บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 662 บรรลุขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ
ตอนที่ 662: บรรลุขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ
ตอนที่ 662: บรรลุขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ
นั่นมันแสงอะไรกัน?
ศักดิ์สิทธิ์ ไม่รู้จบสิ้น เป็นนิจนิรันดร์ ประหนึ่งการปรากฏของกฎสวรรค์ เฉพาะไอปราณที่เปล่งออกมานั้นก็ส่งผลให้ฟ้าดินผืนนี้ตกอยู่ในบรรยากาศชวนผวา!
“นี่… นี่มันคือสิ่งใด?”
นักพรตเฒ่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมมกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
ทันทีที่มหาภัยพิบัติสีขาวหิมะในส่วนลึกของหมู่เมฆปรากฏ ความรู้สึกกลัวอย่างอธิบายไม่ถูกได้ก่อตัวขึ้นในจิตใจของเขา
ไม่ใช่เพียงความหวาดกลัวที่มีต่อพลัง หากแต่ยังมีความยำเกรงที่มีต่อบารมีแห่งสวรรค์!
ไม่รู้สึกว่าจะมีความคิดต่อต้านเลยสักนิดเดียว!
“นี่คือพลังกฎเกณฑ์ที่ก่อตัวจากวิถีสวรรค์ เปรียบเสมือนสิ่งต้องห้าม บ่งบอกถึงบารมีสวรรค์ที่ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ในปฐพีนี้ไม่อาจต้านทาน”
ซูอี้เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
นาทีนี้ เขากลับสงบใจลง
เขารู้ดีว่าด้วยพลังของตัวเองในตอนนี้ ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลกก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของมหาภัยพิบัตินั้นได้
ต่อให้เป็นมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตวงล้อวิญญาณ หรือแม้กระทั่งจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ ก็ไม่อาจรอดตายไปได้!
มีเพียงขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำผู้ควบคุมอำนาจกฎเกณฑ์ที่เริ่มหล่อหลอมอวตารมหาวิถีแล้วเท่านั้น ที่มีโอกาสต่อกรกับมัน
พูดให้เข้าใจได้ก็ง่ายคือ เมื่อมหาภัยพิบัติเช่นนี้ปรากฏอยู่ใน ‘มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณ’ นั่นหมายความว่านี่ไม่ใช่มหาภัยพิบัติเพื่อทดสอบฝึกฝนผู้ฝึกตน
แต่เป็นการเข่นฆ่าที่เกิดขึ้นภายในกฎเกณฑ์สวรรค์!
ทว่าซูอี้หาได้แตกตื่นไม่
หลังจากใจเย็นลงแล้ว เขารู้สึกปลื้มปริ่มและเฝ้ารอด้วยซ้ำ
มหาภัยพิบัติปานนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการบ่งบอกว่าวิถีพลังที่เขาเลือกฝึกฝนใหม่ในชาตินี้ นอกจากจะเหนือกว่าตัวเองในชาติก่อนแล้ว ยังเหนือกว่าทุกผู้ฝึกตนที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์อีกด้วย
สมกับคำว่า มาก่อนกาล!
ขณะที่เขากำลังตรึกตรอง…
ตู้ม!
ในส่วนลึกของเมฆมหาภัยพิบัติบนนภา มหาภัยพิบัติสว่างเจิดจ้านั้นเคลื่อนไหว
ฟ้าดินผืนนี้สว่างขึ้นมาทันตา ราวกับเป็นเวลากลางวัน
ท้องฟ้าทั้งแปดทิศพลันถล่มลงมา ปราณฟ้าดินแห่งมหาภัยพิบัติอันดุดันประหนึ่งกาลอวสานแผ่ซ่านออกไปพันลี้ในอึดใจเดียว
และคล้อยหลังการจุติของมหาภัยพิบัตินั้น
พื้นที่มหาสมุทรไพศาลแห่งนี้โดนกดต่ำลงไปหลายสิบจั้ง!
นักพรตเฒ่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมมกรีดร้องเสียงแหลม หล่นลงไปในทะเลดังตู้ม พลังทั้งตัวของเขาถูกลมปราณแห่งมหาภัยพิบัติสุดสยองนั่นเข้าระงับ ขยับไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียว
และท่ามกลางซากปรักหักพังแห่งหอเซียนดาบ พวกหนิงซือฮวาหนาวเหน็บไปทั้งตัวราวกับตกลงไปในถังน้ำแข็ง ใกล้จะขาดอากาศหายใจเต็มที
จิตวิญญาณของทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังถูกฉีกกระชาก!
และคล้อยหลังการจุติลงมาของมหาภัยพิบัติซึ่งเปรียบดั่งเคียวมหาวิถี เปี่ยมไปด้วยบารมีแห่งสวรรค์ ไม่รู้จบสิ้นทั้งยังสว่างเรืองรอง…
ซูอี้ไม่ถอย!
ทว่าเขาก็ไม่ได้โง่ขนาดที่เข้าห้ำหั่นด้วยพลังของตัวเอง
อึดใจนี้ แขนเสื้อพลิ้วไสว เขาชูมือขวาขึ้นฉับพลัน หนีบนิ้วเข้าด้วยกันเป็นรูปดาบ
เร่งพลังถึงขีดสุด ก่อนจะผสานเข้ากับจิตวิญญาณ และสื่อสารกับพลังของดาบเก้าคุมขังด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
สีหน้าซูอี้ซีดเผือดลงจนแทบโปร่งแสงในพริบตาอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นี่เป็นครั้งแรกนับแต่เขากลับชาติใหม่ ที่ใช้ดาบเก้าคุมขังอย่างเต็มพลัง
โดยไม่กั๊กแต่อย่างใด!
เคร้ง!
ดาบเก้าคุมขังที่หลับใหลอยู่ในห้วงลึกสั่นสะท้าน โซ่เทวะเก้าชั้นที่พัวพันรอบดาบส่งเสียงกระแทกกระทั้นเสียดหู
หลังจากนั้น พลังลึกล้ำเร้นลับพวยพุ่งออกจากดาบเก้าคุมขัง หลั่งไหลรวมกันอยู่ที่ปลายนิ้วของซูอี้
พลังนี้ช่างหนักหนาสยดสยองเหลือเกิน แข็งแกร่งจนกายหยาบของซูอี้ชักแข็งทื่อเพราะต้านไม่ไหว
เขาไม่กล้าละล้าละลัง สูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเด็ดเดี่ยว
“ตัด!”
นิ้วมือซึ่งเปรียบดั่งคมดาบฟาดฟันออกไปกลางอากาศ
ฟึ่บ!
ปราณดาบสายหนึ่งทะลุออกมา ลึกลับเลือนราง พร่ามัวจนคล้ายไม่ใช่ความจริง ทว่าไอปราณที่แผ่ซ่านออกมานั้น กลับเปี่ยมไปด้วยความองอาจสูงส่งไม่มีสิ่งใดทัดเทียม
พริบตานั้น ฟ้าดินพลันกลับสู่ความสงบ
มหาสมุทรดุดัน ผืนฟ้าถล่ม คลื่นอากาศเดือดพล่าน ต่างอยู่ในสภาวะชะงักงัน
ราวกับภาพที่หยุดนิ่ง!
และพริบตานั้นเอง ปราณดาบสายนั้นทะยานขึ้นฟ้า ราวกับเลาะพันธนาการแห่งบรรพกาลออก กระโจนขึ้นไปด้วยท่าทีแกร่งกล้าไม่ยอมถอย
ปึง! ปึง! ปึง! ปึง!
ทุกที่ที่ไอดาบกวาดผ่าน
มหาภัยพิบัติขาวหิมะที่จุติลงจากสวรรค์ก็แหลกออกจากกัน กลายเป็นฝนแสงปลิดปลิวอันตรธาน…
โดยไม่อาจหยุดยั้ง!
ช่างเป็นภาพที่ชวนใจสะท้านเหลือเกิน
ราวกับดาบนี้ได้ตัดบารมีสวรรค์เกรียงไกรขาด ทลายกฎสวรรค์ บุกทะลวงจนได้มาซึ่งเส้นทางชีวิต!
และเมื่อไอดาบนี้ทะยานถึงนภา…
เมฆเคราะห์ซึ่งกระจายออกไปพันลี้บนท้องฟ้าพลันเกิดรอยร้าวเหยียดตรง และรอยร้าวนั้นคืบคลานออกไปจนถึงส่วนลึก
ราวกับท้องฟ้าผืนนั้นถูกดาบนี้ฟันเป็นรอยร้าว
ประหนึ่งหนึ่งดาบเปิดฟ้า!
จากนั้น…
ตู้ม!
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เมฆมหาภัยพิบัติท่วมฟ้าในคราแรกสลายตัว กระจายออกไปอย่างไร้ทิศทาง
กระจัดกระจายประหนึ่งคลื่นอากาศอันยุ่งเหยิง!
“นี่มัน…”
นักพรตเฒ่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมมที่เพิ่งกระเสือกกระสนขึ้นจากน้ำทะเลและพลังก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว บังเอิญได้เห็นภาพบันลือโลกนี้เข้าพอดี เขานิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม
ตัดมหาภัยพิบัติสวรรค์ได้ในดาบเดียวเลยหรือ!?
ภายในหอเซียนดาบ พวกหนิงซือฮวาทึ่งจนพูดสิ่งใดไม่ออก
มหาภัยพิบัติด่านสุดท้ายนั้นสูงส่งปานใด ศักดิ์สิทธิ์ปานใด ประดุจบารมีอันเป็นอมตะของสรวงสวรรค์
ทว่าท้ายที่สุด ซูอี้บดขยี้มหาภัยพิบัตินั้นได้ในดาบเดียว ทลายเมฆมหาภัยพิบัติจนสิ้น!
อย่างกับปฏิหาริย์!
‘ขอบคุณมาก’
ซูอี้พูดในใจ
จากนั้น ชายเสื้อเขาพลิ้วสะบัด ร่างสูงสง่าทะยานขึ้นไปบนนภา
รอบตัวของเขามีวงล้อประทีปมหาวิถีก่อเกิด หมุนวนประหนึ่งวังวนทรงกลม
ซ่า! ซ่า!
เมฆมหาภัยพิบัติท่วมฟ้าที่สลายตัวออกไป มหาภัยพิบัติพลุ่งพล่านดุดัน ล้วนหลั่งไหลไปหาซูอี้ประหนึ่งสรรพสิ่งกลับคืนสู่รากเหง้า
อาการบาดเจ็บของเขาหายเป็นปลิดทิ้งในพริบตา
ผิว กระดูก ข้อเอ็น เลือดเนื้อ อวัยวะภายใน จุดสกัด และเส้นลมปราณของเขาต่างเปล่งพลังชีวิตออกมาอย่างคับคั่ง
ผลการฝึก จิตวิญญาณ และกายหยาบของเขา พัฒนาปรับเปลี่ยนอย่างรุนแรง
สิ่งใดหรือคือแปรเปลี่ยนวิญญาณ?
ด้วยวิถีต้นกำเนิด แปรเปลี่ยนเป็นอารามวิญญาณมหาวิถี หลอมรวมมหาวิถี หล่อต้นกำเนิดวิญญาณ รู้แจ้งกำหนดสวรรค์ ธรรมชาติสำแดงฤทธิ์!
เมื่อบรรลุถึงขอบเขตนี้ จักก้าวสู่เส้นทางวิถีที่สูงส่งยิ่งขึ้น!
ตั้งแต่โบราณจวบจนปัจจุบัน เส้นทางวิถีนี้เรียกว่าวิถีวิญญาณ
ผู้ที่ก้าวสู่เส้นทางนี้เรียกว่ามหาปราชญ์สวรรค์!
พลังทะยานสวรรค์ชั้นเก้า เรียกลมเรียกฝน จิตวิญญาณแยกจากร่างออกไปท่องโลกกว้าง อายุขัยสามพันปี กายหยาบไม่เกรงกลัวมหาภัยพิบัติวาโยอัคคี
สามารถผสานวิญญาณกับวิถีธรรม สามารถขัดเกลาสมบัติวิชา สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน!
ขอบเขตนี้แล เรียกว่าแปรเปลี่ยนวิญญาณ!
และบัดนี้ พลังของซูอี้ก็ก้าวสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณท่ามกลางการดูดซับกลืนกินเมฆมหาภัยพิบัติ และแสงอัสนี
เปรียบดั่งการบรรลุวิวัฒนาการของชีวิต สร้างความเปลี่ยนแปลงราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้งจากภายในสู่ภายนอก
จนท้ายที่สุด พลังชีวิตมหาวิถีมหาศาลที่สั่งสมอยู่ท่ามกลางแสงอัสนีมหาภัยพิบัติมากมายหลั่งไหลสู่ตันเถียนของซูอี้ทั้งสิ้น
ที่นั่นมีอารามวิญญาณมหาวิถีลึกลับโอ่อ่าอยู่หนึ่งแห่ง ราวกับสร้างด้วยทองคำอมตะ เต็มไปด้วยประกายที่ดูเหมือนไม่มีวันดับสูญ
ไม่สึกไม่เคลื่อนนับหมื่นปี นับเป็นอารามวิญญาณมหาวิถี!
พลังในตัวซูอี้ทวีคูณในชั่วพริบตา ก่อนจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขึ้นที่จินตนาการไม่ออก
ไพศาลดุจนภา สูงส่งดุจสุริยันจันทรา คงกระพันดั่งปฐพี
จนท้ายที่สุด ท้องฟ้ากลับสู่ความสงบ
ซูอี้ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น เปล่งประกายวิถีสีใสเจิดจรัส ราวกับจุดศูนย์กลางของโลกใบนี้ คลับคล้ายว่าฟ้าดินผืนนี้ต้องสยบให้
นักพรตเฒ่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมมเงยหน้า รู้สึกเหมือนตนนั้นกำลังมองจ้องเทพตนหนึ่งอยู่!
“วันนี้ ในที่สุดข้าก็แปรเปลี่ยนวิญญาณแล้ว”
ซูอี้อุทานเบา ๆ
เสียงอุทานนี้เจือไปด้วยความพึงใจ ความปลื้มปริ่ม และความปีติ
“ยินดีกับสหายเต๋าด้วย!”
“ยินดีด้วยพี่ซูอี้!”
“ยินดีด้วยคุณชาย!”
“ยินดีด้วย!”
“ยินดีกับนายท่านด้วย!”
พวกหนิงซือฮวาพุ่งออกจากหอเซียนดาบในทันที และเมื่อได้เห็นร่างตระหง่านของซูอี้ ต่างก็ตื้นตันและส่งเสียงยินดี
คำเรียกขานแตกต่างกันไป ทว่าสีหน้าทุกคนล้วนเผยความยินดี เต็มตื้น หรือแม้กระทั่งนับถือและยำเกรง
กระทั่งอสูรสิงโตทองคำที่ซูอี้จับมาเฝ้าหุบเขายังคำนับกราบกรานอย่างอดไม่ได้
คืนนี้ เริ่มจากแสงฝนมหาวิถีจุติลงมาอย่างไม่คาดคิด ราวกับดาวตก เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่
ทว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เทียบไม่ได้กับความสะท้านใจที่ภาพการผ่านมหาภัยพิบัติของซูอี้ชวนรู้สึกเลย
จวบจนนาทีนี้ เมื่อเห็นซูอี้ผ่านมหาภัยพิบัติสำเร็จ ก้าวสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ในคราเดียว ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนฝันไป
นั่นเพราะมหาภัยพิบัติใหญ่นี้น่ากลัวเหลือเกิน!
กระทั่งปีศาจขอบเขตสยายวิญญาณอย่างอิงเชวียก็ยังตกใจไม่น้อย และรู้ดีว่าหากเป็นตน ไม่รู้ว่าโดนถล่มสังหารไปกี่คราต่อกี่คราแล้ว!
ทว่าซูอี้กลับสร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็นฝีมือทวยเทพขึ้นมา
หนึ่งดาบกวาดล้างนภา ตัดมหาภัยพิบัติใหญ่ที่เปรียบดั่งสิ่งต้องห้ามนี้ขาดสะบั้น!
คืนนี้เป็นวันที่สองเดือนสอง มังกรแหงนหน้า ฟ้าดินพรั่นพรึง สรรพชีวิตฟื้นคืน!
คืนนี้ ซูอี้ผ่านมหาภัยพิบัติใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ใช้ดาบทลายมหาภัยพิบัติต้องห้าม บรรลุขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ
เมื่อครั้งลุล่วง แสงแห่งวิถีเปรียบดั่งก้อนเมฆที่ปกคลุมอยู่เหนือปฐพีนี้!
คืนนี้คือวันเกิดปีที่สิบแปดของซูอี้ด้วย
บนนภา
ซูอี้กวาดสายตามองทุกคน คลี่ยิ้มพลางนึกในใจ “นี่… อาจเป็นของขวัญวันเกิดปีที่สิบแปดที่ดีที่สุดที่ข้าได้รับ!”