บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 646 บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิง ชิ่งหยวน!
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 646 บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิง ชิ่งหยวน!
ตอนที่ 646: บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิง ชิ่งหยวน!
ตอนที่ 646: บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิง ชิ่งหยวน!
ภายในเกี้ยวถูกตกแต่งอย่างหรูหราและประณีต
หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามและบุคลิกสูงส่งซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงสีเหลืองนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง
ขณะนี้นางยกมุมม่านหน้าต่างขึ้นและก้มตัวมองลอดออกไป ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายแสงสีม่วงจาง ๆ
“นายท่าน คนผู้นั้นที่อยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราไม่ธรรมดาเลย”
ใบหน้าสวยของหญิงสาวแสดงความประหลาดใจ
ที่นั่งอีกข้างหนึ่งของเกี้ยวมีชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินกำลังนอนเอนกายอยู่บนที่นั่งเบาะนุ่มอย่างเกียจคร้าน ในมือพลางเล่นกระดูกสัตว์สีดำ
เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาจึงเอ่ยถ้อยคำอย่างช้า ๆ ว่า “ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราจะสามารถสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้ร้ายกาจยุคโบราณบางคนในต้าเซี่ยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน”
พูดถึงประโยคนี้เขาก็ยิ้มออก ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงและกล่าวต่อ “โดยเฉพาะคนรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ยที่ชื่อซูอี้ผู้นั้น เขาเองก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน”
“ข้าเคยได้ยินมาว่าในเกาะเซียนพระสุเมรุ เมื่อตอนนั้นซูอี้มีระดับการฝึกตนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา แต่เขากลับสามารถสังหารกลุ่มผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณซึ่งอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้นับสิบ ความแข็งแกร่งของเขาเหนือจินตนาการและสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนทั้งทวีปคังชิง”
“ก่อนหน้านี้ข้าวางแผนที่จะไปต้าเซี่ยเพื่อพบเจอกับซูอี้ผู้นั้นเสียหน่อย ข้าอยากจะเห็นกับตาตนเองว่าเขานั้นเก่งกาจสมคำร่ำลือหรือไม่”
“แต่น่าเสียดายที่อาจารย์และบิดาของข้าปฏิเสธที่จะให้ข้าไปต้าเซี่ย โดยบอกว่าสถานที่นั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในทวีปคังชิง การไปเยือนโดยไม่เตรียมพร้อมอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นได้”
พูดจบชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ซูอี้…”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าคาดหวัง “ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าเขาพิเศษขนาดไหน”
เพียะ!
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองถูกตบที่ก้น ทำให้นางร้องคร่ำครวญและขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฮวนเอ๋อร์ เจ้ากล้าคิดถึงผู้ชายคนอื่นขณะที่นั่งอยู่ต่อหน้าข้าผู้นี้อย่างนั้นหรือ การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากเจ้ากำลังวอนขอให้ข้าเฆี่ยนตีแล้ว!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินแสร้งทำเป็นโกรธ
หญิงสาวชุดเหลืองกัดริมฝีปากแดงเล็กน้อย นัยน์ตาสวยวาวโรจน์ นางหัวเราะคิกคัก “เมื่อเรื่องราววันนี้จบลง บ่าวอยากถูกนายท่านเฆี่ยนตีสักเล็กน้อย”
หญิงสาวผู้นี้งดงามอยู่เป็นทุนเดิม แต่เมื่อนางแสดงท่าทีเอียงอายและหยอกล้อเช่นนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มในชุดสีเงินรู้สึกหัวใจสั่นไหวและร้อนรุ่มขึ้นในอกทันที
แต่ในขณะเดียวกันเสียงอันไม่แยแสก็ดังขึ้น
“เมิ่งจิ้งไห่ กู้ซานตู พวกเจ้าสองคนถอยออกมา นับจากนี้ข้าจะลงมือเอง”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินขมวดคิ้ว คนผู้นี้วาจาใหญ่โตนัก!
หญิงสาวในชุดกระโปรงเหลืองหันศีรษะไปโดยไม่รู้ตัวและมองออกไปนอกหน้าต่างของเกี้ยว
…
เหนือหน้าผาซงเทา
เมื่อได้ยินเสียงของซูอี้ ทั้งเมิ่งจิ้งไห่และกู้ซานตูต่างก็ลังเล
ถอยไป?
ควรรู้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาขณะนี้คือผู้ฝึกปีศาจขอบเขตสยายวิญญาณ!
แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในขั้นต้นของขอบเขตสยายวิญญาณ แต่ก็ไม่ควรประเมินความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายต่ำไป!
แม้วิธีการต่าง ๆ ที่ซูอี้แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้จะพิสูจน์แล้วว่าเพียงพอที่จะฆ่าตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
แต่ใครจะแน่ใจได้ว่าซูอี้จะสามารถรับมือกับตัวตนขอบเขตสยายวิญญาณถึงสองคนได้พร้อมกัน?
เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ที่รับชมเหตุการณ์อยู่ที่หน้าผาซงเทาต่างสูดหายใจลึก
ไม่มีใครคิดว่าซูอี้จะกล้าท้าทายผู้ฝึกปีศาจจากลัทธิหมิงหลิงเพียงลำพังเช่นนี้!
มันบ้ามากจนใคร ๆ ก็ไม่อาจนึกออก
“โง่เง่าสิ้นดี!”
ซั่วเหมิงอดหัวเราะไม่ได้
ชายหนุ่มที่อยู่ในขอบเขตรวบรวมดารากล่าวว่าจะต่อสู้กับพวกเขาสองคนซึ่งอยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณ เช่นนี้หากไม่เรียกว่าโง่เขลาแล้วจะเรียกว่าอย่างไร?
อีกด้านหนึ่งผู้เฒ่าเครายาวก็ออกคำสั่งอย่างชัดคำ “มาร่วมกันสร้างค่ายกลสังหารไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้นี้!”
“รับทราบ!”
บนอากาศ เหล่าผู้ฝึกปีศาจที่กำลังปิดล้อมบริเวณด้วยค่ายกลทั้งหมดต่างตอบตกลงอย่างพร้อมเพรียง
ทันใดนั้น เจตจำนงสังหารอันน่าหวาดหวั่นพลันพุ่งเป้าไปที่ซูอี้เพียงผู้เดียว
ผู้ฝึกปีศาจเหล่านี้มีจำนวนถึงสามสิบสามคน
ในหมู่พวกเขา ห้าคนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ และอีกยี่สิบแปดคนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพวกเขาผสานพลังกันเพื่อสร้างค่ายกลสังหารอันทรงพลัง
ใช้ห้าคนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเป็นแกนหลัก แต่ละคนวางตนเปรียบดั่งตัวแทนแห่งห้าธาตุหลัก
ส่วนที่เหลืออีกยี่สิบแปดคนที่อยู่ในขอบเขตรวบบรวมดารานั้น แต่ละคนแยกย้ายไปยืนประจำจุดทั้งสี่ทิศบนอากาศ โดยจัดเรียงเป็นหมู่ดาวยี่สิบแปดดวง!
เมื่อค่ายกลสังหารนี้สร้างผสานกันสมบูรณ์ มันจะแผ่แรงกดดันมากมหาศาล ท้องฟ้าแปรปรวนเป็นมืดครึ้มพลังปีศาจปะทุรุนแรงปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง
เมื่อสัมผัสได้ถึงอำนาจของค่ายกลสังหารนี้ เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างตัวสั่นด้วยความกลัว
แต่ทว่าซูอี้กลับเมินเฉยต่อมันโดยสิ้นเชิง
“สังหาร!”
ในค่ายกลสังหาร ชายผมสีเงินชุดดำตะโกนอย่างเย็นชา
ตูม!
ค่ายกลสังหารปะทุพลังเสียงคำรามดังลั่น และอำนาจมวลพลังปีศาจลุกโหมราวกับเปลวเพลิงพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า
ผู้ฝึกปีศาจทั้งหมดต่างทำมือมุทรา
กลางอากาศ มวลพลังจำนวนมหาศาลหลากสีสันถูกดึงดูดเข้ามาผสานรวมกันจนกลายเป็นรูปลักษณ์ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มีความกว้างหลายสิบฉื่อ
ฝ่ามือนี้ดูน่าเกรงขามราวกับหัตถ์ของเทพอสูรในตำนาน มันมีสีดำสนิทเหมือนหมึก ห้านิ้วเหยียดตรงประหนึ่งเสาศิลาและทั่วพื้นผิวฝ่ามือเต็มไปด้วยสายฟ้าสีเลือดปะทุรุนแรง
ทันทีที่มันปรากฏขึ้นกลางอากาศ สิ่งนี้ราวกับถูกส่งลงมาจากฟากฟ้า ท้องฟ้าโดยรอบถูกปกคลุมโดยมวลพลังดำมืดคล้ายหมึก และสายฟ้าสีเลือดบิดม้วนไปมาเหมือนงูเหลือมอยู่ตามหมู่เมฆ อำนาจกดดันที่ปลดปล่อยออกมานั้นไร้ขอบเขตและไม่อาจต้านทาน
ฝ่ามือเทพอสูรโลหิต!
การผสานพลังกันของห้าคนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณและยี่สิบแปดคนในขอบเขตรวบรวมดารา พลังระดับนี้สามารถทำให้ผู้ฝึกตนขอบเขตสยายวิญญาณผู้ใดก็ตามในโลกนี้รู้สึกสิ้นหวังได้อย่างง่ายดาย
ในเวลานี้ การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้ถูกปลดปล่อยเข้าหาซูอี้!
ทว่าซูอี้ไม่ได้ให้ค่ากับมันเลย เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า แขนเสื้อสะบัดพลิ้วตามสายลม และนิ้วชี้ขวาของเขาเหยียดออกประหนึ่งดาบฟาดฟันไปด้านบนยังฝ่ามือยักษ์ที่ลอยอยู่
ฮึ่ม!
ปราณดาบอันพร่างพรายยาวสิบฉื่อปรากฏออก มันพุ่งผ่านกรีดอากาศจนเกิดเสียงคล้ายฟ้าร้องเสียดหู จนแม้แต่เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่รับชมอยู่ต่างต้องเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนในหู และหัวใจของพวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาถูกกรีดแทง
ทว่าก่อนที่ใครจะทันได้คืนสติ เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นไปทั่วทุกทิศ
ตูม!!
เกิดการปะทะกันจนฟ้าดินสั่นสะเทือน
ปราณดาบสิบฉื่อแหวกผ่านมวลพลังสีดำที่เต็มฟากฟ้าและบดขยี้สายฟ้าสีเลือดที่บิดม้วนอยู่ตามหมู่เมฆ หลังจากนั้นมันพุ่งเข้าฟาดฟันอย่างดุเดือดเข้าใส่ฝ่ามือเทพอสูรโลหิต
เคร้ง!!
ฝ่ามือเทพอสูรโลหิตสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และรอยแตกตรงที่น่าตกใจปรากฏขึ้นบนพื้นผิว จากนั้นอึดใจต่อมามันระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ปราณดาบนี้เลิศล้ำจนแม้แต่ท้องฟ้ายังไม่อาจหยุดยั้ง!
“นี่…”
บนหน้าผาซงเทา ผู้คนทั้งหลายต่างตกตะลึง
พลังของปราณดาบนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
นี่แข็งแกร่งกว่าดาบที่ซงจั่งเฮ่อเผชิญก่อนหน้านี้เสียอีก!
“เป็นไปได้อย่างไร???”
“นี่เป็นวิชาดาบประเภทใดกัน!?”
เหล่าผู้ฝึกปีศาจที่อยู่ในค่ายกลสังหารในระยะไกลต่างก็ตกตะลึงใจกับพลังของปราณดาบนี้
ดาบกรีดผ่านท้องฟ้าทำลายฝ่ามือเทพอสูรโลหิตของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ใครจะจินตนาการได้ว่านี่คือพลังที่ขอบเขตรวบรวมดาราครอบครอง?
ทว่าซูอี้ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาได้มีเวลาคิดฟุ้งซ่านมากนัก เขาโบกแขนอีกครั้งปลดปล่อยปราณดาบมากกว่าสิบเล่มปะทุออกไป
เคร้ง! เคร้ง!
ปราณดาบอันเจิดจ้าและแหลมคมอย่างหาที่เปรียบมิได้พุ่งผ่านอากาศรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าเข้าหาค่ายกลสังหารที่ยังคงผสานกันอยู่อย่างรุนแรง
สับ เสย กวาด แทง ตวัด…
ปราณดาบเหล่านั้นคล้ายว่าเคลื่อนที่อย่างยุ่งเหยิงไร้แบบแผน
แต่อันที่จริงปราณดาบทุกเล่มเต็มไปด้วยทำนองเต๋าอันล้ำลึกและคาดเดาไม่ได้
ตูม! ตูม! ตูม!
การระเบิดทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน คลื่นทำลายล้างพาดผ่าน
ปราณดาบทั้งสิบ ทำให้ค่ายกลสังหารที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มผู้ฝึกปีศาจได้รับความเสียหายอย่างหนักในชั่วพริบตา
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นออกจากปากทีละคน
จากนั้นผ่านไปอีกไม่กี่อึดใจ ค่ายกลสังหารพลันแตกสลาย เหล่าผู้ฝึกปีศาจตกตายลงภายใต้พลังจากปราณดาบอันดุเดือดคล้ายกระดาษที่ถูกฉีก
เลือดสาดกระจายหลั่งรินลงที่พื้นปฐพี เศษชิ้นส่วนอวัยวะและสมบัติวิเศษทั้งหลายร่วงหล่นปนเปด้วยกันคล้ายกับฝนที่โปรยปรายกระจายไปทั่วบริเวณ
ฉากฝนโลหิตเช่นนี้ไม่มีผู้ใดเคยคิดว่าวันนี้จะได้เห็น!
“สวรรค์!!”
ฟู่อวิ๋นคงและตัวตนยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ บนหน้าผาซงเทาต่างสั่นกลัว
คนผู้เดียวทำลายค่ายกลสังหาร สังหารผู้ฝึกปีศาจทั้งหมด ปราณดาบเลิศล้ำราวกับคงกระพัน!
แน่นอนว่าฉากที่น่าสะพรึงกลัวและนองเลือดนี้ทำให้ผู้เฒ่าเครายาวและซั่วเหมิงหวาดกลัวจนหนังศีรษะชา พวกเขาถอยกลับทันที!
นี่… เป็นไปได้อย่างไร!?
ค่ายกลสังหารที่ถูกตั้งชื่อเรียกขานว่า ‘ห้าดาวเคราะห์’ ซึ่งสามารถสังหารตัวตนขอบเขตสยายวิญญาณได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้มันกลับถูกทำลายด้วยการโจมตีซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจอีกทั้งกลุ่มผู้ผสานค่ายกลต่างถูกกวาดล้างทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง!
ทั้งเมิ่งจิ้งไห่และกู้ซานตูต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“พวกเจ้ายังทำอะไรอยู่ ถอยออกมา”
ซูอี้ลอยร่างออกจากหมอกโลหิต
นับตั้งแต่ที่ซูอี้สังหารชายชุดแดงโม่ชิงได้ เขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะทำลายค่ายกลสังหารและเข่นฆ่ากลุ่มผู้ฝึกปีศาจทั้งหมด ซูอี้ใช้เวลายังไม่ถึงครึ่งก้านธูปด้วยซ้ำ
เขาทำทุกอย่างง่ายดายเหมือนเดินในลานบ้าน
ในเวลานี้เมื่อเห็นร่างของเขาปรากฏ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าราวกับเห็นเทพสวรรค์!
เมิ่งจิ้งไห่และกู้ซานตูต่างมองหน้ากันก่อนจะโค้งกายให้ซูอี้ จากนั้นพวกเขาจึงรีบผละตัวออกไป
ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่แน่ใจว่าซูอี้จะรับมือกับผู้ฝึกปีศาจขอบเขตสยายวิญญาณทั้งสองได้หรือไม่…
แต่ทว่าตอนนี้ความกังวลนั้นได้มลายหายไปสิ้นแล้ว!
ผู้เฒ่าเครายาวและซั่วเหมิงไม่ได้หยุดทั้งสองไว้
ทั้งคู่มองไปที่ซูอี้ที่อยู่ไม่ไกลด้วยแววตาตื่นตระหนกและเคียดแค้น นี่เป็นเพียงตัวตนที่อยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราจริง ๆ หรือ!?
อสูรสิงโตทองคำนั้นเริ่มกระสับกระส่าย ขนทั่วร่างของมันชูชันและมันกรีดร้องว่า “นายท่าน คนหนุ่มผู้นั้นมันผิดปกติยิ่ง!!!”
“ตื่นตระหนกให้ได้บ้าอะไร!”
ร่างหนึ่งเดินออกจากเกี้ยวพร้อมกับเสียงตวาด
แน่นอนเขาคือชายหนุ่มผู้สวมเสื้อคลุมสีเงิน ใบหน้าของเขาหล่อเหลาและเรียบเนียนดุจหยก รูปร่างของเขาสมส่วนไร้ที่ติและดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่นั้นเย็นชาราวกับสามารถสะกดวิญญาณผู้คนได้ด้วยเพียงการมองธรรมดา
เขากำลังเล่นกับกระดูกสัตว์สีดำในมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างหนึ่งไพล่อยู่ที่หลัง เขายืนเดินเป็นสง่าอยู่หน้าเกี้ยวโดยมีแส้แสงสีแดงซึ่งเกิดจากมวลพลังอันเปี่ยมล้นล้อมรอบอยู่ทั่วร่างกายอย่างสงบ
ราวกับราชาเสด็จทอดพระเนตรโลกา!
ที่ข้างหลังชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินมีหญิงสาวในชุดกระโปรงเหลืองเดินออกมา ผิวของนางขาวงามยิ่งกว่าหิมะ ดวงตาคู่สวยของนางมีประกายสีม่วงจาง ๆ ฉายแววเย้ายวนอย่างไม่อาจปฏิเสธ
เมื่อคนทั้งคู่ปรากฏขึ้น อสูรสิงโตทองคำจึงเงียบปากลงทันทีราวกับว่ามันพบกับที่พึ่งพาแล้ว
เช่นเดียวกัน ผู้เฒ่าเครายาวและซั่วเหมิงที่ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จิตใจของพวกเขากลับมาสงบได้อีกครั้ง
ทุกสายตาของผู้ชมที่อยู่บนหน้าผาซงเทามองไปยังชายหนุ่มที่สวมชุดสีเงินและหญิงสาวกระโปรงสีเหลืองบนเกี้ยว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายหนุ่มสวมชุดเงินคือนายท่านของผู้ฝึกปีศาจเหล่านี้
บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิง ชิ่งหยวน!