บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 617 ทารกศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 617: ทารกศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 617: ทารกศักดิ์สิทธิ์
โลกใต้พิภพ
มีตำหนักและศาลามากมาย
สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เพิ่งถูกผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้สร้างขึ้นเมื่อไม่นานนี้
ขุมอำนาจมารจากมหาทวีปเทียนตูถือที่แห่งนี้เป็นรังนอน และในหมู่ตำหนักศาลามีค่ายกลอันทรงพลังยิ่งยวดอยู่หนึ่งแห่ง
ในศาลาแห่งหนึ่ง
“ชิงจิน เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่?”
เซียนฮัวซงมีสีหน้าซับซ้อน
ชิงจินซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามถอนหายใจเบา ๆ “ท่านอาจารย์ หากข้าไม่ตกลง ท่านจะทำเช่นไร?”
เซียนฮัวซงคืออาจารย์ และผู้อาวุโสสามแห่งสำนักดาบมังกรเร้น
เซียนฮัวซงในอดีตมีฐานะสูงส่งราวเทพเซียนเดินดิน เป็นที่เคารพยกย่องทั่วโลกา
ทว่ายามนี้ เซียนฮัวซงได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อตำหนักมารเทียนอวี้
ยิ่งกว่านั้น ยังตั้งใจส่งศิษย์ตนไปเป็นอนุของหม่าเฉิงคง หนึ่งในอารักษ์ของตำหนักมารเทียนอวี้!
“ชิงจิน เรื่องราวเปลี่ยนไปแล้ว”
ฮัวซงกล่าวเบา ๆ “ภายหน้า ตำหนักมารเทียนอวี้จะปกครองโลกหล้า นี่คือกระแสโดยรวมที่ไม่มีผู้ใดย้อนได้ ดังเช่นทุกวันนี้ ที่สำนักดาบมังกรเร้นของเราทำได้เพียงก้มหน้ารับใช้”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็มองชิงจิน “จากการยอมรับสภาพ เราจะสามารถเลือกตัวเลือกอันชาญฉลาดที่สุดได้ เหมือนยามนี้ เจ้าโชคดีพอจะมีผู้อาวุโสหม่าเฉิงคงมาชอบพอ หากเจ้าและเขาเป็นคู่บำเพ็ญ ความรุ่งโรจน์ก็อยู่เพียงเอื้อม!”
เขาตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ พลางกล่าวว่า “นี่คือโอกาสที่ผู้อื่นไม่อาจคาดหวัง หากเจ้าพลาดไป เจ้าจะเสียใจไปชั่วชีวิต!”
ใบหน้างดงามของชิงจินซีดเซียว มือดั่งหยกขาวของนางกำแน่นอย่างเงียบ ๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มเศร้า “ท่านอาจารย์ ข้าถือท่านเป็นบิดาในใจเสมอ ทว่าท่าน… ท่านกลับอยากให้ข้าเป็นอนุของสัตว์ประหลาดเฒ่ากระหายเลือด”
นางสูดหายใจลึก และพึมพำ “ข้าเสียใจจริง ๆ เสียใจที่ไม่เลือกอยู่ข้างกายเป็นสาวใช้ของซูอี้ หากเป็นเช่นนี้ เรื่องเช่นครานี้อาจไม่เกิดขึ้นอีกก็ได้”
“ซูอี้?”
หลังจากเซียนฮัวซงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มเยาะทันที “ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเจ้าหนูซูอี้ไม่ได้อยู่ในต้าโจวแล้ว ต่อให้เขาอยู่ ด้วยอำนาจตัวเขาเพียงลำพัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเผชิญอำนาจของตำหนักมารเทียนอวี้ก็ไม่ต่างกับเอาแขนไปขวางรถม้า!”
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “ยิ่งกว่านั้น ช่วงนี้ยอดฝีมือจากตำหนักมารเทียนอวี้ยังเที่ยวจับผู้คนที่เกี่ยวข้องกับซูอี้ทั่วไปหมด ชิงจินเอ๋ย หากเจ้าเป็นสาวใช้ของเขาจริง ๆ วันนี้เจ้าจะเป็นเช่นไร?”
ชิงจินเม้มปากแน่น เผยความดื้อรั้น ก่อนกล่าวคำออก “พวกเขากล้าเหิมเกริมก็เพราะซูอี้ไม่อยู่ หากพวกเขาแข็งแกร่งพอจริง ๆ ไฉนจึงต้องไปก่อกวนด้วยการจับผู้เกี่ยวข้องกับซูอี้ด้วย?”
เปรี้ยง!
เซียนฮัวซงตบโต๊ะ กล่าวเสียงแข็ง “ชิงจิน อย่าไร้เดียงสามากไปนัก! เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากเจ้าไม่ยินยอมเป็นอนุของอารักษ์หม่า จุดจบจะเลวร้ายเพียงใด?”
ใบหน้างดงามของชิงจินซีดขาว ทว่าแววตาของนางมั่นคง “แม้ข้าตาย ข้าก็จะไม่พลีร่างต่อตาเฒ่าผู้ทำแต่เรื่องชั่วช้าเป็นแน่!”
“เจ้า…”
เซียนฮัวซงเดือดดาล
ทันใดนั้น เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ฮัวซง ข้าหม่าเฉิงคงไม่ชอบบังคับใจผู้ใด”
ยามเสียงถูกเปล่ง ชายชราร่างผอม ผมเผ้ารุงรังก็ผลักประตูเดินเข้ามา
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ดวงตาเป็นสีน้ำตาลเหลือง มีหนวดและหลังค่อม
“ใต้เท้าหม่า ท่านมาที่นี่เพราะเหตุใด?”
เซียนฮัวซงซึ่งก่อนหน้านี้เปี่ยมโทสะลุกขึ้นทักทายด้วยรอยยิ้ม พยักหน้าปลก ๆ อย่างประจบประแจง
จากห้วงลึกในดวงตาของชิงจิน ความรังเกียจและผิดหวังอันไม่อาจเปลี่ยนเป็นวาจาเอ่อขึ้นในใจ นี่… คืออาจารย์ที่นางยึดถือเป็นบิดาหรือ!?
ชายชราผอมแห้งหม่าเฉิงคงมองเซียนฮัวซง แล้วกล่าวว่า “เจ้าขยะไร้ค่า ไสหัวไป”
เซียนฮัวซงร่างสั่น กล่าวด้วยสายตาอ้อนวอน “ใต้เท้าหม่า ขอเวลาข้าอีกสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะกล่อมให้ชิงจินพยักหน้า…”
เพียะ!
หม่าเฉิงคงตบหน้าเซียนฮัวซงจนทรุดลงกับพื้น แก้มบวมแดง เส้นผมกระเซอะกระเซิง
หลังจากนั้น หม่าเฉิงคงก็มองชิงจินด้วยสายตาโลมเลีย รอยยิ้มเปี่ยมตัณหาปรากฏขึ้นบนใบหน้าเฒ่าชราอันเต็มไปด้วยรอยย่น และกล่าวว่า “ตาเฒ่าผู้นี้ใกล้หมดความอดทนแล้ว ไว้ทำให้นางเชื่อฟังบนเตียงเอาแล้วกัน!”
ชิงจินร่างสั่น ตระหนักได้ว่าตาเฒ่าอัปลักษณ์ผู้นี้ต้องแข็งแกร่งแน่!
เซียนฮัวซงรีบร้อนกล่าว “ชิงจิน เจ้าทำอันใดอยู่ รีบตกลงเร็วเข้า!”
เปรี้ยง!
หม่าเฉิงคงเตะเซียนฮัวซงออกไปนอกห้อง “อย่ามาเป็นก้างสิ เสียอารมณ์หมด!”
กล่าวจบ เขาก็เดินไปหาชิงจินพลางกล่าวคำออก “อย่าประหม่าไป ข้าสัญญาว่าเจ้าจะชอบมันในภายหลัง ด้วยสิ่งนี้เลิศล้ำเสียยิ่งกว่าเป็นเทพเซียน ในอดีต หญิงงามบางคนก็ดื้อเช่นเจ้านี่ล่ะ ทว่าหลังได้มธุรสหอมหวาน เมื่อพวกนางพบตาเฒ่าผู้นี้ แววตาของพวกนางก็ปานจะกลืนกินข้า ฮ่า ๆๆ…”
คำพูดหยาบโลนกอปรด้วยใบหน้าอัปลักษณ์ของเขาทำให้ชิงจินเกินรับความตระหนกสิ้นหวังในใจได้
นางกำมีดที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ยกมันขึ้นปาดเข้าใส่ลำคอตน
เคร้ง!
มีดกระเด็นออกไปพร้อมส่งเสียงเสียงกังวาน
ชิงจินเจ็บแปลบที่ข้อมือ
หม่าเฉิงคงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในระยะแสนใกล้ แววตาลุกโชน พลางกล่าวว่า “ก่อนข้าจะได้เจ้าเป็นเมีย ตาเฒ่าผู้นี้จะมองเจ้าตายได้เช่นไร?”
ใบหน้างดงามของชิงจินอดแสดงเค้าความสิ้นหวังไม่ได้
เมื่อเห็นโฉมงามมีท่าทีจนมุมลังเล หม่าเฉิงคงก็ยิ่งตื่นเต้น เพลิงตัณหาในร่างของเขาปะทุโชติ เตรียมลงมือ
ยามนี้เอง…
“ซูอี้แห่งต้าโจว มาคารวะหุบเขา!”
วาจานี้ดังก้องรุนแรงสะท้านภพ ทำให้ศาลาสั่นไหว โต๊ะเก้าอี้โยกคลอน
หม่าเฉิงคงร่างสั่นทั่วตัว เห็นได้ชัดว่าตกใจ เพลิงตัณหาสลายหายเป็นความว่างเปล่า ใบหน้าชราเหี่ยวเฉาเปลี่ยนเป็นมืดหม่นในทันใด
ซูอี้!?
หรือจะเป็นไอ้หนุ่มผู้ที่ผู้อาวุโสฉู่กล่าวถึง?
หม่าเฉิงคงแปลกใจ
ซูอี้!
ชิงจินซึ่งกำลังสิ้นหวังได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ดวงตาคู่นั้นฉายประกายโดยพลัน หัวใจอันมัวหมองดูจะมีประกายแสงฉายจ้า!
“เขา… กล้าเข้ามาในรังของตำหนักมารเทียนอวี้นี้หรือ?”
ความตื่นเต้นอันไม่อาจบรรยายประดังเข้ามาสู่ร่างของชิงจิน
“เฮอะ! ยามตาเฒ่าผู้นี้ฆ่าเจ้าคนแซ่ซู ข้าจะกลับมาจัดการกับเจ้า นังแพศยา!”
หม่าเฉิงคงแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะหันเดินจากไปอย่างรีบร้อน
เขาได้ยินเสียงวุ่นวายทั่วศาลา และตระหนักได้ว่าจากการมาถึงของซูอี้ ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ในตำหนักต่างก็ออกมาเคลื่อนไหว และเขาก็ย่อมไม่กล้าโอ้เอ้
“ไม่ ข้าจะไปดูด้วย!”
ยามนี้ ชิงจินเมินเฉยทุกสิ่ง พุ่งออกไปนอกห้อง
“ชิงจิน!”
เซียนฮัวซงหน้าห้องพุ่งเข้ามาจะหยุดนาง ทว่าสายเกินไป
เขายืนนิ่งด้วยสีหน้ามืดหม่น “ซูอี้… เด็กนี่กล้าเข้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่หรือ? ไม่กลัวถูกฆ่าหรือไร?”
หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เซียนฮัวซงก็กัดฟันเร่งฝีเท้าออกไป
…
ลึกเข้าไปในโลกใต้พิภพแห่งนี้ วังวนสีเลือดขนาดหลายสิบจั้งลอยค้างอยู่บนอากาศ
และใต้วังวนสีเลือดมีแท่นบูชาแท่นหนึ่ง
บนแท่นมีหม้อหลอมหนึ่งใบ
โลหิตแดงฉานไหลกระเพื่อมในหม้อ มีทารกอันดูคล้ายสลักจากหยกนั่งขัดสมาธิอยู่
ใบหน้าของทารกใสซื่อไร้เดียงสา ผิวสีขาวหิมะอาบอยู่ในเลือด เผยให้เห็นบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์อันแปลกประหลาด
เขาประสานมือที่ท้องน้อย ควบรวมตราประทับโบราณ และหลังจากกลุ่มแสงสีดำลึกลับพุ่งออกมารอบแท่น มันก็หลั่งไหลหายเข้าร่างของทารกราวกับควัน
ชายชุดดำผมแดงผู้หนึ่งยืนถือขวดน้ำมันหยก ยืนอย่างนอบน้อมเลื่อมใสอยู่ข้างแท่นบูชา
ถูไป๋เจิ้น!
ผู้อาวุโสแห่งตำหนักมารเทียนอวี้ มหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นปลาย!
ยามใดก็ตามที่เลือดในหม้อหลอมใกล้ถูกทารกดูดซับไปหมด ถูไป๋เจิ้นชุดดำผมแดงก็จะก้าวออกมาเทเลือดจากขวดหยกลงไปเพิ่มอย่างนอบน้อม
นี่คือภัตตาโลหิตที่ถูกหล่อหลอม เทียบได้กับโอสถทิพย์
“ใต้เท้าทารกศักดิ์สิทธิ์ ท่านมี ‘โลหิตทองคำจิตมาร’ สูงสุดในตำหนักมารเทียนอวี้เรา และยังมีเจตจำนงแห่งราชันย์มารโบราณผนึกอยู่ในห้วงความนึกคิด มหาทวีปคังชิงในยามนี้เริ่มฟื้นปราณวิญญาณทั่วฟ้าดิน อีกไม่นานคงเกิดแสงสว่างแห่งโลกหล้าขึ้นเป็นแน่แท้”
“ท่านก็แค่ฝึกฝนอย่างสบายใจ ในภายหน้าท่านจะถึงกาลได้ก้าวสู่ขอบเขตจักรพรรดิแน่นอน!”
ถูไป๋เจิ้นมีแววตาคลั่งไคล้ จับจ้องทารกในหม้อหลอมอย่างเลื่อมใสยำเกรง
ทว่ายามนี้เอง เสียงหนึ่งก็ดังสะเทือนแดนดิน
“ซูอี้แห่งต้าโจว มาคารวะหุบเขา!”
ตู้ม!
แท่นบูชาสั่นไหว ทารกที่นั่งขัดสมาธิในหม้อเลือดลืมตาขึ้นช้า ๆ
นี่มันสายตาแบบใดกัน?
เฉยเมย แดงฉาน เย็นชา ลึกล้ำดั่งประตูสู่ปรโลก
ทารกผู้นี้แต่เดิมดูไร้เดียงสา ผิวเรียบเนียนขึ้นสีเรื่อดั่งสลักจากหยก ทว่าดวงตาคู่นี้กลับให้ความรู้สึกพิลึก มีบรรยากาศชั่วร้ายรุนแรง
เมื่อถูกสายตาเช่นนี้จับจ้อง หัวใจของถูไป๋เจิ้นก็สั่นไหว วิญญาณกระตุกเต้น เขารีบก้มหน้าลงกล่าวด้วยเสียงสั่น “ใต้เท้าทารกศักดิ์สิทธิ์ โปรดใจเย็นลงก่อน! ข้าผู้นี้จะฆ่าเจ้าสารเลวนั่นเอง!”
ทารกในหม้อหลอมลุกขึ้นยืน
จ๊อก!
โลหิตอันกระเพื่อมไหวพุ่งขึ้นมาโอบล้อมร่างของทารก และในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นอาภรณ์สีแดงฉาน
ยามเมื่อก้าวออกจากหม้อหลอม บรรยากาศชั่วร้ายรุนแรงก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา กดดันถูไป๋เจิ้นจนหายใจลำบาก ใบหน้าตื่นกลัว
อำนาจของใต้เท้าทารกศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้วหรือ?
เคร้ง!
ทารกเอื้อมมือ หม้อหลอมเปี่ยมเลือดส่งเสียงคำราม เปลี่ยนเป็นดาบโลหิตยาวสี่จั้ง
ทารกขมวดคิ้วเล็กน้อยราวไม่พอใจเท่าไร จากนั้นก็เอื้อมมือไปแตะดาบโลหิตเล็กน้อย
ดาบโลหิตยาวสี่จั้งสั่นไหวอย่างรุนแรง จู่ ๆ ก็หดเหลือสามชุ่น ก่อนจะตกลงบนมือของทารก
ยามนี้เอง ทารกจึงกล่าวอย่างพึงพอใจ “ข้าจะไปดูสถานการณ์กับเจ้า”
เสียงของเขาชราและแหบพร่า
สิ่งนี้ดูแปลกยิ่ง ทารกในอาภรณ์แดง ถือดาบ ดวงตาเย็นชาแดงฉาน กระทั่งวาจาที่เปล่งยังมีเค้าลางความเจนชีวิต
“ไม่ได้นะ!”
ถูไป๋เจิ้นกล่าวอย่างกระวนกระวาย “ใต้เท้าทารกศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสฉู่เคยกล่าวไว้ว่า จนกว่าแสงสว่างแห่งโลกกว้างจะมาถึงมหาทวีปคังชิง โปรดอย่าก้าวเท้าออกไปนอกแท่นหลอมโลหิตนะขอรับ…”
“กล่าวอีกคำ ข้าจะฆ่าเจ้า”
ทารกศักดิ์สิทธิ์กล่าวเช่นนี้ ก่อนจะก้าวสู่อากาศเดินจากไปไกล
ถูไป๋เจิ้นสีหน้าเปลี่ยน เขาตกใจกระวนกระวาย ในที่สุดก็กระทืบเท้าไล่ตามไปอย่างจำใจ