บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 619 ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์
ตอนที่ 619: ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์
ตอนที่ 619: ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์
ค่ายกลอสุภะกลืนฟ้า
มีผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราสิบแปดคนเป็นแกนสำคัญอยู่ภายใน ส่วนกลางคือผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารสามสิบหกคน ด้านนอกสุดมีผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญเจ็ดสิบสองคนล้อมรอบ
ผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราแต่ละคน… ต่างหลอมรวมพลังเข้ากับผู้ฝึกตอนขอบเขตเปิดทวารสองคน กับขอบเขตไร้เบญจธัญสี่คนราวกับเป็นร่างเดียว
และในขณะเดียวกันกลิ่นอายแห่งพลังระหว่างผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราทั้งสิบแปดคนยังผสมผสานอยู่ร่วมกัน
ตลอดทั้งค่ายกลเกาะเกี่ยวแน่นแฟ้นราวกับสายโซ่โอบล้อมซูอี้อย่างแน่นหนา
“ฆ่า!”
ถูไป๋เจิ้นร้องตวาด
ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังชั่วช้าพุ่งขึ้นสู่ฟ้า
เมื่อค่ายกลทั้งค่ายขับเคลื่อน พลังที่น่ากลัวราวกับควันไฟแห่งสงครามพุ่งโขมงขึ้นสู่ท้องฟ้า บดบังแสงเดือนแสงตะวัน
ในช่วงระหว่างนั้นมีเสียงเทพมารคำราม เสียงภูตผีแผดร้องดังขึ้น
ทำให้คนเช่นหลี่ฉางหลิ่นที่มีพลังฝึกฝนต้อยต่ำไม่อาจระงับความหวาดกลัวและแรงกดดันภายในใจไว้ได้อีก และรีบถอยหนีออกห่าง
พลังของค่ายกลรบนั้นน่าสะพรึงกลัวจนเกินไป กระทั่งมองดูอยู่ไกล ๆ ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกกลัวจนปอดแหก
หากว่าหลงเข้าไปในนั้น ด้วยระดับการฝึกของพวกเขาต้องตายกลายเป็นผุยผงอย่างแน่นอน!
แววตาเยือกเย็นของถูไป๋เจิ้นมองไปที่ซูอี้อย่างรวดเร็ว
เขาอยากจะดูนักว่าซูอี้จะต่อสู้ต้านทานเช่นใด
ต้องเข้าใจว่า เดิมทีวิชาจัดทหารตั้งค่ายกลนั้นมีไว้เพื่อต่อสู้กับพวกที่มีระดับการฝึกตนแข็งแกร่ง
และในเมื่อค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าเป็นหนึ่งในค่ายกลสุดยอดของตำหนักมารเทียนอวี้ เมื่อทำการขับเคลื่อนแล้วจึงย่อมสามารถที่จะสยบตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้!
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
เสียงร้องคำรามสนั่นฟ้าดังขึ้น ฟ้าดินเกิดความเปลี่ยนแปลง
ผู้ฝึกตนซึ่งประกอบกันเป็นค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าสำแดงเคล็ดวิชาและอาวุธล้ำค่าที่แตกต่างกันออกไป ก่อตัวเป็นพลังยิ่งใหญ่สิบแปดสาย บุกเข้าหาซูอี้จากสี่ด้านแปดทิศ
ทุก ๆ การโจมตีล้วนทำให้ตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณถึงกับหนาวสะท้าน!
“ดีแต่รูปเท่านั้น”
ในเวลานี้ ซูอี้กลับส่ายหน้าน้อย ๆ
ครืน!
ร่างของเขาพุ่งขึ้นกลางอากาศ สองมือวาดลวดลายลี้ลับยากเกินจะคาดเดาออกมา
และตรงหน้าของเขา สะเก็ดแสงสีใสสว่างพร่างพราว จังหวะวิถีหยินหยางผสานกลมกลืน รวมกันเป็นฝ่ามือสีขาวดำ มีขนาดเท่ากับพัดใบพลูเท่านั้น ทว่ากลับปล่อยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างอย่างไร้ขอบเขตออกมา
พลังแห่งตะวันที่ร้อนแรงและแข็งกระด้าง กลิ่นอายแห่งจันทราที่อ่อนโยนและนุ่มนวล เกาะเกี่ยวผูกรัดอยู่ภายใน ก่อให้เกิดคลื่นหมุนทำลายล้างอันดุดัน
ระหว่างที่ตราประทับสงครามกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง กลางอากาศโดยรอบที่มีซูอี้เป็นศูนย์กลางยุบตัวลงกลายเป็นเกลียวคลื่นมหาวิถีขนาดยักษ์
ครึ่งหนึ่งของเกลียวคลื่นเป็นธาตุหยาง อีกครึ่งหนึ่งเป็นธาตุหยิน
สีขาวกับสีดำเคลื่อนตัวอยู่ภายในด้วยความระห่ำ
จากนั้นก็ก่อตัวเป็นปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่สวยงาม มีพลังการทำลายล้างสะท้านโลกหล้า
ครืน!
เมื่อพลังสิบแปดสายจากค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าโหมกระหน่ำเข้ามา ฉับพลันเกิดเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วพิภพ
สะเก็ดแสงพุ่งกระจายประดุจสายน้ำเชี่ยว พลังรุนแรงและรวดเร็วดังลมกรด
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นทำให้ถูไป๋เจิ้นถึงกับสูดปาก
ไม่นึกเลยสักนิดว่า ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราอย่างซูอี้เช่นนี้จะกล้าสู้ซึ่ง ๆ หน้า!
ห่างออกไป หลี่ฉางหลิ่นและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกลายตาราวกับมีดาวปรากฏขึ้นตรงหน้า พวกเขาถูกเสียงสั่นสะเทือนของพลังอันน่ากลัวสะเทือนจนแก้วหูแทบฉีก ร่างสั่นระริกจนแทบจะอ่อนพับลงกับพื้น
ระดับการฝึกตนของพวกเขา อย่างไรเสียก็ยังอ่อนเกินไป!
ตายแล้วหรือ?
ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่ประสานกันเป็นค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าเพ่งมองไปไกล ๆ ด้วยสายตาจับจ้อง
เมื่อหมอกควันสลายตัว สะเก็ดแสงสูญสิ้น ภาพมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น
ซูอี้ยืนอยู่กลางอากาศ ชุดสีเขียวยาวสะบัดโบกพลิ้ว ทุกอย่างอยู่ครบสมบูรณ์!
และตรงหน้าของเขา ตราประทับสงครามลึกลับยากเกินจะคาดเดายังคงหมุนวน พลังแห่งหยินหยางที่ชักนำดูดกลืนพลังในบริเวณรอบสิบจั้งจนว่างเปล่าไม่มีเหลือ
พลังของตราประทับสงครามน่ากลัวยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!
รู้สึกราวกับว่าตราประทับสงครามกลมดิกลูกนั้นเหมือนกับหลุมดำในอวกาศ ซึ่งสามารถดูดกลืนพลังทุกอย่างภายในโลก!
“นี่…”
ผู้ฝึกตนของตำหนักมารเทียนอวี้ถึงกับตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ
การบุกโจมตีของพวกเขารุนแรงถึงขั้นสยบตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้เลยเชียว!
ทว่าตอนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่อาจทำอะไรซูอี้ได้แม้แต่ปลายผมเท่านั้น พวกตนยังโดนวิธีการที่ไม่น่าเชื่อของซูอี้ต้านทานและดูดกลืนอีก!
“นี่คือกฎวิถีอันใด?!”
สีหน้าของถูไป๋เจิ้นเปลี่ยนไป ดูตื่นตะลึงกับภาพเหตุการณ์เช่นนี้มาก
บนไหล่ของเขา ดวงตาสีแดงของทารกมารฉายแววประหลาดออกมา ก่อนกล่าวคำออก “นี่คือจังหวะวิถีหยินหยาง และกฎวิถีเช่นนั้น… สามารถดูดกลืนพลังของคนอื่นให้เป็นของตัวเอง… ร้ายกาจมาก!”
เขาตื่นตะลึงมาก และคาดไม่ถึงมากเช่นกัน
วูบ!
ซูอี้ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ สิบนิ้วของเขาราวกับกำลังวาดลวดลายแห่งมวยไทเก๊ก ท่าทางราวกับสายน้ำไหล เกิดเป็นตราประทับสงครามอีกครั้ง
ตราประทับสงครามนี้ใช้เบญจธาตุเป็นฐาน สร้างประกายแสงเทวะธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน หมุนเวียนเป็นหนึ่ง สมบูรณ์พร้อมไร้ช่องโหว่ พอปรากฏขึ้นก็รวมตัวเข้ากับตราประทับสงครามที่สร้างไว้ก่อนหน้า
ครืน!
ทันใด ตราประทับสงครามที่อยู่ตรงหน้าซูอี้ก็มีประกายแสงทั้งห้าผุดออกมา ถักทออยู่ในเกลียวคลื่นแห่งพลังในบริเวณสิบจั้งรอบตัว
และเกลียวคลื่นพลังนี้คล้ายกับเบญจธาตุหมุนเวียน เกิดพร้อมกับหยินหยาง!
อานุภาพเพียงนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก!
เพียงแค่มองดูระยะไกล ก็ทำให้ผู้ฝึกตนตำหนักมารเทียนอวี้เหล่านั้นถึงกับหายใจไม่ออก ได้กลิ่นอายแห่งอันตรายถึงแก่ชีวิต
“ฆ่า! อย่าหยุด!”
ถูไป๋เจิ้นร้องตวาด เขาก็มองออกเช่นกันว่าเหตุการณ์ไม่ดีแล้ว
โครม!
การต่อสู้ระเบิดขึ้น พลังชั่วร้ายม้วนตัวขึ้นกลางอากาศ
กฎวิถีและเคล็ดวิชามากมายกลายเป็นคลื่นยิ่งใหญ่พุ่งออกไป ราวกับคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ คลื่นลูกเก่ายังไม่สาย คลื่นลูกใหม่ก็โหมซ้ำ ไม่หยุดไม่หย่อน สร้างความหวาดกลัวอย่างไร้ขอบเขต
ทว่าสิ่งที่ทำให้ตื่นตกใจมากยิ่งกว่าคือร่างของซูอี้ดุจดั่งหินก้อนใหญ่ในมหาสมุทร ไม่ว่าจะถูกคลื่นลูกแล้วลูกเล่าโหมซัดก็ยังคงยืนมั่นไม่ขยับเขยื้อน!
ในช่วงบริเวณสิบจั้งรอบตัวเขา เปรียบดังหลุมเกลียวคลื่นสีดำ ต้านทานและดูดกลืนการบุกโจมตีทั้งหลายแหล่เหล่านั้น!
และตราประทับสงครามตรงหน้าเขาก็ฉายแววเจิดจรัสเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ราวกับดวงตะวันยิ่งใหญ่ที่ส่องสว่างทั่วทุกหย่อมหญ้า พลังแห่งการทำลายล้างซึ่งเกิดขึ้นขณะที่หมุนอย่างช้า ๆ นั้นทำให้ถูไป๋เจิ้นหนาวสะท้านขึ้นในใจ
“พวกไม่เอาไหน รีบใช้อาวุธ!”
ทารกมารร้องตวาด
ผู้ฝึกตนทั้งหลายของตำหนักมารเทียนอวี้รีบทำตามสั่ง
ครืน!
อาวุธแต่ละชิ้นถูกปล่อยออกไป
ทั้งขวานเหล็กส้อมตะขอ ง้าวดาบหอกมีด ตราประทับวิถี น้ำเต้าคู่ใจ… เยอะแยะมากมาย พลังอานุภาพที่สำแดงออกมาล้วนพุ่งไปยังซูอี้ทั้งสิ้น
และในเวลานี้เอง…
มือหนึ่งของซูอี้เรียกลม อีกมือหนึ่งเรียกสายฟ้าฟาด กดลงบนตราประทับวิถีตรงหน้า
ครืน!
ตราประทับวิถีกลมดิกลูกนั้นระเบิด พลังระเบิดแผ่ขยายออกไปรอบด้านพร้อมกับเกลียวคลื่นพลังในระยะสิบจั้งรอบสี่ด้าน
หากอยู่บนฟ้าแล้วมองลงมาโดยมีซูอี้เป็นศูนย์กลาง ราวกับมีเกลียวคลื่นสว่างเจิดจ้าบาดตากำลังโหมกระหน่ำถาโถมออกไปจากรอบสี่ด้าน
ทุกแห่งที่ผ่านโดนจะมีเสียงคำรามของสายฟ้าฟาด มีหยินกับหยางหมุนเวียน สะเก็ดแสงเบญจธาตุปกคลุมไปทั่ว
แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!
เสียงแตกร้าวดังขึ้นติด ๆ กัน
อาวุธต่าง ๆ นานาเหล่านั้นแตกร้าวเสียหายราวกับกระดาษที่ถูกบดขยี้จนย่อยยับ
ถัดมา ร่างของผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราสิบแปดคน ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารสามสิบหกคน กับผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญเจ็ดสิบสองคนที่ประกอบกันเป็นค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าก็ระเบิดกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นย่อย
ละอองเลือดปลิวว่อน ทั่วแผ่นดินราวกับนรกเดือดกลิ่นคาวเลือดที่เคลือบทาด้วยโลหิตสีแดง!
นี่ก็คือ ‘ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์’!
เคล็ดวิชาคร่าชีวิตสุดขั้วของวิถีเต๋าซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณกาล ใช้พลังหยินหยางเป็นราก มีเบญธาตุประสานถักทอ วายุสายฟ้าเป็นตัวนำ!
สามารถเผาผลาญภูเขาและน้ำทะเล ฆ่าทำลายภูตผี มาร ปีศาจ หรืออสูรได้ทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ต่อสู้กับพลังวิถีชั่วช้า ยิ่งสำแดงฤทธิ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ทุกอย่างเงียบสงบ
มีแต่ละอองเลือดเท่านั้นที่ยังคงคละคลุ้ง
ทุก ๆ คนต่างก็นิ่งตะลึงอยู่กับที่
เพียงแค่ทีเดียว!
ทลายค่ายกลอสุภะกลืนฟ้า และฆ่าผู้ฝึกตนของตำหนักมารเทียนอวี้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบหกคน!
ไม่รอดแม้แต่คนเดียว!
พลังร้ายกาจเช่นนั้นสามารถบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนก
“สะ… สวรรค์…”
ห่างไปไกลมาก หลี่ฉางหลิ่นและคนอื่นต่างก็ตะลึงงันตาค้าง อ้าปากพูดไม่ออก ตัวสั่นงันงกหยุดไม่อยู่
ตีให้หัวแตกพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าซูอี้จะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้!
ต้องรู้ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นซูอี้ถูกโอบล้อมอย่างแน่นหนา พวกเขาส่วนใหญ่ยังรู้สึกเสียใจและเป็นห่วงนักหนาว่าซูอี้ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
และมีคนจำนวนไม่น้อยถึงกับคุกเข่ากับพื้นเพื่ออ้อนวอนขอร้องให้ผู้ฝึกตนของตำหนักมารเทียนอวี้ไว้ชีวิต!
เพราะเหตุใด?
ก็เป็นเพราะไม่เชื่อฝีมือของซูอี้ คิดว่าเขาไม่รอดแน่ไม่ใช่หรอกหรือ?
ทว่าตอนนี้ เมื่อเห็นภาพที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดนี้แล้ว คนเหล่านั้นถึงกับตาถลน!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
ถูไป๋เจิ้นร้องเสียงหลงออกมา ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด
ความรุนแรงของการบุกโจมตีนี้ทำให้เขาซึ่งเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นสมบูรณ์ถึงกับตื่นตระหนกมากเช่นกัน ตัวสั่น ขนลุกซู่ไปหมด
นับตั้งแต่บรรลุขอบเขตเป็นต้นมา ตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกเขาก็เป็นใหญ่ในอาณาจักรต้าโจว ทุกหนแห่งที่เดินผ่านไม่มีใครกล้าขวาง!
ทว่าตอนนี้ ผู้แกร่งกล้าภายใต้การบัญชาของพวกเขาแทบจะไม่เหลืออีกแล้ว!
ความสูญเสียนี้สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก
“พลังระดับนี้ เพียงพอที่จะกวาดล้างตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั้งหมดได้…”
บนใบหน้าน้อย ๆ ไร้เดียงสาของทารกมารเผยสีหน้าขบคิดด้วยความสงสัย ดวงตาสีแดงเพ่งพินิจมองไปที่ซูอี้ราวกับต้องการจะทำความรู้จักฝ่ายตรงข้ามใหม่อีกครั้ง
“เจ้าว่า เช่นนี้ไม่เป็นการง่ายกว่าหรอกหรือ?”
ซูอี้เบนสายตามองไปที่ถูไป๋เจิ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องเล็ก ๆ เรื่องหนึ่ง
ทว่าเมื่อถูกสายตาของเขาเพ่งมอง ถูไป๋เจิ้นซึ่งเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณถึงกับตัวสั่น สีหน้าเปลี่ยน
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ซูอี้แสดงความอหังการออกมาเช่นนี้ได้ไม่ใช่เพราะจับตัวหลิ่วอิ๋งเป็นตัวประกัน แต่เป็นเพราะพลังในตัวซูอี้ยิ่งใหญ่จนถึงขั้นคาดไม่ถึงนี้ต่างหาก!
“ใต้เท้าทารกศักดิ์สิทธิ์ พวกเรา… ควรทำเช่นใด?”
ถูไป๋เจิ้นถามขึ้น
ทารกมารขมวดคิ้ว พลันแยกเขี้ยวหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว “ข้าเป็นเพียงแค่เด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น เจ้าจะมาถามข้าได้เช่นใด?”
ถูไป๋เจิ้น “…”
ทารกมารพุ่งขึ้นกลางอากาศ พลางกล่าว “อย่าร้อนใจไป เจ้าออกไปรับมือเขา มีข้าอยู่ เจ้าสามารถวางใจได้”
ถูไป๋เจิ้นสูดหายใจลึก ๆ พยักหน้า
“ขึ้น!”
ถูไป๋เจิ้นร้องตวาดเสียงดัง หยิบหอกยาวสีเลือดออกมา ขับเคลื่อนพลังปราณในขอบเขตแปรเปลี่ยนทวารจนถึงขีดสุดในชั่วพริบตา
“ฆ่า!”
เขาพุ่งตัวมา หอกสีเลือดราวกับสายฟ้าฟาด แทงไปที่ซูอี้
ครืน!
เงาหอกซ้ำซ้อน พลังโลหิตเต็มทั่วฟ้า
การบุกโจมตีเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าลงมืออย่างเต็มที่ รุนแรงเดือดระห่ำจนถึงขีดสุด แม้กระทั่งบุคคลในขอบเขตเดียวกันก็ยังไม่กล้าต่อกรด้วย
ทว่าเจอการบุกโจมตีเช่นนี้แล้ว ร่างของซูอี้ยังคงไม่เขยื้อน เพียงแต่ยื่นมือออกมา
ปัง!!
หอกยาวสีเลือดหักเป็นสองท่อนในทันใด ราวกับถูกค้อนสวรรค์ยักษ์ทุบโดนระหว่างที่พุ่งเข้าไปใกล้ซูอี้สามฉื่อ
“ไม่ได้การ!”
ภาพเหตุการณ์น่ากลัวนี้ทำให้ถูไป๋เจิ้นซึ่งเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณตื่นตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาถอนตัวหนีโดยไม่ลังเล ขณะเดียวกันยังร้องตะโกน
“ใต้เท้าทารกศักดิ์สิทธิ์ช่วย…“
ยังพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ พลังดาบก็ปรากฏ ตัดหัวของเขาขาด
ก่อนตาย ถูไป๋เจิ้นจับจ้องไปที่ทารกมารซึ่งอยู่ห่างออกไป บนใบหน้ามีแต่ความสงสัย
ทุกอย่างเงียบสงบ
หลี่ฉางหลิ่นและคนอื่น ๆ ไม่คาดคิดเลยว่ามหาปราชญ์สวรรค์วิถีวิญญาณจะถูกฆ่าง่าย ๆ เช่นนี้!?
จนถึงตอนนี้ ทารกมารเพียงแค่เบะปาก มองดูหัวของถูไป๋เจิ้นกลิ้งขลุก ๆ บนพื้นพลางกล่าวทอดถอนใจ
“มองข้าไปเพื่ออะไร ข้าไหนเลยจะคิดว่าเจ้าไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าบอกเพียงแค่ว่าให้เจ้าวางใจไปรับมือ แต่ไม่ได้รับรองว่าเจ้าจะไม่ตายสักหน่อย”