บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 621 ครั้งแรกของชาตินี้และชาติก่อน
ตอนที่ 621: ครั้งแรกของชาตินี้และชาติก่อน
ตอนที่ 621: ครั้งแรกของชาตินี้และชาติก่อน
รอบด้านรอบทิศทาง มิติไร้รูปร่างโหมกระหน่ำถล่มล้มทับไปที่ตัวซูอี้
ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าท้องฟ้าในแถบนั้นกำลังถล่มและร่วงหล่นลงมา
นั่นคือคลื่นพลังดาบอันไร้รูปร่างไร้ตัวตน ซึ่งแสดงถึงความน่ากลัวอันยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขตโดยเคล็ดวิชามิติ
ทว่าในสายตาของซูอี้ เคล็ดวิชาที่ใช้พลังขับเคลื่อนมิติเช่นนี้มีช่องโหว่อยู่มากมาย!
ร่างของเขายืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
ชิ้ง!
ท่ามกลางเสียงดาบใสกังวาน ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าแสดงความหมายลึกล้ำของเขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
ภูเขาดาบอันตระหง่านลูกแล้วลูกเล่าถอนตัวขึ้นจากพื้น ก่อตัวเป็นค่ายกลแห่งเบญจธาตุกลางอากาศ
ธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน เบญจธาตุทั้งห้าปรากฏบนภูเขาดาบห้าลูก พุ่งทะลุผืนฟ้าผืนแผ่นดิน
เพียงแค่ดาบเดียวแปรเปลี่ยนเป็นภูเขาดาบเบญจธาตุ อานุภาพยิ่งใหญ่ซึ่งสามารถสยบสวรรค์คุมขังแผ่นดินแผ่กระจายออกไป!
เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุคืออะไร?
คือยึดวิถีใหญ่เบญจธาตุเป็นรากฐาน สามารถสยบกำลังแห่งเขตแดนความว่าง!
จึงได้ชื่อว่าสยบเขตแดนตั้งแต่นั้น
แม้กระทั่งเขตแดนยังสามารถสยบได้ นับประสาอะไรกับเคล็ดวิชามิติ?
ฉับพลัน…
คลื่นพลังดาบมิติอันยิ่งใหญ่ก็ถูกทับอยู่ใต้ภูเขาดาบเบญจธาตุ ตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน ราวกับฝูงงูที่ดิ้นพรวดพราด ถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับไปไหนไม่ได้
ไม่ว่าจะดิ้นทุรนทุรายเพียงใด ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
และเมื่อมองดูจากไกล ๆ ท้องฟ้าที่กำลังร่วงหล่นลงมานั้นกลับสงบลงภายใต้ภูเขาดาบเบญจธาตุ!
นี่คือภาพหยุดชะงักอย่างประหลาด
“ไม่ได้การ!”
ไกลออกไป ทารกมารสีหน้าเปลี่ยน
ขณะเดียวกันนี้เอง คมดาบในมือซูอี้ก็พลิกผันและกดทับ
ภูเขาดาบเบญจธาตุก็กลับหัว พุ่งทับลงไปอย่างแรง
ปัง! ปัง! ปัง!
ท่ามกลางเสียงระเบิดกึกก้องดั่งเสียงฟ้าผ่า คลื่นพลังดาบมิติที่ทารกมารแสดงออกมานั้นถูกบดขยี้และทำลายอย่างย่อยยับราวกับกระดาษ
อานุภาพของภูเขาดาบเบญจธาตุยังไม่ลดลง ยังคงกดทับทารกมารต่อไปอีก
สวบ!
ทารกมารเคลื่อนหลบอย่างไม่ลังเล ร่างของเขากลายเป็นลำแสงโลหิตเคลื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
แต่ระหว่างที่ภูเขาดาบเบญจธาตุกำลังขับเคลื่อนส่งเสียงคำราม ก็คล้ายกับธาตุทั้งห้าทำการสลับหมุนเวียน เมื่อความหมายลึกล้ำของเบญจธาตุถูกขับเคลื่อนพร้อมกัน ก่อให้เกิดพลังยื้อยุดชักนำอันน่าครั่นคร้ามออกมา
ชั่วขณะนั้น ทารกมารที่แปลงร่างเป็นแสงสีเลือดราวกับร่วงเข้าสู่แรงชักนำของเกลียวคลื่นเบญจธาตุ ไม่ว่าจะหลบหลีกเช่นใด พลังยื้อยุดชักนำอันน่ากลัวนั้นก็ยังตรึงร่างของเขาไว้แน่น
“ให้ตายสิ นี่มันวิถีดาบอะไรกัน!?”
ทารกมารทั้งโกรธและตระหนกปนเปกันไป
เขาผู้ที่พลังปณิธาณของตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิก็ยังตื่นตระหนกในอานุภาพลี้ลับของดาบ ๆ นี้!
ครืน!
ภูเขาดาบเบญจธาตุพุ่งลงมาจากฟ้า ยิ่งใหญ่ประมาณการไม่ได้
กลิ่นอายอันตรายที่ทิ่มแทงกระดูกเช่นนี้ทำให้หน้าของทารกมารบิดเบี้ยว เส้นเลือดฝอยในดวงตาปูดนูน ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“มีดผลาญวิญญาณ!”
จู่ ๆ บนหัวของทารกมารก็มีมีดเพลิงไฟอันเลือนรางปรากฏขึ้น
ใบมีดยาวเจ็ดชุ่น ใสสว่างเป็นเงา เพลิงเทวะอันใสบริสุทธิ์กำลังเผาผลาญ
เมื่อมีดคมปรากฏขึ้น กลิ่นอายแห่งความน่าสะพรึงกลัวกระทั่งฟ้าดินยังต้องสั่นสะท้านก็แผ่กระจายออกไป
ตุบ! ตุบ!
หลี่ฉางหลิ่นและคนอื่น ๆ ที่มองดูการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ถึงกับเข่าอ่อนล้มไปกองกับพื้น หน้าขาวซีด รู้สึกสิ้นหวังจนหายใจไม่ออก
พลังเช่นนั้นแข็งแกร่งมากเสียเหลือเกิน
ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลก็ยังทำให้พวกเขายอมแพ้!
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้น ใบมีดยาวเจ็ดชุ่นอันมีเพลิงไฟสีใสกำลังแผดเผาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จากใต้ภูเขาดาบเบญจธาตุแทงทะลุขึ้นไปสู่ยอดภูเขา ตลอดเส้นทางราวกับกรีดเต้าหู้
เมื่อคมมีดเจ็ดชุ่นพุ่งขึ้น
ภูเขาดาบเบญจธาตุสั่นสะเทือนอย่างแรง จากนั้นถล่มจนไม่มีเหลือ
เพียงแค่ดาบเดียว สามารถช่วยทารกมารให้แคล้วคลาดได้!
ภาพเหตุการณ์รุนแรงเช่นนั้นทำให้ซูอี้ที่อยู่ห่างออกไปถึงกับเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “คิดจะสู้โดยใช้พลังปณิธานของขอบเขตจักรพรรดิภายในห้วงความนึกคิดเช่นนั้นรึ?”
ถึงแม้การบุกโจมตีครั้งนี้จะแก้เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุได้ แต่ต้องยอมรับว่า การแสดงออกของทารกมารทำให้ซูอี้รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง…
ห่างออกไป สีหน้าของทารกมารขาวซีด หายใจหอบแรง ปลายคิ้วเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างที่มีความสูงศอกกว่า ๆ สั่นระริกไม่หยุด
ดาบผลาญวิญญาณนี้ทำให้เขาสูญเสียพลังไปมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
ทว่าทารกมารไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ ดวงตาเยือกเย็นสีแดงสดของเขาเพ่งมองดูซูอี้ที่อยู่ห่างออกไปเขม็ง ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต แผดเสียงร้องออกมา
“เจ้า… เจ้าทำแผนข้าเสีย จะต้องตาย!!!”
เสียงดังราวกับเสียงฟ้าผ่า แฝงไว้ซึ่งความโกรธแค้น
ชิ้ง!
พร้อมกับเสียง ใบมีดขนาดเจ็ดชุ่นเล่มนั้นปรากฏขึ้นกลางอากาศ และพุ่งแทงไปที่ซูอี้
ฟ้าดินสั่นสะเทือน
กลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัวของคนในขอบเขตจักรพรรดิแผ่กระจายออกไปตามทิศทางของใบมีดยาวเจ็ดชุ่นเล่มนี้
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าทุกที่ที่ใบมีดคมเล่มนี้ตัดผ่าน ห้วงอากาศราวกับผ้าที่ถูกฉีกออกเป็นรอยแยกทางยาว
คมประกายอันไร้เทียมทานราวกับสามารถฟันสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ได้!
พลังในขอบเขตจักรพรรดิเช่นนั้น อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเลย ต่อให้ผู้ฝึกตนในขอบเขตสยายวิญญาณอยู่ตรงนี้ก็ยากนักจะต้านทานการบุกโจมตีเช่นนี้ได้!
ซูอี้ไม่ได้เข้าปะทะโดยตรง
เพราะไม่มีความจำเป็น
ตอนที่ต่อสู้กับพวกหวนเฉ่าโหยว ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณทั้งเก้าที่เขาพระสุเมรุ ซูอี้เคยผ่านสถานการณ์อันตรายเช่นนี้มาแล้ว
อย่างไรเสียการต่อสู้เช่นนั้น ท้ายสุดก็เพียงแค่ดูว่าไพ่ใบสุดท้ายของใครจะแกร่งกว่ากันก็เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเห็นใบมีดยาวเจ็ดชุ่นพุ่งเข้ามาหา ซูอี้จึงชักดาบออกมาในทันที
สวบ!
ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าถูกชูขึ้น ตัวดาบสีดำขลับราวกับท้องฟ้ายามราตรี แฝงไว้ซึ่งพลังอันมาจากดาบเก้าคุมขังนั้นก็ถูกซูอี้ปล่อยออกไปอย่างเรียบง่าย
ปัง!!!
ใบมีดยาวเจ็ดชุ่นกับดาบนิลกาฬกลืนฟ้าพุ่งชนกันอย่างแรง คลื่นพลังที่สามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่งแผ่ขยายออกไปจากอาวุธทั้งสอง ทุกแห่งที่ผ่านเกิดความปั่นป่วน อากาศแปรปรวน
ฟ้าดินเปลี่ยนสี
เมื่อการบุกโจมตีเช่นนี้ปะทุขึ้น ในสายตาของกลุ่มผู้ฝึกตนขั้นพลังต้อยต่ำเช่นหลี่ฉางหลิ่นที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ต่างก็มองเห็นอากาศโดยรอบราวกับถูกบดขยี้เป็นผุยผง ทุกอย่างปั่นป่วนและเสียหาย
กล่าวว่าฟ้ายุบดินทลายเลยก็ว่าได้!
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน หุบเขามารบุปผาโลหิตทั้งลูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในทันใด ไม่รู้ว่าต้นไม้ใบหญ้าก้อนหินดินทรายมากมายเท่าใดถูกทำลาย หมอกควันคละคลุ้ง
ฉึบ!
ทันใด ใบมีดยาวเจ็ดชุ่นซึ่งคล้ายกับถูกแผดเผาเล่มนั้นก็แตกระเบิดกลางอากาศเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ห่างออกไป สองมือของทารกมารกุมหัวด้วยสีหน้าเจ็บปวด พลางส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา
“ไม่ เป็นไปไม่ได้! พลังปณิธานของข้า ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราอย่างเจ้าสามารถต้านรับได้เช่นใด?”
ทารกมารในเวลานี้ราวกับเจ็บปวดยิ่งนัก ร่างกระตุกอย่างแรง ร้องโอดครวญดังทั่วฟ้า
จนกระทั่งใบมีดยาวเจ็ดชุ่นเล่มนั้นระเบิดจนไม่เหลือ…
เอื๊อก!
ร่างของทารกมารแข็งกระด้าง เลือดสีทองกระอักออกมาจากปาก
“เจ้าบัดซบ! เจ้าทำแผนข้าเสีย วันข้างหน้าเมื่อบุกมาถึงมหาทวีปคังชิงแล้ว ข้าจะจับเจ้าถลกหนัก เลาะกระดูก!!!”
ทารกมารร้องคำราม
ความเคียดแค้นและเจ็บใจผุดขึ้นเต็มใบหน้า
เสียงยังคงดังกึกก้อง ทว่าร่างของเขาเซถอยหลังจนจะล้มกระแทกลงกับพื้น
“เช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าจะรอ” ซูอี้แย้มยิ้ม
เขาขยำมือกลางอากาศ ร่างของทารกมารยังไม่ทันร่วงถึงพื้นก็ถูกเขาคว้าเอาไว้
ทารกมารตนนี้อ่อนแรงกำลัง สีหน้าซีดเผือด ตัวขดจนกลมดิก แม้กระทั่งชุดสีแดงเลือดที่สวมใส่นั้นก็ยังสลายกลายเป็นควันสีแดง
ซูอี้ไม่เคยอุ้มเด็กทารกมาก่อน
เมื่อชาติก่อนเขาก็ไม่เคยอุ้มเด็กทารกเช่นนี้มาก่อน
เมื่อหิ้วคอของทารกมาร มองเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ไร้เดียงสาของอีกฝ่ายแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา ซูอี้จึงพบว่าหิ้วคอเช่นนี้ไม่เหมาะสม ควรจะงอแขนประคองร่างน้อย ๆ ร่างนี้แนบอ้อมอกของตนเอง
ทารกมารจึงแสดงสีหน้าผ่อนคลายสบายตัวออกมา ร่างน้อย ๆ ยังซุกไซ้ในอ้อมอกของซูอี้ นี่คืออาการโดยสัญชาตญาณของเด็กทารก
ซูอี้นิ่งตะลึง ในใจรู้สึกประหลาดขึ้นมาน้อย ๆ
ไม่นานนักก็รู้สึกได้ว่า พลังปณิธานขอบเขตจักรพรรดิที่เดิมทีควบคุมทารกมารอยู่นั้นได้มลายหายไปจนสิ้นแล้ว
สิ่งที่ทำให้ซูอี้รู้สึกตระหนกก็คือความนึกคิดของทารกมารไม่ได้ถูกทำลายไปจนสิ้น ภายในสายเลือดที่ไหลเวียนในตัวทารกมาร ยังคงมีความนึกคิดที่ถูกฝักรากลึก ราวกับต้นหญ้าบนทุ่งกว้างเช่นนั้น
“ที่แท้ก็เป็นโลหิตทองคำจิตมาร… มิน่าเล่าตอนที่ทารกมารตนนี้ยังไม่คลอดออกมา จึงถูกพลังปณิธานของบุคคลในขอบเขตจักรพรรดิลบเลือนไปจนหมด…”
อย่างรวดเร็ว ซูอี้ก็รู้ถึงสาเหตุ
เกิดมาเป็นมารรุ่นหลังของเผ่าพันธุ์ จึงมีพรสวรรค์พิเศษที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
พรสวรรค์เหล่านี้อาจจะถูกเก็บรักษาไว้ในสายเลือด อาจจะถูกเก็บรักษาไว้ในกระดูก หรืออาจจะถูกหลอมประทับไว้ในอวัยวะภายในแห่งใดแห่งหนึ่ง ความแข็งแกร่งของพรสวรรค์ก็มีความแตกต่างกันออกไป
โลหิตทองคำจิตมารเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์สุดยอดประเภทหนึ่งที่มีความพิเศษมาก
ทารกมารที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ จะเชี่ยวชาญเกี่ยวกับ ‘โลหิตหลอมกลืนวิญญาณ’
ความแข็งแกร่งของพรสวรรค์เช่นนี้อยู่ตรงที่สายเลือดของเขาเป็นตัวอ่อนร่างหลอมแต่กำเนิด
หากแสวงหาหนทางแห่งการฝึกกาย ค้นพบเร้นเทพกายา จะต้องกลายเป็นผู้หลอมร่างซึ่งมีความแข็งแกร่งไร้ผู้เทียมทาน! …หากต้องการใช้ร่างกายแสวงวิถี ใช้พลังแสวงขอบเขตจักรพรรดิก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
ทันใด มีเสียงดังซู่ ๆ ดังขึ้น อกเสื้อของซูอี้เปียกชุ่ม
ซูอี้ก้มมองดู มุมปากกระตุกเล็กน้อย
ทารกมารในอ้อมอกฉี่ ทั้งยังฉี่รดเขาเต็ม ๆ…
ทารกมารน้อยตนนี้กลับอมยิ้ม หลับสนิทด้วยความสุขใจ ท่าทางสบายอารมณ์ยิ่งนัก
ต้องยอมรับว่าทารกมารในตอนนี้ไม่แตกต่างอะไรจากทารกทั่วไป ร่างอ้วนท้วนน่ารัก บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งความแปลกประหลาดของปีศาจ
ขณะจับจ้องดูทารกมารในอ้อมอก ซูอี้นิ่งเงียบไป และเกิดความลังเลขึ้นมาในใจ
เขาไม่เคยเป็นบิดา และไม่มีบุตรของตัวเอง สภาพที่โดนเด็กทารกฉี่รดใส่ตัวเช่นนี้ก็ยิ่งไม่เคยมีมาก่อน
เรื่องนี้ทำให้ซูอี้รู้สึกแปลกพิกลขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือว่าชาตินี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอุ้มเด็กทารก ในใจจึงรู้สึกตะขิดตะขวงยิ่งนัก
สุดท้ายซูอี้ถอนใจเบา ๆ เอื้อมมือไปหยิบเสื้อของตัวเองออกมาจากจี้หยกหอยหิมะมาห่อตัวทารกมารราวกับห่อบ๊ะจ่าง จากนั้นอุ้มไว้ในวงแขนด้านซ้าย
สายตาของเขาจับจ้องมองไปไกล ๆ
สีของแสงตะวันยามเย็นดุจสีเลือด ท้องฟ้ายามเย็นเริ่มมืดครึ้ม
หลี่ฉางหลิ่นและคนอื่น ๆ ยืนนิ่ง ๆ ประหนึ่งรูปปั้นอยู่ห่าง ๆ
การต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้สร้างความตื่นเต้นและตื่นตะลึงให้กับผู้คนเหล่านี้มาก
ซูอี้ส่ายหน้า หมุนตัวก้าวเดินไปในโลกข้างใต้ ร่างของเขาหายลับไปอย่างรวดเร็ว
เขามาในครั้งนี้ ยังมีอีกเรื่องที่ต้องทำ นั่นก็คือช่วยเหวินฉางไท่กับภรรยาของอีกฝ่าย
ไกลออกไป
พวกของหลี่ฉางหลิ่นต่างก็มองหน้ากันราวกับเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝัน ต่างก็ทำหน้างุนงง รู้สึกราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นคือความฝัน
วันที่ยี่สิบสี่เดือนสิบเอ็ด
ซูอี้ย่างเข้าสู่หุบเขามารบุปผาโลหิตคนเดียวเพียงลำพัง ทลายค่ายกลพลังอสูรสะเทือนสวรรค์ ฆ่าผู้ฝึกตนตำหนักมารเทียนอวี้ ฆ่าถูไป๋เจิ้นผู้ฝึกตนแห่งขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ และทำลายจิตปณิธานขอบเขตจักรพรรดิในห้วงความนึกคิดของทารกมาร!
เหล่าผู้คนทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ตื่นตะลึงไม่มีคำใดจะกล่าว ราวกับตกอยู่ในภวังค์!