บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 660 ราวกับเทพเซียน
ตอนที่ 660: ราวกับเทพเซียน
ตอนที่ 660: ราวกับเทพเซียน
เมื่อก่อนหน้านี้ สะเก็ดแสงมหาวิถีสาดส่อง สว่างเจิดจ้าราวกับกลางวัน
ทว่าเวลานี้ ผืนแผ่นฟ้าถูกเมฆามหาภัยพิบัติลูกใหญ่บดทับ มืดมิดอึมครึม
บนทะเลวิญญาณโกลาหลคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายมหาภัยพิบัติล้างผลาญที่สร้างแรงกดดันยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ว่าใครก็รู้ว่าเมื่อมหาภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้อุบัติขึ้น จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่!
“ตอนที่ข้าย่างสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่พบเจอไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คุณชายซูพบเจอเช่นนี้”
ภายในหอเซียนดาบ อิงเชวียสูดปากด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“แตกต่างกันมากเลยหรือ?”
หยวนเหิงอดถามขึ้นมาไม่ได้
อิงเชวียนิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงตอบน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้มหาภัยพิบัติฟ้ายังไม่อุบัติ แต่พูดถึงเพียงแค่กลิ่นอาย มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่คุณชายซูพบเจอรุนแรงยิ่งกว่ามหาภัยพิบัติที่ข้าพบเจอในตอนนั้นร้อยเท่าพันเท่า!”
ทุกคนต่างก็ตะลึง
อิงเชวียมาจากสายเลือดมังกรเกล็ดดำ พื้นฐานและพรสวรรค์นั้นแกร่งไร้ผู้ใดเทียม เหนือกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปในโลกหล้า
เช่นเดียวกัน ในฐานะที่เขาเป็นมังกรเทียม มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่ประสบพบเจอนั้นจึงน่ากลัวเกินกว่าจะคาดเดา
ทว่าเวลานี้ อิงเชวียกลับบอกว่าเพียงแค่กลิ่นอายของมหาภัยพิบัติใหญ่ มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่ซูอี้ประสบพบเจอกับรุนแรงยิ่งกว่าที่เขาพบเจอถึงร้อยเท่าพันเท่า!
ได้ยินเช่นนี้แล้วจะไม่ให้ตระหนกได้อย่างไร?
“พี่ซูอี้จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”
เหวินหลิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก กล่าวด้วยสีหน้าหนักแน่น
“เรื่องนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ในโลกนี้ยังไม่เคยมีพลังอันใดสามารถยับยั้งฝีเท้าของนายท่านได้!”
หยวนเหิงกล่าวแบบไม่ต้องคิดมาก
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน เชื่อมันว่าต้องเป็นเช่นนั้น
…
“นี่เป็นมหาภัยพิบัติใหญ่อันใดกัน?”
บนผิวทะเลที่ไกลโพ้น นักพรตเฒ่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมมผ่านมา เมื่อมองเห็นเมฆามหาภัยพิบัติที่รวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าทางนั้นแล้ว ถึงกับส่งเสียงร้องอุทานออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
โดยจิตใต้สำนึก นักพรตเฒ่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมมเร่งหลีกห่างน่านน้ำทะเลที่ถูกเมฆามหาภัยพิบัติครอบคลุมทันที
กลางอากาศ ซูอี้สังเกตเห็นนักพรตเฒ่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมม เพียงแค่แวบเดียวก็จำได้ว่า เขาคือนักพรตเฒ่าที่เคยคิดจะเที่ยวสำราญไม่จ่ายเงินที่หอโคมเขียว ณ นครหลวงจิ๋วติ่งแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย
เฒ่าบอดเคยกล่าวไว้ว่า ประวัติความเป็นมาของนักพรตมอมแมมคนนี้มีพิรุธ บนตัวแฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายทะเลทุกข์ สงสัยว่าคงจะเคยบุกเข้าไปใน ‘ทะเลทุกข์’ ซึ่งเป็นดินแดนชั่วร้ายอันมืดมิด
อีกทั้ง เฒ่าตาบอดยังเคยบอกอีกว่า นักพรตเฒ่ามอมแมมคนนี้ยังเคยใช้สมบัติล้ำค่าพยากรณ์ชะตาชีวิตของซูอี้ แต่ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่พยากรณ์ไม่ออกเท่านั้น สมบัติล้ำค่าในมือพรตเฒ่ามอมแมมยังถูกทำลายไปด้วย
เพียงแต่ว่า เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าขณะที่ตัวเองใกล้จะเจอมหาภัยพิบัติใหญ่ นักพรตเฒ่ามอมแมมที่มีประวัติความเป็นมามีพิรุธคนนี้จะปรากฏตัวขึ้น
“เป็นมิตรหรือศัตรู?”
ซูอี้ถามออกมาตรง ๆ
บนผิวทะเลที่ไกลโพ้น นักพรตเฒ่ามอมแมมรีบโบกมือ “สหายเต๋าจงตั้งใจผ่านเคราะห์มหาภัยพิบัติ ข้าไม่ใช่ศัตรูอย่างแน่นอน!”
ซูอี้ร้องอ้อ แล้วไม่สนใจอีก
นักพรตเฒ่ามอมแมมแอบโล่งอก จากนั้นเบนสายตามองไปที่ร่างสูงโปร่งที่ลอยอยู่กลางอากาศของซูอี้ด้วยสีหน้านิ่งตะลึงราวกับกำลังย้อนความทรงจำอะไรบางอย่าง
ครืน!!!
ฉับพลัน เสียงฟ้าร้องที่สั่งสมกำลังเสียงมานานมากแล้วก็ดังขึ้น สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วแผ่นฟ้าในรอบระยะพันลี้
ด้านบนของตัวซูอี้ เมฆามหาภัยพิบัติหนาแน่นที่รวมตัวกันอย่างไร้สุ้มไร้เสียงพลันเกิดความผันผวนขึ้น แสงสายฟ้าบาดตาน่ากลัวปรากฏขึ้นเลือนราง
ซูอี้มีสีหน้าราบเรียบ จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมหาภัยพิบัติเคราะห์ที่รุนแรงถึงขั้นทำลายล้างนั้นด้วยจิตใจที่เงียบสงบ
“ครั้งนั้น ตอนที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์เยี่ยนซู่นีแห่ง ‘แดนลี้ลับขั้นเก้า’ ของมหาแดนดินแสวงวิถีสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ความรุนแรงของมหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่ประสบพบเจอนั้นเกินกว่าที่เคยเจอะเจอในใต้หล้า ว่ากันว่าเป็นมหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่มีความรุนแรงมากที่สุดในช่วงสามหมื่นปี สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนมากมายไม่รู้เท่าใดต่อเท่าใด”
“แต่เมื่อเทียบกับมหาภัยพิบัติใหญ่ตรงหน้าในครั้งนี้แล้ว อย่างไรเสียก็ยังด้อยกว่ามาก”
“หากพูดถึงความรุนแรงของพลังอานุภาพ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของเก้ามหาแดนดิน ไม่มีมหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณครั้งไหนสามารถเทียบเคียงกับตอนนี้ได้”
รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของซูอี้
รอยยิ้มนั้นช่างเบิกบานถึงเพียงนี้ ยินดีถึงเพียงนี้ ภูมิใจถึงเพียงนี้
มีแต่มหาภัยพิบัติยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสมกับที่เขากลับชาติมาฝึกตนอีกครั้ง!
บนท้องฟ้า ฟ้าแลบฟ้าร้อง สุดท้ายเมฆามหาภัยพิบัติอันน่ากลัวที่ครอบคลุมไปทั่วบริเวณพันลี้ก็อุบัติขึ้น
ชั่วขณะนั้นเอง
บนทะเลแปรเปลี่ยนวิญญาณอันไร้ขอบเขต สิ่งมีชีวิตและสัตว์อสูรทั้งหมดต่างพากันคืบคลานด้วยความหวาดกลัว ตัวสั่นระริก ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่แอะเดียว
แม้กระทั่งพวกของหนิงซือฮวาที่ซ่อนตัวอยู่ในหอเซียนดาบก็ยังรู้สึกกดดัน สั่นระริกตั้งแต่วิญญาณจนถึงร่างกาย
พวกเขารู้สึกเพียงแต่ว่าวันสุดท้ายของโลกกำลังจะมาถึงแล้ว!
ครืน!
เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปถึงสวรรค์ชั้นเก้า สายฟ้าแลบส่องสว่างไปทั่วปฐพี
เมฆามหาภัยพิบัติสีดำหนาแน่นถูกแยกตัวออกจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าส่วนลึกของมหาภัยพิบัติเมฆมีเมฆาที่เดือดพล่านกำลังฟาดลงมาอย่างไม่ยั้ง
เคราะห์มหาภัยพิบัติหายากในโลกกว้างหลายสิบประเภท เช่น เทพอัสนีพิฆาตวิญญาณ เทพอัสนีท่วมฟ้า เทพอัสนีแปดวายุ เทพอัสนีกำราบ เทพอัสนีดูดต้นกำเนิด และอื่น ๆ กำลังส่องแสงสว่างวาบท่ามกลางก้อนเมฆ
เทพอัสนีแต่ละประเภทเป็นตัวแทนของพลังในแบบฉบับทำลายล้างฟ้าดิน เมื่อฟาดลงมาก็สามารถทำให้ทุกสิ่งในระยะร้อยลี้ระเบิดแหลกเป็นผุยผง
“เช่นนี้… ใช่มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่ไหนกัน แม้แต่มหาภัยพิบัติใหญ่ขอบเขตสยายวิญญาณก็ยังไม่น่ากลัวเท่านี้เลย!!”
บนน่านทะเลที่ไกลออกไป นักพรตเฒ่ามอมแมมตกใจจนตัวสั่น หน้าถอดสี
มีแต่เพียงซูอี้คนเดียวเท่านั้นที่ยืนมือไพล่หลัง แหงนมองท้องฟ้า
ครืน!
ตามเสียงระเบิดที่เกิดขึ้น กลางอากาศที่ไกลออกไปหมื่นจั้ง สายฟ้าฟาดขนาดใหญ่เท่าเสาส่งเสียงคำรามลงมาจากท้องฟ้า
โดยทั่วไปแล้ว เมฆามหาภัยพิบัติขั้นที่หนึ่งของมหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณมักจะอ่อนแรงที่สุด
ทว่าแสงสายฟ้าตรงหน้าซูอี้ลำนี้ มีขนาดใหญ่ถึงขั้นต้องใช้คนหลายคนโอบกอด ประกายแสงสีม่วงระยิบระยับนั้นส่องสว่างไปทั่วทะเลวิญญาณโกลาหล
อานุภาพรุนแรงมาก!
“สวรรค์”
อิงเชวียตกใจจนร้องอุทานเสียงหลงออกมา
เพียงแค่เมฆามหาภัยพิบัติแรก พลังอานุภาพก็เหนือกว่ามหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่เขาประสบพบเจอในตอนนั้นแล้ว รุนแรงถึงขั้นให้เขาในตอนนี้ซึ่งมีระดับการฝึกในขอบเขตสยายวิญญาณแล้วก็ยังอาจจะต้านทานไม่อยู่
หากตอนนั้นเขาต้องเจอกับมหาภัยพิบัติเคราะห์เช่นนี้ โดนสายฟ้าลำแรกไปก็คงจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว!
“มาได้จังหวะ!”
ซูอี้ไม่ลังเลชักช้าอีกต่อไป จากนั้นจึงพุ่งตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยไม่มีสิ่งใดบดบัง ใช้ร่างกายรับอัสนีมหาภัยพิบัติโดยตรง
ชุดยาวสีเขียวของเขาโบกสะบัด ผมสยาย ปลดปล่อยพลังในตัวเต็มที่ แสดงให้เห็นความระห่ำ แตกต่างไปจากซูอี้ผู้ราบเรียบคนเดิม
ดุจดาบเล่มงามที่ถูกปิดผนึกนานนับหมื่นปี เวลานี้ได้ออกจากฝักแล้ว!
ปัง! ปัง! ปัง!
แสงสายฟ้าสีม่วงที่น่ากลัวฟาดลงบนตัวของซูอี้ สายฟ้าเส้นเล็ก ๆ เส้นแล้วเส้นเล่าฟาดทั่วทุกอณูผิวของซูอี้ เอ็นกระดูกกล้ามเนื้อแต่ละชิ้นขยับเขยื้อน จากภายในถึงภายนอก ปลดปล่อยกลิ่นอายทำลายล้างที่น่ากลัวอย่างที่สุดออกมา
ซูอี้ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักครั้ง ถือโอกาสนี้ผลักดันระดับการฝึกตนในตัวอย่างเต็มที่
มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณ มีทั้งอันตรายและโอกาส
ซึ่งสามารถใช้หล่อเลี้ยงหลักวิถีฟ้าดิน อีกทั้งยังนำไปใช้ในการฝึกฝนร่างกายและขัดเกลาระดับวิถี
สาเหตุที่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ก็เพราะว่าเคยถูกมหาภัยพิบัติเมฆาชะล้างฝึกฝน หากไม่ผ่านมหาภัยพิบัติเมฆา ระดับวิถีในตัวก็จะไม่อาจก้าวสู่ขั้นวิถีวิญญาณได้อย่างแท้จริง
ครืน!
รอบตัวซูอี้ แสงวิถีเบญจธาตุส่องสว่าง หยินกับหยางประสานสอดคล้อง กลายเป็นวงล้อแสงมหาวิถีอันเรืองรอง ภายในมีพลังแห่งอัสนีวายุหมุนวนราวกับเกลียวคลื่น
ตามการขับเคลื่อนของวงล้อแสงมหาวิถี มหาภัยพิบัติเมฆาสีม่วงที่ฟาดใส่ตัวเหล่านั้นราวกับโดนครกบดขยี้ทับ บ้างถูกต้านทานจนสลายไป
บ้างถูกเกลียวคลื่นอัสนีวายุภายในวงล้อมหาวิถีดูดซับ
จนท้ายสุด…
เอื๊อก! เอื๊อก!
ก็เห็นควันสีดำเป็นเส้น ๆ ผุดออกมาจากร่างของซูอี้ ราวกับมังกร นี่คือปราณขุ่นที่หลงเหลืออยู่ในร่างผู้ฝึกตนที่ฝึกตนอยู่ในโลกมานาน เวลานี้ได้รับการขัดหลอมจากพลังเมฆามหาภัยพิบัติแล้วจึงถูกระบายออกมาจนหมด
ร่างของซูอี้นิ่งส่องประกายระยิบระยับพร่างพราวมากขึ้น เปรียบดังเพชรใสเม็ดงาม
“เพียงเท่านี้ก็ต้านทานได้แล้ว!?” นักพรตเฒ่ามอมแมมอ้าปากตาค้าง
ไม่ได้รับบาดเจ็บจนเนื้อฉีกเลือดสาด ไม่มีอาการคลุ้มคลั่งในการต้านทาน ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูอี้แลดูสบายตัวสบายใจ สลายมหาภัยพิบัติอัสนีแรกได้อย่างง่ายดาย!
นักพรตเฒ่ามอมแมมไหนเลยจะรู้ว่า หลายเดือนก่อนซูอี้ได้ฝึกฝนระดับวิถีในตัวกับขอบเขตใหม่จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว
ด้วยพลังแห่ง ‘เมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้ว’ ที่เขาสกัดได้จากหนทางวิถีต้นกำเนิด ขอบเขตในตอนนี้ก็สามารถฆ่าผู้ฝึกตนขอบเขตสยายวิญญาณได้แล้ว นับประสาอะไรกับผ่านพ้นวิถีแห่งแปรเปลี่ยนวิญญาณระดับแรกเช่นนี้?
ครืน! ครืน!
สายฟ้าอัสนีเก้าวิถีลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็ว
นี่คือมหาภัยพิบัติอัสนีลำดับสอง สายฟ้าใหญ่และรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
จนสุดท้าย แทบจะกลายเป็นเสาแสงสีเงินสว่างทั้งเสา น่ากลัวยิ่งนัก น่ากลัวยิ่งกว่ามหาภัยพิบัติอัสนีแรกมาก
ซูอี้ไม่ถอยหลบ เขายืนสง่าอยู่กลางอากาศ ใช้ร่างกายรับโดยตรง!
แสงอัสนีเฉิดฉายเป็นประกาย เสียงดังครืน ๆ กึกก้องไปทั่วฟ้า
วงล้อแสงมหาวิถีรอบตัวซูอี้ขับเคลื่อน ทำลายเทพอัสนีสีเงินทั้งเก้าจนสิ้น
ทว่าตัวเขากลับไม่มีร่อยรอยบุบสลายแต่อย่างใด!
ทุกอย่างเงียบสงัด
“ให้ตายสิ… น่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง?”
นักพรตเฒ่ามอมแมมถึงกับตาค้างจนแทบกระโดด
ผู้ฝึกตนแต่ละคนเจอมหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่ไม่เหมือนกัน
มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่ร้ายกาจ เพียงพอจะฆ่าผู้เก่งกาจเหล่านั้นให้ตายได้ ทำให้วิญญาณของเขาเหล่านั้นแตกซ่าน วิถีในร่างแตกสลาย
มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณที่น่ากลัวยิ่งกว่า ต่อให้ตระเตรียมทุกอย่างก่อนจะทำการผ่านพ้นมหาภัยพิบัติจนพร้อมสรรพ ยืมพลังจากค่ายกลปกป้อง หรือยืมพลังจากสมบัติล้ำค่า สุดท้ายโอกาสรอดก็มีเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น
นับแต่โบราณกาลจนถึงตอนนี้ มีผู้เก่งกล้าจำนวนไม่น้อยที่ต้องดับอนาถอยู่ในมหาภัยพิบัติใหญ่เช่นนี้ ผู้ที่สามารถผ่านพ้นมาได้มีน้อยยิ่งนัก พันคนยังไม่เจอสักคน
ทว่ามหาภัยพิบัติใหญ่ของซูอี้นั้นแตกต่างออกไป น่ากลัวจนถึงขั้นไม่อาจคาดคิดได้!
ให้มหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตสยายวิญญาณมาเห็นเข้า ก็ยังกลัวจนจิตผวา
ทว่าเวลาที่เขาผ่านพ้นมหาภัยพิบัติ กลับง่ายดายราวกับดื่มน้ำกินข้าว เป็นเรื่องที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน!
ครืน!
มหาภัยพิบัติอัสนียังคงไม่หยุดยั้ง กลับรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
ไม่นานนัก มหาภัยพิบัติอัสนีลำดับสามก็มาถึง มังกรสายฟ้าสายแล้วสายเล่าร้องคำราม ไหลร่วงลงมาจากเมฆามหาภัยพิบัติที่ห่างไกลออกไป มังกรสายฟ้าแต่ละตัวมีความยาวนับร้อยจั้ง ลำตัวส่งประกายแสงสีเขียวประดุจหยก
จนท้ายที่สุด มังกรสายฟ้าเก้าตัวก็รวมตัวเข้าด้วยกัน กลายเป็นแดนอัสนีสีเขียวราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์กระแทกตัวลงมาจากสวรรค์
พลังอานุภาพของการโจมตีนี้ รุนแรงยิ่งกว่ามหาภัยพิบัติอัสนีลำดับสองไม่รู้กี่เท่า!
และในเวลานี้เอง ซูอี้จึงแสดงสีหน้าลังเลสงสัยออกมา
แต่เขายังคงไม่ถอยหนี และใช้ตัวเข้ารับเช่นเดิม
ปัง!!!
ชั่วขณะที่ถูกเสาอัสนีสีเขียวกระแทกใส่ ร่างของเขาก็ถูกแสงอัสนีสีเขียวไร้ขอบเขตกลบกลืน
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ พวกของหนิงซือฮวาเห็นแล้วหัวใจของพวกเขาแทบหลุดกระเด็น หน้าถอดสีกันหมด
ทว่าไม่นานนัก พวกเขาก็เห็น จู่ ๆ แสงอัสนีสีเขียวที่คล้ายกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างแรง ฉับพลันเริ่มปรากฏรอยร้าวเป็นแนวยาวขนาดใหญ่ขึ้น…
จนท้ายที่สุด อัสนีมหาภัยพิบัติสีเขียวราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์ที่กดทับลงมานี้ก็ระเบิดและพังทลายลง
ร่างสูงโปร่งและสง่าร่างหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงอัสนีอันเจิดจ้า
วงล้อแสงมหาวิถีขับเคลื่อน ดูดซับและสกัดสะเก็ดแสงสายฟ้าที่สาดกระเซ็น ส่องสว่างจนท้องฟ้าในแถบนั้นเกิดเป็นสีสันสวยงาม
รับกับร่างของซูอี้ที่เปล่งประกายราวกับเทพเซียน!