บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 620 นรกแห่งความว่างเปล่า
ตอนที่ 620: นรกแห่งความว่างเปล่า
ตอนที่ 620: นรกแห่งความว่างเปล่า
ลมหนาวพัดผ่านผืนแผ่นดิน กลับไม่อาจพัดพากลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งให้หมดไปได้
บนพื้นเต็มไปด้วยความน่าอนาถ ศพเนื้อเละกลาดเกลื่อน เศษอาวุธล้ำค่าดาษดื่นไปทั่ว
ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นเพ่งมองไปที่ร่างสูงโปร่งซึ่งยืนอยู่กลางอากาศ ทุกคนต่างก็นิ่งตะลึงอยู่ตรงนั้น เงียบไม่มีปริปาก
เพียงครั้งเดียวก็สามารถพังทลายค่ายกลอสุภะกลืนฟ้า และฆ่าผู้แข็งแกร่งของตำหนักมารเทียนอวี้หนึ่งร้อยยี่สิบหกคนได้ไม่มีใครรอด!
เรื่องนี้เดิมทีทำให้พวกเขาตะลึงมากแล้ว
ทว่าเมื่อเห็นมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณอย่างถูไป๋เจิ้นก็ยังตายราวกับผักปลาด้วยฝีมือของซูอี้แล้ว ทุก ๆ คนต่างก็ตกใจกลัวจนพูดไม่ออก
ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ซูอี้ในตอนนั้นแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้เลยเชียวหรือ?
เขาอยู่ในอาณาจักรต้าเซี่ย เจอกับเรื่องปาฏิหาริย์และการเปลี่ยนแปลงอันใดเช่นนั้นหรือ?
หลี่ฉางหลิ่นพึมพำ ตื่นเต้นจนปากสั่น
ความรู้สึกเช่นนั้นเปรียบได้กับมองเห็นแสงสว่างรำไรในความมืดมิด ทว่าท้ายสุดกลับส่องสว่างไปทั้งโลกราวกับปาฏิหาริย์!
คนเหล่านี้คิดอย่างไร ซูอี้ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
เขามองดูทารกมารที่อยู่ไกลออกไป พลางกล่าวพึมพำราวกับครุ่นคิด “ดูเหมือนเจ้า… ไม่กลัวเลย?”
ทารกมารเก็บพลังในตัว จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นคุกเข่าลงกลางอากาศท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนทั้งหลาย!
ทารกมารเงยหน้าอันบริสุทธิ์ไร้เดียงสาขึ้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “ใต้เท้า ข้าเป็นเพียงเด็กน้อยที่ยังไม่ประสาเรื่องใด ๆ ในโลก ท่านโปรดเมตตาไว้ชีวิตข้าสักคราได้หรือไม่?”
เสียงแหบแห้งแก่ชราในตอนแรกของเขาเปลี่ยนไป กลายเป็นเสียงเด็กเล็ก ๆ
ตาสีแดงก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสีดำใสสะอาด เต็มไปด้วยความอ่อนแอ น่าสงสาร ไร้ที่พึ่ง
คนอื่น ๆ “…”
ทุก ๆ คนต่างก็ทำหน้าไม่เข้าใจ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ซูอี้อยากจะหัวเราะ “เด็กน้อย?”
ทารกมารทำตาปริบ ๆ พูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “ใต้เท้า ด้วยความสามารถของท่าน คงจะดูออกแล้วว่า นับตั้งแต่ที่ข้าเกิดมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลาแค่สามเดือนเท่านั้น พอตื่นขึ้นมาก็ถูกคนชั่วร้ายโหดเหี้ยมอำมหิตเลี้ยงดูแลอยู่ตรงนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าปรากฏตัวนอกภพ”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ทารกมารก้มหน้า น้ำเสียงอ่อนเบาลง “น่าสงสารนักที่จนถึงตอนนี้แล้ว ข้าก็ยังไม่รู้ว่าบิดามารดาคือใคร อยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพัง หากว่าใต้เท้าไม่รังเกียจ ข้ายินดีจะกราบใต้เท้าเป็นบิดา!”
คนทั้งหลายถึงกับสูดปากตะลึงงัน
ก่อนหน้านี้ทารกมารตนนี้ชั่วร้ายเพียงไหน แม้กระทั่งมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณก็ยังต้องแสดงความเคารพนบน้อมต่อเขา เชื่อฟังทำตาม
ทว่าตอนนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!
สีหน้าของซูอี้ราบเรียบราวกับเห็นมาเยอะจนไม่รู้สึกแปลกใจ เพียงแต่กล่าวราบเรียบ “หากให้โอกาสแก่เจ้าสักครั้ง ก็จงมอบโลหิตดั้งเดิมในร่างของเจ้ามา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ทารกมารที่คุกเข่ากลางอากาศตัวสั่นสะท้านขึ้นมา ก่อนจะกล่าวขอร้อง “ใต้เท้า หากทำเช่นนี้ ข้าจะต้องตายจริง ๆ ”
“มารน้อย คิดว่าข้าไม่รู้ภูมิหลังของทารกมารจริง ๆ หรือ?”
ซูอี้ยิ้มสบาย
ขณะที่พูด แขนเสื้อของเขาก็พองโต นิ้วมือข้างขวาแนบชิดประดุจดาบ จากนั้นฟันออกไปในระยะไกล
สวบ!
ห่างออกไปหนึ่งร้อยจั้ง พลังดาบสว่างวาววับดุจเสี้ยวจันทร์ ลำแสงพุ่งทะลวงฟากฟ้า
ทารกมารที่คุกเข่าในตอนแรกส่งเสียงหวีดร้องออกมา พลันหายวับไปกลางอากาศ หลบดาบที่พุ่งมาเล่มนั้นได้อย่างหวุดหวิด มายืนอยู่ด้านซ้ายซึ่งห่างออกไปสิบกว่าจั้ง
“คนแซ่ซู ข้ายอมให้เจ้ามามากพอแล้ว เจ้ายังไม่ยอมเลิกราอีกเช่นนั้นหรือ?”
ทารกมารเอ่ยพูด น้ำเสียงกลับมาอยู่ในสภาพแหบแห้งแก่เฒ่าอีกครั้ง ดวงที่ใสซื่อบริสุทธิ์แดงดั่งโลหิต
ชุดสีเลือดที่เขาสวมใส่พองขึ้น ใบหน้าไร้เดียงสาไม่มีพิษภัยเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต
ครืน!
ขณะเดียวกันนี้เอง พลังดุร้ายน่ากลัวไร้ขอบเขตในตัวของเขาแผ่กระจายออกไปจากร่างที่สูงเพียงแค่ศอกกว่า ๆ นั้น อากาศโดยรอบเกิดความผันผวน พลังอสูรสีแดงน่ากลัวอบอวลไปทั่ว
ทารกมารในเวลานี้ราวกับราชามารที่เดินออกมาจากขุมนรก เพลิงพลังล้างผลาญ!
“ข้าบอกแล้ว ให้มอบเลือดดั้งเดิมมา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
จู่ ๆ ซูอี้ก็เอ่ยขึ้นมา
“เจ้าคิดไว้เสียสวยงาม!”
ทารกมารแสดงสีหน้าประชดประชัน
ครืน!
ซูอี้ก้าวเดินขึ้นกลางอากาศ และก็แสดงฝีมืออีกครั้ง พลังดาบอันยิ่งใหญ่ดุจทางช้างเผือกบุกโจมตี
มาถึงระดับการฝึกอย่างเขาเช่นนี้แล้ว เพียงแค่ซัดพลังออกไปก็เต็มไปด้วยจังหวะวิถีและแก่นแท้ของฝีมือวิถีดาบ อานุภาพเช่นนั้นเพียงพอที่จะที่ฆ่าบุคคลขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
เหมือนดังถูไป๋เจิ้นเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ถูกฆ่าตายด้วยวิธีเช่นนี้
ทารกมารถูกยั่วโมโห ก่อนกล่าว “ฮ่า ๆ คิดว่าข้ากลัวเจ้าจริง ๆ หรือ?”
เขายกมือขึ้นในทันใด
ดาบขนาดเล็กสีเลือดยาวสามชุ่นพุ่งขึ้น ท่ามกลางเสียงสั่นร้องของดาบ โครงกระดูกสีเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกเพลิงไฟสีดำเผาผลาญลอยขึ้นมารวมตัวกันในพลังดาบสีดำ สำแดงอานุภาพน่ากลัว
ครืน!
เสียงปะทะดังสนั่นไปทั่วผืนแผ่นดิน
ดาบของซูอี้ที่สามารถฆ่าคนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้อย่างง่ายดายซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นกลับถูกแก้อย่างง่ายดาย และพลังดาบสีเลือดนั้นก็พุ่งตรงเข้าหาซูอี้
ชั่วขณะนั้น โครงกระดูกสีแดงนับไม่ถ้วนก็โอบล้อม ส่งเสียงดังน่ากลัวอย่างไร้ขอบเขต
‘ที่แท้ทารกมารตนนี้ได้ผสมผสานส่วนหนึ่งเข้ากับพลังปณิธาณที่ผนึกอยู่ในห้วงความนึกคิด ดูจากกำลังอานุภาพนี้แล้ว พลังปณิธานนั้นคงจะมาจากบุคคลในขอบเขตจักรพรรดิ…’
ซูอี้คิด
ขณะที่ครุ่นคิด เขาก็ไม่ได้ชักช้า
ชิ้ง!
เมื่อเสียงดาบดังก้องกังวาน ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นฟันออกไป
ครืน!
โครงกระดูกสีเลือดแหลกสลายเต็มท้องฟ้า
สะเก็ดแสงสาดกระเซ็น ซูอี้ก้าวเดินออกมาเพียงก้าวเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าทารกมาร แล้วฟันดาบลง
รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
ซูอี้ไม่ได้ประมาททารกมารตนนี้
เขารู้ดีกว่า พลังและความนึกคิดที่มารน้อยตรงหน้ามีในตอนนี้ ถูกพลังปณิธานของบุคคลขอบเขตจักรพรรดิซึ่งอยู่ในห้วงความนึกคิดควบคุม
หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า เคล็ดวิชาและประสบการณ์การต่อสู้ที่มารน้อยตนนี้มีอยู่ไม่ธรรมดาเลย!
ด้วยเหตุนี้ เมื่อซูอี้ลงมือ จึงออกแรงอย่างเต็มที่ไม่มียั้ง!
“ไป!”
ใบหน้าน้อยของทารกมารโหดเหี้ยมอำมหิต ควบคุมดาบสีเลือดเข้าต่อสู้กับซูอี้ซึ่ง ๆ หน้า
การต่อสู้ครั้งใหญ่ระเบิดขึ้น
ชุดยาวสีเขียวของซูอี้โบกสะบัดราวกับเซียนแห่งดาบ พลังดาบของเขาประเดี๋ยวแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ ประเดี๋ยวผลุบโผล่รวดเร็วดังสายฟ้าแลบ ประเดี๋ยวหายลับไป ประเดี๋ยวปรากฏตัว
…
จังหวะวิถีระดับสุดยอดทั้งสาม คือ หยินหยาง ลมและสายฟ้าฟาด กับเบญจธาตุถูกเขาสำแดงฤทธิ์เดชออกมาด้วยฝีมือวิถีดาบอันลึกล้ำสุดยอด อานุภาพที่ร้ายแรงเช่นนั้นถึงขั้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนที่ได้พบเห็น
เวลานี้ แม้กระทั่งให้ชิงซวงนักดาบหญิงขอบเขตสยายวิญญาณผู้มาจากโลกอื่นต้านรับ ก็ยังใช่ว่าจะทำอะไรได้!
ทว่าทารกมารตนนี้ไม่ธรรมดาเลย แม้จะดูอ่อนวัย หากแต่พลังที่มีนั้นกลับแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน
วิถีดาบของอีกฝ่ายไม่ถึงกับน่ากลัวมากนัก แต่สามารถขับเคลื่อนพลังจนถึงขั้นเกินกว่าจะคาดคิดได้ ผนวกกับโลหิตทองคำจิตมารที่ไหลเวียนในกายมีพลังอันแข็งแกร่ง ทารกตนนี้จึงไม่ด้อยไปกว่าตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นสมบูรณ์เลยแม้แต่น้อย!
ครรภ์ประหลาดเช่นนี้ ไม่อาจใช้ความสูงต่ำของระดับการฝึกมาวัดได้
อีกทั้ง ทารกมารยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาวิถีชั่วช้าซึ่งมีอานุภาพร้ายกาจหลายวิชา เช่นวิชาแยกกายสลายเงา วิชาพ่นเพลิงมาร วิชาแบ่งเขตบนฝ่ามือ วิชาดึงอัสนีลี้ลับ เป็นต้น
ทุกวิชาล้วนเป็นเคล็ดวิชาสืบทอดที่มีกำลังการฆ่าน่าหวาดกลัว!
หากว่าเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณคนอื่น ๆ ในโลกนี้ เกรงว่าคงถูกทารกมารฆ่าตายอย่างง่ายดายแล้ว
แม้กระทั่งตัวตนร้ายกาจยุคโบราณที่ย่างเข้าสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเหล่านั้นก็ยังด้อยกว่าทารกมารมาก
ในบรรดาคู่ต่อสู้ที่ซูอี้เคยพบเห็นมาตั้งแต่ฝึกตนจนถึงตอนนี้ กำลังการต่อสู้ของทารกมารตนนี้สามารถกล่าวได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร!
ครืน!
พลังดาบฟาดฟัน เกิดเพลิงเผาผลาญทั่วผืนปฐพี
แผ่นดินยิ่งใหญ่ถูกกลบด้วยคลื่นพลังอันน่ากลัว
มองดูภาพเหตุการณ์แต่ละภาพเหล่านี้จากระยะไกล หลี่ฉางหลิ่นและคณะต่างก็ตัวสั่นใจสะท้าน ราวกับมองดูเซียนบนสวรรค์กำลังต่อสู้ฟาดฟันกับราชามารในนรกอันมืดมิด
กำลังการต่อสู้ระดับเช่นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างพวกเขาจะคาดฝันได้ เหมือนดังสงครามแห่งเซียนกับมารที่เล่าขานกันมา!
“คน ๆ นี้ไม่ใช่ทั้งผู้ร้ายกาจที่ฟื้นตื่นจากยุคโบราณ และก็ไม่ใช่ผู้สิงสถิต แต่เหตุใดเขาจึงสามารถควบคุมวิถีดาบที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ได้?”
ระหว่างการต่อสู้ ทารกมารยังคงมีสีหน้าดุดัน ทว่าในใจกลับครุ่นคิดไม่เข้าใจ
ระดับวิถีกับฝีมือที่ซูอี้แสดงออกมานั้นทำให้การรับรู้ของทารกมารแทบจะต้องรื้อฟื้นกันใหม่ คาดไม่ถึงเลยว่า นี่คือพลังที่ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราบนหนทางวิถีต้นกำเนิดคนหนึ่งจะสามารถมีได้!
“คน ๆ นี้จะต้องมีที่มาอย่างแน่นอน ไม่ใช่บุคคลที่คนดั้งเดิมบนมหาทวีปคังชิงจะสามารถทัดเทียมได้ วิชาและฝีมือการต่อสู้ของเขา แม้กระทั่งบุคคลขอบเขตจักรพรรดิทั่วไปก็ไม่อาจสั่งสอนออกมาได้!”
ทารกมารยิ่งสู้ก็ยิ่งตื่นตระหนก
ต้องเข้าใจว่า ความคิดในตัวเขามาจากพลังปณิธานของบุคคลขอบเขตจักรพรรดิ จึงเข้าใจดีเป็นธรรมดา ว่าสามารถมีพลังการต่อสู้ที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ในขอบเขตรวบรวมดารา เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เพียงใด
หรืออาจกล่าวได้อีกอย่างว่า ทารกมารสงสัยว่าซูอี้มีที่มาซึ่งบอกใครไม่ได้!
ครืน!
ฉับพลัน ท่ามกลางเสียงระเบิดกึกก้องแสบแก้วหู ทารกมารโดนดาบฟันเข้าใส่อย่างแรงจนกระเด็นออกไปไกลเกือบจะกระอักเลือดออกมา
“พลังของเจ้า อย่างไรเสียก็ยังไม่ได้ผสมผสานอย่างแท้จริง ขอบเขตไม่นิ่ง ขืนปล่อยเช่นนี้ต่อไป ดีดนิ้วไม่เกินสิบครั้ง ก็ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
ไม่ไกลนัก ซูอี้ก็เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าขอเตือน ดีที่สุดตอนนี้เจ้าจงใช้พลังความสามารถทั้งหมดที่มี ไม่เช่นนั้น เจ้าจะไม่มีโอกาสได้ใช้อีก”
น้ำเสียงยังคงดังกึกก้อง เขาชักดาบรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เพียงชั่วพริบตาเดียว พลังดาบที่โหมกระหน่ำราวกับฝนสาดก็เทลงมาติดต่อกัน
ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยพลังดาบ ส่งแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วปฐพี!
“ถ้าเช่นนั้นจัดไปตามความต้องการของเจ้า!”
ทารกมารสูดหายใจลึก ๆ บนใบหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาปรากฏสีหน้าโหดเหี้ยมอำมหิตขึ้น
มีเสียงดนตรีทำนองประหลาดดังออกมาจากปากของเขา
ถัดจากนั้น ดาบสีเลือดที่เขาบังคับควบคุมก็เริ่มเลือนรางขึ้นมาทีละน้อย จนท้ายที่สุดก็หายลับไป
ทว่าเวลานี้เอง กลับมีพลังทำลายล้างอันน่ากลัวไร้ขอบเขตกำลังแผ่กระจายตัวอยู่กลางอากาศ ทุกแห่งที่ผ่าน พลังดาบเหล่านั้นที่ซูอี้ฟาดฟันออกไปกลับโดนพลังไร้รูปร่างต้านทานเอาไว้ ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้!
อืม?
ดวงตาลุ่มลึกของซูอี้พินิจมอง เคล็ดวิชามิติ?
และขณะนี้เอง ทารกมารส่งเสียงแหลมร้องออกมา
“นรกแห่งความว่างเปล่า!”
ราวกับแผ่นดินกำลังไหว
ทุกอย่างสั่นสะเทือน อากาศเกิดเป็นคลื่นรุนแรงเหมือนดั่งคลื่นทะเลที่กำลังโหมกระหน่ำ โดยมีทารกมารเป็นศูนย์กลาง
ครืน!
ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นกึกก้อง พลังดาบไร้รูปร่างจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับคลื่นทะเลคลั่งถาโถม โหมซัดซูอี้จากรอบทิศทาง
พลังดาบไร้รูปร่าง แต่เมื่อเคลื่อนตัวกลับให้ความรู้สึกราวกับอากาศบริเวณนั้นปั่นป่วนคล้ายถูกบดขยี้ ทำให้สภาวะสมดุลต้องผันผวน หยินหยางตาลปัตร
“นี่คือพลังอันใดกัน?”
หลี่ฉางหลิ่นกันคนอื่น ๆ ต่างพากันเบิกตากว้าง
ในสายตาของพวกเขา จุดที่ซูอี้อยู่นั้นราวกับกำลังทลาย โดยถูกพลังไร้รูปร่างที่ดุดันน่ากลัวบีบคั้น พุ่งปะทะ และบดขยี้
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นเป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อและน่ากลัวมาก!
“เป็นพลังมิติจริง ๆ เสียด้วย”
หลังจากที่มั่นใจแล้ว ซูอี้จึงแสดงสีหน้าเย้ยหยันออกมา