บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 647 สามหมัด
ตอนที่ 647: สามหมัด
ตอนที่ 647: สามหมัด
เหนือทะเลหมอก
ด้วยการปรากฏตัวของชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงิน ผู้เฒ่าเครายาวและซั่วเหมิงจึงถอยกลับไปอยู่ที่ด้านข้างของรถม้า
ซูอี้ไม่สนใจการกระทำของทั้งสอง
เขามองไปยังชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินแล้ว และรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายคือตัวตนซึ่งอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลาง
แต่ทว่ากลิ่นอายของอีกฝ่ายกลับคลุมเครือและแปลกประหลาดอย่างยิ่ง
เช่นเดียวกับภูเขาไฟที่ยังเงียบสงบ ไม่มีใครสามารถแน่ใจได้ว่ามันจะระเบิดปะทุขึ้นเมื่อใดและก่อให้เกิดการทำลายล้างมากน้อยเพียงใด
จากนั้นเมื่อเบนสายตาไปมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองที่อยู่ข้างชายหนุ่มชุดสีเงิน ซูอี้ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ตาสีม่วง หูแหลม กลิ่นอายอันมีเสน่ห์เย้ายวน นี่มันจิ้งจอกม่วงชัด ๆ!
ในบรรดาตระกูลจิ้งจอก ตระกูลจิ้งจอกจันทราม่วง ตระกูลจิ้งจอกบรรพตขจี และตระกูลจิ้งจอกเพลิงพิสุทธิ์ถูกเรียกว่า ‘สามเชื้อสายจิ้งจอกอมตะ’ พวกเขาคือสามอันดับแรกของตระกูลจิ้งจอกทั้งหมด
ในหมู่พวกเขา กลุ่มจิ้งจอกจันทราม่วงเกิดมาพร้อมกับดวงตาสีม่วง หูแหลม มีเสน่ห์เย้ายวนตั้งแต่แรกกำเนิดและเชี่ยวชาญการใช้ทักษะมายาชั้นสูง เช่น ‘สุคนธ์มารกร่อนกระดูก’ ซึ่งมีอำนาจมหาศาล
หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อย แม้แต่หลวงจีนผู้ซึ่งบำเพ็ญเพียรมาช้านาน มีหัวใจพุทธะแน่วแน่แข็งแกร่งดุจหินผาก็อาจจะตกเข้าไปในมายาแห่งความปรารถนาอันไร้ขอบเขต หลงระเริง สับสนจนกลายเป็นเหยื่อของเผ่าจิ้งจอกจันทราม่วงไม่ต่างจากหุ่นเชิด
‘ขนของเผ่าจิ้งจอกจันทราม่วงนั้นเนียนนุ่มและนุ่งห่มสบายกายยิ่ง แต่น่าเสียดายที่มันมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งไม่อาจลบล้าง ไม่เช่นนั้นข้าคงจะนำมันมาวางคลุมเก้าอี้หวายของข้าเสียหน่อย’
ซูอี้รู้สึกเสียดาย
หากทุกคนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ คงจะอ้าปากค้างเบิกดวงตากว้างกันเป็นแน่
“ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นท้าทายสวรรค์ยิ่ง แต่ทว่าข้ากลับไม่เคยรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามาก่อนเลย ขอบังอาจถามได้หรือไม่ว่าเจ้ามีชื่อแซ่ว่าอันใด?”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินเอ่ยถามเสียงดังจากระยะไกล
แม้ผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากของเขาจะเพิ่งถูกสังหารไป แต่ในขณะนี้บนใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มสบาย ๆ
ทว่าการแสดงออกเช่นนี้มันทำให้ได้รู้ว่าชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินผู้นี้เย็นชาและโหดเหี้ยมยิ่งนัก
ซูอี้ไม่เคยชอบเรื่องไร้สาระ ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงคร้านเกินกว่าจะพูดอ้อมค้อมให้เปลืองน้ำลาย
เขาพูดตรง ๆ ว่า “ข้าพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว จงมอบสิงโตทองนั่นมาให้ข้าเสียและข้าจะปล่อยให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไป”
ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเงินเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนจะอดหัวเราะไม่ได้และก้มศีรษะไปที่อสูรสิงโตทองคำและกล่าว “ดูเถิด ในสายตาของคนผู้นั้น เจ้ามีค่ามากกว่าชีวิตของเราผู้นี้เสียอีก”
อสูรสิงโตทองคำสั่นสะท้านด้วยโทสะ “นายท่าน! ไอ้เจ้านั่นดูหมิ่นท่านอย่างชัดเจน ท่านอย่าได้ให้อภัยมันเด็ดขาด!”
“อย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นลองบอกข้ามาทีว่าข้าควรทำอย่างไร?”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินถามกลับ
อสูรสิงโตทองคำพูดในทันทีด้วยแววตาอำมหิต “ท่านควรถลกหนัง เฉือนเนื้อ ควักหัวใจ ขุดตับ ดื่มเลือด กินเนื้อ และบดขยี้ดวงวิญญาณของมันให้สลายสิ้น!”
เมิ่งจิ้งไห่และคนอื่น ๆ ต่างขมวดคิ้วเมื่อพวกเขาได้ยินเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้พูด
ความคิดของมันโหดร้ายเหลือเกิน!
“เป็นความคิดที่ดี!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินชมเชย จากนั้นเขาหันไปมองซูอี้ในระยะไกลและกล่าวว่า “แต่ทว่าข้าสามารถให้ทางเลือกอื่นแก่เจ้า ตราบที่เจ้าเลือกที่จะยอมจำนนต่อข้า…”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบ ซูอี้ก็ส่ายหัวและขัดจังหวะ “เรื่องไร้สาระแบบนี้อีกแล้ว ช่างน่ารำคาญหูเสียจริง”
หลังจากพูดจบ ซูอี้ก็ยกมือขึ้นแล้วสับสันมือประหนึ่งดาบ
เคร้ง!
ปราณดาบปะทุออกตัดผ่านมวลเมฆส่องประกายเจิดจ้าน่าเกรงขาม!
เมิ่งจิ้งไห่และคนอื่น ๆ “…”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินและคนอื่น ๆ “…”
ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู พวกเขาไม่คิดเลยว่าซูอี้จะด่วนตัดสินใจลงมือเร็วขนาดนี้ราวกับกำลังรีบไปทำธุระต่อที่ใดสักแห่ง
หรือจะให้พูดอีกอย่าง คือซูอี้ไม่ได้สนใจชายหนุ่มในชุดคลุมสีเงินผู้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิงที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย!
เมื่อแลเห็นเช่นนี้ สีหน้าของชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินก็มืดหม่นทันที ชายผู้นี้มันบ้าไปแล้ว!!
“บังอาจนัก!”
ผู้เฒ่าเครายาวตะโกนเสียงดัง จากนั้นจึงตวัดไม้ตีกลองของเขาและทุบลง
ไม้ตีกลองของเขายาวสามฉื่อ หนาพอ ๆ กับแขนเด็กและมีสีขาวเหมือนหิมะและใสดุจผลึกแก้ว เมื่อทุบออกมันก็เกิดเสียงสนั่นเลือนลั่นคล้ายกับผีสางและเทพยดาโห่ร้อง
เมื่อผสานรวมกับอำนาจพลังของขอบเขตสยายวิญญาณขั้นต้นของผู้เฒ่าเครายาว การโจมตีครั้งนี้จึงรุนแรงเสียจนอากาศโดยรอบสั่นสะท้านจนเกิดกระแสความปั่นป่วนรุนแรง
แต่ทว่าเมื่อถึงจังหวะที่ดาบของซูอี้ปะทะกับไม้ตีกลองนี้…
ปัง!!!
มันคล้ายเสียงฟ้าร้อง ทำให้ผู้เฒ่าเครายาวรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งโดนภูเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณชนเข้าใส่ แรงปะทะอันน่าสะพรึงกลัวทำให้ร่างของเขากระเด็นถอยไปข้างหลังอย่างไม่อาจควบคุม
ทว่าที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือไม้ตีกลองในมือของเขาส่งเสียงแตกร้าว และมีรอยดาบที่น่าตกใจบากอยู่บนไม้ตีกลองอีกทั้งยังมีบางเศษส่วนที่หลุดหายไป!
ความเสียหายต่อศาสตราวิถีวิญญาณเช่นนี้ ทำให้ผู้เฒ่าเครายาวกระอักเลือดเนื่องจากความทุกข์ทรมานทางจิตใจทันที ลมปราณและโลหิตของเขาย้อนตีกลับอย่างรุนแรง!
เพียงดาบเดียว ผู้ฝึกปีศาจขอบเขตสยายวิญญาณได้รับบาดเจ็บ!!
เสียงสูดหายใจลึกดังไปทั่วหน้าผาซงเทา
เมิ่งจิ้งไห่ กู้ซานตู และผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
ความสามารถของซูอี้ในการสังหารตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทำให้พวกเขารู้สึกเหลือเชื่อมากแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ต่อหน้าปราณดาบที่ฟันออกไปส่ง ๆ แม้แต่ผู้ฝึกปีศาจขอบเขตสยายวิญญาณก็ยังได้รับบาดเจ็บ!
ผลลัพธ์เช่นนี้ผู้คนจะไม่ตกใจได้อย่างไร!?
“แข็งแกร่งเหลือเกิน!!”
สีหน้าของซั่วเหมิงแปรเปลี่ยนเป็นมืดหม่น หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองพูดอย่างประหม่าว่า “นายท่าน ชายผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป เรา… ถอยออกไปดีหรือไม่?”
“ฮึ่ม!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและเอ่ยว่า “พวกเจ้าถอยกลับมา ข้าจะจัดการกับเรื่องนี้เอง!”
ขณะที่เขาพูด ร่างของเขาก็ลอยห่างจากรถม้า
ตูม!
มวลพลังสีดำแผ่ออกจากร่างของชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินและจากนั้นมันก็ควบแน่นกลายเป็นรูปลักษณ์คล้ายงูเลื้อยวนเวียนอยู่รอบกาย ผมยาวสะบัดพลิ้วไหว เช่นเดียวกับดวงตาสีน้ำตาลแดงของเขาที่เย็นชาและลึกล้ำยิ่ง ในทันใดนั้น กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างน่าเกรงขามจนฟ้าดำมืดครึ้มพลันปรากฏออกมา!
แม้ว่าทุกคนจะสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินผู้นี้มีระดับการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลางเท่านั้น…
แต่พลังที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา กลับทำให้แม้แต่เมิ่งจิ้งไห่และกู้ซานตูผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณยังรู้สึกถึงภัยคุกคามอันตรายต่อชีวิต สีหน้าของพวกเขาจึงแปรเปลี่ยนในทันที!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิงเป็นตัวตนที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!
“ข้าเพิ่งฟื้นจากการหลับใหลเมื่อเดือนที่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่ตื่นมาข้าจึงยังไม่เคยสังหารใครด้วยมือของตนเอง”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินจ้องไปที่ซูอี้ “ข้าคงต้องขอบอกว่าเจ้าช่างโชคดียิ่งที่ได้ตายด้วยน้ำมือของข้า การตายเช่นนี้มันเพียงพอให้เจ้าสามารถนอนยิ้มในโลงได้แล้ว”
มุมริมฝีปากของซูอี้กระตุกอย่างไม่อาจควบคุม ไอ้เด็กคนนี้… พูดจาไร้สาระได้ไม่หยุดหย่อนเลย!
เคร้ง!
ซูอี้ฟันปราณดาบออกไปอีกรอบ
ปราณดาบสีใสดุจผลึกแก้วพุ่งปราดเข้าหาชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด!
“ขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินกำหมัดแน่นก่อนจะชกออก!
พร้อมกับการออกหมัด มวลพลังสีดำควบแน่นเป็นรูปลักษณ์หมัดยักษ์พุ่งเข้าหาปราณดาบสีใสดุจผลึกแก้วของซูอี้อย่างอหังการ
อากาศโดยรอบสั่นสะเทือนรุนแรงราวกับว่าไม่อาจต้านทานพลังของหมัดนี้ได้
ปัง!!
ปราณดาบของซูอี้ถูกทำลายโดยหมัดสีดำจนแตกออกเป็นสองส่วน
ทุกคนต่างตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่การโจมตีของซูอี้ถูกแก้ไข!
“มีพลังเพียงเท่านี้น่ะหรือกล้ามากำแหงกับข้า?”
ชายหนุ่มชุดเงินมองที่ซูอี้แล้วพูดช้า ๆ
เมิ่งจิ้งไห่และคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกประหม่า
พวกเขามั่นใจว่าถ้าซูอี้ไม่อยู่ที่นี่วันนี้ ต่อให้พวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันก็คงไม่อาจต่อกรกับชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินผู้นี้ได้
ผลสุดท้ายคงถูกบังคับให้ยอมแพ้!
ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงฝากความหวังเอาไว้ที่ซูอี้เพียงเท่านั้น ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินกลับแสดงความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัว สามารถทำลายการโจมตีของซูอี้ได้ เมิ่งจิ้งไห่ และคนอื่น ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มกังวล
หากซูอี้พ่ายแพ้ขึ้นมาจริง ๆ ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับหายนะเช่นใดบ้างหลังจากนั้น?
“สหายเต๋าหยวนเหิง… คุณชายซู… จะรับมือไหวใช่หรือไม่?”
หลานซัวรู้สึกประหม่ามากกว่าที่เคย
ความแข็งแกร่งที่ซูอี้แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างมาก
แต่ตอนนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิงแสดงพลังของเขาซึ่งดูคล้ายจะเหนือกว่าซูอี้ ใครเล่าจะสงบได้เหมือนก่อนหน้านี้?
“รับมือไม่ไหว?”
หยวนเหิงพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ก่อนหน้านี้มีชายผู้หนึ่งชื่อชิงลั่ว เขาหยิ่งผยองยิ่งกว่าไอ้บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิงผู้นี้เสียอีก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ถูกนายท่านของข้าฆ่าตายอย่างน่าสังเวช!”
หลานซัว “???”
คนอื่น ๆ “???”
“พลังของข้าไม่พออย่างนั้นหรือ?”
ลอยอยู่เหนือมวลเมฆ ซูอี้ยิ้มและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เช่นนั้นต่อไปข้าจะชกอีกเพียงสามหมัดเท่านั้น หากภายในสามหมัดนี้ข้าปราบเจ้าไม่ได้ให้ถือว่าข้า… แพ้!”
ขณะที่คำพูดนี้ยังดังก้องกังวาน
ซูอี้กำนิ้วให้เป็นหมัดก่อนจะง้างแขนขวา
ตูม!!
ระหว่างที่ง้างแขนขวา อำนาจของเจตจำนงแห่งหมัดที่ซูอี้รู้แจ้งแผ่ออกจากร่าง จนอากาศโดยรอบม้วนบิดเบี้ยวเนื่องจากไม่อาจทานทนต่อการกดขี่ของอำนาจนี้ได้!
หืม?
ดวงตาของชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินหรี่ลง เนื่องจากรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่พุ่งเข้ามาหา
ดวงตาของเขาเป็นประกาย ปราณวิญญาณในร่างเดือดพล่าน เขาเตรียมรับการโจมตีนี้อย่างเต็มกำลัง
จากนั้นเมื่อซูอี้ชกหมัดนี้!
ตูม!
หมัดยักษ์สีใสพร่างพราวปะทุออก มันพุ่งเข้าหาชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินราวกับสายรุ้งสีขาวที่ทะลุผ่านดวงอาทิตย์!
จิตใจของเหล่าผู้ชมที่อยู่ห่างไกลราวกับถูกค้อนยักษ์ฟาด ปราณและเลือดที่ไหลเวียนในร่างของพวกเขาปั่นป่วน สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนล้วนแปรเปลี่ยน
ช่างเป็นหมัดที่เลิศล้ำยิ่ง!
แค่มองจากระยะไกลจิตใจของพวกเขาสั่นคลอนอย่างไม่อาจควบคุม!
ที่ข้างเกี้ยว ผู้เฒ่าเครายาวและซั่วเหมิงต่างก็หน้าซีดและหวาดกลัว
แค่เพียงมองหมัดนี้ ตัวตนขอบเขตสยายวิญญาณเช่นพวกเขาถึงกับรู้สึกไร้สิ้นหนทาง ไม่อาจหนีและไม่อาจต่อต้าน!
หมัดนี้น่ากลัวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
สีหน้าของชายหนุ่มในชุดสีเงินเปลี่ยนไปในฉับพลัน และไม่สามารถสงบลงได้
พลังของหมัดนี้เกินประมาณ และเขาไม่กล้าที่จะลังเลอีกต่อไป จากนั้นจึงรีบโคจรพลังทั้งหมดทันที
“ง้าวอัสนีนิลกาฬ!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินตะโกน
สายฟ้าสีดำที่เหมือนงูเหลือมซึ่งหมุนรอบตัวเขาอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา… ในทันใดนั้นมันพลันพุ่งออกและควบแน่นเป็นง้าวสายฟ้าที่มีความยาวสิบฉื่อ ปลดปล่อยรัศมีแห่งการทำลายล้างและฟาดฟันไปทั่วท้องฟ้า
เมื่อหมัดและง้าวปะทะกัน
ตูม!!
การระเบิดใหญ่หลวงบังเกิดขึ้น ส่งผลให้ฟ้าดินปั่นป่วนอย่างรุนแรง คลื่นปะทะแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างไม่มีหยุดยั้ง ผู้ชมทั้งหลายต่างรู้สึกคล้ายฟ้ากำลังจะถล่มและสู่พื้นปฐพี
ทันทีหลังจากนั้น ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของผู้คน ง้าวสายฟ้าระเบิดออกทีละคืบ!
มันถูกหมัดของซูอี้ทุบทำลาย!
สีหน้าของชายหนุ่มชุดสีเงินเปลี่ยนไปในทางแย่ยิ่งกว่าเดิม เขารีบสร้างม่านพลังเพลิงอัสนีออกมาขวางเขาไว้อย่างรวดเร็ว
แต่น่าเสียดาย การดิ้นรนต่อต้านของเขาขณะนี้ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาที่ต้องการจะหยุดรถม้าซึ่งห้อมาเต็มความเร็วด้วยแขนของตัวเอง
จากนั้นเสียงระเบิดดัง ‘ปัง’ ก็บังเกิดขึ้น เป็นม่านพลังเพลิงอัสนีที่ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินเพิ่งสร้างระเบิดสลายไปอย่างอนาถ
ราวกับถูกทุ่มด้วยภูเขาโบราณ ร่างของชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินกระเด็นเคว้งอยู่ในอากาศ เขากระอักเลือดออกมามากมาย และกว่าจะทรงตัวสมดุลได้ก็กระเด็นไกลไปถึงหลายสิบฉื่อ
เมื่อได้เห็นฉากนี้ ผู้ชมทั้งหลายต่างตกตะลึงจนไม่อาจพูดออก
แค่หมัดแรกบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิงได้เลือดเสียแล้ว!
ฉากที่เพิ่งบังเกิดไปนั้นทำให้จิตใจของทุกคนที่เฝ้ามองอยู่ตกใจอย่างสุดขีด
และเมื่อมองดูชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินอีกครั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากลายเป็นซีดขาวเสียแล้ว อีกทั้งยังเต็มไปด้วยโทสะและแววตาไม่อยากจะเชื่อ!