บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 645 บดกระดูกคอ
ตอนที่ 645: บดกระดูกคอ
ตอนที่ 645: บดกระดูกคอ
ขณะที่ซั่วเหมิงหัวเราะ ผู้ฝึกปีศาจคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะเช่นกัน
เสียงหัวเราะนั้นดังกังวานอย่างหยาบคาย
เมิ่งจิ้งไห่และคนอื่น ๆ ต่างเพิกเฉย
หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของซูอี้ พวกเขาก็ได้รู้สึกว่าการเยาะเย้ยของซั่วเหมิงและผู้ฝึกปีศาจคนอื่น ๆ นั้นช่างโง่เขลาและน่าขันยิ่ง
“เจ้าหนู คนเหล่านั้นเอ่ยปากขอร้องให้เจ้าปกป้องพวกเขา ว่าแต่ตัวเจ้าเล่ามีแผนอย่างไร?”
ผู้เฒ่าเครายาวถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ซูอี้เบนสายตามองดูอสูรสิงโตทองคำที่ลากเกี้ยวและกล่าวว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้ามีชีวิตอยู่ หากทิ้งอสูรตนนี้ไว้ให้ข้านำมันกลับไปเฝ้าประตูภูเขาของข้า”
ณ อาณาจักรต้าฉิน การมีอยู่ของอสูรสิงโตทองคำซึ่งเบิกสติปัญญา ทั้งยังอยู่ในขั้นวิถีวิญญาณนั้นนับว่าหายากมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ซูอี้ต้องการนำอสูรร้ายตัวนี้กลับไปพิทักษ์ประตูภูเขาเพื่อที่อิงเชวียจะได้ไม่ต้องรับหน้าที่นั้นทุกวี่วัน
เมิ่งจิ้งไห่และคนอื่น ๆ “…”
พวกเขาตกตะลึงเนื่องจากไม่คิดว่าซูอี้จะตอบแบบนี้
แต่หลังจากคิดพิเคราะห์ให้ถ่องแท้แล้ว พวกเขายิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าประโยคที่ผิดแปลกนี้ช่างอหังการและเปี่ยมล้นไปด้วยอำนาจถึงที่สุด!
ประหนึ่งว่าชีวิตของเหล่าผู้ฝึกปีศาจหาได้มีค่าเท่าอสูรสิงโตทองคำหนึ่งตัวนี้!
ซั่วเหมิงและผู้ฝึกปีศาจคนอื่น ๆ ต่างตะลึงใจ
เมื่อใดกันที่ชายหนุ่มขอบเขตรวบรวมดารากล้าที่จะหยิ่งผยองกับพวกเขาเช่นนี้?
นี่มันช่างโอหังเสียจนซั่วเหมิงและคนอื่น ๆ แทบไม่เชื่อหูตัวเองเลย
“โฮก!!”
เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวดังก้องปัดเป่ามวลเมฆทั้งทศทิศ
อสูรสิงโตทองคำซึ่งกำลังลากเกี้ยวจ้องเขม็งด้วยดวงตาสีทองแดงไปที่ซูอี้อย่างมาดร้าย
ปราณปีศาจแผ่กระจายออกจากร่างของมันจนทำให้เมิ่งจิ้งไห่และคนอื่น ๆ เหงื่อเย็นผุดออกเต็มหลัง
ตอนนี้เองที่พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าอสูรสิงโตทองคำที่ลากเกี้ยวอยู่นั้นคือสัตว์อสูรวิถีวิญญาณซึ่งแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด!
ทว่าซูอี้กลับยกยิ้มเมื่อแลเห็นภาพนี้ เขายกมือขึ้นและชี้นิ้วไปที่อสูรสิงโตทองคำ “ประเดี๋ยวเถิด กล้าคำรามใส่ข้า เอาไว้หลังจากนี้ข้าจะทำให้เจ้าหมอบกราบขอความเมตตา”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงลุกขึ้นยืน
เขามองลงมาที่ซูอี้ซึ่งยืนอยู่บนหน้าผาซงเทาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตัวตนต่ำชั้นเช่นเจ้าควรสงบปากลงได้แล้ว! เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าผู้ใดระหว่างรอเวลาจริง ๆ งั้นรึ?”
คำพูดนั้นดังสนั่นและแฝงไปด้วยความอำมหิต
ชายหนุ่มในชุดคลุมแดงผู้นี้คือผู้ฝึกปีศาจขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ
“เมิ่งจิ้งไห่ เจ้าจงออกไปดับชีวิตไอ้ปากเหม็นนั่นให้ข้าที”
ซูอี้เอ่ยสั่งราบเรียบ
เมิ่งจิ้งไห่ผู้ซึ่งยังคงโค้งกายก้มศีรษะให้ซูอี้เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ร่างกายของเขาก็แข็งค้างเล็กน้อย
แต่จากนั้นเจ้าสำนักอนธการสยบนภาก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าวเสียงหนักแน่น “รับทราบ!”
ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้นำเอ่ยขอให้ซูอี้ช่วยปกป้องคุ้มครองภัย
ดังนั้นแล้วเมื่อตอนนี้ได้รับคำสั่งจากซูอี้เขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้
พรึ่บ!
ร่างของเขาพุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับหอกสีเงินในมือ
“บัดซบ! เจ้ากำลังรนหาที่ตายรู้หรือไม่?!”
ใบหน้าของซั่วเหมิงมืดหม่นและตวาดอย่างดุร้าย
“เป็นเจ้าต่างหากที่กำลังรนหาที่ตาย!”
เมิ่งจิ้งไห่กล่าวตอบอย่างไม่แยแส
หลังจากพูดจบ เขาเสือกแทงหอกสีเงินในมือไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมแดง
ตูม!
หอกสีเงินรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า ความเร็วอันยิ่งยวดทำให้เกิดเส้นแสงสีเงินสวยงาม เสียงกรีดอากาศดังสะท้อนกลายเป็นฉากอันน่าตกตะลึง
สีหน้าของชายหนุ่มชุดแดงแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ จากนั้นเขาก็รีบหลบหลีกอย่างสุดตัว
เขาอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเท่านั้น จะกล้าท้าทายตัวตนผู้ที่อยู่ขอบเขตสยายวิญญาณได้อย่างไร?
“รนหาที่ตาย!”
ทันใดนั้นผู้เฒ่าเครายาวก็เคลื่อนไหว ร่างของเขารวดเร็วจนเห็นเป็นภาพติดตาพุ่งเข้าชกหมัดต้านรับหอกสีเงินของเมิ่งจิ้งไห่
เคร้ง!!
หอกของเมิ่งจิ้งไห่ถูกต้านรับอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดการระเบิดใหญ่โตในอากาศ เสียงกังวานสะท้านไปทั่วทุกทิศ
“ปรากฏว่าเจ้าสะกดระดับการฝึกฝนของตนเอาไว้!”
เมิ่งจิ้งไห่หรี่ตา
ผู้เฒ่าเครายาวผู้นี้เคยอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นปลายมาก่อน แต่ขณะนี้หลังจากที่ลงมือ เขาได้เปิดเผยพลังของขอบเขตสยายวิญญาณ!
“เจ้ามั่นใจแล้วหรือกับการเชื่อฟังคำสั่งของตัวตนเล็กจ้อยด้อยค่าผู้นั้นแล้วเลือกมาเป็นศัตรูกับลัทธิหมิงหลิงอันยิ่งใหญ่ของข้า?”
ผู้เฒ่าเครายาวถามอย่างเย็นชา
“หากเจ้าไม่กดขี่ผู้คนและต้องการให้ข้ายอมจำนนอย่างไร้สาระ มีหรือสถานการณ์จะบานปลายมาถึงระดับนี้! ในเมื่อเจ้าเริ่มแล้วก็จงหยุดพูดเรื่องไร้สาระเสียที!”
เมิ่งจิ้งไห่พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ก่อนจะตวัดหอกสีเงินเข้าจู่โจมผู้เฒ่าเครายาว
ตูม!
บนอากาศสงครามปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
ทุกคนแลเห็นได้อย่างแจ่มชัดว่าขณะนี้เมิ่งจิ้งไห่ผู้เป็นเจ้าสำนักอนธการสยบนภาไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย เขาออกกระบวนท่าสังหารอย่างไม่มีออมกำลังราวกับต้องการสังหารอีกฝ่ายให้ได้ในวันนี้
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เมิ่งจิ้งไห่กำลังพิสูจน์ว่านับจากนี้เป็นต้นไปเขาจะฟังคำสั่งของซูอี้โดยไม่มีบิดพลิ้ว!
สิ่งนี้ทำให้ใจของเหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่รับชมเหตุการณ์อยู่ปั่นป่วนอยู่พักหนึ่ง สีหน้าของพวกเขาต่างสับสน
ในขณะเดียวกันซูอี้ก็เอ่ยออกอย่างเรียบเฉยอีกครั้ง “กู้ซานตู เจ้าจงออกไปสังหารปีศาจเครายาวนั่นพร้อมกับเมิ่งจิ้งไห่”
กู้ซานตูเจ้าสำนักเพลิงวิญญาณโค้งกายพลางพยักหน้าทันที ก่อนจะบินขึ้นสู่อากาศ
ในมือของเขาถือไม้บรรทัดหยกสีดำที่มีรูปร่างเหมือนจะงอยปากวิหค และที่ปลายไม้บรรทัดหยกนั้นมีโซ่ที่หนาเท่ากับนิ้วก้อยคล้องอยู่
ไม้บรรทัดจองจำวิญญาณ!
ศาสตราอันเลิศล้ำซึ่งอยู่ในระดับวิถีวิญญาณ!
กู้ซานตูคือผู้ฝึกตนขั้นวิถีวิญญาณขอบเขตสยายวิญญาณ ดังนั้นทันทีที่เขาร่วมมือกับเมิ่งจิ้งไห่ปราบปรามผู้เฒ่าเครายาว สถานการณ์จึงส่งผลเลวร้ายต่ออีกฝ่ายอย่างไม่ต้องคิด!
“ทว่าจงอย่าลืม อย่าได้ทำให้ปีกของมันเสียหาย… อืม… ไม่ใช่สิ ข้าหมายถึงแขนของเขา ข้าสามารถนำมันไปทำประโยชน์อื่นได้”
ซูอี้เตือน
เพียงมองครู่เดียวซูอี้ก็เห็นว่าแท้จริงแล้วร่างเดิมของผู้เฒ่าเครายาวผู้นี้คืออินทรีโลหิตเนตรฟ้า ส่วนแขนที่เห็นนั้นคือปีก…
ในสายตาของผู้ฝึกตนปีกคู่นี้นับได้ว่าเป็นวัสดุศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่ง ซึ่งสามารถนำไปใช้สร้างสมบัติวิเศษธาตุลมและใช้หลอมเป็นโอสถได้
แต่สำหรับซูอี้หากได้ปีกคู่นี้มา เขาจะนำมาย่างและรับประทาน รสชาติของมันนั้นเหนือกว่าอาหารทั่วไปในโลกนี้อย่างไม่อาจเปรียบเทียบกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของซูอี้ เมิ่งจิ้งไห่และกู้ซานตูก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
อีกฝ่ายเพิ่งส่งผู้แข็งแกร่งคนเดียวออกมาต่อสู้ ซึ่งที่เหลืออีกหลายตัวตนยังมองดูพวกเขาโดยไม่ได้เคลื่อนไหว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะมีโอกาสสังหารสำเร็จได้อย่างไร?
ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยหากจะเอ่ยว่าแม้พวกเขาทั้งสองคนกำลังต่อสู้กับผู้เฒ่าเครายาวอยู่ในตอนนี้ ทว่าความสนใจส่วนใหญ่ของพวกเขากลับทุ่มเทไปกับการลอบสังเกตศัตรูคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ร่วมเข้าต่อสู้
“สารเลว! พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตายอย่างแท้จริง!”
ใบหน้าของผู้เฒ่าเครายาวมืดหม่น และจากนั้นเขาตะโกนก้องฟ้า “โม่ชิง เจ้าจงไปฆ่าไอ้เด็กชั้นต่ำขอบเขตรวบรวมดารานั่นเสีย ส่วนคนอื่น ๆ ปิดกั้นที่นี่ไว้ ใครกล้าเคลื่อนไหว ฆ่าไม่มีละเว้น!”
ประโยคนี้เหล่าผู้รับชมต่างได้ยินอย่างพร้อมเพรียง
ทันทีหลังจากสิ้นเสียงสั่ง เหล่าผู้ฝึกปีศาจทั้งหมดต่างเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล
พวกเขาผสานพลังสร้างค่ายกลปิดกั้นท้องฟ้าเหนือหน้าผาซงเทา ทำให้เกิดเป็นสภาพคุกคามดุร้าย
ขณะเดียวกันซั่วเหมิงถือไม้ตีกลองสีขาวราวหิมะพุ่งไปทางกู้ซานตู
ตูม!
ทันใดนั้นกลิ่นอายของซั่วเหมิงก็แปรเปลี่ยนไป รัศมีพลังของเขาปะทุขึ้นเสียดฟ้า และระดับการฝึกฝนของเขาได้ทะลวงจากขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณไปสู่ขอบเขตสยายวิญญาณ!
ไม่ต้องสงสัยเลย เฉกเช่นเดียวกับผู้เฒ่าเครายาว ซั่วเหมิงก็สะกดข่มระดับการฝึกฝนของตนเองมาตลอด และขณะนี้เขาเผยความจริงให้ทุกคนประจักษ์โดยไม่ลังเล
แลเห็นเช่นนี้สีหน้าของเมิ่งจิ้งไห่และกู้ซานตูกลายเป็นเคร่งขรึม พวกเขาไม่กล้าประมาท
ตูม!
จากนั้นสถานการณ์การต่อสู้บนอากาศนั้นยิ่งโกลาหล ความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
สี่ตัวตนแห่งขอบเขตสยายวิญญาณโรมรันพันตูกันอย่างไม่มียั้งพลัง ส่งผลให้ฟ้าดินผันผวนโลกหล้าแปรปรวน
เมื่อแลเห็นฉากนี้สีหน้าของเหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ที่รับชมอยู่ที่หน้าผาซงเทาต่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ผู้ใดบ้างที่มองไม่ออกว่านี่มันคือการประกาศสงครามต่อลัทธิหมิงหลิง?
“ไอ้หนู เจ้าตายแน่!”
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มชุดแดงที่ถูกเรียกว่าโม่ชิงพุ่งถลาเข้าหาซูอี้หมายมั่นว่าจะสังหารให้จงได้
พลังในร่างของเขาปะทุออก ระหว่างที่ร่างยังลอยอยู่ในอากาศ เขาก็ซัดฝ่ามือไปทางซูอี้อย่างเต็มกำลัง
ตูม!
ฝ่ามือยักษ์สีเลือดปรากฏขึ้น มันแผ่รัศมีพลังปีศาจอันน่าสยดสยองจนผู้คนต่างก็ต้องขมวดคิ้ว
แน่นอนว่าพลังของผู้ฝึกปีศาจขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณย่อมไม่ธรรมดา
เคร้ง!
ทันใดนั้นฟู่อวิ๋นคง เจ้าศาลาดาบหลิงเซียวเรียกดาบวิญญาณออกมาและเตรียมจะเคลื่อนไหวลงมือ
ทว่าซูอี้กลับส่ายหัว “ไม่จำเป็น”
ทันทีที่พูดจบซูอี้สะบัดแขนเสื้อเรียบง่าย
ตูม!
ฝ่ามือยักษ์สีเลือดที่ดูทรงอำนาจก็ถูกทำลายลงภายในพริบตาอย่างง่ายดายเหมือนกระดาษ
ชายหนุ่มชุดแดงโม่ชิงขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปฉับพลัน
ผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราไม่ควรมีพลังมากขนาดนี้ไม่ใช่หรือ?
ทว่าเพียงชั่วพริบตาระหว่างเกิดความคิดฟุ้งซ่าน โม่ชิงเหลือบไปเห็นมือสีขาวเอื้อมคว้ามาที่เขา ขณะนี้มันอยู่ใกล้แค่ไม่ถึงสองฉื่อ!
โม่ชิงอุทานลั่นและซัดฝ่ามือเพื่อต่อต้าน
กร๊อบ!
ทว่ายังไม่ทันจะได้ซัดฝ่ามือ ข้อมือขวาของเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง กระดูกและเนื้อของเขาแตกละเอียด แขนขวาทั้งหมดของเขาถูกบดขยี้ในพลัน
และถัดมามือขาวนั้นก็คว้าคอเขาไว้แล้ว!
ในเวลานี้เองที่โม่ชิงสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นคนหนุ่มขอบเขตรวบรวมดาราที่ตนเองหมายจะสังหารเมื่อครู่ผู้ที่ซึ่งเขามองว่าเป็นตัวตนเล็กจ้อยไม่ควรให้ค่านั้นยืนอยู่ตรงหน้าตนเองแล้ว!
มีความเฉยเมยในดวงตาลึกล้ำนั้น
โม่ชิงสามารถมองเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของตนเองจากเงาสะท้อนในดวงตาของอีกฝ่าย
กร๊อบ!
ทันใดนั้นโม่ชิงก็รู้สึกเจ็บร้าวที่คอ ลำคอของเขาถูกบีบอย่างฉับพลัน และจากนั้นภาพการมองเห็นก็มืดลง เขาสิ้นใจในทันที ศีรษะพับเอนไปบนไหล่
“เนื้อของหนูขนเงินหาได้อร่อยไม่…” ซูอี้พึมพำก่อนจะโยนศพของโม่ชิงทิ้งไปราวกับทิ้งขยะไร้ค่า
พลั่ก!
เมื่อร่างของโม่ชิงกระแทกลงพื้น ฟู่อวิ๋นคงซึ่งแต่เดิมวางแผนจะลงมือปกป้องซูอี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
หากเป็นเขาที่เคลื่อนไหว มันคงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฆ่าผู้ฝึกปีศาจขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ
แต่ภายใต้มือของซูอี้ ตัวตนเหล่านี้อ่อนแอไม่ต่างจากกระดาษ!
ตัวตนยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ที่รับชมอยู่ต่างอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อเย็น
ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซงจั่งเฮ่อ เมื่อเห็นฉากนี้เขาพลันรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก และคิดว่าตนเองโชคดีอย่างยิ่งที่เพียงพ่ายแพ้ภายใต้คมดาบของซูอี้ แต่ยังมีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้
หลานซัวที่รับชมอยู่เช่นกัน ก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น การฆ่าผู้ฝึกปีศาจขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณอย่างง่ายดายราวกับบี้มดเช่นนี้นางไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่…”
“บัดซบ มีบางอย่างผิดปกติกับไอ้เด็กนั่น!”
“ผู้พิทักษ์โม่ชิงตายแบบนี้ได้อย่างไร!?”
มีเสียงอุทานดังขึ้นอื้ออึง
เหล่าผู้ฝึกปีศาจที่กำลังคงอำนาจค่ายกลต่างตกตะลึงและบังเกิดโทสะ
ผู้เฒ่าเครายาวและซั่วเหมิงผู้ซึ่งกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับเมิ่งจิ้งไห่และกู้ซานตู ต่างก็สีหน้าแปรเปลี่ยน
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดผิดอย่างมหันต์!
ขณะนี้เห็นชัดว่าคนหนุ่มขอบเขตรวบรวมดาราคนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม!
“ขอบเขตรวบรวมดาราสามารถสังหารขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้อย่างง่ายดาย มีตัวตนที่ท้าทายสวรรค์ขนาดนี้ในต้าฉินด้วยงั้นหรือ?”
อสูรสิงโตทองคำที่ลากเกี้ยวจ้องมองดูการต่อสู้จากในระยะไกล มันส่ายหัวและดวงตาเต็มไปด้วยความงุนงง
ความแตกต่างระหว่างขอบเขตรวบรวมดาราและขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณนั้นห่างชั้นกันอย่างไม่อาจเทียบกันได้
นี่เป็นความรู้ทั่วไปที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็เข้าใจกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว!
แต่ตอนนี้ในดินแดนอันห่างไกลเช่นต้าฉิน กลับมีตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราผู้หนึ่งที่สามารถเหยียบย่ำตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ตามใจชอบ!
น่าเสียดายที่อสูรสิงโตทองคำไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเมื่อตอนที่ซูอี้อยู่ในขอบเขตเปิดทวาร ซูอี้ก็ได้สังหารตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณในต้าเซี่ยไปแล้วมากมาย…
ในเวลาเดียวกัน
ม่านหน้าต่างของเกี้ยวถูกมือที่เรียวยาวเรียบเนียนดุจดั่งหยกยกขึ้นเปิดเล็กน้อยอย่างเงียบงัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ที่อยู่ในเกี้ยวก็สับสนเช่นกัน!