู้สึกตื้นตัน ชายหนุ่มผู้นี้ไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้แน่แท้ หาไม่ เขาคงไม่มีวันถามเช่นนี้
บางที อาจเป็นเพราะชายผู้นี้ไม่กลัวความตาย ดังนั้น… เขาจึงงุนงงกับมัน?
“ผู้อาวุโส ข้าไม่มีคุณสมบัติจะจัดการกับพวกเขา ขอท่านพิจารณาเถิด”
ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ มองหยวนเหิง
หยวนเหิงถามอีกครั้ง “งั้นเจ้าคิดว่าพวกเขาสมควรตายหรือไม่?”
ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ พวกเขายังตวาดไล่สังหารข้าเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นมารนอกรีต ซึ่งเป็นสิ่งผิด แต่ทว่า… ก็ไม่ผิดจนสมควรตาย”
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวอย่างขมขื่น “วิเคราะห์ขั้นท้ายแล้ว ข้าเองก็อ่อนแอเกินไป หากข้าแข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขา… คงไม่ปฏิบัติกับข้าเช่นกาลก่อนเป็นแน่”
ถ้อยคำของชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ ทำให้พวกเขามองเห็นความหวัง!
ทว่ายามนี้ เสียงเฉยเมยอีกเสียงก็ดังขึ้นท่ามกลางฟ้าดิน
“ไม่ผิดจนสมควรตาย? ผิดแล้ว เจ้าต้องไม่เมตตายามรับมือศัตรู อย่าได้ลืมว่าหากครานี้ไม่ได้เรา เจ้าคงจบสิ้นแล้ว!”
เสียงยังคงกังวานก้อง ขณะที่ร่างสูงของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
อาภรณ์สีเขียวของเขาพลิ้วไสวท่ามกลางแสงจันทร์สุกสกาวราวกับเทพเซียนไร้มลทิน!