บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 603 เก้ามหาดินแดน! โลกเทียนเสวียน!
ตอนที่ 603: เก้ามหาดินแดน! โลกเทียนเสวียน!
ตอนที่ 603: เก้ามหาดินแดน! โลกเทียนเสวียน!
ซูอี้พูดไป สายตาทอดมองไปยังชิงซวง “เจ้ามาจากที่ใด”
ชิงซวงลังเล ไม่รู้ว่าควรบอกซูอี้หรือไม่
“เก้ามหาดินแดน โลกเทียนเสวียน”
เวลานั้น เสียงน่าเกรงขามนั้นดังออกจากช่องทางมิติ
เก้ามหาดินแดน!
ม่านตาซูอี้แข็งทื่อไปเล็กน้อย
นับแต่เขาเกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่า ‘เก้ามหาดินแดน’ จากปากคนแปลกหน้า
ต่อให้จิตใจซูอี้เข้มแข็งดุจหินผา ก็ยังอดใจลอยไม่ได้
เก้ามหาดินแดน อยู่ร่วมกัน ณ สถานที่นั้น
และในแผ่นดินเก้ามหาดินแดน มีโลกตั้งอยู่ถึงสามสิบสามแห่งด้วยกัน
หนึ่งในนั้นมีโลกเทียนเสวียน!
หากแบ่งตามเขตแดน โลกเทียนเสวียนอยู่ใกล้กับแดนเป๋ยเสวี่ยซึ่งอยู่ตอนเหนือสุดของเก้ามหาดินแดนที่สุด จึงถูกขนานนามร่วมกับห้าโลกที่เหลือว่า ‘ฉดารกะแห่งเป๋ยเสวี่ย’!
กลุ่มวิถีปราชญ์ในโลกเทียนเสวียนซับซ้อนมาก กลุ่มอำนาจทั้งสามอย่าง วิถีขงจื่อ วิถีพุทธ วิถีอสูร อยู่ร่วมโลกกัน คานอำนาจกันสามฝ่าย
นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลจากแขนงกลุ่มทหาร กลุ่มเต๋า กลุ่มยันต์ รวมถึงสายผู้ฝึกผี
แน่นอนว่าท้ายที่สุดโลกเทียนเสวียนเป็นเพียงหนึ่งในสามสิบสามโลกในปฐพีแห่งนั้น ยากจะเทียบกับเก้ามหาดินแดน
ความต่างชั้นนั้น คล้ายกับอาณาจักรเล็ก ๆ ห่างไกลไปเทียบกับอาณาจักรยิ่งใหญ่อย่างต้าเซี่ยในมหาทวีปคังชิง
‘จักรพรรดิดาบธุลีราตรีมีระดับการฝึกตนอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ และที่โลกเทียนเสวียน พลังระดับนี้ถือเป็นแนวหน้าแล้ว… เพียงแต่ เมื่อก่อนข้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคนผู้นี้มาก่อน เป็นไปได้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายจะบรรลุเป็นจักรพรรดิหลังจากข้ากลับชาติมาเกิด’
ซูอี้ไม่มั่นใจ
เขาไม่รู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับจักรพรรดิดาบธุลีราตรีผู้นี้!
เงียบไปครู่หนึ่ง ซูอี้ส่ายหัว ไม่คิดไปมากกว่านี้
เขาก้าวมาอยู่ข้างกายเยว่ซือฉาน “ข้าขอเลือดหนึ่งหยด”
เยว่ซือฉานผงะ แม้จะแคลงใจ แต่ก็ยังทำตาม
นางกัดปลายนิ้วเป็นแผล เลือดแดงฉานหยดหนึ่งซึมออกมา
ซูอี้หยิบขวดหยกออกมาขวดหนึ่ง เก็บเลือดหยดนี้ไว้ พร้อมกล่าว “เมื่อมีเลือดหยดนี้ วันหน้าหากข้าต้องการหาตัวเจ้าจะง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ”
เยว่ซือฉานเพิ่งถึงบางอ้อ
ซูอี้นำแผ่นหยกออกจากแขนเสื้อ ใช้จิตสัมผัสสลักบัญญัติแสนเร้นลับลึกล้ำลงไป
จากนั้น เขาก็ใช้จิตวิญญาณเป็นตัวนำ ดึงพลังสายหนึ่งออกจากดาบเก้าคุมขัง ผนึกไว้ในบัญญัติภายในแผ่นหยก
“เก็บแผ่นหยกนี้ไว้ หากพบเจออันตรายถึงชีวิต จงใช้พลังของตัวเองเปิดแผ่นหยกนี้”
ซูอี้ยื่นแผ่นหยกให้เยว่ซือฉาน
“ศิษย์พี่ซู สีหน้าของท่าน…”
เยว่ซือฉานค้นพบด้วยความตกใจ เพียงชั่วครู่เดียว ใบหน้าหล่อเหลาของซูอี้ซีดเซียว ความเหนื่อยล้าฉายชัดบนใบหน้าจนปิดบังไม่อยู่
“ไม่เป็นไร”
ซูอี้ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
พลังของเก้าดาบคุมขังดุดันน่ากลัวเกินไป ต่อให้เขาใช้พลังจากบัญญัติผนึกวิญญาณยังฝืนผนึกได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ยังเผาผลาญพลังและจิตวิญญาณของซูอี้อย่างมาก ใบหน้าของเขาถึงได้ซีดเซียวขนาดนี้
“เก็บไว้เถิด”
ซูอี้ยัดแผ่นหยกให้เยว่ซือฉาน “หลังจากนี้ข้าไม่ได้อยู่ข้างกายเจ้าแล้ว เจ้าก็อย่าได้เกียจคร้านในเส้นทางเสาะหาวิถีดาบ”
มือขาวนวลของเยว่ซือฉานรับแผ่นหยกไว้ ตอบอืมไปหนึ่งคำ
หญิงสาวเยือกเย็นดุจน้ำแข็งผู้นี้ จิตใจหาได้ราบเรียบอย่างที่นางแสดงออก
ใคร่ครวญดูแล้ว ซูอี้จึงส่งกระแสปราณ “นอกจากนี้ หลังจากไปถึงโลกเทียนเสวียนแล้ว หากเจ้าพบเจอปัญหายุ่งยากที่ไม่อาจแก้ไข สามารถไปยังแดนบูรพาน้อย ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งแห่งวิถีพุทธ เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว ถ้ามีผู้ใดถาม เจ้าแค่บอกไปว่า ‘ฐานดอกบัวยังอยู่หรือไม่’ จะมีคนมาหาเจ้าเอง ถึงตอนนั้น เจ้าค่อยเล่าปัญหาให้อีกฝ่ายฟัง คนผู้นั้นย่อมช่วยคลี่คลายได้แน่นอน”
เยว่ซือฉานนิ่งอึ้ง สะท้านใจยิ่ง
วาจานี้ส่งผลให้หญิงสาวรับรู้ได้ด้วยปฏิภาณว่าซูอี้รู้จักโลกเทียนเสวียน!
ซ้ำยังรู้แจ้งสถานการณ์ในที่แห่งนั้นเป็นอย่างดี!!
‘แดนบูรพาน้อย’ ‘ฐานบัวยังอยู่หรือไม่?’ ที่ซูอี้กล่าวถึง ยิ่งส่งผลให้เยว่ซือฉานตะลึงมากขึ้น ศิษย์พี่ซู… เป็นใครกันแน่!?
“คำพูดเหล่านี้ อย่าได้บอกผู้อื่นอีก มิฉะนั้น เจ้าจะนำภัยร้ายมาสู่ตัว”
ซูอี้กำชับผ่านกระแสปราณ
เยว่ซือฉานสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะพยักหน้า
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวหยิบปิ่นไม้สีหมองอันหนึ่งออกมา พลางยื่นให้ซูอี้ “ศิษย์พี่ซู นี่คือปิ่นแรกที่ท่านยายซื้อให้ข้าเมื่อครั้งข้ายังเป็นเด็ก ถึงแม้จะไม่ใช่สมบัติล้ำค่าแต่อย่างใด แต่สำหรับข้าแล้ว มีความหมายพิเศษยิ่ง ท่าน… ช่วยรักษาแทนข้าได้หรือไม่”
หญิงสาวเชิดใบหน้าเล็ก ๆ ขึ้น นัยน์ตาเปี่ยมไว้ซึ่งความหวัง
“แน่นอน”
ซูอี้ยิ้ม พร้อมรับปิ่นไม้ไว้
เห็นดังนั้น เยว่ซือฉานรู้สึกโล่งอกขึ้นมาในบัดดล และคลี่ยิ้มออกมา
ชั่วพริบตานั้น ประหนึ่งหิมะละลายท่ามกลางแสงแดดวสันต์ ความงดงามของรอยยิ้มนั้น ส่งผลให้ซูอี้รู้สึกว่าฟ้าดินผืนนี้ต้องหม่นหมองลงไป
“นายหญิงน้อย เราควรไปได้แล้ว”
ห่างออกไปไม่ไกล ชิงซวงร้อนใจนิดหน่อย ช่องทางมิติเริ่มมีวี่แววสั่นคลอนแล้ว ขืนยังไม่ไปอีก เป็นไปได้ว่าเส้นทางนั้นจะพังทลายลง
“ไปเถิด”
ซูอี้บอกเสียงเบา
เยว่ซือฉานไม่ชักช้าอีกต่อไป นางก้าวไปข้างหน้า กระโจนเข้าไปในช่องทางมิติพร้อมกับชิงซวง
“ขอบคุณสหายเต๋าที่ช่วยให้ข้าสมปรารถนา วันหน้าหากมีวาสนาได้พบกันอีก ข้าเยว่ฉางเทียนย่อมตอบแทนแน่นอน!”
เสียงน่าเกรงขามนั้นยังสะท้อนกึกก้อง ช่องทางมิติรูปร่างคล้ายทางเข้าเรือนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็กลายเป็นฝนแสงเจิดจรัสก่อนจะสลายหายไป
จักรพรรดิดาบธุลีราตรีเยว่ฉางเทียนแห่งโลกเทียนเสวียนอย่างนั้นหรือ?
ซูอี้จดจำชื่อนี้ไว้
คืนสงัด สรรพสิ่งเงียบงัน
ภูผาลำธารใกล้ ๆ สึกกร่อนผุพังไปท่ามกลางศึกก่อนหน้านี้ไปแล้ว
กระทั่งวัดร้างที่ก่อนหน้านี้พวกซูอี้ใช้นั่งสมาธิก็พังทลายลงจากการถล่มของขุนเขา
“คุณชายซู ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับโลกเทียนเสวียนหรือไม่?”
เวลานั้น พวกเก๋อเฉียนและหยวนเหิงเดินเข้ามา
“ไม่เคย”
ซูอี้ตอบอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แน่นอนว่าเขาต้องโกหกอยู่แล้ว เขาไม่ต้องการพูดถึงเก้ามหาดินแดนให้มากนัก
“แม่นางซือฉานไปครานี้ ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด…”
ไป๋เวิ่นฉิงถอนหายใจเบา ๆ
“ไปกันเถิด”
ซูอี้ไม่ตอบ มือเขาไพล่หลัง มุ่งหน้าไปยังทิศไกล ๆ
การจากไปของเยว่ซือฉาน หาได้สร้างความเศร้าโศกแก่เขา
กลับกัน เมื่อนึกถึงจุดมุ่งหมายของเยว่ซือฉานคือหนึ่งในสามสิบสามโลกแห่งเก้ามหาดินแดน ซูอี้ก็อดผิดหวังไม่ได้
“ชาติก่อน ข้าฝากฝังเสวียนหนิงไว้กับหลวงจีนเยี่ยนซินแห่งแดนบูรพาน้อย หลวงจีนเฒ่าผู้นี้ก็เดาออกแล้วว่าข้าต้องการไปเสาะหาความลับแห่งการเวียนว่ายตายเกิดที่ภูมิมืดมิด”
“หากหลังจากนี้เยว่ซือฉานพบเจอปัญหาตึงมือจริง ๆ เมื่อไปขอเข้าพบที่แดนบูรพาน้อย หลวงจีนเฒ่าย่อมรู้ว่าข้าซูเสวียนจวินกลับชาติสำเร็จแล้ว”
ซูอี้ตรึกตรองกับตัวเอง “ทว่า ด้วยนิสัยใจคอของหลวงจีนเฒ่า และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับข้า ย่อมไม่ทำสิ่งใดที่ส่งผลเสียต่อข้า”
เมื่อชาติก่อน สหายรักที่ซูอี้ฝากฝังชีวิตไว้ได้มีเพียงหยิบมือ
หลวงจีนเยี่ยนซินคือหนึ่งในนั้น
วันนี้ คือวันที่สิบห้า เดือนสิบ
ตั้งแต่ออกจากนครหลวงจิ๋วติ่งแห่งต้าเซี่ยจวบจนวันนี้ ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว
วันนี้ เยว่ซือฉานก้าวเข้าไปในช่องทางมิติที่บิดาของนาง จักรพรรดิดาบธุลีราตรีบุกเบิกสร้างขึ้นเพื่อไปจากมหาทวีปคังชิง ไปยังโลกเทียนเสวียน
ส่วนกลุ่มของซูอี้ออกเดินทางไปยังต้าโจวต่อ