บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 601 ชักดาบ
ตอนที่ 601: ชักดาบ
ตอนที่ 601: ชักดาบ
กลางอากาศ ชุดกระโปรงของชิงซวงสะบัดพลิ้ว แสงระยิบระยับสว่างรอบตัว
ถึงแม้ว่าใบหน้าและท่าทางของนางจะโดดเด่นเกินใคร ทว่าความน่ากลัวแห่งกลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากรอบตัวกลับทำให้ไม่มีใครกล้ามอง
เก๋อเฉียน หยวนเหิง กับไป๋เวิ่นฉิงต่างก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึง
หญิงสาวคนนี้น่ากลัวเสียเหลือเกิน!
เมื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยเห็นพลังจิตดั้งเดิมขอบเขตสยายวิญญาณมาก่อน ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่จิตดั้งเดิมเท่านั้น
ทว่าหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ เป็นนักดาบขอบเขตสยายวิญญาณของจริง!
หากว่าอยู่ที่มหาทวีปคังชิง ถือได้ว่าเป็นตัวตัวระดับสุดยอดคนหนึ่งเช่นกัน
เพียงแต่ว่า…
เมื่อได้ยินว่าชิงซวงต้องการจะลองกำลังกับซูอี้ดู นอกจากความตื่นตระหนกแล้ว สีหน้าและแววตาของพวกเก๋อเฉียนกลับดูแปลกไป
อย่างไม่ต้องสงสัย หญิงสาวคนนี้ต้องมองว่าซูอี้เป็นเพียงแค่บุคคลในขอบเขตรวบรวมดาราทั่วไปอย่างแน่นอน…
กลางอากาศ ชิงซวงเบนสายตามองไปที่เยว่ซือฉาน พลางกล่าว “นายหญิงน้อย คน ๆ นี้สบประมาทนายท่าน จะต้องได้รับการสั่งสอน แต่ท่านจงวางใจได้ ข้าจะไม่ทำอันตราย เพียงแค่ให้เขาได้สำนึกเท่านั้น และจะไม่ทำให้สหายของท่านผู้นี้ต้องบาดเจ็บ”
เยว่ซือฉานได้ยินความแล้วขมวดคิ้วขึ้นมา ก่อนเอ่ย “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าทำเช่นนี้เลย มิเช่นนั้น คนที่ขายหน้าจะต้องเป็นเจ้า”
ชิงซวงนิ่งตะลึงไปชั่วครู่ รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ไร้เหตุผลสิ้นดี
นายหญิงน้อย …เหตุใดจึงเข้าใจว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวตัวขอบเขตรวบรวมดาราตัวเล็ก ๆ คนนี้ได้?
ฉับพลัน ชิงซวงก็ยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ และกล่าวว่า “นายหญิงน้อยคงจะไม่รู้ ถึงแม้ผู้น้อยจะติดตามอยู่ข้างกายนายท่านไม่ถึงสิบปี แต่ฝีมือวิถีดาบในตัวข้า แม้อยู่ในขั้นขอบเขตสยายวิญญาณก็ยังไม่ด้อยกว่าใครคนใด ดังนั้นจึงขอถือโอกาสนี้แสดงให้นายหญิงน้อยได้ชม!”
เสียงยังคงดังก้อง
ชิงซวงยื่นมือไปจับด้ามดาบที่ข้างเอวและชักออกมาแล้ว
ชิ้ง!
ดาบส่งเสียงดัง เสี้ยวแสงสีขาวปรากฏขึ้น
ดาบในมือของชิงซวงราวกับน้ำค้างแข็งสีเงินทอประกาย แสงเย็นยะเยือกสว่างวาบกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน เพียงแค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่ดาบธรรมดาทั่วไป
“ดาบมีนามว่าแสงเงินพราว เป็นดาบชั้นดีในวิถีวิญญาณ สิบปีมานี้ ข้าใช้ระดับวิถีของตัวเองเลี้ยงดูบ่มเพาะ ฆ่าศัตรูมาแล้วสามร้อยสิบสองศพ ไม่เคยพลาดมาก่อน”
สายตาของชิงซวงรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด มองไปที่ซูอี้ “แต่ว่า จัดการกับคนตัวเล็ก ๆ เช่นเจ้า หากต้องใช้ดาบเล่มนี้ ถึงชนะก็ไม่ภูมิใจ”
ชิ้ง!
พอนางยกมือเก็บดาบเข้าสู่ฝัก ความทระนงปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก “และข้าในฐานะที่เป็นนักดาบขอบเขตสยายวิญญาณ ถึงแม้จะต่อสู้กับเจ้าด้วยมือเปล่า สุดท้ายก็ยังแลดูว่าเป็นการรังแกเด็ก เอาเช่นนี้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า หยิบอาวุธคู่ใจของเจ้าออกมาต่อสู้กับข้าอย่างเต็มที่”
ท่าทีของนางเช่นนี้เป็นการแสดงตนอยู่เหนือคนอื่นอีกแบบหนึ่ง เต็มไปด้วยความดูแคลน
ความเป็นจริงแล้ว ด้วยสถานะแห่งขอบเขตสยายวิญญาณเช่นนาง หากว่าเป็นบุคคลในขอบเขตรวบรวมวิญญาณคนอื่น ๆ ทั่วไปคงจะบอกยอมแพ้ไปนานแล้ว
แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว สีหน้าและแววตาของพวกเก๋อเฉียนก็ยิ่งประหลาดขึ้นกว่าเดิม
เยว่ซือฉานได้แต่ส่ายหน้า
นางได้พูดเตือนไปแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมฟังเลยแม้แต่คำเดียว
“ศิษย์พี่ซู นางไม่ได้มีเจตนาร้าย”
เยว่ซือฉานเบนสายตามองไปที่ซูอี้
ซูอี้ยิ้มขึ้นพลางกล่าว “หากพูดเพียงแค่ระดับการฝึกตน ขอบเขตรวบรวมดารากับขอบเขตสยายวิญญาณห่างกันค่อนข้างมากจริง ๆ โทษนางไม่ได้ที่นางทระนงตนเช่นนี้”
“พูดตามจริง ตอนนี้ข้าก็ชักอยากจะดูเสียแล้วสิว่าวิถีดาบของนางร้ายกาจเพียงใด”
เสียงยังคงดังกึกก้อง ทว่าซูอี้ก้าวเท้าขึ้นกลางอากาศลอยออกไปแล้ว เขามองดูชิงซวงที่อยู่ห่างไกลออกไป แล้วกล่าวขึ้น “ข้าขอเตือนเจ้าว่าใช้ดาบจะดีกว่า”
คิ้วคู่งามของชิงซวงเลิกขึ้นเล็กน้อย เหลือบตามองไปที่ช่องทางมิติที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นหันกลับมามองดูซูอี้อีกครั้ง กล่าวอย่างหมดความอดทน “อย่าพูดมาก ข้ารีบ”
ซูอี้ร้องอ้อ จากนั้นย่างเท้าขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะยื่นมือขวาขาวเนียนออกมา นิ้วชี้ราวกับดาบ ฟันออกไปกลางอากาศ
ชิ้ง!
พลังดาบสีใสผุดขึ้นมา แฝงไว้ซึ่งจังหวะวิถีอันลี้ลับ ฟันไปที่ชิงซวง
ง่ายดายรวดเร็ว
“เพียงแค่นี้รึ?”
ประกายเย้ยหยันผุดขึ้นใสสายตาของชิงซวง
ขณะที่พูด นางแนบนิ้วติดกันแล้วฟันออกไป พลังดาบดุจแสงเงินแห่งจันทรา คล้ายกับประกายน้ำระยิบระยับสว่างตา ในดาบพลังดาบเต็มไปด้วยภาวะวิถีในขั้นวิถีวิญญาณ
มองดูราวกับไร้พิษสง ทว่าเมื่อฟาดฟันออกมา อานุภาพเช่นนั้นทำให้ทุกอย่างในบริเวณนี้ต้องสั่นสะท้าน
เก๋อเฉียนกับคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกได้ว่าปราณวิญญาณแห่งฟ้าดินราวกับถูกชักนำ ได้รับผลกระทบจากพลังดาบวิถีของชิงซวงก่อตัวเป็นกำลังยิ่งใหญ่อันมีเอกลักษณ์ สยบใจคนทั้งหลาย
ราวกับว่าดาบนี้เพียงดาบเดียวสรรพสิ่งในโลกหล้าล้วนกลายเป็นแรงอานุภาพของดาบเล่มนี้!
นี่เป็นวิธีการของขอบเขตสยายวิญญาณ ทำให้พวกของเก๋อเฉียนพากันตื่นตะลึง
และแล้ว…
เมื่อพลังดาบทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ ท่ามกลางการแตกกระเซ็นของสะเก็ดแสง ดาบที่ชิงซวงฟันออกไปนั้นหักครึ่งพร้อมกับส่งเสียงดังฉึบราวกับกระดาษ
ดวงตาคู่งามของชิงซวงหรี่ลงเล็กน้อย อาการตื่นตะลึงปรากฏบนใบหน้า
มิน่าเล่า เจ้าหนุ่มคนนี้ถึงกล้าแสดงความโอหังได้เพียงนี้ ที่แท้ก็เพราะมีตัวช่วยนั่นเอง!
ทว่า…
ดาบนี้ของตัวเอง ใช้กำลังเพียงแค่สามส่วนเท่านั้น
เห็นว่าพลังดาบของซูอี้ยังไม่ถดถอย พุ่งเข้ามาไม่หยุด ชิงซวงจึงยกมือขึ้น
ชิ้ง!
รอยดาบสีเงินซึ่งส่งประกายระยิบระยับบาดตาหยุดนิ่ง สว่างเจิดจ้าราวกับน้ำตกไหลร่วงลงมาจากกลางอากาศ
การบุกโจมตีนี้ ถึงแม้ชิงซวงยังคงไม่ได้ออกกำลังอย่างเต็มที่ ทว่าใช้ระดับวิถีที่แท้จริงแล้ว ภายในดาบเดียว ก็สามารถบดขยี้ตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้!
เพล้ง!
เมื่อรอยดาบกับพลังดาบปะทะกัน จึงเกิดเป็นเสียงดังสนั่นทั่วฟ้าทั่วแผ่นดิน
ภายใต้สายตาตื่นตระหนกของคนทั้งหลาย รอยดาบซึ่งแผ่กระจายไปด้วยกลิ่นอายอันน่ากลัวนั้นแตกเป็นชิ้นย่อยราวกับกระดาษ
ทว่าพลังดาบของซูอี้เพียงแค่สีหมองลงสามส่วนเท่านั้น!
“นี่…”
ใบหน้างดงามของชิงซวงเปลี่ยนไป นางชักดาบออกจากฝักโดยไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด
ฉึบ!
ดาบแสงสีเงินพราวถูกยกขึ้น แฝงไว้ซึ่งระดับวิถีแท้จริงของชิงซวงโดยไม่มียั้งมืออีก ฟันพลังดาบสีใสที่อยู่ใกล้แค่คืบตรงหน้าจนเป็นผุยผง
สะเก็ดแสงแตกกระเซ็นออกไปไกล
ชิงซวงขับเคลื่อนระดับวิถี พอสะบัดแขนเสื้อ สะเก็ดแสงของพลังดาบที่แตกกระจุยเหล่านั้นจึงถูกขับออกไป ทว่ากิริยาของนางแลดูร้อนรนไปสักหน่อย
ให้ความรู้สึกว่ากำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่
พวกของเก๋อเฉียนถึงกับร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนก
เพียงแค่ดาบเดียวเท่านั้น กลับทำให้ชิงซวงผู้ฝึกตนยิ่งใหญ่ในขอบเขตสยายวิญญาณท่านนี้ถึงกับต้องรับมือติดต่อกันสามครั้ง อีกทั้งครั้งสุดท้ายยังถึงกับต้องชักดาบออกจากฝักจึงสามารถแก้สถานการณ์ได้
ดุเดือดถึงเพียงนี้ ใครบ้างจะไม่ตื่นตะลึง?
ต้องเข้าใจว่านางคือนักดาบขอบเขตสยายวิญญาณตัวจริง!
“บอกแต่แรกแล้วว่าให้เจ้าชักดาบ เจ้าก็ไม่ฟัง”
ซูอี้หัวเราะ
ไกลออกไป ใบหน้างดงามของชิงซวงมีแต่ความสับสน ทั้งตื่นตระหนก ทั้งอับอาย
ตอนก่อนหน้านี้ นางไม่ได้มองซูอี้ในขอบเขตรวบรวมดาราอยู่ในสายตาเลย หลังจากที่ชักดาบและเก็บเข้าฝักไปแล้ว วาจาและท่าทางล้วนแฝงไปด้วยความดูแคลนและเยาะเย้ย
ประการที่หนึ่ง เพื่อให้ซูอี้ได้รู้จักสำนึก ทำให้เขาเข้าใจว่าเคราะห์มาจากปากหมายความว่าอย่างไร
ประการที่สอง เพื่อถือโอกาสนี้ให้เยว่ซือฉานได้เห็นความแข็งแกร่งของนาง เพราะเวลาที่ต้องพาเยว่ซือฉานกลับจะได้ราบรื่น
ทว่าใครกันจะคาดคิดว่าเมื่อได้ประมือขึ้นมาจริง ๆ นางจึงพบว่าตัวเองผิดไปแล้ว
ผิดอย่างมหันต์!
ผิดจนถึงขั้นไม่อยากจะเชื่อ…
เพราะว่าระดับการฝึกตนของนาง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินว่าในโลกนี้มีผู้ใดในขอบเขตรวบรวมดาราสามารถทำให้ตนเอง ‘ตื่นตระหนก’ ได้ภายในดาบเดียวเช่นนี้
อานุภาพดาบขนาดนั้น ไม่ใช่อานุภาพที่ตัวตนในขอบเขตรวบรวมดาราควรจะมี!
เหตุผิดปกติจะต้องมีเงื่อนงำ
ดาบ ๆ นี้ทำให้ชิงซวงเก็บความโอหังในใจลงไปได้เช่นกัน มีความสงสัยเพิ่มขึ้นสามส่วน มีความสำรวมเพิ่มขึ้นสามส่วน มีความรอบคอบเพิ่มขึ้นสามส่วน และมีจิตใจที่ต้องการจะชะล้างความอัปยศเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน
“ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ประมาทเจ้า แต่… ด้วยฝีมือของเจ้าในตอนนี้ ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดูถูกข้าเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ได้”
สูดหายใจไปลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ดวงตาเย็นยะเยือกประดุจหิมะกับพลังทั่วร่างของชิงซวงแปรเปลี่ยนเป็นความน่ากลัวขึ้นมา บรรยากาศโดยรอบเกิดความปั่นป่วน กระแสลมโหมกระหน่ำ
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เยว่ซือฉานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ และกล่าวขัดขึ้น “หยุดเพียงเท่านี้เถิด ขืนประมือกันอีก เจ้ามีแต่จะแพ้จนไม่เหลือหน้า”
ชิงซวง “??”
ริมฝีปากแดงอิ่มเอิบของนางเผยอขึ้นแล้วกล่าว “นายหญิงน้อย ข้าจะแสดงให้ท่านดูว่าที่แท้ใครกันแน่ที่จะหัวเราะเป็นคนสุดท้าย!”
ชิ้ง!
ยังพูดไม่ทันจบ ร่างของนางพร้อมกับดาบก็กระโจนเข้าหาซูอี้อย่างรวดเร็ว
ประกายแสงจากร่างสูงเพรียวของนางแผ่กระจายเต็มท้องฟ้า พลังแห่งการเข่นฆ่าพุ่งทะลุขึ้น
และเมื่อดาบแสงสีเงินพราวในมือนางถูกฟันออกไป พลังดาบเปรียบดังสายน้ำสีเงิน จันทราร่วงหล่นบนแผ่นดิน แสบบาดตา
เป็นอานุภาพที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงอานุภาพอันน่ากลัวของนักดาบขอบเขตสยายวิญญาณ!
“วิถีดาบที่ใช้พลังแห่งดวงดาราเช่นนั้นหรือ? ใช้ได้!!”
ดวงตาลุ่มลึกของซูอี้สว่างวาบ
เขาไม่ได้ตอบโต้โดยตรง ทว่าหายตัวไปขับเคลื่อนวิชาขี่วายุพรางตัวเพื่อหลบ
สวบ!
แสงดาบลำหนึ่งโฉบผ่านข้างตัว เฉือนส่วนยอดของภูเขาที่อยู่ใกล้ ๆ ผนังภูผาพังทลายซัดกระแทกกับพื้นอย่างแรง
อานุภาพน่ากลัวเช่นนั้นทำให้พวกเก๋อเฉียนเห็นแล้วถึงกับเหงื่อชุ่มหลัง
สำหรับพวกเขาในตอนนี้ ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณแข็งแกร่งจนทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากแล้ว ดังนั้นนักดาบขอบเขตสยายวิญญาณก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หากว่าเป็นพวกเขา อย่าว่าแต่ต้านทานเลย ลำพังเพียงแค่อานุภาพเช่นนั้นก็สามารถทำให้พวกเขาตื่นตระหนกหวาดกลัวกลายเป็นเหยื่อเพื่อคอยถูกเชือดแล้ว!
“วิชาเคลื่อนย้ายเจ้าก็ใช้ได้ดีเช่นกัน ทว่าอย่างไรเสียก็ยังคงไม่มีประโยชน์อยู่ดี!”
พลังของชิงซวงดุดันมากขึ้น ขณะที่พูดก็ลงมือฟันไปก่อนแล้ว
ภาวะดาบของนางประดุจแสงจันทรา ระยิบระยับ คมกริบเชือดเฉือน เหมาะกับระดับการฝึกขอบเขตสยายวิญญาณ อานุภาพเช่นนั้นสามารถฟาดฟันทะเลภูเขาในแถบนี้ ทำให้ฟ้าสั่นดินสะเทือน!
สวบ! สวบ! สวบ!
พลังดาบฟันลงกลางอากาศหลายครั้ง ฟันภูเขาขาด แผ่นดินแยก กลางอากาศปรากฏรอยพลังดาบอันน่าสะพรึงกลัวหลายรอย
มองไปไกล ๆ ร่างอรชรของชิงซวงราวกับเซียนดาบหญิง พลังดาบที่คล้ายกับสายรุ้งฟาดฟันทะเลภูเขาจนขาด!
“ไร้ประโยชน์? ไม่ใช่แน่”
ซูอี้ยิ้ม
เขายังคงใช้มือเปล่า ทว่าร่างของเขาผลุบโผล่ประดุจลำแสง รวดเร็วดังลมกรด สามารถหลบพลังดาบที่ฟาดฟันเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างหวุดหวิดและทันเวลาอยู่เสมอ
ได้อยู่ในสภาพย่ำแย่ แต่ให้ความรู้สึกดังจังหวะจิตที่ลอยละล่องไร้สุ้มเสียง
ทว่าจิตสัมผัสของเขากลับจับจ้องไปที่ร่างของชิงซวงนิ่ง รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของพลังลมปราณในตัวฝ่ายตรงข้าม สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของอานุภาพวิถีดาบของฝ่ายตรงข้าม
ด้วยระดับวิถีของซูอี้ในตอนนี้ หากต้องการจะฆ่าผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณไม่ใช่เรื่องยากเลย
ต่อให้ฆ่าจิตดั้งเดิมของขอบเขตสยายวิญญาณก็ไม่ใช่ปัญหา
ทว่าเจอกับนักดาบขอบเขตสยายวิญญาณที่แท้จริง อย่างไรเสียยังคงมีความแตกต่างกันมากเกินไป
หากว่าปะทะโดยตรงโดยใช้กำลังระดับวิถีทั้งหมดของตัวเอง ซูอี้เชื่อมั่นว่าสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ทว่าต้องสูญเสียบางอย่างไป
แต่นี่ไม่ใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายที่ต้องรีบร้อนจบเรื่อง ดังนั้นซูอี้ไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่
ในการต่อสู้กับนักดาบขอบเขตสยายวิญญาณอย่างชิงซวงเช่นนี้ มันทั้งสามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้ และยังสามารถถือโอกาสนี้ทดสอบความสามารถและระดับวิถีของตนเองได้ด้วยว่าที่แท้ก้าวหน้าไปถึงขั้นใด
โดยสรุปแล้ว ชิงซวงถือได้ว่าเป็นหินลับดาบที่ไม่เลวเลยก้อนหนึ่ง!