บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 658 สวรรค์แปร!
ตอนที่ 658: สวรรค์แปร!
ตอนที่ 658: สวรรค์แปร!
วันที่สองเดือนสอง
วันนี้มีความหมายพิเศษยิ่งสำหรับซูอี้ผู้เวียนวัฏสงสารกลับมาฝึกตนใหม่
เขาเกิดขึ้นในวันนี้เมื่อสิบแปดปีก่อน
วันนี้เมื่อสิบสี่ปีก่อน มารดาของเขาเยี่ยอวี่เฟยสิ้นใจจากโรคร้าย
และวันนี้เมื่อปีที่แล้ว ยามเมื่อเขาฟื้นความทรงจำทั้งหมดในอดีตชาติ เขาก็ได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วงานประลองประตูมังกรที่แม่น้ำต้าฉางนอกเมืองกว่างหลิง สำแดงฤทธิ์ตะลึงหล้า คว้าความสำเร็จโดดเด่นดังก้องฟ้า!
และยามนี้ก็หวนบรรจบวันที่สองเดือนสองอีกครั้ง!
ทุกสิ่งนับแต่อดีตหลั่งไหลสู่กายของซูอี้
“หนึ่งปีแล้ว…”
ซูอี้ลุกขึ้น และเดินออกจากห้องโถง
ยามนี้คือตีสี่ สายลมรัตติกาลพัดพลิ้ว
แม้ว่าหอเซียนดาบจะถูกกักอยู่ภายในค่ายกล ทว่าจักรวาลพร่างดาวอันไพศาลสูงส่งก็ยังเห็นได้ท่ามกลางนภาราตรี
ซูอี้นำเก้าอี้หวายออกมา นอนเอกเขนกบนนั้นพลางใช้ตาทอดมองฟ้า หัวใจรู้สึกสงบอย่างไม่อาจบรรยาย
หนึ่งปี
เขาตัดกรรมไปมากมาย สะบั้นความแค้นไปก็เยอะ บ่มกลั่นมหาวิถีของเขาจนเกินกว่าที่จะเทียบกับอดีตชาติ
เมื่อย้อนรำลึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงปีก่อน ในใจของซูอี้ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนมากมาย
ความอาวรณ์เดียวจนยามนี้ของเขาคือ เขายังไร้ความรู้สึกยึดติดกับมหาทวีปคังชิงเยี่ยงบ้าน และมีความอาทรให้เพียงบุคคลกลุ่มเล็ก ๆ
“บ้านเกิดของข้าคือที่ซึ่งหัวใจข้าสงบปลอดภัย จากนี้ไป… ข้าไม่อาจควบคุมได้ว่าจะไปหนใด”
ซูอี้หยิบน้ำเต้าขึ้นกระดกดื่ม
“คุณชาย ให้หว่านเอ๋อร์ร้องเพลงให้ท่านฟังหรือไม่?”
ชิงหว่านก้าวออกมากล่าวอย่างใจกล้า
ซูอี้อึ้งไป และนึกถึงคืนวันเกิดปีก่อน ชิงหว่านก็เคยทำเช่นนี้ เขาจึงอดยิ้มไม่ได้ กล่าวตอบว่า “ได้สิ”
ชิงหว่านแย้มยิ้มหวานทันที นางยกกระโปรงขึ้นอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากสีชมพูเผยอเล็กน้อย ขานวจีร้องเพลงด้วยเสียงแว่วหวานดั่งมาจากชั้นฟ้า
“อายุของนายท่าน เปรียบดังความยั่งยืนจันทรา ประหนึ่งตะวันฉายแสง ดุจขุนเขาหนานอันยิ่งใหญ่ไร้พ่าย เป็นดังต้นสนตระหง่านงามงดยามเติบโต…”
เสียงร้องทุ้มต่ำ มีสัมผัสจังหวะราวกับตาน้ำที่ผุดไหลอยู่ในหุบเขาเงียบสงบ
มันคือเพลงวันเกิดอันแสนโบราณ
ปีก่อน ชิงหว่านก็ร้องเพลงนี้
เมื่อหวนกลับมาสดับฟัง หันกลับไปมองภาพต่าง ๆ ที่ประสบมาในช่วงปีนี้ ความรู้สึกที่แตกต่างก็ไหลสู่ใจของซูอี้
จนกระทั่งเพลงวันเกิดจบลง
จู่ ๆ ซูอี้ก็สัมผัสบางอย่างได้ในใจ เงยหน้าพรวดขึ้นจากบนเก้าอี้หวาย
บนนภาราตรีไกลออกไป เกิดบรรยากาศคุกรุ่นพลุ่งพล่านไปทั่ว อากาศสดชื่นหดหาย ปราณหยินขมุกขมัวปรากฏ และเมื่อหยินหยางสัมผัส ภาพที่เกิดลึกเข้าไปในท้องฟ้าราตรีจึงช่างอลหม่าน
ทันใดนั้นก็บังเกิดเสียงอสนีบาตฟาดแรงจากห้วงลึกในนภา
บรรยากาศคล้ายพายุฝนฟ้าคะนองตามปกติ ทว่ายามเมื่อเสียงอสนีบาตกระทบโสตซูอี้ เสียงอู้อี้นั้นกลับเป็นเสียงคำรามจากการปะทะเปลี่ยนผันของอำนาจบนสรวง
“สวรรค์แปรพิภพเปลี่ยน สรรพสิ่งฟื้นคืน”
แววตาของซูอี้ลึกล้ำ “ในกาลก่อน มหาทวีปคังชิงก็เริ่มขึ้นจากวันเช่นนี้ ปราณหยางแพร่กำจาย ชีวิตชีวาผลิบาน สรรพสิ่งเติบใหญ่ ทว่าคราวนี้…”
เปรี้ยง!
เสียงอสนีบาตกัมปนาทสะท้านเก้าชั้นฟ้า
หัวใจวิถีของซูอี้ซึ่งแข็งแกร่งดั่งหิน สว่างใสดั่งกระจกสั่นไหวขึ้นมาในยามนี้
ในขณะเดียวกัน เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงในตันเถียนเปิดทวารของเขาเองก็สั่นไหวเล็กน้อยราวตื่นเต้นยินดี และโหยหาบางสิ่ง
สีหน้าของซูอี้เปลี่ยนเป็นคลุมเครือ “วันจิงเจ๋อ*[1] ครานี้ แตกต่างจากแต่ก่อนจริงแท้…”
“สหายเต๋า มันเกิดอันใดขึ้นหรือ?”
เกิดเสียงดังมาจากไกล ๆ และหนิงซือฮวา อิงเชวีย หยวนเหิง เหวินหลิงเสวี่ย และพวกฉาจิ่นต่างมาหาเขาโดยพร้อมเพรียง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเปลี่ยนแปลงกะทันหันที่เหนือขึ้นไปบนฟ้าก็ทำให้พวกเขาตกใจเช่นกัน
“นี่คือโอกาสอันดี”
ซูอี้ยืนขึ้น เก็บเก้าอี้หวายพลางกวาดตามองไปไกลจากทุกคน กล่าวว่า “มันดีสำหรับพวกเจ้า และทุกชีวิตบนมหาทวีปคังชิงก็เช่นกัน”
“ไปกันเถิด ออกสู่โลกภายนอกกัน”
เขาใช้หนึ่งมือคว้าน้ำเต้า และก้าวฉับ ๆ ไปทางหอเซียนดาบ
แม้ว่าคนอื่น ๆ ต่างอับจนปัญญา แต่พวกเขาก็ก้าวตามซูอี้โดยไม่รู้ตน
…
ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนอันอลหม่าน
เวิ้งเก้าดารา
บนพฤกษาโบราณซึ่งดูไร้ขอบเขต สูงตระหง่านปกคลุมด้วยซากดาราแน่นขนัด หนึ่งในกิ่งก้านอันมโหฬารเยี่ยงขุนเขาพลันระเบิดเปรี้ยงแตกออก
แคร่ก!!
เสียงดังลั่นสั่นสะเทือนไปในสุญญะอันกว้างใหญ่
ยามนั้น โลกทั้งใบดูราวสั่นสะเทือนเลือนลั่น
“อาคัง แย่แล้ว! แย่แล้ว!”
นกกระจอกสีเทาตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาตะโกนอย่างร้อนใจ “กิ่งต้นคังชิงแตก หรือนี่จะหมายความว่าต้นกำเนิดแห่งคังชิงจะถูกทำลาย? พังทลายโดยสมบูรณ์หรือไม่?”
“อย่าแตกตื่นเลย นี่คือสิ่งที่ถูกกำหนดให้เกิดมาแสนนาน”
เสียงอันเย็นชากังวานขึ้น และบนพฤกษาโบราณที่เต็มไปด้วยซากดารา เมฆหมอกสีเขียวก็ก่อตัวกันควบรวมเป็นเงาร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง
หญิงสาวสวมกระโปรงที่ดูราวเมฆหมอก ใบหน้างามของนางปรากฏท่ามกลางหมอกจาง ๆ เผยเท้าหยกเปลือยเปล่า
ยามเมื่อนางยืนขึ้น ร่างที่เหมือนวงล้อน้ำแข็งกลม ๆ ใส ๆ ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังนาง
นั่นคือ ‘อาคัง’ จิตวิญญาณน้ำแข็งผู้เกิดขึ้นในที่นี้
“แต่การเคลื่อนไหวนี้ใหญ่เกินไปนะ!”
นกกระจอกสีเทาตะโกน ดูตื่นตัวอย่างยิ่ง
“เจ้าและข้าต่างคาดไว้แสนนานว่าต้นกำเนิดแห่งคังชินจะพังทลาย กลายเป็นพลังชีวิตแก่มหาวิถีไร้สิ้นสุด และป้อนกลับสู่มหาทวีปคังชิง ปลุกกระตุ้นแสงสว่างแห่งโลกกว้างขึ้นมา”
อาคังกระซิบ “แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงปัจจุบันจะเกินคาดหมาย ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แค่ว่ามันทำให้แสงสว่างแห่งโลกกว้างมาเยือนเร็วขึ้นเท่านั้น”
“เร็วขึ้น…”
นกกระจอกสีเทาอึ้งไป ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา “จริงของเจ้า สันหลังของต้นกำเนิดแห่งคังชินพังทลายลงสิ้น แสงสว่างแห่งโลกกว้างจะไม่ปรากฏก่อนเวลาได้เช่นไร?”
“อย่างมากก็สามเตือน ต้นกำเนิดแห่งคังชินจะสลายไปโดยสมบูรณ์แน่ และทุกอำนาจที่มันครอบครองจะถูกป้อนกลับสู่มหาทวีปคังชิง”
อาคังกล่าว “และเราก็ควรเตรียมการจากที่นี่ไปก่อนเลย”
นกกระจอกสีเทาเงียบไปนาน จึงพึมพำว่า “หากข้ารู้เรื่องนี้ก่อน ข้าก็ไม่น่าให้เจ้าหนุ่มซูอี้นั่นนำเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงไปเลย!”
อาคังอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “นกกระจอกน้อย อย่าโกรธเลย เราควรรู้สึกขอบคุณต่อสหายเต๋าซูด้วยซ้ำ”
เมื่อกล่าวจบ นางก็เงยหน้ามองมหาพฤกษาโบราณที่ปกคลุมด้วยซากดาราซึ่งบัดนี้แตกเป็นเสี่ยง กล่าวว่า “ยิ่งกว่านั้น ขอเพียงเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงยังคงอยู่ในภายหน้า มหาทวีปคังชิงนี้จะยังมีหวังยั่งยืนชั่วกาลได้…”
…
นอกเกาะเซียนพระสุเมรุ เหนือถ้ำอุกกาบาตอันใหญ่โตไร้ขอบเขต
จู่ ๆ หมอกอัปมงคลก็รวมตัวบิดวน กลายเป็นดวงตาอันเย็นชาไร้อารมณ์คู่หนึ่ง
ดวงตาคู่นั้นค่อย ๆ มองลึกเข้าไปในท้องฟ้า
ไม่นานจากนั้น เสียงแหบแห้งอันเปี่ยมความตื่นเต้นก็ก้องออกมาจากลึกเข้าไปในหุบเหวซากดารา
“ต้นกำเนิดแห่งคังชินนี้ สุดท้ายก็รอดได้ไม่นาน!”
“ยามใดที่ข้าผู้นี้พ้นอุปสรรค ข้าจะบี้มดนั่นและชิงเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงคืนมา!”
…
ต้าเซี่ย นครหลวงจิ๋วติ่ง
ยอดเขาเทียนหมาง
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยในชุดคลุมผ้ามองขึ้นไปบนนภาราตรี สีหน้าของเขาไม่อาจสะกดกลั้นความตะลึงระคนกังวลเอาไว้ได้
“โลกาเปลี่ยนผัน สวรรค์เปลี่ยนแปร กระทั่งแสงสว่างแห่งโลกกว้างยังมาเร็วขึ้นอีก…”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยพึมพำ
แต่เดิม เขาคาดเดาว่าแสงสว่างแห่งโลกกว้างจะมาในอีกราว ๆ ครึ่งปีถัดมา
ทว่า การเปลี่ยนแปลงกะทันหันซึ่งเกิดในคืนนี้ จู่ ๆ ก็เร่งเวลาไปด้านหน้า!
“ฝ่าบาท สิ่งที่ขาดหายจะเปลี่ยนแปร การเปลี่ยนแปรจะผันผ่าน สำหรับเรา การเปลี่ยนแปรคืนนี้ก็นับเป็นวาสนาได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
เวิงจิ่วที่อยู่ข้างกายกล่าวเสียงต่ำ
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยพยักหน้าเงียบ ๆ แววตาฉายประกายเด็ดเดี่ยว ก่อนกล่าวว่า “ไปเปิดค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน เสี่ยงวาสนาคืนนี้เลย!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เวิงจิ่วรีบนำทาง
…
ณ แดนบรรพชนแห่งตระกูลหวนเผ่ามาร
คืนเดียวกันนั้น ชายชราผู้หนึ่งในชุดผ้ากระสอบยืนเท้าเปล่าบนพื้นด้วยแววตาสุดปรีดา เขามองขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะดังลั่น
“ฮ่า ๆๆ โชคใหญ่คืนนี้มากพอจะเพิ่มผู้อยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณให้ตระกูลเราได้อีกสองสามคนเชียว!!”
เสียงของเขาสะท้านไปทั่วท้องฟ้ารัตติกาลจนเกิดเสียงครืนแผ่ออก
ยอดฝีมือจากตระกูลหวนซึ่งตื่นตัวกันอยู่นานต่างแสดงความตื่นเต้น
สัญญาณของการฟื้นตัวของฟ้าดินเกิดขึ้นหลายเดือนแล้ว ทำให้มหาทวีปคังชิงเปลี่ยนแปลงมากมาย ต่างจากในอดีตมากโข
ทว่าการเปลี่ยนแปลงในคืนนี้น่าอัศจรรย์ที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย!
เหนือนภาดูจะมีคลื่นมหาวิถีระเบิดพวยพุ่งลงมา แข็งแกร่งและอลหม่าน!
อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณเลย กระทั่งผู้ฝึกตนในขอบเขตไร้เบญจธัญยังสัมผัสได้ชัดเจนถึงปราณอันเข้มข้นที่ผุดออกมาจากลึก ๆ ในท้องนภามืดมิด!
“เร็วเข้า เตรียมค่ายกลใหญ่ รวบรวมพลังที่มาแห่งวิถี!”
ชายชราเปลือยเท้าในชุดผ้ากระสอบตะโกน
ภาพที่คล้ายคลึงกันดังกล่าวเกิดขึ้นในหมู่ขุมอำนาจโบราณต่าง ๆ ในมหาทวีปคังชิงเช่นกัน
เช่นสำนักวิถีสุญญะ โถงวิญญาณหยินทมิฬและสำนักผลาญตะวันเป็นต้น
ขุมอำนาจโบราณอายุขั้นต่ำสามหมื่นปีเหล่านี้เคยเป็นขุมอำนาจสูงสุดในมหาทวีปคังชิงมาก่อน แม้พวกเขาจะถูกปราบลงโดยการจองจำแห่งยุคมืดเป็นเวลาสามหมื่นปี จนอำนาจโดยรวมของพวกเขายากเปรียบเทียบกับแต่เก่าก่อน ทว่าพวกเขายังคงมีรากฐาน!
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นคืนนี้ ทำให้เหล่าขุมอำนาจโบราณเหล่านี้ประพฤติตนราวฉลามได้กลิ่นโลหิต
…
เฉกเช่นกัน โลกนี้มีขุมอำนาจจากต่างโลกอยู่มากมาย พวกเขาต่างออกมาเคลื่อนไหวในคืนนี้เพื่อแย่งชิงวาสนาใหญ่ซึ่งดูราวฟ้าประทานนี้กันทั้งสิ้น!
“อาจารย์ ท่านมองอันใดอยู่?”
ในโลกลี้ลับแห่งหนึ่ง ฉือเจี่ยนซู่มองไปที่ชายชราตาบอดอย่างเคลือบแคลง
“สวรรค์แปรเปลี่ยน… ไม่ถึงสามเดือน แสงสว่างแห่งโลกกว้างจะมาถึงเป็นแน่ แต่ในขณะเดียวกัน ความวุ่นวายและหายนะที่ไม่เคยเกิดมาก่อนจะกวาดผ่านโลกา…”
ชายชราตาบอดพึมพำ สีหน้าของเขาดูไม่แน่ใจ “สาวน้อย ช่วยข้าจับตามองข่าวช่วงนี้ของคุณชายซูที”
“ซูอี้?” ฉือเจี่ยนซู่ตกใจ “อาจารย์ นี่เกี่ยวพันอันใดหรือ?”
ชายชราตาบอดส่ายหน้ากล่าว “แม้แต่ข้ายังไม่อาจเข้าใจ บอกเจ้าไปก็เท่านั้น มีเพียงเทพเซียนเยี่ยงคุณชายซูเท่านั้นจะเข้าใจปริศนาเช่นนี้”
ฉือเจี่ยนซู่ “…”
อาจารย์ของนางดีทุกอย่าง แต่ขอเพียงกล่าวถึงซูอี้ เขาจะกลายเป็นราวคนคลั่งศาสนา ทั้งกิริยาวาจาต่างเปี่ยมด้วยความเลื่อมใสแทบคลั่งไคล้หน้ามืดตามัว สิ่งนี้ทำให้ฉือเจี่ยนซู่สงสัยอยู่เสมอ ไม่ว่าซูอี้จะร้ายกาจเพียงไร แต่เขาก็ยังคงเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์ เหตุใดอาจารย์จึงเคารพเขานัก?
…
“บัดซบเอ๊ย การเปลี่ยนแปลงนี้มาไวไปแล้ว!”
บนชายฝั่งทะเลบูรพาแห่งต้าฉิน นักพรตเฒ่าในชุดโสโครกร่างสั่นเทิ้มทั้งกายด้วยสีหน้ามืดหม่น
“ไม่ได้แล้ว ข้าไม่อาจลังเลได้อีก ต้องไปพบเจ้าคนแซ่ซูให้เร็วที่สุด! หาไม่ หากข้าพลาดแสงสว่างแห่งโลกกว้างครานี้ไป ข้าจะจบสิ้นโดยแท้จริง!!”
เนิ่นนานจากนั้น นักพรตเฒ่าก็กัดฟันขยับขา เร่งเดินทางสู่ทะเลวิญญาณโกลาหลไกลออกไป
[1] วันจิงเจ๋อ หรือ 惊蛰之日 คือวันตื่นของแมลงจำศีล มักจะเกิดในช่วง 5 มีนาคมถึง 20 มีนาคม