บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 648 วิหคอัปมงคลเก้าเศียร
ตอนที่ 648: วิหคอัปมงคลเก้าเศียร
ตอนที่ 648: วิหคอัปมงคลเก้าเศียร
หมัดของซูอี้มีนามว่า ‘ค้อนเด็ดดารา’
นี่คือหนึ่งใน ‘เก้ากระบวนท่าทำลายล้าง’ จาก ‘คัมภีร์แปดยอดมหายุทธ์’ ที่อดีตสหายของเขา จักรพรรดิมหายุทธ์สร้างขึ้น
ชกหมัดขึ้นราวเด็ดดารา ต่อยลงเยี่ยงค้อนทุบ
ขยับหมัดชกเข้าออกรวดเร็ว ใช้อำนาจกดดันราวเทวราชผู้โอบกอดดวงดาวพลางทุบค้อนสู่มนุษยชาติ แข็งแกร่งไร้เทียบเทียม
กระบวนท่านี้ยังเป็นกระบวนท่าโปรดของจักรพรรดิมหายุทธ์อีกด้วย ยามต่อสู้ เขามักจะใช้หนึ่งกำปั้นขยี้ศัตรูโดยไร้ขอบเขตเสมอ
และจากการแสดงออกของซูอี้ ค้อนเด็ดดารานี้ก็ได้สำแดงอำนาจแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
อย่างน้อยที่สุด หากเทียบกับสมัยที่จักรพรรดิมหายุทธ์ยังอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา เขาคงไม่อาจแสดงอำนาจเช่นนี้ได้
เพราะถึงอย่างไร พื้นฐานมหาวิถีที่ซูอี้สร้างขึ้นก็ไม่อาจหาได้ที่ใดทั่วเก้ามหาแดนดิน
“นี่คือความแข็งแกร่งอันแท้จริงของสหายเต๋าซูหรือ?”
เมิ่งจิ้งไห่และคณะต่างอับจนปัญญา
ก่อนหน้านี้ พวกเขาตะลึงกับวิธีการของซูอี้ ทว่าเมื่อถึงปัจจุบัน ได้ประจักษ์อำนาจแห่งหมัดนี้ พวกเขาจึงได้ตระหนักว่าตนยังคงประเมินความแข็งแกร่งของซูอี้ต่ำไป!
กล่าวอีกนัยคือ สิ่งที่พวกเขาได้เห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงความแข็งแกร่งเสี้ยวเดียวของซูอี้!
“หากผู้เผชิญหมัดนั้นคือข้า ข้าคงร่างแหลกเป็นแน่…”
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของผู้เฒ่าเครายาวและซั่วเหมิงก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ร่างสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
“แม่นางหลานซัว เจ้าเห็นแล้วว่ายามนี้หากนายท่านของข้าจริงจัง ต่อให้คู่ต่อสู้จะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิงก็มีค่าเท่ากันกับคนทั่วไป”
หยวนเหิงสุขุมยิ่ง วาจาของเขาเปี่ยมความภาคภูมิ
หลานซัวโพล่งถามขึ้นโดยไม่รู้ตน “เช่นนั้น… นายท่านของเจ้าแข็งแกร่งเพียงไร?”
หยวนเหิงอับจนวาจา
เขาไม่รู้จะตอบเช่นไร
แม้ว่าเขาจะติดตามซูอี้ตลอดทางไปต้าเซี่ย ผ่านศึกมามากมายจนยามนี้ ทว่าเขาก็ยังไม่อาจตัดสินว่าซูอี้แข็งแกร่งเพียงใด
เหตุผลนั้นช่างง่ายดาย จวบจนยามนี้ ซูอี้ไม่เคยแพ้พ่าย แล้วใครเล่าจะบอกได้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงไร?
…
นี่มันหมัดมวยประเภทใดกัน!?
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินตกใจ แววตาเย็นชาเปี่ยมความไม่อยากเชื่อ
อำนาจมหาศาลของหมัดนี้สร้างบาดแผลให้ร่างกาย แขนขา เลือดเนื้อของเขา และแม้เขาในยามนี้จะยืนได้อย่างมั่นคง แต่ทั่วร่างของเขาสั่นสะท้านทั้งภายนอกและใน เจ็บรวดร้าวทั่วสรรพางค์
หากไม่ใช่ว่าเขาใช้เคล็ดวิชาของตนต้านรับไว้สุดแรง เพียงหมัดนี้ก็สามารถขยี้ร่างทำลายวิญญาณเขาได้!
มันร้ายกาจอย่างไม่อาจปฏิเสธ!
“นายท่าน เกิดอันใดกับท่านหรือ?”
สตรีสวมกระโปรงสีเหลืองหน้าซีดตกใจ ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไร!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินเช็ดโลหิตที่มุมปากตนอย่างดื้อรั้น สูดหายใจลึก ๆ ขณะที่ดวงตาฉายประกายเย็นชาร้ายกาจ “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย!”
หลังจากกล่าวจบ เสียงยังไม่ทันสลาย บรรยากาศรอบตัวเขาก็เปลี่ยนแปลงกะทันหัน
ตู้ม!
คู่ปีกลวงตาผุดขึ้นบนหลังของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิงราวหมู่เมฆาบนเวหา ล้อมรอบโดยแสงสีดำทะมึนลี้ลับ ทำให้พื้นที่รอบ ๆ ตัวเขาถูกปกคลุมด้วยความหม่นหมองหดหู่และบรรยากาศการทำลายล้าง
อำนาจในตัวเขาไต่ระดับทะยานสูงอย่างสม่ำเสมอ
ในพริบตา เขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมยิ่งนัก!
“นี่มัน…”
เมิ่งจิ้งไห่และคนใหญ่คนโตอื่น ๆ ต่างร่างสั่น ยามนี้เอง พวกเขาจึงตระหนักว่าไม่ใช่เพียงซูอี้เท่านั้นที่ซ่อนความแข็งแกร่งไว้ กระทั่งชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินผู้นี้ยังออมมือเช่นกัน
และเป็นยามนี้เองที่ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินเผยเขี้ยวเล็บ ใช้อำนาจและวิชาที่ตนมีทั้งหมดออกมา!
เห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็เลิกคิ้วเล็กน้อยพลางมองสตรีสวมกระโปรงสีเหลืองอย่างไม่ตั้งใจ
สตรีสวมกระโปรงสีเหลืองรับรู้ได้ทันที ดวงตาสีม่วงหรี่ลงเล็กน้อย ใบหน้าตกใจซีดขาว ร่างเพรียวบางสั่นเทา
“ฆ่า!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินลงมือทันที
พั่บ!
คู่ปีกลวงตาเบื้องหลังเขาขยับ ร่างของเขาหายวับไป อึดใจต่อมาก็ปรากฏตรงหน้าซูอี้ ห่างออกไปเพียงสามฉื่อ!
ไวเยี่ยงเคลื่อนไหวพริบตา!
จากนั้น คู่ปีกทมิฬก็เงื้อขึ้นดุจมีดคู่
ฉัวะ!
อากาศถูกตัดแหวกเป็นสองรอยง่ายดายเยี่ยงผ้า ประกายแสงสีดำรวมตัวที่ปีกทั้งคู่ดั่งเช่นคมมีด ฟาดฟันลงมาจากห้วงนภา
ราวเทพยดาบนชั้นฟ้าฟันมีดคู่ในหัตถ์สู่แดนดินอย่างเคืองโกรธ!
แค่เพียงอำนาจของมัน ก็เพียงพอให้เมิ่งจิ้งไห่และพวกซึ่งดูอยู่ไกล ๆ รู้สึกเจ็บแปลบ จิตใจราวถูกฉีกกระชาก
น่ากลัวยิ่งนัก!!!
ผู้คนเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน
ร่างของซูอี้ปรากฏตรงหน้ารัศมีการฟาดฟันนั้น
วูบ!
ธาตุแท้อันทรงพลังในกายผอมสูงพลุ่งพล่านเยี่ยงสมุทรกว้าง ส่งเสียงคำรามราวเป็นวายุอสนี
นี่เป็นเพียงการก่อร่างแห่งมหาวิถียามเรียกใช้
แขนขวาของซูอี้ฟาดเหวี่ยงหมัดเยี่ยงแส้
แส้ฉีกเวหา!
หนึ่งในเก้ากระบวนท่ากวาดล้าง
ชกวูบไหวดั่งแส้ ฉีกกระชากศัตรูราวผืนผ้าใบ ดุร้ายอหังการ
ตู้ม!!
คลื่นกระแทกสะเทือนนภา อากาศสั่นไหววุ่นวาย
หมัดโปร่งใสเหวี่ยงไหวดั่งแส้ยาว
เมื่อมันกระทบคู่ปีกที่ตัดลงมา เสียงดังสนั่นพลันกึกก้อง
คู่ปีกทมิฬอันคมกริบเยี่ยงมีดคู่แตกสลายท่ามกลางประกายแสง ระเบิดคลื่นทำลายล้างปกคลุมอาณาบริเวณ
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินเปลี่ยนสีหน้าโดยสิ้นเชิง หัวใจสั่นคลอน
ทว่ายามเมื่อเขาคิดหลบ มันก็สายเกินไป
ตู้ม!
พละกำลังของหมัดที่เหมือนแส้ไม่ถูกบรรเทา และยังคงชกเข้าใส่ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงิน
สมบัติเชิงป้องกันบนร่างของเขาระเบิดเปรี้ยงปร้าง ร่างของเขาเหมือนถูกมังกรฟาดหางใส่จนปลิวกระเด็นไปอย่างแรง
เห็นได้ชัดเจนว่าร่างของชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินปริร้าวเยี่ยงกระเบื้อง ผิวของเขาแตกออก เนื้อแหลกเละ เลือดไหลทะลักไม่อาจห้าม
ยามเมื่อเขายืนตั้งหลักได้ รูปลักษณ์ของเขาก็เละเทะเกินจดจำ
หมัดที่สองนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิหมิงหลิงถูกชกเข้าอย่างจัง!
ผู้ชมนิ่งอึ้งตะลึงงัน
“เป็นไปได้เช่นไร…”
ผู้เฒ่าเครายาวและซั่วเหมิงมือเท้าเย็นเฉียบ ตกใจกระวนกระวาย
พวกเขาต่างเห็นว่าด้วยหมัดนี้ ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินใช้พลังทั้งหมดที่เขามีไปแล้ว และพลังที่มันสร้างก็สามารถสังหารพวกเขาซึ่งอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้โดยง่าย
ทว่ายามนี้ หมัดเดียวของซูอี้ก็ยังทำลายมันได้!!
“เจ้าเป็นใครกัน?”
ไกลออกไป ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินไอหนัก ๆ
ผมเผ้าของเขากระเซอะกระเซิง ใบหน้าคล้ำเขียว มองซูอี้ด้วยสีหน้าทั้งตะลึงและกรุ่นโกรธ รวมไปถึงความหวาดกลัวอันไม่อาจบรรยาย
ทั้งที่มีการฝึกฝนเพียงขอบเขตรวบรวมดารา ทว่าด้วยการออกหมัดไม่กี่ครั้งกลับทำให้เขาบาดเจ็บหนัก!
บุคคลผู้ท้าทายอำนาจสวรรค์เยี่ยงนี้ปรากฏในต้าฉินนับแต่ยามใด?
“ข้าจะบอกเจ้าหากรับหมัดที่สามของข้าได้”
ซูอี้กล่าวอย่างสุขุม
ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มลงมือ
เขาก็เห็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินกัดฟันหยิบกระดูกสัตว์สีดำออกมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็พ่นเลือดใส่มันเต็ม ๆ ปาก
ตู้ม!
กระดูกสัตว์สีดำแตกสลาย สร้างเป็นวังวนสีโลหิตขนาดหลายจั้งกลางหาว ราวประตูสู่อเวจี
กลิ่นอายที่ชวนใจหายก็สยายออกสู่โลกา
นี่คือ?
เมิ่งจิ้งไห่และคนอื่น ๆ ม่านตาหดตัว ตระหนักแล้วว่าบางสิ่งไม่ถูกต้อง
ดวงตาคู่งามของสตรีสวมกระโปรงสีเหลืองบนเกี้ยวเปล่งประกาย นางกล่าวอย่างตื่นเต้น “นายท่าน ท่านจะขอท่านเจ้าสำนักให้ลงมือเอง…”
ผู้เฒ่าเครายาว ซั่วเหมิงและอสูรสิงโตทองคำต่างถอนหายใจโล่งอก ใบหน้าแสดงความกระตือรือร้นราวคลั่งไคล้
“ว่าแล้วเชียว ที่มาของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา และเขายังต้องมีไพ่ตายซุกซ่อน”
หยวนเหิงขมวดคิ้วพึมพำ
ครานี้ ไม่รอให้หลานซัวได้พูด หยวนเหิงก็กล่าวว่า “อย่ากังวลไป แม่นางหลานซัว มันไม่เป็นไรจริง ๆ”
ก่อนหน้านี้ หลานซัวตื่นกลัวราวกับกวางถูกเกาทัณฑ์ ซึ่งหยวนเหิงชินกับนางแล้ว เขาจึงชิงปลอบหลานซัวก่อน
หลานซัว “…”
ยามนี้ เมื่อซูอี้ซึ่งคิดจะชกหมัดที่สามเห็นวังวนสีเลือด เขาก็แสดงสีหน้าราวคาดการณ์ไว้
“ชิ่งหยวน เหตุใดจึงรบกวนข้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้?”
เสียงกังวานเจือความไม่พอใจดังออกมาจากในวังวนโลหิตเฉียบพลัน
“ศิษย์ได้พบศัตรูร้ายกาจ และกำลังจะบาดเจ็บสาหัสจนตาย ด้วยไร้หนทาง ศิษย์จึงทำได้เพียงขออาจารย์ให้ช่วยเหลือ!”
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงินก้มหัวกล่าวอย่างขมขื่น
เสียงก้องในวังวนสีเลือดอย่างเกรี้ยวกราด “สิ่งใดกันไร้ตา กล้ารังแกผู้สืบทอดใกล้ชิดของข้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้?”
ตู้ม!
ท่ามกลางเสียงสะท้านสะเทือน วังวนสีเลือดก็หมุนวนอย่างรุนแรง คลื่นพลังกระเพื่อมออกมาอย่างน่าตกใจ ทั่วเวหาสั่นสะเทือน
ฟิ้ว!
จากนั้น ภาพหลอนมโหฬารภาพหนึ่งก็ทะยานออกมาจากในวังวนสีเลือดทันใด
มันเป็นวิหคดุร้ายขนาดยักษ์ ขนาดใหญ่โตเป็นพันจั้ง เก้าเศียรมหึมาราวบ้านเรือน ปีกทมิฬสยายกว้างปิดฟ้าบังตะวัน!
แม้นจะเป็นเพียงภาพลวงตาอันเลือนราง แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมานั้นร้ายกาจป่าเถื่อนราวกับเทพป่าเซียนเถื่อนจุติสู่โลกา!
ทุกคนซึ่งอยู่ในเหตุการณ์หยุดหายใจ สีหน้าเปลี่ยนผันยิ่งยวด
นี่ต้องเป็นตัวตนอันน่าหวาดหวั่นใดกัน!?
“คารวะเจ้าสำนัก!”
ยามนี้ ผู้เฒ่าเครายาวนามซั่วเหมิง และสตรีสวมกระโปรงสีเหลืองต่างก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อมจริงจัง สีหน้าเผยความยำเกรงลึกล้ำ
กระทั่งอสูรสิงโตทองคำยังย่อขาหน้าหมอบคลานราวสาวกผู้ภักดีบูชาเทพแห่งตน
ภาพนี้ทำให้เมิ่งจิ้งไห่และคนอื่น ๆ รู้สึกหนาวเยือกราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง หรือนี่จะเป็นผู้นำแห่งลัทธิหมิงหลิง?
บางอย่างผิดแปลก!!
“นี่น่าจะเป็นเจตจำนงของผู้อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ”
หยวนเหิงเองก็สัมผัสแรงกดดันได้ ร่างของเขาแข็งทื่อ ทว่าใบหน้าปราศจากความกลัว
ในระหว่างที่เขาติดตามซูอี้ในต้าเซี่ย หยวนเหิงเคยขาดประสบการณ์เผชิญอันตรายด้วยหรือไร?
ดูเหมือนว่าภาพตรงหน้าเขาเช่นนี้เคยถูกพบเห็นมาก่อนแล้ว มันจึงไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าคราแรก
“เวลาของข้ามีค่า ชักช้าไม่ได้ สารเลวตัวใดกันที่กล้าดูหมิ่นศิษย์ข้า ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้! หาไม่ ข้าไม่คิดมากถ้าต้องสังหารทุกคนที่นี่!”
วิหคอัปมงคลเก้าเศียรกล่าวอย่างเย็นชา จิตสังหารทำให้รอบข้างปั่นป่วน
ขวับ!
ดวงตาของทั้งผู้เฒ่าเครายาวและคณะต่างหันมองซูอี้ผู้อยู่ไกลออกไป
“อาจารย์ เป็นคนผู้นั้น!”
ชายหนุ่มในชุดสีเงินยกมือขึ้นชี้ซูอี้ สีหน้าเกลียดแค้นระคนตื่นเต้นไม่อาจถูกปกปิด
“ชายหนุ่มในขอบเขตรวบรวมดาราหรือ?”
วิหคอัปมงคลเก้าเศียรผู้มีร่างใหญ่โตเป็นพันจั้งอึ้งไปครู่หนึ่ง “ชิ่งหยวน ไยคนที่เป็นเช่นมดปลวกน้อยนี่จึงทำร้ายเจ้าได้เล่า?”
ชายหนุ่มในชุดสีเงินอธิบายเสียงต่ำทันทีด้วยสีหน้าอันดูอับอาย “อาจารย์ พลังต่อสู้ของคนผู้นี้ท้าทายอำนาจสวรรค์ แม้จะเป็นตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณก็เกรงจะไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา”
“จริงหรือ?”
วิหคอัปมงคลเก้าเศียรกล่าวอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ลองดูเถิดว่าเจ้าตัวน้อยนี่จะแข็งแกร่งเพียงไร”
ครานี้ ซูอี้ผู้มองเรื่องทั้งหมดจากระยะไกลไม่อาจกลั้นหัวเราะไว้ได้อีก ก่อนเขาจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้า
“เดรัจฉาน เจ้าแน่ใจหรือ? อยากลองหรือไม่?”