บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 625 ฉีกขาดครึ่ง
ตอนที่ 625: ฉีกขาดครึ่ง
ตอนที่ 625: ฉีกขาดครึ่ง
ภายในหอเซียนดาบ
“คนพวกนั้นมาอีกแล้ว!”
ใบหน้าของหนิงซือฮวาแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์
นางมีหน้าที่ดูแลตราประทับกระดูกขาวที่ซูอี้ทิ้งไว้ และนางสามารถควบคุม ‘ค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์’ ที่ปกป้องหอเซียนดาบ
ทันทีที่ฉู่ซิวและคนอื่น ๆ เข้ามาในทะเลหมอก หนิงซือฮวาก็สังเกตเห็นพวกเขาทันที
“พี่หนิง ท่านกำลังพูดว่าคนเหล่านั้นจากตำหนักมารเทียนอวี้กลับมาที่นี่อีกแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ด้านข้าง ดวงตาอันงดงามของฉาจิ่นหรี่ลงเล็กน้อย
เหวินหลิงเสวี่ยที่กำลังนั่งสมาธิฝึกฝนอยู่เปิดตาขึ้น
หนิงซือฮวาพยักหน้าและพูดว่า “อย่าเพิ่งพูดให้คนอื่นตื่นตระหนกไป ไม่ว่าจะอย่างไรเรายังมีผู้อาวุโสอิงเชวียที่คอยปกป้องอยู่ภายนอก”
“เข้าใจแล้ว”
ฉาจิ่นและเหวินหลิงเสวี่ยพยักหน้าแทบพร้อมกัน
เมื่อไม่นานมานี้ฉู่ซิวได้นำกลุ่มคนของตำหนักมารเทียนอวี้มารังควานที่หอเซียนดาบแล้วหลายครา แต่ทุกครั้งพวกเขาทั้งหมดต่างยับยั้งและขับไล่โดยอิงเชวีย
ดังนั้นแล้วในเวลานี้ หนิงซือฮวา และคนอื่น ๆ จึงไม่ตื่นตระหนกเกินไป
วิ้ง!
หนิงซือฮวาถือตราประทับกระดูกขาวไว้ในมือ นางส่งปราณโคจรเข้าไป ส่งผลให้เกิดลำแสงฉายสว่างก่อนจะก่อตัวกลายเป็นม่านแสงสะท้อนให้ภาพฉากที่กำลังเป็นไปของภายนอก
นี่เป็นการอนุญาตฉาจิ่นและเหวินหลิงเสวี่ยให้มองเห็นภาพเหตุการณ์ที่กลุ่มของฉู่ซิวกำลังเผชิญหน้ากับอิงเชวียอยู่ในตอนนี้อย่างชัดเจน
“น… นั่น… คือ…”
เมื่อเห็นภาพฉากที่ปรากฏเหวินหลิงเสวี่ยลุกขึ้นยืนราวกับถูกฟ้าผ่า ใบหน้าที่สวยงามของนางขาวซีด มือและเท้าของนางชาหนึบ
“มีอะไรหรือ?”
หนิงซือฮวาสงสัย
“พวกเขา… พวกเขาจับกุมบิดามารดาของน้องหลิงเสวี่ย…”
ฉาจิ่นทั้งตกใจและโกรธ
ทันทีที่หนิงซือฮวาได้ยินประโยคนี้ นางสังเกตเห็นในทันทีว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังถูกคร่ากุมโดยผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งสองคนที่อยู่ใกล้ฉู่ซิว
ต้องเป็นบิดามารดาของเหวินหลิงเสวี่ยอย่างแน่นอน!
ภาพนี้ทำให้หัวใจของหนิงซือฮวาจมดิ่งโดยตระหนักว่าคราวนี้ฉู่ซิวเตรียมพร้อมมาอย่างดี!
“ข้าจะทำเช่นไรดี…”
หนิงซือฮวาขมวดคิ้ว แววตาของนางไม่แน่ใจ
ฉาจิ่นปลอบโยนเหวินหลิงเสวี่ยอย่างนุ่มนวลโดยพูดว่า “หลิงเสวี่ยไม่ต้องกังวล มันมีทางออกอย่างแน่นอน ถ้าการคาดเดาของข้าถูกต้อง หากฉู่ซิวไม่บรรลุเป้าหมายของเขา เขาจะยังไม่มีวันทำร้ายท่านลุงและท่านป้าแน่นอน”
เหวินหลิงเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยว่า “พี่หญิงไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำสิ่งใดหุนหันพลันแล่น ข้าไม่มีวันทำให้ทุกคนต้องทนทุกข์เพราะพ่อแม่ของข้าอย่างแน่นอน!
ดวงตาใสซื่อของนางตั้งมั่นแน่วแน่
“อย่าได้พูดจาส่งเดช! ไม่ว่าจะอย่างไรเราจะช่วยท่านลุงกับท่านป้าให้ได้ สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือสงบใจลง เรื่องต่าง ๆ …หาใช่ว่าถึงจุดสิ้นสุดแล้วซะเมื่อไร!”
หนิงซือฮวาพูดอย่างจริงจัง
เหวินหลิงเสวี่ยพยักหน้าเงียบงัน
ต่อมา สายตาของพวกเขาทั้งหมดจับจ้องไปยังม่านแสงซึ่งฉายภาพเหตุการณ์ด้านนอก
…
ภายนอก
เหนือทะเลวิญญาณโกลาหล
การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายชิงลั่วทำให้คิ้วของอิงเชวียขมวดเข้าหากัน
“แม้จะอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณช่วงต้น ทว่ากลิ่นอายของคนผู้นี้กลับกล้าแกร่งจนผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด”
เมื่ออิงเชวียตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ คลื่นพลังขอบเขตสยายวิญญาณปะทุกวาดออก
ครืน!
ที่ด้านหลัง มวลพลังสีดำทมิฬก่อรูปร่างขึ้นกลายเป็นมังกรปีศาจสีดำทมิฬขดอยู่รอบตัวเขา
“เปล่าประโยชน์” ชิงลั่วส่ายหัวแล้วพุ่งไปข้างหน้าฉับพลัน
ตูม!
ด้วยพลังปะทุอันรุนแรง ผิวทะเลเบื้องล่างจึงปั่นป่วนจนเกิดเป็นวงคลื่นรุนแรง อากาศโดยรอบระเบิดเป็นเสียงดังลั่นราวฟ้ากัมปนาท ทั้งร่างของชิงลั่วถูกห้อมล้อมไปด้วยพลังอำนาจอันดุดัน
“แม้ว่าข้าจะเป็นมนุษย์แต่ข้าฝึกฝนวิถีแห่งมาร และสิ่งที่ข้าช่ำชองที่สุดคือหมัดมวย!”
ด้วยเสียงที่ก้องกังวานชัดเจน ชิงลั่วออกหมัดชก!
ตูม!
ท้องฟ้าสั่นสะเทือน ปราณปีศาจเดือดพล่าน
ผู้ที่รับชมทั้งหลายต่างเห็นมวลพลังสีดำที่ควบแน่นจนกลายเป็นรูปลักษณ์หมัดยักษ์กรีดผ่านอากาศเข้าหาอิงเชวีย!
ฉู่ซิวและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง พลังของหมัดนี้ทรงพลังเลิศล้ำเพียงแค่มองดูก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่าง!
“สลายไปเสีย!”
อิงเชวียตะโกนเสียงดังราวกับมังกรคำรามฟ้า
ด้วยการทำมุทราและซัดฝ่ามือออก มวลน้ำทะเลที่อยู่เบื้องล่างจึงถูกดึงดูดขึ้นสู่อากาศ ก่อนจะควบแน่นเป็นหอกยักษ์และพุ่งต้านเข้าใส่หมัดยักษ์สีดำอันอหังการ
ตูม!!!
การระเบิดนี้สั่นสะเทือนทั้งฟ้าดิน หมัดกับหอกแตกกระจายและสลายไปพร้อมกัน แรงระเบิดปะทะสร้างคลื่นลมพายุแปรปรวน ท้องทะเลปั่นป่วนเกิดเป็นคลื่นสูง
“ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้คิดจะกินข้าอิงเชวียอย่างนั้นหรือ? นับว่าคิดการใหญ่เกินตัวนัก!”
อิงเชวียกล่าวอย่างเย็นชา
“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
ชิงลั่วยิ้มเย้ยหยัน เมื่อพูดจบร่างกายของเขาพลันเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตื่นตะลึง
ตูม! ตูม! ตูม!
ทุกอึดใจที่ผ่านพ้น อากาศโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กลิ่นอายความแข็งแกร่งของชิงลั่วพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีหยุด
“นี่…”
ฉู่ซิวและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงที่พบว่าระดับการบ่มเพาะของชิงลั่วซึ่งอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว และไม่นานก็ทะลุผ่านไปสู่ขั้นกลางของขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ก่อนที่จากนั้นจะพุ่งขึ้นไปสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นปลาย!
นี่มันน่าสะพรึงเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ปรากฏว่าคนผู้นี้สะกดซ่อนระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงมาโดยตลอด!”
สีหน้าของอิงเชวียกลายเป็นเคร่งขรึม
เมื่อชิงลั่วแข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลันเช่นนี้ อิงเชวียและผู้บ่มเพาะขั้นวิถีวิญญาณคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกได้ถึงรัศมีอันตรายที่คุกคามพวกเขา
“เอาหมัดจากข้าไปอีกรอบ!”
เมื่อระดับการบ่มเพาะของชิงลั่วเข้าสู่ช่วงปลายของขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ทันใดนั้นเขาง้างหมัดขึ้นสูง… ก่อนจะปล่อยหมัดออกอย่างเต็มกำลัง!!!
มันเป็นหมัดที่เรียบง่ายไม่มีความซับซ้อนใด ๆ แต่ทว่าพลังอำนาจของมันนั้น… สุดยากหยั่งถึง!
ตูม!
ทันใดนั้นทุกคนต่างแลเห็นหมัดยักษ์สีดำสนิทปรากฏขึ้น มันพุ่งผ่านอากาศราวดาวหางกำลังพุ่งเข้าชนโลก ฉีกความว่างเปล่าออกเป็นเสียงหวีดแหลม แผ่อำนาจทำลายล้างชั่วร้ายจนผู้คนรู้สึกหัวใจเต้นระส่ำ
ฉู่ซิวและคนอื่น ๆ รู้สึกหนาวสั่นทั้งร่างกายและใจ… ชิงลั่วผู้นี้แข็งแกร่งยิ่ง!!
ในขณะเดียวกัน อิงเชวียก็ได้ใช้กำลังทั้งหมดของตนเองอย่างไม่ลังเล เขาโคจรพลังก่อนจะซัดฝ่ามือสวนออกไป ทำให้ฝ่ามือยักษ์สีดำพุ่งเข้าปะทะกับหมัดยักษ์สีดำ …ปะทะชนกันอย่างรุนแรง!
ตูม!!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คลื่นปะทะกวาดออกไปทุกทิศทาง พลังทำลายล้างแผ่ไปทั่ว
ท่ามกลางแสงระเบิดที่สว่างไสว ร่างของอิงเชวียกระเด็นถอยไปสองสามจั้งกลางอากาศ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับปูดโปน
ท้ายที่สุด เขาก็ทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมา!
“เพียงหมัดเดียวจากขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นปลายกลับสามารถทำให้อสูรปีศาจขอบเขตสยายวิญญาณบาดเจ็บ!?”
ฉู่ซิวกลืนน้ำลาย เขาตกใจมากจนกว่าจะสงบลงได้ต้องใช้เวลาพักหนึ่ง
แม้คาดได้ว่าที่มาของชิงลั่วผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
ภายในหอเซียนดาบ
เมื่อเห็นว่าอิงเชวียได้รับบาดเจ็บ หนิงซือฮวา ฉาจิ่น และเหวินหลิงเสวี่ย สีหน้าต่างแปรเปลี่ยนและหัวใจของพวกนางเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
บุรุษผู้นั้นเป็นใคร เหตุใดแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!?
“หมัดเมื่อครู่เป็นอย่างไรบ้าง?” ชิงลั่วถามด้วยรอยยิ้ม
อิงเชวียเช็ดคราบเลือดจากมุมปาก ก่อนจะยิ้มเยาะตอบ “ก็งั้น ๆ”
“งั้น ๆ? ดี! ข้าจะถลกหนังของเจ้าออกเสียก่อน แล้วทุบเนื้อของเจ้าให้นุ่ม ยามที่กินเข้าไปข้าจะได้กลืนได้คล่องขึ้น ฮ่า ๆๆ!”
ชิงลั่วหัวเราะเสียงดังพลางออกหมัดอีกรอบเพื่อสังหาร!
ตูม! ตูม! ตูม!
คราวนี้เขาออกหมัดรัวเป็นชุดทั้งรุนแรงและรวดเร็ว ทุก ๆ หมัดที่ชกออกนั้นทวีความรุนแรงขั้นเป็นลำดับ อำนาจทำลายล้างของมันเพียงพอจะถล่มฟ้าพลิกปฐพีให้กลับหัวกลับหาง
ทว่าอิงเชวียนั้นไม่ยอมถอยแม้จะเสียเปรียบ
เขาทุ่มเทสุดความสามารถ
ตามปกติแล้วช่องว่างระหว่างขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณและขอบเขตสยายวิญญาณนั้นกว้างมากจนไม่อาจเทียบกันได้
แต่ทว่าการเผชิญหน้ากับชิงลั่วผู้นี้ มันดูเหมือนว่าความแตกต่างระหว่างระดับการฝึกฝนนั้นไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง เขาถูกสะกดข่มอย่างสมบูรณ์ในเวลาอันสั้นและได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง ยิ่งสู้สถานการณ์ของเขายิ่งเลวร้ายรุนแรง!
ฉากนี้ทำให้หนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ เหงื่อแตกและรู้สึกกังวล
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอิงเชวียจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
“โชกเลือดขนาดนี้ยังไม่ถอยอีกอย่างนั้นหรือ?”
ชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงบัดนี้ อิงเชวียนั้นตกเป็นฝ่ายรองตลอดเวลาและสถานการณ์ยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่อีกฝ่ายไม่เคยยอมแพ้ราวกับว่าไม่สนใจว่าจะอยู่หรือตายเลย
สถานการณ์เช่นนี้หากเปลี่ยนเป็นตัวเขา …ตนเองคงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหาทางหนีรักษาชีวิตรอดไปแล้ว!
“ข้าอยู่ภายใต้คำสั่งของคุณชายซูให้ปกป้องสถานที่แห่งนี้ ข้าไม่มีวันทรยศความไว้ใจของคุณชายซูเป็นอันขาด!”
เสียงของอิงเชวียแหบแห้ง
ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดหลั่งรินราวกับสายน้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง กระดูกหลายส่วนหักรุนแรง
แต่ทว่าแววตาของเขายังมุ่งมั่นและดุดัน!
“คุณชายซู? คุณชายซูคนไหน?”
ชิงลั่วถามด้วยความสนใจ
ถึงขนาดทำให้มังกรเกล็ดดำขั้นวิถีวิญญาณตนนี้ปกป้องสถานที่แห่งนี้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง คุณชายซูผู้นี้… เห็นชัดว่าไม่ธรรมดา!
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้ชื่อของคุณชายซู!”
อิงเชวียตวาดอย่างเย้ยหยัน
ชิงลั่วหัวเราะ “เช่นนั้นข้าจะยังไม่กินเจ้าตอนนี้ มาดูกันว่าเจ้าจะทนไม้ทนมือข้าขนาดไหน”
ตูม!
ทันใดนั้นชิงลั่วก็โจมตีอีกครั้ง
อิงเชวียพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะต่อต้าน แต่ร่างของเขากระเด็นถอยไปอย่างไม่อาจควบคุม กระดูกในร่างแตกหักมากกว่าเจ็ดส่วน ทวารทั้งเจ็ดโลหิตหลั่งริน
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ขณะนี้จะยังสามารถยืนหยัดด้วยสองขาได้ แต่เขาก็กำลังจะตาย
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าชีวิตของอิงเชวียนั้นอยู่ได้อีกไม่นาน!
ทว่าเมื่อหันมองกลับไปที่ชิงลั่ว เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลย กลิ่นอายยังคงแข็งแกร่งอยู่ในจุดสูงสุดเช่นเดิม ความกล้าแกร่งเช่นนี้ทำให้ฉู่ซิว และคนอื่น ๆ หวาดเกรงอยู่ในใจ
“งูน้อย ดูเหมือนว่าเจ้า… จะไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่?”
ชิงลั่วยิ้มและค่อย ๆ บินเข้าใกล้ด้วยแววตาหยอกล้อ
ทันใดนั้น
ครืน!
พลังอันกล้าแกร่งปะทุขึ้น! มันเป็นม่านพลังสีทองมหึมาปกคลุมไปทั่วท้องบริเวณและปล่อยอำนาจกดดันอย่างไม่อาจต้านทาน
ค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์!
หนิงซือฮวาไม่กล้าที่จะล่าช้าอีกต่อไป นางรีบเปิดใช้งานค่ายกล เพราะไม่เช่นนั้นอิงเชวียจะต้องสิ้นชีพอย่างแน่นอน!
“สหายเต๋า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
ฉู่ซิวตะโกนลั่น พลางจับร่างเหวินฉางไท่และภรรยาชูขึ้นเหนือหัว ท้าทายอำนาจของค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์
ทันใดนั้น อำนาจของค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ที่ห้อมล้อมชิงลั่วอยู่ก็หยุดนิ่ง
“ชั่วช้าสามานย์นัก!!!”
หนิงซือฮวาตัวสั่นด้วยความโกรธ
หากนางไม่หยุดอำนาจของค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ เหวินฉางไท่ และภรรยาของเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ฉาจิ่นและเหวินหลิงเสวี่ยตื่นตกใจกับฉากนี้เช่นกัน
“เจ้านี่มันช่างสารเลวอย่างแท้จริง”
ชิงลั่วเหลือบมองฉู่ซิวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
แต่ทว่าหลังจากพูดจบ ร่างของเขาลอยไปหยุดใกล้กับอิงเชวียที่บาดเจ็บสาหัสและจับคว้าไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
กร๊อบ! กร๊อบ!
อิงเชวียพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะต่อต้าน แต่แขนของเขาทั้งสองข้างกลับถูกบีบจนกระดูกแตกละเอียด จากนั้นชิงลั่วก็ยกร่างกายของเขาขึ้นสูงเหนือหัวด้วยสองมือ
“ตัวเจ้าใหญ่เกินกว่าที่ข้าจะกินด้วยคำเดียว เอาเป็นว่าข้าคงต้องขอฉีกร่างของเจ้าก่อนแล้วค่อยกินไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน”
ชิงลั่วพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะออกแรงฉีกร่างของอิงเชวียที่ถูกยกสูงขึ้นเหนือหัวออกเป็นสองส่วน!
แคว่ก!!
ร่างกายของอิงเชวียถูกฉีกออกเป็นสองส่วนอย่างน่าสยดสยอง โลหิตสาดกระจายก่อนจะไหลหลั่งเหมือนน้ำตก
ชิงลั่วไม่ได้หลบเลี่ยงเลือดที่หลั่งไหลลงมา แต่เงยหน้าขึ้นปล่อยให้เลือดอาบไหลไปทั่วร่างของเขา
เสื้อคลุมสีขาวประหนึ่งหิมะของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงฉานภายในพริบตา
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเปลี่ยนเป็นดูคล้ายมึนเมา ขณะอ้าปากดื่มเลือดราวกับกระหายมานานนับปี
ฉากนองเลือดและโหดร้ายนี้ทำให้ทุกคนแทบหัวใจหยุดเต้น!