บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 616 อัครมหาเสนาบดีซู!
ตอนที่ 616: อัครมหาเสนาบดีซู!
ตอนที่ 616: อัครมหาเสนาบดีซู!
ซูอี้ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้ถูกส่งมายังหุบเขามารบุปผาโลหิตมากเพียงใด
และไม่รู้ว่ามีกองกำลังป้องกันของตำหนักมารเทียนอวี้มากเพียงใดในรังเก่านี้
ทว่าเขาไม่สนใจ
เมื่อแข็งแกร่งพอ เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ต้องใส่ใจเลย ก็แค่ฆ่าไปตลอดทางเท่านั้น!
ในเก้ามหาแดนดิน คนทุกผู้ที่ประสบความสำเร็จในวิถีดาบต่างมีสิ่งหนึ่งเหมือนกันในยามศึก
พวกเขาแข็งแกร่ง!
แข็งแกร่งเสียจนไม่ใส่ใจลูกไม้หรืออุบาย ใช้เพียงหนึ่งดาบสังหารสิ้น
หนึ่งดาบหยุดเพทุบาย!
นี่ไม่ใช่การวู่วาม แต่เป็นอำนาจของนักดาบ!
เป็นตายรับได้ หากไม่เห็นด้วยก็แค่ลงมือ
แน่นอน นักดาบซึ่งไม่แข็งแกร่งพอแต่กลับกล้าจะตายอย่างน่าอนาถใจ…
“หือ? เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน?”
กลุ่มคนปรากฏขึ้นตรงหน้า มองซูอี้ที่เข้ามาจากระยะไกลอย่างงุนงง
ฉับ!
ซูอี้ยกมือขึ้นกวาด ปราณดาบก่อตัวขึ้นแหวกอากาศ สร้างหลุมลึกไร้ก้นบึ้งยาวหลายร้อยจั้ง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูอี้ทำเพียงเดินหน้า ไม่เอ่ยวาจาใด
คนเหล่านั้นต่างชะงักนิ่งราวรูปปั้นดินเหนียว เหงื่อแตกซึมทั่วกาย ไม่กล้าหยุดเขา
“ช่างแข็งแกร่งนัก!”
เมื่อชายชราชุดขาวหลี่ฉางหลิ่นและคณะตามมาถึง พวกเขาก็ตะลึงเมื่อเห็นรอยดาบยาวร้อยจั้ง
“พี่หลี่ ชายหนุ่มเมื่อครู่เป็นใครหรือ?”
นักรบที่ถูกทำให้ตกใจกลัวอดถามไม่ได้
“ยอดฝีมือผู้มาสังหารตำหนักมารเทียนอวี้ ในสายตาคนรุ่นข้า เขาคือแสงที่ตัดผ่านความมืด คู่ควรให้คนรุ่นข้าติดตาม!”
หลี่ฉางหลิ่นกล่าวอย่างหนักแน่น
เขากล่าวพลางก้าวเท้ายาว ๆ ผ่านไปกับผู้คนรอบกาย
“ไป ไปดูกันเถิด”
ในหมู่คนเหล่านั้น มีคนบางผู้อดติดตามไปไม่ได้
ไม่นานนัก คนอื่น ๆ ก็ตามพวกเขาไป
ซูอี้สังเกตเห็นว่ามีผู้คนติดตามเขามาจากไกล ๆ ทว่าก็เมินเฉยและเดินต่อ
ไม่นานนัก เนินน้อย ๆ ก็ปรากฏขึ้นไกลออกไป
ศิษย์ตำหนักมารเทียนอวี้สี่ถึงห้าคนกำลังกินดื่มอยู่บนเนิน พูดคุยขำขันเฮฮา
ไม่ไกลไปนัก กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังปลูกสมุนไพรวิญญาณราวข้าทาส
การฟื้นตัวของปราณวิญญาณทั่วฟ้าดินคือจังหวะเวลาอันเหมาะที่จะเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณ
“หือ?”
ชายผู้หนึ่งจากตำหนักมารเทียนอวี้สังเกตเห็นซูอี้ ทีแรกรู้สึกแปลก ๆ แต่เมื่อเขาเห็นหลิ่วอิ๋งในมือซูอี้ สีหน้าของเขาก็แปรผัน
“มีบางอย่างผิดปกติ!”
ชายผู้นั้นผุดลุกขึ้น “เตรียมตัว…”
ฉับ!
ประกายดาบส่องสว่าง
ก่อนจะทันพูดจบ ศีรษะของชายผู้นั้นก็กระเด็นหลุดจากบ่า ปล่อยโลหิตพวยพุ่งเป็นน้ำพุ
ผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้อีกสามคนต่างตกใจกลัว ทว่าก่อนทันได้กระดิก พวกเขาต่างก็ถูกปราณดาบบั่นหัวคาที่
ง่ายดั่งเชือดไก่!
เหล่าคนที่กำลังปลูกสมุนไพรใกล้ ๆ เนินน้อยต่างตะลึงตกใจกับภาพนองเลือดนี้
พวกเขาไม่ได้สติคืนจนกระทั่งยามซูอี้จากไป ก่อนที่สีหน้าของพวกเขาจะแปรเปลี่ยน
“คนผู้นั้นคือใคร ใครกันที่กล้าบุกเขตปกครองของตำหนักมารเทียนอวี้?”
“สี่คนนั้นต่างเป็นยอดฝีมือในขอบเขตไร้เบญจธัญ แต่ถูกสังหารง่ายเพียงนี้หรือ?”
“สวรรค์!!”
ระหว่างการหารือ พวกหลี่ฉางหลิ่นก็ไล่ตามมาทัน
เมื่อเห็นฉากนองเลือดนี้ หัวใจของพวกเขาก็ยิ่งตะลึงและตื่นเต้น
แข็งแกร่งยิ่ง!
ชายผู้นั้น… เป็นเทพเซียนผู้ใด?
ไม่นานนัก เมื่อหลี่ฉางหลิ่นและคณะไล่ตามซูอี้ต่อ คนอื่น ๆ ก็เข้ามาเสริมอีกมากมาย จนมีคนมากกว่ายี่สิบคนในยามนี้!
ยิ่งกว่านั้น เมื่อซูอี้เดินทางลึกขึ้นเรื่อย ๆ จำนวนผู้คนที่เสริมเข้าไปในกลุ่มของหลี่ฉางหลิ่นก็ยิ่งเพิ่ม…
นับแต่ต้นจนจบ ซูอี้ไม่ได้สนใจพวกเขาเลย
ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปด้านใน ไม่เร็วและไม่ช้า หากพบคนเดินเตร่ เขาจะปาดปราณดาบออกไปหนึ่งเส้นเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และคนผู้นั้นก็จะไม่กล้ายุ่งกับชายหนุ่มอีก
หากพบศิษย์ตำหนักมารเทียนอวี้ เขาจะไม่มอบโอกาสให้พูดอันใดทั้งสิ้น และลงมือสังหารทันที
เขาเดินไปตลอดทางอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า!
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้พวกหลี่ฉางหลิ่นผู้ติดตามมาตลอดทางต่างตื่นเต้นกระตือรือร้น
หนึ่งคนหนึ่งดาบ ราวไร้ต้านในโลกหล้า!
ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้นกับบุคคลเช่นนี้?
“สารเลวนี่มาจากหนใด กล้าเข้ามาก่อความวุ่นวายในเขตตำหนักมารเทียนอวี้ของข้า!?”
จู่ ๆ เสียงตะโกนอันเย็นชาก็ดังขึ้น
ไกลออกไป สามเงาร่างปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า นำโดยชายชุดแดงผู้หนึ่ง นัยน์ตาเย็นชาราวมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบ บรรยากาศน่าหวาดกลัว
ผู้ดูแลทั้งสาม!
ยามเมื่อเห็นคนทั้งสามนี้จากระยะไกล สีหน้าของพวกหลี่ฉางหลิ่นก็เปลี่ยนแปรราวถูกราดน้ำเย็นจัดใส่ และอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซูอี้ผู้อยู่ไกล ๆ
เหล่าผู้ดูแลจากตำหนักมารเทียนอวี้ต่างมีระดับฝึกฝนในขอบเขตเปิดทวาร!
ดูเหมือนว่าหากเลือกคนเหล่านี้มาสักคน ก็จะไร้ผู้ต่อกรในต้าโจวนี้!
ในขณะเดียวกัน ข้างกายชายชุดแดง สตรีโฉมงามใบหน้าหยาดเยิ้มผู้หนึ่งหัวเราะขึ้นกะทันหัน “และพวกเจ้าเหลือขอ มาทำอันใดด้วยกันที่นี่ ยังคิดกบฏอีกหรือไร?”
ดวงตาชุ่มชื้นของนางมองกวาดไปทางคณะของหลี่ฉางหลิ่นหนึ่งครั้ง
ยามนี้ ทุกคนต่างแข็งทื่อไม่อาจขยับ สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจ หวาดหวั่นลนลานในใจไม่อาจควบคุม
อีกฝั่งข้างกายชายชุดแดง ชายร่างกำยำผู้หนึ่งเห็นหลิ่วอิ๋งในมือซูอี้ และกล่าวอย่างประหลาดใจทันที “ศิษย์พี่โม่ ดูสิ เจ้าหนุ่มนั่นดูเหมือนจะกำลังแบก…”
ฉัวะ!
ปราณดาบสายหนึ่งฉายวาบขึ้นจากอากาศธาตุ พุ่งผ่านคอของชายร่างกำยำ
ผู้ดูแลในขอบเขตเปิดทวารผู้นี้ร่วงจากอากาศ กระแทกพื้นดังตูมด้วยกิริยามือวางบนคอ
ตายอนาถคาที่!
“นี่มัน…”
พวกหลี่ฉางหลิ่นต่างตะลึงงัน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เห็นเพียงซูอี้สังหารผู้ฝึกตนในขอบเขตไร้เบญจธัญเยี่ยงฆ่าไก่
แย่แล้ว!
ชายชุดแดงและหญิงงามต่างหน้าซีดตกใจ หันหลังหนี
ซูอี้ดีดนิ้วสองครั้งติดกัน
ทันใดนั้น ร่างของสองผู้ฝึกตนในขอบเขตเปิดทวารต่างร่วงจากฟ้าลงมาตายบนพื้น มีรูนองเลือดอันน่าหวาดหวั่นอยู่ที่คอทั้งคู่
ซูอี้ไม่แม้กระทั่งหันมอง เขาเดินต่อไปเบื้องหน้า
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้พวกหลี่ฉางหลิ่นเดือดพล่าน พวกเขาโห่ร้องตะโกน
“สังหารได้ดี!”
“นี่… ผู้อาวุโสท่านนี้คือทูตที่เทพเซียนส่งจุติลงมาช่วยเราหรือ?”
“ฮ่า ๆๆ พวกมารชั่วที่ทำแต่เรื่องชั่วช้า ในที่สุดก็ถูกกรรมตามสนอง! ยินดี ยินดีแท้!”
คนส่วนใหญ่ในหมู่พวกเขาถูกบังคับให้จำนนเนื่องด้วยอำนาจชั่วร้ายของตำหนักมารเทียนอวี้ ในระหว่างช่วงเวลานี้ พวกเขาต่างทนทุกข์ถูกข่มเหงรังแก ทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงอดทน
ทว่ายามนี้ เมื่อเห็นภาพเหล่านี้ จะไม่ตื่นเต้นยินดีได้เช่นไร?
ทว่าสำหรับซูอี้ มันช่างให้ความรู้สึกน่าเบื่อ ไม่น่าสนใจเลย
เพราะสิ่งที่เขาได้พบมาตลอดทางมีเพียงผู้อ่อนแอไร้ทางสู้!
ครึ่งชั่วยามถัดมา
ซูอี้สังหารศิษย์ตำหนักมารเทียนอวี้ไปมากกว่ายี่สิบ และผู้ดูแลในขอบเขตเปิดทวารอีกห้าคน ในที่สุดก็เข้ามาลึกในหุบเขามารบุปผาโลหิต
ส่วนจำนวนคนเบื้องหลังเขามากมายมหาศาล มีมากกว่าร้อยคนแล้ว!
สีหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเฝ้าคอย เหมือนเช่นคำกล่าวของหลี่ฉางหลิ่น การติดตามซูอี้ไปตลอดทางนั้นราวตามแสงสว่างที่ทะลวงความมืด ส่องความหวังให้พวกเขาทั้งหมดเห็น!
และความหวังนี้ จากเล็กจ้อยในทีแรก ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ!
ไม่ว่าอย่างไร เมื่อยามแรกพบซูอี้ กระทั่งหลี่ฉางหลิ่นยังคิดเลยว่าการที่ซูอี้ออกล่าสังหารยอดฝีมือจากตำหนักมารเทียนอวี้ตามลำพังนั้นไม่ต่างจากคนบ้า
…
ลึกเข้าไปในหุบเขามารบุปผาโลหิต มีช่องผามโหฬารที่เชื่อมไปยังโลกใต้พิภพ
รอบรอยแตกนั้น มีแท่นโบราณร้อยแปดแท่นตั้งอยู่ในสภาพเสียหายพังทลาย
หลังจากซูอี้มาถึงตรงนี้ ในที่สุดก็หยุดฝีเท้า
“ซูอี้แห่งต้าโจวมาคารวะหุบเขา!”
เขากล่าวอย่างใจเย็น
ทว่าเสียงของเขาดังกังวานทั่วทิศ สะทกสะท้านทั่วฟ้าดินในหุบเขามารบุปผาโลหิต ทะลวงหมู่เมฆาสิบทิศและเคลื่อนผ่านโลกใต้พิภพใต้รอยแยก
เหล่าผู้กระจายอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในหุบเขามารบุปผาโลหิตต่างตกตะลึงจนหยุดขยับตัว
“ซูอี้?”
บรรยากาศชะงักงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นผู้คนก็เดือดพล่าน
“อัครมหาเสนาบดีซู!?”
ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากมายเพียงไรที่ตื่นตะลึง พวกเขาหวนนึกถึงตำนานของชายหนุ่มผู้เคยโด่งดังทั่วโลกหล้าและได้รับเถลิงบรรดาศักดิ์ในต้าโจวขึ้นมาได้!
“เหตุใดอัครมหาเสนาบดีซูจึงมายังหุบเขามารบุปผาโลหิต? หรือเขาจะอยากต่อกรกับตำหนักมารเทียนอวี้?”
มีคนกล่าวอย่างตกตะลึง
“ไป ไปดูกัน!”
ยามนี้ ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเพียงไรที่ตื่นเต้น รีบรุดไปยังทิศทางต้นเสียงโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด
ซูอี้!
ตำนานผู้ผงาดในต้าโจว อัจฉริยะผู้ครั้งหนึ่งเคยเหยียบย่างสามอาณาจักร ต้าโจว ต้าเว่ย และต้าฉินด้วยตัวคนเดียว!
ในใจของเหล่าผู้ฝึกตนแห่งโลกหล้า ซูอี้ราวกับเป็นตำนานไร้พ่าย
แม้จะไม่ได้ยินข่าวคราวของเขามาหลายเดือนแล้ว แต่เมื่อชายหนุ่มปรากฏกาย ใครเล่าจะเมินเฉยต่อเขาได้?
“ที่แท้… ที่แท้เขาก็คืออัครมหาเสนาบดีซู…”
ยามนี้ หลี่ฉางหลิ่นเองก็เหม่อลอย ริมฝีปากระริกไหว
ในที่สุดเขาก็รู้ ว่าชายหนุ่มชุดเขียวผู้ถือดาบบุกเดี่ยวเข้ามาราวไร้คู่เปรียบผู้นี้คือใคร!
เหล่าผู้คนเบื้องหลังหลี่ฉางหลิ่นเองต่างก็ส่งเสียงฮือฮา
อัครมหาเสนาบดีซู!
ในหมู่ผู้ฝึกตนแห่งต้าโจว ใครเล่าจะไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้มีน้ำหนักเพียงไร?
“ไม่ได้ข่าวคราวของเขามาสองสามเดือน ทว่าอัครมหาเสนาบดีซูดูจะเปลี่ยนไป แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนนัก!”
ใครสักคนพึมพำ
“ในกาลก่อน เรื่องที่อัครมหาเสนาบดีซูเคยสังหารตัวตนชั่วร้ายลึกเข้าไปในทะเลวิญญาณโกลาหลแห่งต้าฉินเป็นตำนานที่แซ่ซ้องไปทั่วหล้า ใต้หล้ายกยอเขาเป็นเซียน กล่าวกันว่าเป็นบุคคลที่มีได้เพียงบนสวรรค์ ยามนี้ ดูเหมือนว่าอัครมหาเสนาบดีซูจะแข็งแกร่งเกินข่าวลือไปไกลนัก!”
ใครบางคนตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ไม่ต้องสงสัยเลย ในสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ อัครมหาเสนาบดีซูแปรเปลี่ยนกายาดุจกิเลนทอง กลายเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งในเส้นทางแห่งการฝึกตนไปแล้วแน่ หาไม่ เขาจะสังหารผู้ฝึกตนในขอบเขตเปิดทวารราวเชือดไก่ฆ่าลิงเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”
ใครสักคนทอดถอนใจ
ยามนี้ เหล่านักรบบนหุบเขามารบุปผาโลหิตต่างเลือดเดือดพล่าน
แค่เพราะชายหนุ่มในตำนานกลับมาปรากฏสู่หล้า!
“ชายผู้นั้นคือ… อัครมหาเสนาบดีซู?”
เหล่าผู้แต่เดิมคิดว่าการที่หลี่ฉางหลิ่นติดตามซูอี้ไปนั้นไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย และเคยคิดว่าการกระทำของพวกหลี่ฉางหลิ่นคือความโง่เง่าโดยแท้
ทว่ายามนี้ เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงอันกังวานทั่วทิศสะท้อนก้องฟ้าดิน พวกเขาต่างตะลึงเสียจนวิญญาณล่องลอย
ในขณะเดียวกัน ผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้ซึ่งกระจายรอบหุบเขามารบุปผาโลหิตต่างก็ได้รับข่าว!
หากมองลงมาจากนภา จะเห็นเส้นแสงมากมายทะลวงเวหา พุ่งเข้าสู่ทิศที่อยู่ของซูอี้จากทั่วสารทิศ
และในโลกใต้พิภพนั้น
ยามเมื่อเสียงของซูอี้กังวานทั่วทิศ มันก็ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่เช่นกัน