บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 666 แปรเปลี่ยนไปมากมาย
ตอนที่ 666: แปรเปลี่ยนไปมากมาย
ตอนที่ 666: แปรเปลี่ยนไปมากมาย
สามวันต่อมา
ครืน!
เสียงจากคลื่นพลังประหลาดดังก้องอยู่ในห้อง
ที่เบื้องหน้าของซูอี้ขณะนี้ มียันต์ลับที่แผ่รัศมีแสงยากจะหยั่งถึงลอยค้างอยู่กลางอากาศ เมื่อแสงจางลง คลื่นพลังผันผวนประหลาดของยันต์ลับก็ค่อย ๆ คืนสู่ความสงบ
ฟู่~!
ซูอี้ถอนหายใจยาว
สิ่งที่ถูกกักเก็บอยู่ในยันต์ลับนี้คือเศษเสี้ยวของอำนาจดาบเก้าคุมขัง
“ด้วยสิ่งนี้ แม้ว่าข้าจะไปที่ต้าเซี่ย ข้าก็สามารถคลายกังวลได้บ้าง”
ซูอี้กล่าวกับตนเอง
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เขาได้ซ่อมแซมค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ซึ่งคอยพิทักษ์หอเซียนดาบและสร้างยันต์ลับเอาไว้มากมาย
แน่นอนว่ายันต์ลับที่มีอำนาจมากที่สุดในทุกยันต์ที่เขาสร้างคือชิ้นที่กักเก็บอำนาจของดาบเก้าคุมขังเอาไว้แผ่นนี้
ด้วยการเตรียมพร้อมทั้งหมดนี้ แม้ว่าโลกภายนอกจะวุ่นวายสักเพียงใด ตราบใดที่ไม่ใช่ตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้น จะไม่มีภัยใดที่สามารถคุกคามหนิงซือฮวา และคนอื่น ๆ ที่อยู่ในหอเซียนดาบได้
“ได้เวลาออกเดินทางแล้ว”
ซูอี้ยืนขึ้นและเดินออกจากห้อง
…
หนิงซือฮวา และคนอื่น ๆ รู้อยู่แล้วว่าซูอี้กำลังจะเดินทางไปยังต้าเซี่ย
เพียงแต่ว่าเมื่อจำเป็นต้องแยกจากกันจริง ๆ ใจของทุกคนย่อมไม่เต็มใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พี่ซูอี้ ข้าไปกับท่านด้วยได้หรือไม่?”
ดวงตาของเหวินหลิงเสวี่ยเป็นสีแดง นางมองที่ซูอี้อย่างน่าสงสาร
“ไม่ใช่ครั้งนี้”
จากนั้นซูอี้พูดอย่างอ่อนโยน “เจ้าน่าจะรู้อยู่แล้วว่าขณะนี้ทวีปคังชิงกำลังอยู่ในความโกลาหลโดยเฉพาะดินแดนต้าเซี่ยนั้นปั่นป่วนที่สุด เจ้าควรอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง หรือหากเจ้ารู้สึกเบื่อเมื่อใดก็ขอให้ฉาจิ่นหรือคนอื่น ๆ พาเจ้าออกไปเดินเล่นได้”
พูดจบประโยคซูอี้ก็เอื้อมมือไปลูบหัวของเหวินหลิงเสวี่ยเบา ๆ
หญิงสาวเม้มริมฝีปากและพ่นลมหายใจ เห็นได้ชัดว่าผิดหวัง
ซูอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ข้าสัญญาว่าจะพาเจ้าไปท่องโลกนี้ให้ทั่วไม่มีอิดออด เจ้าเห็นเป็นอย่างไร?”
“จริงหรือ?” อารมณ์ของเหวินหลิงเสวี่ยดีขึ้นทันตาเห็น
“แน่นอน”
ซูอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่ข้าพูดนั้นไม่เคยเปลี่ยน”
“เช่นนั้นข้าจะจำคำท่านให้ขึ้นใจ”
หญิงสาวมีความสุข และใบหน้าที่งดงามของนางก็ได้เผยรอยยิ้มอันสดใสออกมา
“คุณชาย เหตุใดคราวนี้ท่านไม่ให้หยวนเหิงไปกับท่าน หากหยวนเหิงไปด้วยท่านจะสะดวกสบายยิ่งขึ้น”
ฉาจิ่นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแนะ
นางรู้นิสัยที่เกียจคร้านของซูอี้เป็นอย่างดี มันจะดีกว่าหากมีคนคอยรับใช้อยู่สักหนึ่งคน
หยวนเหิงรีบมองไปที่ซูอี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ทว่าซูอี้ปฏิเสธโดยกล่าวกับหยวนเหิงว่า “แสงสว่างแห่งโลกกว้างจะมาถึงภายในเวลาไม่ถึงสามเดือน สำหรับเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้คือสะสมกำลังและเตรียมพร้อมสำหรับทะลวงไปยังวิถีวิญญาณ เพราะเมื่อแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง เจ้าจะได้สามารถทะลวงด่านได้อย่างสมบูรณ์”
ทันทีที่คำพูดนี้ดังออกจากปากของซูอี้ ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าซูอี้ได้ตัดสินใจไปแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่น ๆ จะได้ร่วมเดินทางไปต้าเซี่ยในรอบนี้
“เช่นนั้นนายท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะขอรับ”
หยวนเหิงโค้งกายคำนับ
ซูอี้โบกมือและหันหลังไป
เขาเกลียดพิธีต่าง ๆ ที่สุด โดยเฉพาะพิธีร่ำลา!
เย่ซุ่นซึ่งอยู่ในร่างนักพรตชราเนื้อตัวมอมแมมรีบตามไป
ทุกคนที่เหลือต่างเฝ้าดูซูอี้และเย่ซุ่นแหวกอากาศไปจนลับสายตา
วันนี้เป็นวันที่ห้าเดือนสอง
ซูอี้ออกเดินทางสู่ต้าเซี่ยอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้ เกือบสามเดือนผ่านไปนับตั้งแต่ที่เขาออกจากต้าเซี่ย
…
เหนือหมู่เมฆ
ซูอี้บินแหวกกระแสลมด้วยความเร็วไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป แต่แน่นอนว่าเร็วกว่าความเร็วในการบินเมื่อครั้งที่เขาอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา
เสื้อผ้าของเขาไม่พลิ้วไหวไปตามสายลมรอบกาย เนื่องจากผู้บ่มเพาะวิถีวิญญาณสามารถผสานเข้ากับกฎของสวรรค์และโลก แหวกอากาศไม่ให้ต้องกายได้อย่างง่ายดาย
“ตั้งแต่ต้นเดือนสองที่ผ่านมา ปราณวิญญาณในฟ้าดินหนาแน่นขึ้นอย่างไม่อาจเทียบกับแต่ก่อน”
ระหว่างทางซูอี้สัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณในฟ้าดินที่แปรเปลี่ยน เขาแผ่จิตสัมผัสของตนเองออกไปสำรวจภูเขาและแม่น้ำโดยรอบ ดังนั้นจึงตระหนักดีถึงการเปลี่ยนแปลงมากมาย
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ก่อกำเนิดสมุนไพรวิญญาณและวัตถุวิญญาณเพิ่มขึ้นมากมายนับไม่ถ้วนเท่านั้น แต่ยังนำประโยชน์มากมายมาสู่ทุกสรรพสิ่งในโลกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สัตว์อสูร ผี วิญญาณ พฤกษา ฯลฯ เพียงแค่คว้าโอกาส ไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงเช่นปลาที่กระโจนสู่ประตูมังกร
แม้แต่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่เคยรู้จักวิธีบ่มเพาะก็จะมีร่างกายที่แข็งแรงและอายุยืนยาวขึ้นภายใต้การบำรุงเลี้ยงของปราณวิญญาณฟ้าดินที่เพิ่มขึ้น!
“สถานที่นี้เป็นเพียงพรมแดนอันห่างไกลชายขอบของทวีปคังชิง ทว่ากลับมีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ได้เช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าขณะนี้ต้าเซี่ยจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด…” ซูอี้ลอบกล่าวกับตัวเอง
ต้าเซี่ยนั้นตั้งอยู่ใจกลางของทวีปคังชิง
หากการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ห่างไกลนี้ยังมากมายขนาดนี้ ต้าเซี่ยที่เต็มไปด้วยสถานที่พิสดารมากมายย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่มากกว่าหลายเท่าทวีอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนเมื่อคิดได้เช่นนี้ซูอี้ก็ยิ่งตั้งตารอมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ ถ้าเขาไม่บ่มเพาะในสถานที่เช่นทะเลวิญญาณโกลาหล เขาก็ไม่ต่างจากมังกรติดสันดอนบ่มเพาะไม่คืบหน้า
ดังนั้นแล้วขณะนี้จึงมีเพียงสถานที่เช่นต้าเซี่ยเท่านั้นที่สามารถมอบโอกาสให้เขาได้ก้าวหน้าได้ต่อไปในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
“พี่เขย… แค่ก ๆ ไม่ใช่ ๆ พี่ชายซู ท่าน… เข้าสู่สังสารวัฏกลับมาเกิดจริง ๆ หรือ?”
เย่ซุ่นอดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้ระหว่างทาง
ความสงสัยนี้อยู่ในใจเขาเป็นเวลานานแล้ว
ซูอี้ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง เย่ซุ่นทุกครั้งที่พูด อีกฝ่ายต้องใส่สรรพนาม ‘พี่เขย’ ก่อนทุกครั้ง เห็นได้ชัดว่าแสร้งไม่ต้องการแก้ไข
“สำหรับการเรียกขานข้า เจ้าจะเรียกอะไรจากนี้ก็ตามใจเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงอึดอัดใจ ส่วนข้าเองก็ต้องรำคาญหูกับการแสร้งแก้คำของเจ้าอยู่ทุกเมื่อ”
ซูอี้ส่ายหัว และระอาเกินกว่าจะใส่ใจเรื่องประเด็นนี้อีก
เย่ซุ่นยิ้มร่าและกล่าวว่า “เยี่ยมเลยพี่เขย! แต่ว่าท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย”
ซูอี้ตอบกลับ “ข้ามาเกิดใหม่คือเรื่องจริง”
แม้เย่ซุ่นจะสรุปความสงสัยของตนเองไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่าซูอี้กลับมาเกิดใหม่แน่นอน เพราะเขาเคยได้ยินข่าวลือว่าซูอี้ล่วงรู้วิธีการกลับมาเกิดใหม่
แต่เมื่อได้ยินคำตอบที่ชัดเจนของซูอี้ หัวใจของเขาก็ยังคงสั่นสะท้าน
เขาถอนหายใจและพูดว่า “พี่เขย ถ้าข้าเป็นท่านข้าคงจะไม่ยอมละทิ้งเต๋าอันไร้ผู้ใดเทียบของตนเองเมื่อชีวิตก่อนแล้วมาเริ่มต้นใหม่เช่นนี้อย่างแน่แท้”
ซูอี้คือตัวตนผู้ซึ่งเป็นตำนานแห่งเก้ามหาแดนดิน สามารถสะกดข่มตัวตนยิ่งใหญ่ไม่ว่าหน้าไหนก็ได้ตามต้องการ ด้วยความสำเร็จระดับนี้… กลับเลือกมาเกิดและเริ่มทุกอย่างใหม่จากศูนย์… เช่นนี้มันสมควรแล้วอย่างนั้นหรือ?
ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีผู้ใด… เต็มใจละทิ้งความยิ่งใหญ่ที่ตนเองสร้างมาเช่นนี้จริงหรือไม่?
“เจ้าไม่ใช่ข้า ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีวันเข้าใจ” ซูอี้เอ่ยตอบเรียบเฉย
เหตุใดเขาจึงละทิ้งเต๋าที่ตนเองฟูมฟักมาถึงหนึ่งแสนแปดพันปีอย่างนั้นหรือ?
นั่นเป็นเพราะความปรารถนาอย่างแน่วแน่ที่จะแสวงหามรรคาเต๋าที่สูงขึ้น!
เย่ซุ่นรู้ตนเองดีดังนั้นเขาจึงเอ่ยว่า “ความคิดของพี่เขยผู้ซึ่งยิ่งใหญ่เหนือล้ำผู้คนทั้งหมดเป็นสิ่งที่ข้าไม่อาจคาดเดาและจินตนาการได้อย่างแท้จริง”
หลังจากหยุดชั่วคราวเขาพูดต่อ “พี่เขย ท่านจำได้หรือไม่ว่าเมื่อตอนนั้นท่านทิ้งคำพูดใดเอาไว้กับพี่สาวของข้า? ก่อนที่ท่านจะจากไป ท่านบอกว่าเมื่อใดที่ท่านเกิดใหม่ได้สำเร็จท่านจะกลับไปพบกับพี่สาวของข้าอีกครั้งในอนาคต”
“แน่นอนข้าจำได้” ซูอี้พยักหน้า
เมื่อชีวิตก่อน ตอนที่เขาไปยังยมโลกเพื่อค้นหาวิธีการเกิดใหม่ในตำนาน เขาได้พบกับเย่จื่อน้อย และนางเองก็รู้เรื่องนี้ของเขา
ดังนั้นเมื่อพวกเขาแยกทาง แม้เย่จื่อน้อยจะปวดร้าวหัวใจสักเพียงใด แต่นางไม่ทัดทานซูอี้ไว้แม้สักครึ่งคำ
“เฮ้อ… จะว่าไปข้าไม่ได้เจอพี่สาวมานานแล้ว ไม่รู้เลยว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง…”
เย่ซุ่นถอนหายใจ
เขาเตร็ดเตร่อยู่ในทวีปคังชิงนี้มานับหมื่นปีแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ยมโลกก็กลายเป็นเหมือนความทรงจำอันเลือนรางของเขาไป
“เจ้าไม่ได้พูดหรือว่าในอาณาเขตผีหลิงหลง เดิมมีเส้นทางที่นำไปสู่ยมโลก แม้ว่ามันจะถูกทำลายไปแล้วก็ตาม… แต่ตราบใดที่มันยังเหลือซากปรักหักพังอยู่ ข้าย่อมมีวิธีในการซ่อมแซมมันและพาเจ้ากลับไปยมโลกได้ในภายหลัง”
ซูอี้เอ่ยออกอย่างไม่กังวล
สีหน้าของเย่ซุ่นดีขึ้นในทันใดและพูดอย่างตื่นเต้น “พี่เขยเยี่ยมที่สุด!”
ซูอี้โบกมือ “อย่าเพิ่งด่วนมีความสุขเกินไป ด้วยวิธีการของข้าการซ่อมแซมเส้นทางเชื่อมดินแดนอย่างน้อย ๆ ข้าจะต้องอยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณด้วย”
เย่ซุ่นยิ้มอย่างไม่สนใจ “โธ่พี่เขย ข้าเฝ้ารอมาหลายหมื่นปีแล้วทำไมข้าจะทนรออีกสักหน่อยไม่ได้กัน? ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความเลิศล้ำของพี่เขย เมื่อใดที่แสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึงข้ามั่นใจว่าท่านจะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณได้ภายในรวดเดียว!”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวซูอี้
ซูอี้ยิ้มและไม่พูดอะไร
ตั้งแต่ชายหนุ่มมาเกิดใหม่ เขาวางแผนเอาไว้แล้วว่าก่อนจะกลับไปที่เก้ามหาแดนดิน ตนเองจะกลับไปที่ยมโลกเสียก่อนเพื่อตามหาเหล่าตัวตนที่เคยรู้จักเมื่อชีวิตที่แล้ว และนำสิ่งของทั้งหลายที่เคยฝากเอาไว้กลับมา
ตัวอย่างเช่นในมือของเย่จื่อน้อย นางเป็นผู้เก็บรักษาดาบของชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาเอาไว้
ดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์!
มันเป็นดาบเต๋าที่ทำให้แม้แต่บรรพบุรุษของเชื้อสายโคมไฟผี ‘ผีเฒ่าแบกโลง’ เกิดความละโมบ และมันก็เป็นหนึ่งในดาบที่ซูอี้ชื่นชอบที่สุดอีกด้วย
นอกจากนี้ในมือของผู้วายชนม์คนอื่น ๆ ในยมโลก พวกเขายังเก็บสิ่งของบางอย่างที่ซูอี้หลงเหลือไว้เมื่อชีวิตก่อนหน้านี้
เจ็ดวันต่อมา
ต้าเซี่ย แคว้นเทียนหนาน เมืองซานอิ่น
ในภัตตาคารแห่งหนึ่ง
“พี่เขย ต้าเซี่ยนั้นเปลี่ยนไปมากจริง ๆ…”
เย่ซุ่นถอนหายใจขณะดื่ม
ตั้งแต่เข้าสู่ดินแดนต้าเซี่ย เขาก็รู้สึกได้ว่าปราณวิญญาณในฟ้าดินของที่นี่หนาแน่นกว่าที่อื่นอย่างไม่อาจเทียบกันได้!
ซูอี้เอ่ยถาม “ที่นี่กับอาณาเขตผีหลิงหลงห่างไกลกันแค่ไหน?”
เย่ซุ่นตอบกลับรวดเร็ว “อาณาเขตผีหลิงหลงอยู่ในแคว้นซาเหอ หากเป็นการเดินเท้าไปจากที่นี่จะใช้เวลาถึงภายในสามวัน…”
“หลังจากกินอิ่มมื้อนี้เราจะไปที่นั่นโดยตรง” ซูอี้กล่าว
เย่ซุ่นพูดอย่างมีความสุข “ยอดเยี่ยมเลยพี่เขย!”
ซูอี้ยิ้มและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ทันใดนั้นบทสนทนาหนึ่งจากโต๊ะใกล้เคียงก็ดึงดูดความสนใจของเขา
วาจาดังกล่าวทำเอาคิ้วของซูอี้ขมวดเล็กน้อย