บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 638 ทุกผู้ต่างไม่ยอมรับในอำนาจ
ตอนที่ 638: ทุกผู้ต่างไม่ยอมรับในอำนาจ
ตอนที่ 638: ทุกผู้ต่างไม่ยอมรับในอำนาจ
ระหว่างเดินทางไปยังยอดเขา เมื่อเห็นท่าทีเศร้าโศกของหลานซัว หยวนเหิงก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก
“แม่นางหลานซัว สำนักเยี่ยงนั้น อย่าไปอยู่เลย!”
หยวนเหิงปลอบใจ
ซูอี้พยักหน้ากล่าวว่า “ยามเมื่อเรื่องนี้ถูกสะสาง หากเจ้ากับอาจารย์อวิ๋นหลางเต็มใจ พวกเจ้าไปฝึกตนที่หอเซียนดาบได้นะ”
ปู้ฝานเห็นเช่นนี้ก็ลังเล ไม่ได้พูดสิ่งใด
เขาจำได้ว่าในบทสนทนาระหว่างหลานซัวและหวังลู่ยง พวกเขาพูดถึงสำนักเบญจอสนี
ดูเหมือนว่าเรื่องเช่นนี้ เมื่อไม่ทราบสาเหตุ เขาก็ไม่ควรแสดงออกใด ๆ
หากเป็นเพียงเรื่องของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องกระโตกกระตากให้ใครรู้เห็นเลย เพราะเขาปู้ฝานสามารถไปพาเจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนมาได้ทันที!
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงยอดเขา
ที่แห่งนี้เปิดโล่งมาก ทะเลเมฆหมอกเคลื่อนคล้อย แสงตะวันเจิดจ้า ที่ขอบผามีต้นสนเขียวชอุ่มยืนตระหง่านอยู่หนึ่งต้น
วายุโบกพัดท่ามกลางขุนเขา ต้นสนใหญ่ไหวส่งเสียงซอกแซก ทำนองแห่งธรรมชาติทำให้หัวใจผ่อนคลาย
นี่คือผาซงเทา
ยามนี้ บนผามหึมาซึ่งกินพื้นที่หลายพันจั้ง มีลานอันราบเรียบเยี่ยงกระจกอยู่แห่งหนึ่ง
มีโต๊ะและฟูกนอนวางอยู่ทั่วลาน
ในเมื่องานชุมนุมล่องเมฆาจะถูกจัดยามเที่ยงวัน คนใหญ่คนโตบางส่วนที่มายังผาซงเทาจึงรวมตัวกันพูดคุยเป็นกลุ่มสองถึงสามคน
หลังมาถึงที่นี่ หลานซัวก็พบชิวเทียนฉื่อ เจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนตั้งแต่แวบแรก!
ชิวเทียนฉื่อสวมชุดยาว เถลิงเกี้ยวบนหัว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา สง่างามสะอาดตา
ทว่ายามนี้ เจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนกลับกำลังรินสุราให้แก่ชายชราชุดแดงผู้หนึ่ง ติดตามรับใช้พลางกล่าววาจาด้วยสีหน้าอ่อนน้อม
ท่าทีประจบประแจง พยักหน้าก้มหัวงก ๆ ของเขาทำให้หลานซัวแทบไม่เชื่อสายตาตน
นี่คือ… เจ้าสำนักผู้ลือนามในต้าฉิน บุคคลยิ่งใหญ่ผู้เคยสยบทัพฝ่ายเดียวหรือ?
ต่อให้หลานซัวรู้มาก่อนว่าโลกหล้าเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล และเป็นที่ชัดเจนว่าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนได้ยอมจำนนต่อสำนักอนธการสยบนภา ไม่ใช่หนึ่งในสามขุมอำนาจผู้ฝึกตนในต้าฉินเดิมอีกต่อไปก็ตาม…
ทว่าเมื่อมาเห็นกับตา มันก็ยังสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อจิตใจของหลานซัว!
แทบจะในยามเดียวกัน ชิวเทียนฉื่อเองก็เห็นหลานซัว
คราแรกเขานิ่งอึ้ง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาก้มหัวบอกขอตัวกับชายชราชุดแดง ก่อนจะรีบร้อนตรงมาหา
ชิวเทียนฉื่อปรามาสเสียงเบา “หลานซัว ไม่ว่าเจ้าจะมาที่นี่เพื่ออันใด รีบไปเสีย นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรมา!”
“ข้า…”
ในขณะที่หลานซัวกำลังจะพูดบางอย่าง ซูอี้ก็หันมองเจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนผู้นี้ พลางกล่าวว่า “ข้าพานางมาเอง”
ก่อนหน้านี้ ชิวเทียนฉื่อทำเพียงต่อว่าหลานซัวและไม่ทันสังเกตเห็นซูอี้
หลังจากเห็นหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ ชิวเทียนฉื่อก็อ้าปากค้างอย่างอดไม่ได้ ซูอี้!!?
ในขณะเดียวกัน ปู้ฝานที่ด้านข้างก็แนะนำเสียงดัง “สหายเต๋าโม่ นี่คือใต้เท้าซูอี้ แขกผู้มีเกียรติชั้นหนึ่งของสำนักอนธการสยบนภาเรา เจ้าต้องไม่เสียมารยาทนะ”
สีหน้าของชิวเทียนฉื่อเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง
เขาจะไม่รู้ได้เช่นไรว่าชายตรงหน้าตนเองแข็งแกร่งเพียงใด?
เขาไม่กล้าลังเลอีก สีหน้าแสดงความขอโทษขอโพย โค้งตัวลงกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นใต้เท้าซู ข้าเลินเล่อไปเมื่อครู่ หวังว่าท่านจะไม่ถือสา!”
หลานซัว “…”
นางรู้สึกเพียงว่าทุกสิ่งตรงหน้านางช่างไม่สมจริงราวความฝัน ทั้งตะลึงและงุนงงในใจ
ท่านเจ้าสำนัก… ไฉนเขาจึงกลายเป็นเช่นนี้?
ส่วนทางซูอี้ เขาควรจะมีพลังขนาดไหนกัน เจ้าสำนักจึงทั้งพินอบพิเทา หวาดกลัวและให้เกียรติเพียงนั้นแค่ยามได้ยินชื่อ?
ซูอี้เมินชิวเทียนฉื่อ
หลังจากรับรู้ว่าอาจารย์อวิ๋นหลางถูกปลดออกจากการเป็นผู้เฒ่าสูงสุดโดยชิวเทียนฉื่อและไล่ออกจากสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน ซูอี้จะยังเห็นเขาในสายตาหรือ?
เขาจึงทำเพียงเมินเฉย
เขาหันไปพูดกับปู้ฝาน “ที่นั่งข้าอยู่ที่ใด?”
ปู้ฝานรีบตอบ “ใต้เท้าซูโปรดตามข้ามา”
แล้วเขาก็นำทางไป
“ไปพักกันก่อนเถิด”
ซูอี้หันพูดกับหลานซัวและก้าวตาม
หลานซัวตามเขาไปทันที
ยามนี้นางเข้าใจถ่องแท้ ว่าในเมื่อซูอี้มีคุณสมบัติพอจะมายังผาซงเทานี้ ตัวตนและฐานะของเขาย่อมแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!
ไม่เห็นหรือ กระทั่งเจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน ในยามนี้ยังเป็นได้เพียงข้ารับใช้?
เมื่อหันมองซูอี้ จึงยิ่งพินอบพิเทายิ่งกว่าเก่า
ไม่นานนัก ภายใต้การเตรียมการของปู้ฝาน ซูอี้ก็นั่งลงตรงหน้าโต๊ะไม่ห่างจากตัวผามากนัก
มองจากที่นี่ หมู่เมฆเคลื่อนคล้อยอยู่ไกล ๆ ทะเลเมฆหมอกบิดวน ทัศนียภาพช่างน่ามองอย่างแท้จริง
“พวกเจ้าก็นั่นสิ”
ซูอี้หันไปบอกหลานซัวและหยวนเหิงให้นั่งด้วยกัน
ทว่าทั้งสองกลับส่ายหน้าโดยไม่คิด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในสายตาคนทั้งสอง ไม่สมควรอย่างที่สุดที่จะนั่งลงในสถานการณ์เช่นนี้
ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ และกล่าวเพียงคำเดียว “นั่ง”
หยวนเหิงและหลานซัวเห็นว่าซูอี้ไม่ชอบใจเล็กน้อย พวกเขาจึงรีบนั่งลง
ซูอี้กล่าว “ที่นี่มีคนรับใช้ และเรามาเป็นแขก ดังนั้นเจ้าทั้งสองต้องนั่งดื่มกับข้าที่นี่”
หยวนเหิงฉีกยิ้ม รับเหยือกไปและช่วยรินสุราให้ซูอี้กับหลานซัว “แม่นางหลานซัวไม่ต้องเกร็งหรอก นายท่านไม่ชอบเรื่องยุ่งยากพวกนั้น”
หลานซัวพยักหน้า แต่นางจะเยือกเย็นเยี่ยงซูอี้ได้เช่นไร?
ทว่า หลานซัวกลับรู้สึกกระอักกระอ่วน ยามคิดว่านางเองก็นั่งอยู่บนผาซงเทา ท่ามกลางกลุ่มยอดฝีมือเช่นกัน
ไกลออกไป เมื่อหลานซัวเองก็เข้าร่วมชุมนุม ชิวเทียนฉื่อ เจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนพลันมีสีหน้าเรรวน
เขาทำได้เพียงรับใช้คนใหญ่คนโต
ทว่าหลานซัวกลับเปรมปรีดิ์กับการปฏิบัติเยี่ยงบุคคลสำคัญ
เมื่อเทียบกันแล้ว ชิวเทียนฉื่อก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่ง
“หือ? สหายเต๋าปู้ฝาน ไฉนจึงพาหนุ่มสาวที่ไหนไม่รู้มากันเล่า?”
จู่ ๆ ใครบางคนก็หัวเราะลั่น
เขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดผ้ากระสอบ สีหน้าหมองคล้ำ กิริยาโผงผาง เอนร่างพิงโต๊ะและดื่มสุราอยู่
ทันใดนั้น ทุกสายตาของเหล่าคนใหญ่คนโตต่างหันไปมองที่นั่งของพวกซูอี้
ปู้ฝานประคองกำปั้นเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า “เรียนผู้อาวุโสฟู่ นี่คือใต้เท้าซูอี้ และอีกสองท่านคือสหายของใต้เท้าซู”
ซูอี้!
นามนี้ดูเหมือนมีมนตร์วิเศษ ทำให้ผู้คนทุกผู้หยุดการพูดคุย สีหน้าของคนใหญ่คนโตทุกผู้ต่างดูพิกล
ในโลกทุกวันนี้ ใครบ้างจะไม่รู้ว่าครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มนามซูอี้เคยกวาดล้างยอดฝีมือทั้งหมดในตำหนักมารเทียนอวี้ด้วยตัวคนเดียว?
ใครเล่าจะไม่เคยได้ยินว่าชายหนุ่มผู้นี้มีอำนาจต่อสู้ร้ายกาจ สามารถสังหารผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้โดยง่าย?
“ที่แท้เขาก็คือซูอี้”
คนใหญ่คนโตบางผู้พลันประหลาดใจ
“เขาดูเด็กเช่นในข่าวลือ”
บางคนลอบรำพึง
ยามนี้ก็เห็นว่าชายวัยกลางคนในชุดผ้ากระสอบคนเมื่อครู่หยุดท่าทีโอหังของเขาไว้ นั่งยืดตัวตรงและก้มหัวน้อย ๆ ให้ซูอี้ “ฟู่ผู้นี้เลินเล่อเอง หวังว่าสหายเต๋าซูจะไม่ถือสา”
ปู้ฝานรีบแนะนำเสียงเบา “ใต้เท้าซู ท่านผู้นี้คือเจ้าศาลาดาบหลิงเซียวแห่งต้าเว่ย ผู้อาวุโสฟู่อวิ๋นคง”
ซูอี้พยักหน้ากล่าวว่า “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด”
แผ่นหยกโบราณเองก็บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับศาลาดาบหลิงเซียวเอาไว้เช่นกัน
นี่คือขุมอำนาจผู้ฝึกดาบจากต่างโลก มีผู้แข็งแกร่งใต้บัญชามากมาย และภูมิหลังอันแข็งแกร่ง
ตราบยามนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นหนึ่งในมหาอำนาจแห่งต้าเว่ย
เจ้าศาลาฟู่อวิ๋นคงอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นปลาย
แต่กล่าวกันว่าวิถีดาบของคนผู้นี้ลึกล้ำร้ายกาจยิ่ง มากพอจะประชันกับผู้อยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณขั้นต้นได้
แน่นอน เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงข่าวลือ
ทว่าชื่อเสียงนั้นไร้ความลวง เห็นได้ชัดว่าฟู่อวิ๋นคงผู้นี้ไม่ธรรมดา
เมื่อได้ยินวาจาของซูอี้ ฟู่อวิ๋นคงก็ยิ้มและไม่พูดอันใดต่อ
เขาลอบถอนหายใจ เป็นดั่งที่เล่าลือ ซูอี้ผู้นี้ดูอ่อนเยาว์ ทว่าแท้จริงเย่อหยิ่งจองหองนัก
เป็นคนทั่วไป ผู้ใดเล่าจะกล้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้?
ในขณะเดียวกัน ซูอี้เองก็เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน
โลกนี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
ในช่วงเวลาเพียงสองเดือน ขุมอำนาจมากมายจากต่างโลกก็ผุดขึ้น
ในสามดินแดน ต้าโจว ต้าเว่ย และต้าฉินทุกวันนี้ มหาอำนาจแทบจะมีแต่มาจากโลกอื่นทั้งสิ้น!
ขนาดอาณาจักรทั้งสามยังเป็นเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานการณ์แบบเดียวกันต้องเกิดขึ้นในนานาดินแดนนับร้อยพันทั่วมหาทวีปคังชิงเป็นแน่
นี่คือกระแสโดยรวมแห่งโลกหล้า
เมื่อปราณวิญญาณแห่งฟ้าดินค่อย ๆ ฟื้นตัว ผนังกั้นมิติของมหาทวีปคังชิงก็จะค่อย ๆ เสื่อมอำนาจ และขุมอำนาจจากโลกต่าง ๆ ก็จะฉวยโอกาสข้ามเขตแดนเข้ามาแย่งชิง
นี่คือกระแสแห่งกาลเวลา ไม่มีผู้ใดหยุดได้
ทว่า ซูอี้เชื่อว่ามหาทวีปคังชิงภายหน้าอาจไม่จำเป็นต้องถูกอำนาจต่างโลกยึดครองเสียทีเดียว
เพราะในการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงของโลกนี้ ยังคงมีขุมอำนาจโบราณที่เก็บตัวเงียบงันมาตลอดสามหมื่นปีปรากฏขึ้นแห่งแล้วแห่งเล่า!
กระทั่งสรรพชีวิตทั่วมหาทวีปคังชิงยังมีโอกาสยึดครองโอกาสสัมพันธ์ พัฒนาตนเองอย่างรวดเร็วภายใต้การฟื้นตัวของปราณวิญญาณ!
สุดท้ายแล้ว ผู้ใดจะควบคุมความพลิกผันแห่งโลกหล้า ขึ้นกับว่าผู้ใดจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายหลังแสงสว่างแห่งโลกกว้างผันผ่าน
“พี่เฉา ท่านก็เห็นแล้ว นั่นคือซูอี้ บุคคลในตำนานผู้โด่งดังในต้าโจว ข้าไม่เชื่อว่าควรแนะนำวีรกรรมในอดีตของเขาหรอกกระมัง?”
ไม่ไกลนัก ชายชราผมขาวผู้มีผิวเนียนเยี่ยงทารกถ่ายทอดกระแสเสียงกล่าว
กู้ซานตู
เจ้าสำนักเพลิงวิญญาณ มหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตสยายวิญญาณ!
“สหายเต๋ากู้ โปรดว่ามา”
เสียงแหบพร่าของเฉาอิ๋งซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ กันดังขึ้น
เขาสวมชุดคลุมขนสัตว์สีดำ สีหน้าดำคล้ำ เอวคอดกิ่ว นัยน์ตาลึกโหล และห้อยตุ้มหูกระดูกทรงแปลก ๆ
เขาคือเจ้าสำนักพันมายา เป็นตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณผู้เจนจัดในศาสตร์ลับแห่งวิชาปราบวิญญาณโบราณ
ไม่ว่าจะเป็นสำนักเพลิงวิญญาณหรือสำนักพันมายา พวกเขาต่างเป็นมหาอำนาจในต้าโจว
สำนักเพลิงวิญญาณตั้งอยู่ในหุบเขาเถาวัลย์อาถรรพ์ เป็นสำนักของผู้ฝึกตนวิญญาณ
สำนักพันมายาตั้งอยู่ในหุบเขามารหมื่นแมลง เป็นกลุ่มเต๋าผู้สืบเชื้อสายสำนักคนทรง
ในต้าโจวทุกวันนี้ มหาอำนาจจากต่างโลกทั้งสองกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในด้านการฝึกฝนในสายตาเหล่าผู้ฝึกยุทธ์แห่งโลกหล้า!
“อิทธิพลของซูอี้ในต้าโจวยิ่งใหญ่เกินไป คนไร้กฎเกณฑ์และไร้ปรานีเยี่ยงเขาทำให้ผู้คนรู้สึกอุ่นใจเสมอ”
กู้ซานตูผมขาวถอนหายใจ “ความพินาศของตำหนักมารเทียนอวี้คือบทเรียนเก่าก่อน ข้ากังวลนักว่าหายนะแบบเดียวกันจะถูกจัดขึ้นอีกคราในสำนักของข้าและเจ้า…!”
ม่านตาของเฉาอิ๋งหดตัวเล็กน้อย
วาจาของกู้ซานตูสะเทือนถึงหัวใจเขา!