บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 707 สัประยุทธ์ขอบเขตวงล้อวิญญาณ
ตอนที่ 707: สัประยุทธ์ขอบเขตวงล้อวิญญาณ
ตอนที่ 707: สัประยุทธ์ขอบเขตวงล้อวิญญาณ
ยอดเขาเทียนหมาง
เหวินซินจ้าว จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยและคนอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวซูอี้ขณะนี้ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
ขอบเขตวงล้อวิญญาณ!
นี่คือขอบเขตท้ายสุดของขั้นวิถีวิญญาณ เป็นขอบเขตที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ตัวตนขั้นวิถีลึกล้ำ
ในโลกปัจจุบัน ตัวตนขั้นวิถีลึกล้ำไม่มีอยู่จริงแล้ว ดังนั้นตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณจึงนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจแข็งแกร่งสูงสุดที่สามารถพบเจอ!
ดังนั้นเมื่อซูอี้จะต่อกรกับเหวินหรูเฟิง… ใครเล่าไม่สนใจ?
…
นอกนครหลวงจิ๋วติ่ง
ซูอี้ลอยค้างอยู่บนท้องฟ้า ยกดื่มสุราจากน้ำเต้าก่อนจะพูดอย่างเฉยเมยชัดคำ
“พวกเจ้าควรเข้ามาพร้อมกันไม่เช่นนั้นมันจะเปลืองเวลาเกินไป”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
เหวินหรูเฟิงคือผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณ แต่ดูเหมือนซูอี้ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย!
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เหวินหรูเฟิงมีโทสะจนแผดเสียงหัวเราะ “เช่นนั้นมาดูกันก่อนว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่!”
สายฟ้าสีดำล้อมรอบกาย ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนสีดำราวกับหลุมดำ
เคร้ง!
เหวินหรูเฟิงสะบัดมือ และทันใดนั้นหอกสีดำปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา
หอกนี้ทำจากผลึกสีดำโปร่งแสง ปลายหอกเปล่งประกายแสงคมกล้าวาววับเย็นเยือกน่าสะพรึงกลัว
แค่เพียงแลมองแสงคมนั้นก็เพียงพอแล้วที่เหล่าตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณจะหวาดกลัวจนไม่อาจเคลื่อนไหว!
ผู้ฝึกตนจำนวนมากที่รับชมอยู่อดไม่ได้ที่จะถอยหลังครึ่งก้าว มีเพียงเหล่าตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณเท่านั้นที่ยังสามารถรับชมได้จากจุดเดิมที่ตนอยู่
“หอกผลึกนิลเก้าอัสนีหยินศาสตราสำคัญของสำนักวิถีสุญญะ ดูเหมือนว่าสหายเต๋าเหวินบังเกิดโทสะอย่างแท้จริงและหมายมั่นจะฆ่าซูอี้ให้ได้โดยเร็ว”
หวนเทียนซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตูม!
ทันใดนั้นเหวินหรูเฟิงออกกระบวนท่าโจมตี
เขาแทงออกหอกออกและขณะเดียวกันนั้นสายฟ้าสีดำมากมายนับไม่ถ้วนปะทุออกจากปลายหอก
สายฟ้าเหล่านี้สถิตด้วยมวลพลังหยินอันบริสุทธิ์ หากผู้ใดที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตวงล้อวิญญาณถูกสายฟ้าเหล่านี้สัมผัสเข้า ทั้งร่างจะแข็งค้างด้วยมวลพลังหยินลึกลับและร่างกายจะได้รับความเสียหายอย่างถาวร
ในชั่วพริบตาปลายหอกอยู่ใกล้ดวงตาของซูอี้ เหวินหรูเฟิงต้องการแทงร่างของซูอี้ด้วยหอก และยกทั้งร่างขึ้นไปลอยเติ่งกลางอากาศเพื่อประกาศชัย
การโจมตีครั้งนี้เหวินหรูเฟิงไม่ออมพลังแม้แต่น้อย เขาปะทุพลังอย่างฉับพลันเต็มที่ซึ่งมันเกินพอที่จะสังหารทุกตัวตนภายใต้ขอบเขตวงล้อวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย!
ดังเช่นที่หวนเทียนซูเพิ่งเอ่ยออก ขณะนี้เหวินหรูเฟิงบังเกิดโทสะไม่น้อยจึงต้องการฆ่าซูอี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ยามที่หอกเคลื่อนเข้ามาใกล้ ซูอี้ไม่ได้แสดงท่าทีจะหลบหลีกใด ๆ เขาเพียงแค่เหยียดนิ้วชี้ขึ้นต้านรับหอก
นิ้วนั้นส่องประกายระยิบระยับแต่ทว่าเมื่อสัมผัสกับปลายหอก มันกลับหม่นแสงลงในทันใด
“ฮึ่ม! รนหาที่ตาย!”
เหวินหรูเฟิงเยาะเย้ย หอกผลึกนิลเก้าอัสนีหยินนั้นส่วนที่น่ากลัวที่สุดของมันคือพลังหยินลึกลับที่สถิตอยู่ในหอก แม้แต่ตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณยังต้องคิดให้ดีหากจะรับมือกับหอกนี้โดยตรง แล้วจะนับประสาอะไรกับตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ!
ชี่ชี่!
ทันใดนั้นสายฟ้าสีดำสนิทเลื้อยไล้ไปตามนิ้วของซูอี้และโอบรอบแขนของเขา
แต่ก่อนที่เหวินหรูเฟิงจะมีความสุข เขาเห็นร่างของซูอี้บังเกิดสภาวะที่ผิดแปลกขึ้นอย่างกระทันหัน มวลอำนาจเต๋าอันลึกลับอย่างที่ไม่เคยเห็นปกคลุมทั้งร่างของซูอี้ มันเป็นแสงสลัวคล้ายกับแสงยามพลบค่ำ
จากนั้นไม่ว่าสายฟ้าสีดำซึ่งหนาแน่นไปด้วยพลังหยินจะร้ายกาจเพียงใด มันก็ไม่สามารถทำสิ่งใดต่อร่างของซูอี้ได้เลย
นี่คือสภาวะแก่นแท้จุดกำเนิดของซูอี้ อันเกิดจากการหลอมรวมจังหวะวิถีทั้งห้าธาตุ หยินหยาง ลมและสายฟ้า เมื่อผสานกันแล้วจะคงกระพัน ประหนึ่งเป็นอมตะไร้ช่องโหว่!
“แย่แล้ว!”
สีหน้าของเหวินหรูเฟิงแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลัน
“แหลกไปเสีย!”
หลังจากเอ่ยคำเสียงเบา ซูอี้สะบัดปลายนิ้วชี้ตนเองปล่อยพลังออกไปรุนแรง
ตู้ม!
เหวินหรูเฟิงเบิกตากว้างเนื่องจากสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ถาโถมเข้าใส่ตัวเขา ราวกับมีเทพสวรรค์ทุ่มภูเขาทั้งลูกใส่เขาอย่างกะทันหัน
หอกผลึกนิลเก้าอัสนีหยินในมือของเขาเริ่มจากปลายหอกแตกกะเทาะไปทีนิ้วเรื่อย ๆ จนเหลือเพียงเศษผลึกสีดำที่มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบคามือเท่านั้น!
ยามเห็นเช่นนั้น เขาตกใจและเซถอยอย่างไม่อาจควบคุม ใบหน้าสลับเป็นทั้งสีฟ้าและขาว ความอับอายเปี่ยมล้นในจิตใจ
เมื่อแลเห็นฉากนี้ผู้รับชมทั้งหลายต่างแทบจะอ้าปากค้าง
“นี่… ซูอี้แข็งแกร่งเกินไปหรือไม่?”
“เขาทำได้… อย่างไร?”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสเหวินออมมือเอาไว้เมื่อครู่?”
…
เกิดความโกลาหลไปทั่ว
ในขณะเดียวกัน หวนเทียนซู เฉิงอวิ๋น และตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเนื่องจากพวกเขาต่างรู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อครู่นี้เหวินหรูเฟิงไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย
ทว่าเหวินหรูเฟิงก็ยังคงถูกซูอี้สะกดข่ม นี่มันน่ากลัวเกินไป!
“ยังควบแน่นวงล้อวิญญาณมหาวิถีไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าพูดจาโอหังใหญ่โตต่อหน้าข้า ตัวตนเช่นเจ้ามันช่างเวทนาเสียจริง” ซูอี้ส่ายหัวเล็กน้อย
ตั้งแต่แรก ซูอี้มองเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าเหวินหรูเฟิงเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นต้น ซึ่งความสำเร็จนี้น่าจะมาจากการดำรงอยู่มานานและด้วยการเสริมส่งจากของวิเศษนานับประเภท ทว่าพรสวรรค์ของอีกฝ่ายนั้นจัดได้ว่าธรรมดาไม่ควรค่าให้ชายตามอง
แท้จริงแล้วขอบเขตวงล้อวิญญาณยังถูกแบ่งออกเป็นระดับความกล้าแกร่งสูงต่ำ
ยิ่งผู้ฝึกตนควบแน่นวงล้อวิญญาณมหาวิถีได้สมบูรณ์มากเท่าใด คนผู้นั้นจะยิ่งมีพลังที่กล้าแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายในเก้ามหาแดนดินต่างล้วนควบแน่นวงล้อวิญญาณมหาวิถีได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
แต่ทว่าเหวินหรูเฟิงผู้นี้… แม้แต่ควบแน่นวงล้อวิญญาณมหาวิถีให้ขึ้นรูปทรงก็ยังทำไม่ได้!
ตัวตนเช่นนี้ที่ทุกคนในโลกนี้ต่างยกย่องราวกับเทพเซียน ในสายตาของซูอี้นั้นเป็นเพียงตัวตนต่ำต้อยไร้อนาคตอันน่าขันก็เท่านั้น
อันที่จริงซูอี้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับการต้องมาเสียเวลากับตัวตนที่ไร้ค่าเช่นนี้
“ซูอี้ เจ้ามันสมควรตายเป็นหมื่น ๆ ครั้ง!”
เหวินหรูเฟิงคำรามลั่น ก่อนจะทำมุทราด้วยมือทั้งสอง ส่งผลให้หอกผลึกนิลเก้าอัสนีหยินที่ซึ่งแหลกแตกไปแล้วกลับมารวมประกอบกันใหม่สมบูรณ์และเปล่งประกายอีกครั้งด้วยอำนาจทำลายล้าง ก่อนจะพุ่งทะยานกรีดผ่านอากาศอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
เขาโจมตีซูอี้อีกครั้ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าครั้งนี้เหวินหรูเฟิงโจมตีรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก
ซูอี้หาได้ประมาทไม่
ครืน!
ซูอี้โคจรพลังอย่างเต็มที่ เลือดลมพลุ่งพล่านราวกับน้ำเดือด เส้นลมปราณทั้งร่างปูดโปนเกื้อหนุนให้พลังของเขาที่จะสามารถสำแดงออกยิ่งแกร่งกล้า
ถัดจากนั้นชายหนุ่มพลันชกหมัดออกรุนแรง
ตูม!!!
หอกผลึกนิลเก้าอัสนีหยินที่เพิ่งกลับมาประกอบสมบูรณ์แตกออกเป็นชิ้น ๆ อีกครั้งราวกับเศษกระจก!
แรงปะทะอันน่าสะพรึงกลัวเกือบทำให้เหวินหรูเฟิงกระเด็นลอยออกไป!
“!!!???”
ทุกคนที่รับชมอยู่ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึง
พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าซูอี้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร
“คนหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณได้เลยอย่างนั้นหรือ?”
หมี่เทียนเหอแทบจะอ้าปากค้าง มือและเท้าของเขาเย็นเยียบ
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเหวินหรูเฟิงสามารถฆ่าซูอี้ได้อย่างง่ายดาย
ใครจะคิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันกลับกลายเป็นเหวินหรูเฟิงเสียเปรียบในทุกครั้งที่ปะทะ!
“ไม่น่าแปลกใจที่เซี่ยอวิ๋นจิ้งกล้าเดิมพันทุกสิ่งกับซูอี้ผู้นี้ ปรากฏว่า… คนหนุ่มผู้นี้สามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณได้แล้ว…”
ผูซู่หรงแสดงสีหน้าตกตะลึง
อาเหลิ่งและรั่วฮวนมองหน้ากันและกัน ไม่รู้จะเอ่ยคำใดออก
“สหายเต๋าซูช่ำชองที่สุดในวิถีดาบ แต่ทว่าจนบัดนี้ตั้งแต่เริ่มเขายังไม่ได้ใช้ดาบแม้สักครั้ง จากมุมมองนี้เว้นแต่ตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณที่เหลือจะร่วมมือกับเหวินหรูเฟิง ข้าเกรงว่าคงไม่มีใครต่อกรกับสหายเต๋าซูได้!”
ดวงตาของจักรพรรดิเซี่ยเปล่งประกายฉายแววตื่นเต้น
เหวินซินจ้าว เซียนหานเยียน เวิงจิ่ว และคนอื่น ๆ ต่างก็แสดงสีหน้าแววตาคล้ายคลึงกัน
“อีกครั้ง!”
เหวินหรูเฟิงตกตะลึงไปครู่ก่อนจะตะโกนก้อง
แขนเสื้อของเขาสะบัดพองลม และทันใดนั้นดาบสีทองอันวิจิตรพุ่งออกไปฟาดฟันทางซูอี้
ดาบมงคลทองตระการ
ศาสตราวิญญาณที่แฝงไปด้วยเต๋าธาตุลม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขณะนี้เหวินหรูเฟิงพร้อมทุ่มสุดตัวเพื่อสังหารซูอี้ให้จงได้!
“โง่เง่าเกินเยียวยา”
ซูอี้ทอดถอนหายใจ
ดวงตาของซูอี้ปรากฏวังวนมืดมิด ทันใดนั้นเขาซัดฝ่ามือออกอย่างแรง
เคร้ง!!
ดาบมงคลทองตระการสั่นสะท้านอย่างรุนแรงและกระเด็นกลับ
ขณะเดียวกันเหวินหรูเฟิงราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างของเขาเซไปข้างหลังพร้อมกับกระอักเลือดคำโต
ดาบมงคลทองตระการเชื่อมต่อกับเต๋าของเขา หากมันได้รับความเสียหายนั่นย่อมหมายถึงว่าเขาได้รับบาดเจ็บเช่นกัน!
ในเวลานี้ผู้รับชมทั้งหลายต่างพากันอุทาน
ในขณะนี้ตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น หวนเทียนซู เสวี่ยโม่หนิง เฉิงอวิ๋น และเนี่ยหว่านจือ ต่างก็ไม่สามารถสงบได้อีกต่อไปแล้ว
ใครบ้างที่มองไม่เห็นว่าเหวินหรูเฟิงผู้อยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณเช่นเดียวกับพวกเขาไม่สามารถต่อกรกับซูอี้ได้เลย?
“ไป! ไปฆ่าเดรัจฉานตัวนี้ด้วยกัน!”
หวนเทียนซูตะโกนและเป็นผู้ออกนำ
ตูม!
ทันใดนั้นอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกจากร่างผอมของเขา กลิ่นอายของมันนั้นน่าหวาดเกรงราวกับเทพมารโบราณย่างกรายมาสู่โลก
ฮึ่ม!
อึดใจถัดมา สมบัติที่ปกคลุมไปด้วยโลหิตรูปร่างคล้ายกลองลอยอยู่เหนือหัวของหวนเทียนซู
มันเป็นสมบัติซึ่งผูกกับวิญญาณของเขา ‘กลองศึกปีศาจทมิฬ’!
ทันทีที่สมบัติชิ้นนี้ปรากฏ เสียงฟ้าคำรณดังขึ้นเซ็งแซ่เลือนลั่นไปทั้งฟ้าดิน หวนเทียนซูใช้มือของเขาประหนึ่งไม้กลองตีกลองศึกปีศาจทมิฬทันทีแผ่คลื่นเสียงสีเลือดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าโจมตีซูอี้!
ไม่ว่าคลื่นเสียงนี้พาดผ่านไปที่ใด มันสร้างความวายวอดอย่างไม่หยุดยั้ง
ภูเขาและแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียงปั่นป่วนขึ้น ดวงวิญญาณของผู้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่งยวด ราวกับมันถูกกระหน่ำโดยการประสานเสียงกรีดร้องจากเหล่าปีศาจนับหมื่น
“เช่นนั้นพวกเราลงมือเลยก็แล้วกัน!”
หลังจากนั้น เสวี่ยโม่หนิงแห่งสำนักผลาญตะวัน เนี่ยหว่านจือแห่งคีรีดาบเมฆาเร้น และหลวงจีนเฒ่าเฉิงอวิ๋นจากสำนักฌานกระจ่างจิตต่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อำนาจของพวกเขาเมื่อสำแดงออกพร้อมกันมันยิ่งทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนสั่นสะเทือนราวกับเกิดภัยพิบัติใหญ่
ตู้ม!
ในมือของเสวี่ยโม่หนิง แส้สีแดงอันร้อนแรงราวกับมังกรปรากฏขึ้น มันปกคลุมไปทั่วด้วยเปลวเพลิงสีม่วงชวนกดดัน
แส้อสรพิษสวรรค์!
ฮึ่ม!
ขณะเดียวกันในมือของหลวงจีนเฒ่าเฉิงอวิ๋นมีดาบปลายมนเล่มสีขาวประหนึ่งหยกปรากฏขึ้น ที่ใบดาบถูกสลักด้วยสิบแปดภาพโปรดสัตว์ของพระพุทธองค์ ส่องประกายแสงธรรมอันหาประมาณไม่ได้สว่างไสวดั่งรุ่งอรุณ
ดาบปลายมนสยบมาร!
อึดใจถัดมา เสียงคำรามจากดาบอีกเล่มดังก้องไปทั่วโลกหล้า
เนี่ยหว่านจือขณะนี้ถือดาบสีขาวประหนึ่งหิมะในมือ ใบดาบเปล่งด้วยแสงสีเงินสว่างชัด อำนาจเต๋าที่แผ่ออกจากมันสามารถบดขยี้ภูเขาได้อย่างไม่ยากเย็น
ดาบวิถีพุทธเหมันต์!
อำนาจอันกล้าแกร่งน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตที่ปรากฏขึ้นจาก หวนเทียนซู เสวี่ยโม่หนิง เฉิงอวิ๋น และเนี่ยหว่านจือทำให้บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
มีผู้ฝึกตนหลายคนที่ตื่นตระหนกจนถอยหนีหลบเลี่ยงไปไกลไม่กล้าเข้าใกล้ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกหางเลขจากการต่อสู้ที่กำลังจะเกิด
การร่วมมือกันของเหล่าตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณหาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะสามารถรับชมได้อย่างใกล้ชิด
“ซูอี้… คราวนี้อยากรู้นักว่าเจ้าจะยังรอดชีวิตได้อีกหรือไม่!”
หมี่เทียนเหอตื่นเต้น
“ในที่สุดสงครามแท้จริงนี้ก็เริ่มขึ้น”
ผูซู่หรงพึมพำ
“ได้เวลาเสียที!”
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของซูอี้เป็นประกายก่อนจะโบกสะบัดมือ!
ตูม!
คลื่นเสียงสีเลือดที่แผ่เข้าหาสลายหายราวกับถูกพายุพัดปลิว
ทันใดนั้น…
เคร้ง!
ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ปรากฏขึ้น!!
มันคำรามก้องฟ้าทะลุดินคล้ายกับคร่ำครวญกระหายเลือด
ซูอี้ใช้ฝ่ามือลูบใบดาบและพูดอย่างแผ่วเบา “วันนี้ข้าจะใช้โลหิตของเหล่าตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณทั้งห้าสังเวยเปิดคมให้แก่เจ้า!”
—————————