บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 624 ข้าอยากกินเจ้า
ตอนที่ 624: ข้าอยากกินเจ้า
ตอนที่ 624: ข้าอยากกินเจ้า
สายลมทะเลพัดโหม
ชายหนุ่มชุดขาวผู้ถือคันเบ็ดในมือนั่งอยู่ในท่วงท่าผ่อนคลายสบายตัว
เมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้ ฉู่ซิวก็สงบใจลง ก่อนกล่าวว่า “ใต้เท้าช่างสง่างามแข็งแกร่งนัก จึงสามารถมาตกปลาโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เช่นนี้”
ชายหนุ่มชุดขาวหันกลับมาหาฉู่ซิว หลังเผชิญทะเล พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โลกนี้มีคำกล่าวว่าชวนลิ้นพันอยู่ บอกว่ายามตกปลา ให้ไปตกที่เกาะ อย่าตกบนเกาะ ดังนั้นลองกันดีกว่า”
ฉู่ซิว “…”
คนผู้นี้ถือคำพูดเล่นลิ้นเป็นจริงเป็นจัง สมองมีปัญหาใดหรือไม่?
“ใต้เท้าตั้งใจมาตกปลาอย่างเดียวจริง ๆ หรือ?”
ฉู่ซิวหยั่งเชิง
ชายหนุ่มชุดขาวตอบกลับ “ความสุขในการตกปลาอยู่ตรงที่ไม่มีผู้ใดหยั่งทราบ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะได้ปลาหรือไม่ ยามนี้เมื่อเจ้าคิดถึงจุดประสงค์ของข้า จะต่างกับปลาตัวนั้นเช่นไร?”
ฉู่ซิวขมวดคิ้วกล่าว “ข้าไม่มีเวลามาเล่นปริศนาโง่ ๆ กับใต้เท้า ในเมื่อท่านไม่เต็มใจกล่าว เช่นนั้นคนแซ่ฉู่ผู้นี้จะไปเอง”
พูดจบ เขาก็หันหลังจากไป
หลังจากเดินจากไปสิบจั้งกว่า ฉู่ซิวก็อดกระทืบเท้าหยุด และหันมองกลับมาไม่ได้
ทว่าก็พบว่าชายหนุ่มชุดขาวนั่งบนพื้นหน้าเหว ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการจากไปของเขาเลย
ทว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ ฉู่ซิวก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ
เขาอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ทว่ากลับไม่สังเกตเห็นเลยว่าชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้โผล่มาตั้งแต่ยามใด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการพิสูจน์ ว่าวิถีเต๋าของอีกฝ่ายอย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ!
ยอดฝีมือระดับนี้จะมาตกปลายังทะเลวิญญาณโกลาหลเพียงแค่เพราะคำพูดเล่นลิ้นเช่นนี้หรือ?
ซ้ำยังมาปรากฏในถิ่นของเขาโดยบังเอิญด้วย?
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉู่ซิวสูดหายใจลึก ๆ และหันกลับมากล่าวว่า “คนเช่นใต้เท้าต้องมีเจตนาลึกซึ้งในการมายังที่แห่งนี้แน่ หากใต้เท้าเต็มใจกล่าว คนแซ่ฉู่ผู้นี้จะตั้งใจฟัง”
ชายหนุ่มชุดขาวสะบัดข้อมือ
ท้องสมุทรเกิดคลื่น และปลาตัวหนึ่งก็ร่วงจากฟ้า ลงบนมือของชายหนุ่มชุดขาว
นี่คือปลาทะเลสีทองตัวหนึ่ง ยาวราว ๆ หนึ่งฉื่อ เปี่ยมชีวิตชีวา
ชายหนุ่มชุดขาวจับปลาที่หางของมัน กล่าวยิ้ม ๆ “ดูสิ นี่เรียกว่ากินเบ็ดแล้ว”
“กินเบ็ด…”
ดวงตาของฉู่ซิววูบไหว
ทันใดนั้น ชายหนุ่มชุดขาวก็กัดเข้าที่ท้องของปลาทะเลสีทอง ฉีกเนื้อของมันออกมาคำหนึ่ง เคี้ยวตุ้ย ๆ ในปาก เลือดเปรอะริมฝีปากและฟันเต็มไปหมด
ฉากนองเลือดของการกินปลาเป็น ๆ นี้ทำให้หัวใจของฉู่ซิวบีบรัดแน่น
จากนั้นเขาก็เห็นชายหนุ่มชุดขาวกัดกิน เคี้ยวปลาตุ้ย ๆ ราวไม่มีผู้ใดรู้เห็นรอบกาย จนกระทั่งปลาทั้งตัวถูกกินไปในไม่ช้า
ต่อมา เขาก็ปาดเลือดที่มุมปาก ลุกขึ้นหันมามองฉู่ซิว จากนั้นก็ถามยิ้ม ๆ “มันทำให้เจ้ากลัวหรือไม่?”
ฉู่ซิวส่ายหน้า
ครานี้เองที่เขาได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชุดขาวชัด ๆ ริมฝีปากแดง ฟันขาว ใบหน้าหล่อเหลามาก
โดยเฉพาะดวงตาอันคล้ายวังวนคู่นั้นช่างชวนให้คนมองใจเต้นแรง
“หลังมาเยือนทะเลวิญญาณโกลาหลนี้ ข้าก็ได้ยินมาว่าสถานที่ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในแดนแปรปรวนนี้ก็คือซากของหอเซียนดาบ”
ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวว่า “แต่ข้าหาซากปรักหักพังนั่นไม่เจอ”
ฉู่ซิวอึ้งไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “เจ้า… อยากถามข้าถึงที่อยู่ซากหอเซียนดาบหรือ?”
ชายหนุ่มชุดขาวถามยิ้ม ๆ “เจ้าคิดว่าบอกได้หรือไม่?”
ฉู่ซิวตอบอย่างครุ่นคิด “ขอถือวิสาสะถาม สหายเต๋ามาทำอันใดที่นี่?”
ชายหนุ่มชุดขาวชี้หัวตัวเอง และกล่าวว่า “ยามเมื่อข้าได้ยินคำว่าหอเซียนดาบ สมญาจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนก็ปรากฏในใจของข้ากะทันหัน ข้าจึงมาดู”
ฉู่ซิว “…”
เขาอยากกล่าวเหลือเกินว่า เหตุผลบ้าบอพรรค์ใด?
แต่สุดท้าย เขาก็ยังกล่าวอย่างอดทน “กล่าวตามตรงนะสหายเต๋า ข้ารู้ว่าทางเข้าซากหอเซียนดาบอยู่หนใด ทว่ายามนี้ ที่แห่งนั้นถูกยึดครองไปนานแล้ว และแถว ๆ บริเวณทะเลก็มีมังกรเกล็ดดำในขอบเขตสยายวิญญาณพำนักอยู่…”
ฉู่ซิวกล่าวลองเชิงอีกฝ่าย
ใครเล่าจะคิดว่ายามเมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ดวงตาราววังวนของชายหนุ่มชุดขาวพลันวาววับราวประตูสู่ขุมนรกที่เปิดอ้าขึ้น เป็นบรรยากาศอันลี้ลับกดดันยิ่งนัก
ยามนั้น ฉู่ซิวตัวสั่นเล็กน้อย
ทว่าชายหนุ่มชุดขาวกลับกล่าวอย่างสนใจมาก “มังกรเกล็ดดำในขอบเขตสยายวิญญาณ? เนื้อของเจ้านั่นต้องอร่อยแน่ ๆ!”
เขาลูบท้องพลางเลียปาก ดูหิวโหยมาก
ฉู่ซิวลอบสูดหายใจลึก หัวใจสั่นเทา
ชายผู้นี้กล้าดีเช่นไร จึงถือมังกรเกล็ดดำในขอบเขตสยายวิญญาณเป็น… อาหาร!?
“คิดเช่นไร เห็นด้วยหรือไม่?”
ชายหนุ่มชุดขาวถาม
ฉู่ซิวครุ่นคิด ก่อนกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ผู้นี้ไม่ว่าอันใดหากให้นำทางสหายเต๋า ทว่าหลังไปถึง หากสหายเต๋าประสบอุปสรรคอันใด อย่าได้กล่าวโทษคนแซ่ฉู่ผู้นี้”
ชายหนุ่มชุดขาวแย้มยิ้มมีเลศนัยเล็กน้อย แล้วกล่าวตอบ “ย่อมได้ เจ้าและข้าร่วมมือ ต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ต้องการ กล่าวได้ว่าสบายใจทั้งสองฝ่าย”
สีหน้าของฉู่ซิวแปรเปลี่ยนเล็กน้อย และครู่หนึ่งจึงกล่าว “ปรากฏว่าสหายเต๋าล่วงรู้แผนของคนแซ่ฉู่ผู้นี้แล้ว”
ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวว่า “มีคนมากมายบนเกาะร้างแห่งนี้ ย่อมเลี่ยงไม่ได้หากจะมีข่าวลือแพร่งพรายระหว่างการสนทนา ทว่ายามเมื่อข้าผ่านมา ข้าก็ได้ยินมันเข้าพอดี เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?”
หากไม่ใช้เคล็ดวิชาสอดแนม จะได้เรียนรู้เรื่องนี้ได้เช่นไร?
ทว่าฉู่ซิวก็ยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจกล่าวได้ว่าเป็นบัญชาสวรรค์ จะว่าไป ขอบังอาจถามนามใต้เท้าได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มชุดขาวตอบว่า “ชิงลั่ว ชิงจากชิงหมิงอันเป็นนิรันดร์ ลั่วจากวิหคพิสดารเทียนลั่ว”
“ชื่อดี!”
ฉู่ซิวยกย่อง ทว่าเขางุนงงมาก ชายผู้นี้มีบรรยากาศลึกลับพิสดารรอบร่างเหมือนกับเขา แต่ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกตนจากมหาทวีปคังชิงนี้หรือ?
“เจ้าจะออกเดินทางยามใด?”
ชิงลั่วถามราวไม่อาจรอต่อ
“สหายเต๋าโปรดรอสักครู่”
ฉู่ซิวกล่าว
“รอตัวประกันทั้งสองหรือ?”
ชิงลั่วถาม
ม่านตาของฉู่ซิวหดตัว คนผู้นี้รู้ทุกอย่างจริง ๆ!
“ถูกต้อง”
ฉู่ซิวพยักหน้า
ชิงลั่วหลุดเสียงขำ พลางกล่าวว่า “จะว่าไป ซูอี้ที่เจ้าว่าคือผู้ใดหรือ?”
ความเกลียดชังอันเกินควบคุมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่ซิว ก่อนกล่าวคำออก “เป็นไอ้คนสารเลวที่จะตายไม่ช้าก็เร็ว!”
ชิงลั่วได้ยินดังนั้น เขาก็อดส่ายหน้ากล่าวไม่ได้ว่า “ความเกลียดชังจะทำให้เจ้าหน้ามืดตามัว ในเมื่อเจ้าเกลียดซูอี้ผู้นั้นนัก อีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ อย่าได้ประมาทไป”
ฉู่ซิวยิ้ม “ขอบคุณสำหรับคำย้ำเตือน ทว่าซูอี้ในยามนี้น่าจะยังอยู่ในต้าเซี่ย ไม่ว่าข้าจะเกลียดเขาเพียงไร คงไร้โอกาสจัดการกับเขาในขณะนี้”
“ต้าเซี่ย…”
ชิงลั่วกระซิบ “หากข้ามีโอกาส ก็จะไปที่นั่น”
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
ผู้ฝึกตนในขอบเขตเปิดทวารสองคนจากตำหนักมารเทียนอวี้พาตัวเหวินฉางไท่และฮูหยินของเขามายังเกาะร้าง
เห็นเช่นนี้ ฉู่ซิวก็ไม่รีรอ รีบนำยอดฝีมือใต้บัญชาทะยานไปยังซากของหอเซียนดาบทันที
ชิงลั่วก็รวมอยู่ในนั้น
เมื่อเขาเห็นกลุ่มของฉู่ซิวซึ่งประกอบด้วยผู้ฝึกตนในขอบเขตรวบรวมดาราสี่คน ขอบเขตเปิดทวารยี่สิบคน และขอบเขตไร้เบญจธัญสามสิบเก้าคนแล้ว ชิงลั่วก็อดส่ายหน้าไม่ได้ และเลิกสนใจ
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
หลังจากครึ่งชั่วยามเต็ม ๆ
บนท้องสมุทรไกล ๆ พลันปรากฏม่านหมอกปกคลุมตราบฟ้าจรดผืนทะเล
“สหายเต๋า ลึกเข้าไปในหมอกนี่คือทางเข้าซากปรักหักพังของหอเซียนดาบ ปกติแล้วที่แห่งนี้จะถูกปกคลุมโดยอำนาจของค่ายกล และผู้คนทั่วไปจะไม่อาจหาที่นี่พบได้เลย”
ฉู่ซิวมองไปไกลและกล่าวเร็ว ๆ
“โอ้?”
ชิงลั่วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “แล้วมังกรเกล็ดดำนั่นก็อยู่ในทะเลนี่หรือ?”
ฉู่ซิวพยักหน้ากล่าวอีกครั้ง “ถูกต้อง!”
ระหว่างการสนทนา พวกเขาก็ทะยานผ่านท้องน้ำเข้าไปในม่านหมอก
ทันใดนั้น…
สุ้มเสียงเจือด้วยโทสะดังกังวานออกมาทั่วสารทิศ
“ไอ้พวกสารเลว เจ้ากล้ามา ไม่คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าหรือไร?”
เสียงนั้นดังสะท้านทั่วนภาและผืนน้ำ
ผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้เบื้องหลังฉู่ซิวต่างตัวแข็งทื่อ พวกเขาล้วนมีท่าทีระแวดระวัง
กระทั่งฉู่ซิวยังแสดงสีหน้าจริงจัง และกล่าวว่า “สหายเต๋า นี่แหละมังกรเกล็ดดำ!”
ในระหว่างช่วงเวลานี้ พวกเขาได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตทะเลมากกว่าหนึ่งหน ย่อมรู้แจ่มแจ้งว่ามังกรเกล็ดดำเฒ่าผู้อยู่ในทะเลแถบนี้น่ากลัวเพียงไร
“ใช่ นี่แหละสิ่งที่ข้าเฝ้าตั้งตารอจริง ๆ”
ดวงตาของชิงลั่ววาวโรจน์ หมุนวนช้า ๆ ราววังวน
ตู้ม!
ในห้วงสมุทรไกลออกไป ร่างหนึ่งก้าวออกมาจากเกลียวคลื่น
เขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมแขนกว้าง เดินอยู่บนผิวสมุทร บรรยากาศของเขายิ่งใหญ่เสียจนโลกาแปรสี สถานการณ์ยุ่งเหยิง
เขาคือผู้สืบสายเลือดมังกรเกล็ดดำ อิงเชวีย!
แรงกดดันร้ายกาจในขอบเขตสยายวิญญาณแผ่ออกมาจากเขา ทำให้พวกฉู่ซิวดูจริงจังยิ่งกว่าเก่า
ทว่ายามนี้ ชิงลั่วกลับยิ้มขำ “เมฆาคล้อยตามมังกร วายุเคลื่อนตามพยัคฆ์ มังกรเกล็ดดำผู้นี้มีพื้นฐานอันยอดเยี่ยมแข็งแกร่งนัก ซ้ำยังมีผลการฝึกฝนอยู่ในวิถีวิญญาณ มันต้องฝึกฝนมรดกโบราณบางอย่างอยู่เป็นแน่”
เขากล่าวด้วยท่าทางชื่นชม ดวงตาดูราวมองเหยื่ออันโอชะที่สุดในโลก วาวโรจน์เยี่ยงคบเพลิง
อิงเชวียขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองชิงลั่ว “ใต้เท้าเองก็เป็นผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้หรือ?”
ชิงลั่วส่ายหน้ากล่าว “ข้าเป็นเพียงผีไร้หลุม แม้แต่ที่มาของตนยังไม่รู้นับแต่ลืมตา”
อิงเชวียกล่าวอย่างงุนงง “เช่นนั้น ไฉนจึงมาที่นี่หรือ?”
“ข้ามาหาซากปรักหักพังแห่งหอเซียนดาบ”
ชิงลั่วกล่าวยิ้ม ๆ “อีกอย่าง ข้าก็สนใจในตัวเจ้านัก”
อิงเชวียตกตะลึง “ข้าหรือ?”
“ใช่”
ชิงลั่วพยักหน้ากล่าว “กล่าวให้ถูกคือ ข้าอยากกินเจ้า”
ฉู่ซิวหนังตากระตุก เจ้าหมอนี่… หมายใจสูงยิ่งนัก!
เหล่าผู้ฝึกตนในตำหนักมารเทียนอวี้รอบกายเขาต่างสูดลมหายใจเฮือก คำพูดของชิงลั่วทำให้พวกเขาตกใจ
วาจาเหล่านั้นไม่ได้ต่างจากการรนหาที่ตาย!
อิงเชวียที่อยู่ห่างออกไปเองก็อึ้งไปครู่หนึ่ง และอดมองชิงลั่วอีกครั้งไม่ได้ ก่อนกล่าวว่า “ข้ามีความแค้นต่อเจ้าหรือ?”
ชิงลั่วส่ายหน้า “ในโลกนี้ ไม่ใช่ทุกสิ่งที่มีเหตุผลและจุดประสงค์ ข้าและเจ้าไร้บุญคุณความแค้นต่อกัน นี่เป็นเพียงการสนองความอยากอาหารของข้าเท่านั้น”
ฉู่ซิวและคนอื่น ๆ เงียบไป
ชิงลั่วดูหล่อเหลาไม่ธรรมดา ทว่าคำพูดและการกระทำให้ความรู้สึกบ้าระห่ำ
“สนองความอยากอาหาร…”
ดวงตาของอิงเชวียวูบไหว กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็อยากเห็นว่าเจ้าจะมีฝีมือพอหรือไม่!”
ชิงลั่วยิ้มน้อย ๆ เผยซี่ฟันขาวเรียงสวย ก่อนกล่าวว่า “ฝีมือปัจจุบันของข้าไม่ได้ดีเพียงนั้น ทว่าการรับมือสัตว์ร้ายเช่นเจ้าไม่น่าใช่ปัญหา”
ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรื่อยเฉื่อย เขาก็พุ่งออกมา ปราณปีศาจสีดำรุนแรงทะลักไหลจากร่าง
ตู้ม!
ท้องทะเลปั่นป่วน ท้องฟ้าโกลาหล
ในสายตาทุกคู่ ยามนี้ชิงลั่วดูราวจะเปลี่ยนไปเป็นเทพปีศาจ เส้นผมสีดำสยายพลิ้ว ชุดสีขาวโบกสะบัด ร่างของเขาทะลวงนภาเยี่ยงหอก ส่องสว่างทั่วหล้า!