บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 612 ภัตตาโลหิต
ตอนที่ 612: ภัตตาโลหิต
ตอนที่ 612: ภัตตาโลหิต
“ไปเดินเล่นที่วังหลวงกันเถิด”
ซูอี้ลุกจากเก้าอี้หวาย พลางแหงนมองขึ้นสู่นภา
มันคือยามย่ำค่ำ มืดมัวสลัว
สีหน้าของหลวงจีนหงจี้พลันผันแปร “นายน้อยอย่าวู่วาม ในวังหลวงมีหนึ่งผู้เฒ่า สองอารักษ์ สี่ผู้ดูแล และสิบแปดผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้อยู่ พลังของพวกเขามากพอจะกวาดล้างทุกศัตรูในต้าโจวได้…”
จากนั้น เขาก็รีบแนะนำตัวตนของคนเหล่านั้น
ผู้เฒ่าของตำหนักมารเทียนอวี้ในวังหลวงมีนามว่าฮั่วหงไถ เป็นมหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ
อารักษ์ทั้งสอง หนึ่งชื่อหลิ่วอิ๋ง อีกหนึ่งชื่อต้วนพั่วเจี่ย ทั้งคู่ต่างอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา
ผู้ดูแลทั้งสี่มีพื้นฐานฝึกฝนอยู่ในขอบเขตเปิดทวาร
ส่วนผู้ฝึกตนอีกสิบแปดล้วนแล้วแต่เป็นทายาทจากตำหนักมารเทียนอวี้ พวกเขาทั้งหมดฝึกฝนอยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญ
หลังจากฟังจบ ก่อนซูอี้จะทันพูดอันใด หยวนเหิงก็ยิ้มเยาะ “อำนาจเล็กจ้อยนี้ไม่อาจคณามือนายท่าน เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก”
ไป๋เวิ่นฉิงเองก็พยักหน้า พลางกล่าวว่า “ใช่ ยากจะเป็นภัยต่อทั้งคุณชายซูและข้า”
กระทั่งเก๋อเฉียนผู้ระแวดระวังยังถอนหายใจโล่งอกพลางกล่าวว่า “ข้าก็ยังคิดว่าตำหนักมารเทียนอวี้แข็งแกร่งยิ่ง ทว่าหากมีแค่นี้ก็คงไม่พอคณามือจริง ๆ”
หลวงจีนหงจี้ “…”
เขาตะลึงจริงแท้ คนเหล่านี้… กล้าดีเช่นไรจึงไม่เห็นเหล่าเทพเซียนเดินดินในสายตา?!
“ไปกันเถิด”
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็ออกจากลานซงเฟิงเปี๋ย
ยามเมื่อหลวงจีนหงจี้อ้าปากอยากพูดบางอย่าง หยวนเหิงก็เตือนสติอย่างเมตตา “หลวงจีน สิ่งที่ท่านได้ยินมาผิด ทว่าสิ่งที่ท่านเห็นถูกแล้ว ท่านควรมากับเราเพื่อดูความสนุกนะ”
“นี่…”
หลวงจีนหงจี้ลังเลอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเมื่อเขาเห็นซูอี้และคณะเริ่มการกระทำของพวกตนแล้ว เขาก็กัดฟันตามไปทันที
…
วังหลวงภายใต้ยามพลบค่ำอาบไล้แสงสีส้มแดงเป็นชั้น
โถงใหญ่
หม้อน้ำสำริดเก้าใบวางแทนตำหนักทั้งเก้า
ยามนี้ ผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งหยิบขวดสมบัติของตน เทโลหิตข้นสีชาดลงในหม้อยักษ์ทั้งเก้า
นี่คือภัตตาโลหิตหลังหล่อหลอม มีปราณโลหิตมหาศาลน่าอัศจรรย์
เมื่อผู้ฝึกตนกลุ่มนี้เทโลหิตต่อ สีของหม้อน้ำสำริดยักษ์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงดั่งเลือด
โลหิตในหม้อน้ำยักษ์ทั้งเก้าหนาแน่นกระเพื่อมไหวตลอดเวลา กลิ่นโลหิตปะทะเต็มจมูก
โจวจือหลีนั่งอยู่ข้างโถง มองภาพเหล่านี้จากไกล ๆ ใบหน้าซีดเซียว มือกำแน่น พยายามฝืนไม่อาเจียน
“มันก็แค่กลิ่นเลือดนิดหน่อย ฝ่าบาททนไม่ไหวแล้วหรือ? ช่างอ่อนแอเสียจริง”
ผู้ฝึกตนผู้หนึ่งยิ้มเยาะ
ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ หัวเราะคลอ
โจวจือหลีแสดงสีหน้าอับอาย ก้มหน้าก้มตาไม่พูดจา ทว่าที่จริงแล้วเขาชิงชังจับใจ
ผู้ฝึกตนชุดดำเหล่านี้มาจากตำหนักมารเทียนอวี้ ในช่วงเวลาเหล่านี้ พวกเขาทำตามอำเภอใจในวังหลวง ไม่เห็นหัวฮ่องเต้แห่งต้าโจวอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
“เร็วเข้า เม็ดยาจิตโลหิตมารที่หลอมได้ต้องถูกส่งให้ผู้เฒ่าฮั่ว อย่าเสียเวลา”
ไกลออกไปบนบัลลังก์มังกรมีชายชราหนวดสีเทาทอดร่างอยู่ เขามีเบ้าตาลึกโหลและบุคลิกเย็นชา
ต้วนพั่วเจี่ย!
หนึ่งในอารักษ์แห่งตำหนักมารเทียนอวี้
เมื่อได้ยินเสียงนี้เข้า ผู้ฝึกตนเหล่านั้นก็ไม่กล้าเฉยเมย พวกเขาเร่งลงมือ
“เพื่อหลอมเม็ดยาจิตโลหิตมารอะไรนั่น ตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกท่านไม่ลังเลจะปล่อยสัตว์ปีศาจจากทั่วโลกเพื่อทำร้ายผู้คนเพื่อรับภัตตาโลหิต”
โจวจือหลีมองต้วนพั่วเจี่ย แล้วอดถามไม่ได้ “ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าพวกท่านต้องการทำอันใดกันแน่?”
ต้วนพั่วเจี่ยหันไปตอบโจวจือหลีด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่เจ้าควรรู้ เราย่อมบอกเจ้า และหากเจ้าไม่ควรรู้ ไม่รู้ก็ย่อมดีกว่า”
โจวจือหลีกล่าวอย่างจริงจัง “เช่นนั้นพวกท่านจะไปหนใดต่อ? จะหยุดลงเมื่อไร? ต้องฆ่าทุกคนในใต้หล้าต้าเซี่ยหรือไร?”
ต้วนพั่วเจี่ยดูพิลึก ก่อนกล่าวว่า “ก็แค่อาณาจักรเล็ก ๆ อ่อนแอ แม้จะสังหารคนทุกผู้ เม็ดยาจิตโลหิตมารก็คงห่างไกลจากเพียงพอ”
สีหน้าของโจวจือหลีเปลี่ยนฉับพลัน แทบไม่เชื่อหูตนเอง
“แน่นอน แม้เราจะเป็นพรรคมาร ทว่าเราก็คงไม่ทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการจับปลาน้ำขุ่นหรอก จากนี้สักพัก เราจะไปยังต้าเว่ยและต้าฉินเพื่อรับภัตตาโลหิตต่อ”
ต้วนพั่วเจี่ยกล่าวช้า ๆ “จากการคาดการณ์ หากได้รับภัตตาโลหิตวันละแสนจิน ในสามเดือนคงพอหลอมเม็ดยาจิตโลหิตมารได้”
สามเดือน!
ภัตตาโลหิตวันละแสนจิน!
โจวจือหลีมือเท้าเย็นวาบ หัวใจสั่นสะท้าน
เท่าที่เขารู้ ภัตตาโลหิตหนึ่งจินจะได้มาจากการสังหารคนหนุ่มสาวสิบคนและหลอมแก่นเลือดของพวกเขา
การเก็บภัตตาโลหิตวันละแสนจินทุกวันหมายความว่าผู้คนหลายล้านต้องถูกเข่นฆ่าต่อวัน!
หากมันดำเนินไปสามเดือน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีผู้ถูกฆ่าเก้าสิบล้านคน ก่อนที่ตำหนักมารเทียนอวี้จะหลอมเม็ดยาจิตโลหิตมารได้พอ!
เมื่อความชั่วร้ายโหดเหี้ยมนี้กระจายออกไป โลกนี้จะต่างจากอเวจีเช่นไร?
“หากทำเช่นนี้ พวกท่านไม่กลัวถูกทัณฑ์สวรรค์หรือไร?”
ใบหน้าของโจวจือหลีซีดลงทุกขณะ เขาไม่อาจนึกว่าเหตุใดโลกนี้จึงมีผู้ฝึกตนอันป่าเถื่อนกระหายเลือด ใช้ชีวิตคนเป็นผักปลาเช่นนี้อยู่
นี่ไม่ได้โหดร้ายอีกต่อไป แต่ผิดมนุษย์!
“ทัณฑ์สวรรค์?”
ต้วนพั่วเจี่ยอดหัวเราะไม่ได้ “เราคือผู้ฝึกตนปีศาจ ก้าวเดินเพื่อท้าทายสวรรค์ ไยเล่าต้องกังวลเรื่องนี้? พ่อหนุ่ม เจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนอยู่ดีนี่นะ เฮอะ!”
เสียงของเขาเต็มไปด้วยคำดูแคลนและความมั่นใจ
โจวจือหลีสิ้นปัญญา เขาไม่เข้าใจตรรกะเช่นนี้เลยสักนิด
เนิ่นนานจากนั้น เขาก็ส่ายหน้าอย่างขมขื่น พลางกล่าวว่า “ไม่พูดถึงเรื่องนี้กันเถิด ข้าก็แค่อยากถาม ว่าเหตุใดตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกท่านจึงมาไล่จับคนผู้เกี่ยวข้องกับอัครมหาเสนาบดีซู? เขาไม่เคยล่วงเกินท่านนี่”
ต้วนพั่วเจี่ยครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “นี่คือคำสั่ง”
“คำสั่งของผู้ใด?”
โจวจือหลีงุนงงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉู่ซิว”
เสียงทุ้มลึกเสียงหนึ่งดังขึ้นในโถงกะทันหัน
เมื่อเสียงปรากฏ ร่างสองร่างก็พลิ้วกายมาหา
ผู้หนึ่งร่างสูงใหญ่ และอีกผู้สดสวยสง่างาม
พวกเขาคือหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิง
ต้วนพั่วเจี่ยลุกพรวดขึ้นจากบัลลังก์มังกร และเหล่าผู้ฝึกตนซึ่งกำลังเทเลือดลงสู่หม้อน้ำยักษ์ทั้งเก้าต่างหยุดมือหันมามอง
โจวจือหลีเองก็รีบร้อนลุก ทว่าเขาไม่เคยพบเจอหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิง จึงทำได้เพียงงุนงงว่าทั้งสองเข้ามายังราชวังหลวงได้เช่นไร? หรือทั้งสองจะเป็นเทพเซียนเดินดิน?
“เจ้าเป็นใคร? กล้าดีเช่นไรจึงกล้าบุกรุกพื้นที่ของตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกข้า?”
ชายชุดสีเทาจากตำหนักมารเทียนอวี้ตะโกนด้วยสีหน้าถมึงทึง
ต้าโจวในยามนี้ไม่ต่างจากถูกตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกเขาครอบครอง
ทว่ายามนี้กลับมีผู้หาญกล้าบุกรุกเข้ามายังสถานที่แห่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกเขาอยู่ในสายตา!
ตู้ม!
หยวนเหิงยกมือวาดไปบนอากาศ และหัวของชายชุดเทาในขอบเขตไร้เบญจธัญก็ระเบิดกลายเป็นโลหิตปลิวกระจาย ตายอนาถคาที่
ง่ายดายราวฆ่าแมลงวัน
“แค่ปลาเล็กปลาน้อยในขอบเขตไร้เบญจธัญ… แต่กลับกล้ามาโวยวาย? สมควรตายนัก!”
หยวนเหิงกล่าวอย่างดูแคลน
ไป๋เวิ่นฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง สังเกตชัดเจนว่าการกระทำและการวางตัวของหยวนเหิงในยามนี้ได้รับอิทธิพลจากซูอี้ผู้เป็นนายมาเต็ม ๆ …ด้วยพวกเขาขณะนี้ดูร้ายกาจเข้ากระดูก!
“เจ้ากล้าฆ่าคนจากตำหนักมารเทียนอวี้ของข้าได้เช่นไร!?”
เหล่าผู้ฝึกตนในห้องโถงต่างฮือฮา ทั้งตกใจและโกรธเคือง
โจวจือหลีก็ตกใจเช่นกัน ทว่าก็รู้สึกสุดปรีดาในใจทันที สีหน้าปรากฏความตื่นเต้น ฆ่าได้ดี! ยอดเยี่ยม!
ยามนี้ ต้วนพั่วเจี่ยผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพลันลุกขึ้นและกล่าวเสียงแข็ง “พวกสารเลว เจ้ากล้าเหิมเกริมโดยไม่มองว่าเป็นถิ่นผู้ใด รนหาที่ตายโดยแท้!”
“ก็จริง”
หยวนเหิงยิ้มกริ่มพลางยืดตัวขึ้น ผลการฝึกฝนขั้นกลางของขอบเขตรวบรวมดาราพลันถูกปลดปล่อยในพลัน
ตู้ม!
ห้องโถงสั่นสะเทือนรุนแรง แรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นทำให้เหล่าผู้ฝึกตนซึ่งอยู่เพียงในขอบเขตไร้เบญจธัญหน้าซีด วิญญาณหลุดลอย
“ขอบเขตรวบรวมดารา! คนผู้นี้อยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา!”
ใครสักคนกรีดร้องลนลาน
ม่านตาของต้วนพั่วเจี่ยหดตัว สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “หรือสหายเต๋าจะเป็นเช่นข้า ไม่ได้มาจากมหาทวีปคังชิงนี้หรือ?”
เท่าที่เขารู้ ผู้ฝึกตนทั้งหลายในอาณาจักรต้าโจวนี้ อย่าว่าแต่ขอบเขตรวบรวมดาราเลย ขอบเขตเปิดทวารยังหาได้ยากยิ่ง
ทว่ายามนี้ปรากฏผู้อยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราเข้ามาหา จึงทำให้ต้วนพั่วเจี่ยสงสัยว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้เป็นคนของมหาทวีปคังชิงเฉกเช่นตน
“คนใกล้ตายเพ้อเจ้อนัก เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเรามาคุยเล่น?”
หยวนเหิงก้าวเข้ามา “เวิ่นฉิง มดปลวกตัวจ้อยพวกนั้นยกให้เจ้า ข้าจะจัดการเจ้าแก่นี่!”
ไป๋เวิ่นฉิงพยักหน้าน้อย ๆ “ได้”
“รีบแจ้งผู้เฒ่าฮั่วเร็ว ข้าจะหยุดพวกเขาไว้!”
เห็นเช่นนี้ ต้วนพั่วเจี่ยก็ตะโกนทันที
ตู้ม!
ยามเอื้อนเอ่ย เขาก็ลงมือทันที ยื่นมือออกไปคว้าง้าวสีเลือดออกมาเล่มหนึ่งซึ่งแผ่แสงสีเลือดพุ่งสู่ฟ้า ฟาดข้ามนภาสู่หยวนเหิง
โจวจือหลีสูดหายใจเฮือก
ต้วนพั่วเจี่ยเองก็เป็นผู้อยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา ฝึกฝนตามวิถีชั่วร้าย อำนาจต่อสู้ร้ายกาจ นี่ทำให้โจวจือหลีหลั่งเหงื่อแทนหยวนเหิง
ทว่าพริบตาเดียว โจวจือหลีก็ต้องตกตะลึง
เพราะเขาเห็นหยวนเหิงพุ่งไปเบื้องหน้า ตราหมัดถูกประทับ แล้วง้าวสีเลือดก็ระเบิดออกทีละนิ้วราวทำจากกระดาษ ปลิวว่อนทุกทิศทาง
ทว่าตราประทับหมัดยังคงไม่ถูกขวางกั้น มันก็พุ่งกระแทกเข้าที่อกของต้วนพั่วเจี่ย
ตู้ม!
ร่างของต้วนพั่วเจี่ยกระเด็นปลิวละลิ่ว ฟาดเข้าใส่บัลลังก์มังกรเบื้องหลังไปกระแทกตัวฝังกำแพง เศษหินปลิวว่อน
เห็นได้ชัดเจนว่ามีรอยประทับหมัดจมเข้าไปในอก โลหิตทะลักไหลจากปากและจมูก สีหน้าซีดราวกระดาษ
หนึ่งหมัดปราบอารักษ์ในขอบเขตรวบรวมดาราแห่งตำหนักมารเทียนอวี้!
ภาพที่รออยู่นี้ทำให้ผู้ชมตกตะลึงทันที
โจวจือหลีอึ้งเสียจนกรามแทบร่วง ชายผู้นี้เป็นใคร เหตุใดอำนาจต่อสู้แข็งแกร่งน่าหวาดเกรงนัก!?
ผู้ฝึกตนในขอบเขตไร้เบญจธัญซึ่งวางแผนหนีจากโถงเพื่อขอความช่วยเหลือเหล่านั้นต่างก็ตกใจ หนังหัวชายิบ หัวใจสั่นสะท้าน
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากหนี ทว่าต้วนพั่วเจี่ยพ่ายเร็วเกินไป อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสจากหมัดเดียว ทำให้พวกเขาไร้โอกาสหลบหนี!
ยามนี้ ไป๋เวิ่นฉิงซึ่งยืนคุมหน้าโถงหลักก็เคลื่อนไหว
นางยกมือดั่งหยกขึ้นโบกในอากาศ
คมมีดน้ำแข็งใสกระจ่างพุ่งออกมา แผ่บรรยากาศหนาวเยือกกัดกิน ยามมันพุ่งออกมา ผู้ฝึกตนในขอบเขตไร้เบญจธัญเหล่านั้นก็ถูกบั่นหัวราวตุ๊กตาฟางในบัดดล
ไม่เหลือชีวา!
นี่คืออำนาจบดขยี้เด็ดขาด ไม่ต่างจากการบี้มดแม้แต่น้อย!
“ขอบเขตรวบรวมดาราอีกคนแล้ว…”
ต้วนพั่วเจี่ยชะงักค้าง วิญญาณหลุดลอยราวนางสนมไว้ทุกข์
นอกจากจะตกใจ โจวจือหลีก็ปรีดาลิงโลดอย่างช่วยไม่ได้!