บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 709 ไม่อาจหยุดยั้ง
ตอนที่ 709: ไม่อาจหยุดยั้ง
ตอนที่ 709: ไม่อาจหยุดยั้ง
เนี่ยหรูเฟิงตายแล้ว!
เขาร่วมมือกับตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณอีกสี่คน ทว่าก็ถูกดาบเดียวของซูอี้สังหาร!
ภาพการนองเลือดนี้พัดโหมในหัวใจคนทุกผู้ราวเพลิงคลั่ง ก่อให้เกิดคลื่นปั่นป่วน
“ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณถูกฆ่าตายเช่นนี้…”
ริมฝีปากของหมี่เทียนเหอสั่นระริก ใจสะท้านไหว
“นี่คือพลังของขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณจริง ๆ หรือ?”
ผูซู่หรงตะลึงค้าง
ช่องว่างระหว่างขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณและขอบเขตวงล้อวิญญาณห่างกันถึงสองขอบเขตใหญ่!
ใครเล่าจะกล้าเชื่อว่าบนมหาทวีปคังชิงนี้จะมีชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณจะสามารถก้าวข้ามขอบเขตทั้งสอง ฝ่าวงล้อมศัตรูและสังหารตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณผู้หนึ่งลงได้?
ยามนี้ จิตใจของเหล่าผู้ฝึกตนจากขุมอำนาจโบราณต่าง ๆ ต่างรู้สึกสะท้านสะเทือน
โดยเฉพาะโจวจื้อผู้เคยถูกซูอี้ปราบลงก่อนหน้านี้และบาดเจ็บสาหัส เขาตะลึงอึ้ง ร่างสั่นสะท้านรุนแรง ไม่อาจยอมรับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้
บนภูเขาเทียนหมาง
เมื่อจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเห็นภาพนี้ เขาก็อดสูดหายใจลึก ๆ ไม่ได้
เขาเหลือบมองเหวินซินจ้าว เวิงจิ่วและคนอื่น ๆ ที่อึ้งไม่แพ้กัน
ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นตัวตนทั้งสี่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณเช่นหวนเทียนซู
เมื่อเหวินหรูเฟิงถูกสังหาร พวกเขาไร้กระทั่งเวลาจะช่วยทัน!
นั่นทำให้ยามที่พวกเขาเห็นเหวินหรูเฟิงถูกหนึ่งดาบประหาร หนังหัวจึงชายิบ ร่างสะท้านสั่นโดยถ้วนทั่ว
ท่ามกลางบรรยากาศหดหู่น่ากลัวนี้ มีเพียงหนึ่งดาบครวญเสียง
มันคือเสียงร้องจากดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ซึ่งมีใบดาบลึกล้ำกระจ่างใสเยี่ยงนภารัตติกาล สีเลือดจาง ๆ เคลือบอาบ เพิ่มบรรยากาศดุร้ายสะท้านวิญญาณ
ซูอี้ไม่ได้หยุดมือเพียงแค่นั้น!
การสังหารเหวินหรูเฟิงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาสักนิด
แค่การสังหารบุคคลหางแถวในขอบเขตวงล้อวิญญาณไม่อาจทำให้ซูอี้ดื่มด่ำความสำเร็จได้มากนัก
เขาอาบปราณแห่งมหาวิถี มืดสลัวเยี่ยงยามพลบค่ำ
ใบหน้าของหวนเทียนซูและคนอื่น ๆ ต่างเปลี่ยนสีโนเวลพีดีเอฟ
“จัดค่ายกล เร็วเข้า! ไปโจมตีนครหลวงจิ๋วติ่ง!”
หวนเทียนซูแผดเสียงลั่น เสียงสะท้อนก้องทั่วแดนดิน
ตู้ม!
เสียงยังไม่ทันจาง เหล่ายอดฝีมือจากขุมอำนาจโบราณต่าง ๆ ซึ่งประจำการอยู่ไกล ๆ ก็ลงมือโดยพร้อมเพรียง
ห้าขุมอำนาจใหญ่ ตระกูลหวนเผ่ามาร สำนักผลาญตะวัน สำนักฌานกระจ่างจิต คีรีดาบเมฆาเร้น และสำนักวิถีสุญญะมียอดฝีมือในขอบเขตสยายวิญญาณสิบคน และขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณยี่สิบคนเท่า ๆ กัน
เมื่อรวมแล้ว พวกเขาก็มีคนมากถึงร้อยห้าสิบคน!
ยามนี้ พวกเขาแต่ละคนได้สร้างค่ายกลศึกของแต่ละฝ่ายขึ้น ก่อเกิดเป็นการจัดเรียงไร้รอยต่อห้าชุด พุ่งเข้าใส่ทิศของนครหลวงจิ๋วติ่งโดยพร้อมเพรียง
มองปราดแรก ภาพนี้เหมือนดั่งห้าคีรีเทพเคลื่อนคล้อย แสงสีทองกระจ่างฟ้า เพลิงมารดุร้าย แสงพุทธะทรงพลัง และค่ายกลดาบแข็งแกร่ง…
ค่ายกลศึกแต่ละส่วนต่างเหมาะสมจะใช้ในศึกผู้ฝึกตนทั้งสิ้น
ห้าค่ายกลศึกจากห้ามหาอำนาจโบราณเหล่านี้ ไม่ว่าค่ายกลใดก็สามารถเป็นภัยถึงตายต่อตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณได้ทั้งสิ้น
ทว่าค่ายกลศึกที่พวกเขาก่อร่วมกันในยามนี้ไม่ได้หมายสังหารซูอี้ แต่แยกเป็นห้าส่วนแล้วทะยานสู่นครหลวงจิ๋วติ่ง!
ไม่ว่าผู้ใดก็เห็นได้ว่านี่คือกลยุทธ์โจมตีจุดตาย
หากซูอี้เมินเฉย นครหลวงจิ๋วติ่งจะต้องรับเคราะห์เป็นแน่
ในขณะเดียวกัน หากเขาคิดหยุดห้าค่ายกลศึก ก็จะยื้อเวลาพอให้หวนเทียนซูและพวกในขอบเขตวงล้อวิญญาณได้ฟื้นตัวชั่วประเดี๋ยว!
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยพลันเปลี่ยนสีหน้า
ด้วยสายตาของเขา จะไม่เห็นได้เช่นไรว่าด้วยพลังของค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนในขณะนี้ อาจจะทำได้เพียงหยุดหนึ่งในห้าค่ายกลศึก
เมื่อเผชิญกับห้าค่ายกลศึกพร้อม ๆ กัน มันดูจะไม่อาจรับมือไหว!
“ฆ่า!”
มหาปราชญ์สวรรค์ทั้งร้อยห้าสิบคนจัดเรียงเป็นห้าค่ายกลศึกและลงมือพร้อมกัน อำนาจน่าหวาดหวั่นทำให้ผู้ชมต่างหน้าเสีย
ในขณะเดียวกัน หวนเทียนซูและอีกสี่ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณก็รุมโจมตีซูอี้
เป็นการกระทำเพื่อหยุดยั้งเขา
ทว่าเขาก็เห็นซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาทอประกายเย็นชา “ต่อหน้าคนแซ่ซูผู้นี้ พวกเจ้ายังกล้าเล่นลูกไม้ ช่างไม่รู้จักเป็นตายโดยแท้!”
เขาคำรามพลางสะบัดแขนเสื้อกวัดแกว่งดาบ ฟาดฟันลงอย่างดุเดือด
ดูราวเทพเซียนถอนบรรพต ยกทุ่มลงสู่โลกา
อำนาจของดาบนั้นถล่มปฐพี ส่องสว่างจรดเก้าชั้นฟ้า เกินกว่ากาลก่อนมากนัก
ตู้ม!!
แสงทิพย์สาดส่องเจิดจ้า ปราณทำลายล้างกวาดกระหน่ำ
ควรค่าจดจำว่าในศึกก่อน พวกเขาบาดเจ็บหนักและโชกเลือด แม้จะไม่ถึงตาย แต่ก็ส่งผลต่อการขยับตัวและอำนาจการต่อสู้ของพวกเขา
ครานี้ เมื่อพวกเขาคิดหยุดซูอี้ไม่ให้ขยับไปไหนได้
ใครเล่าจะคิดว่าดาบของซูอี้จะทลายวงล้อมของพวกเขา ทำให้ทั้งผองถูกกระแทก บาดแผลถูกซ้ำหนัก!
“ตัด!”
ในขณะเดียวกัน เมื่อไร้การขัดขวางจากเหล่าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณ ซูอี้ก็ก้าวสู่อากาศ ร่างของเขาลอยขึ้นในฉับพลัน และในขณะที่แขนเสื้อโบกพลิ้ว เขาก็ฟาดฟันดาบห้าหนในหนึ่งอึดใจ!!
ทุกดาบที่ปลดปล่อยล้วนใช้เพลงดาบสุดปรีดี ‘ตัดสมุทรผ่าขุนเขา’
หลังฟันออกไป พลังปราณทั่วร่างของซูอี้ก็หดหายไปเกือบครึ่งในทันที!
มันมากเสียจนใบหน้าหล่อเหลาของเขาซีดลง
ทว่า นั่นก็เป็นห้าปราณดาบในระดับที่ร้ายกาจเหลือเชื่อด้วยเช่นกัน
ควับ! ควับ! ควับ! ควับ! ควับ!
ห้าปราณดาบซัดสาดเยี่ยงห้าสายรุ้งสว่างไสวทะลวงนภา
แสงสว่างเจิดจ้า ยิ่งใหญ่เกินคณา!
ร่างของทุกคนแข็งทื่อ ภาพอันน่าตกใจปรากฏในคลองจักษุ…
ห้าค่ายกลศึกซึ่งจัดเรียงโดยกลุ่มมหาปราชญ์สวรรค์ต้องพบกับปราณดาบอันเจิดจ้าทะลวงลงมาจากนภาก่อนทันถึงนครหลวงจิ๋วติ่ง
ตู้ม!
เสียงกระทบสะท้านดังสนั่นเยี่ยงฟ้าดินพลิกกลับด้าน
ค่ายกลศึกที่สร้างจากยอดฝีมือจากตระกูลหวนเผ่ามารเป็นกลุ่มแรกที่ถูกโจมตี กองทัพถูกดาบเดียวขยี้แตกพ่ายเป็นเสี่ยง ๆ
ค่ายกลที่เดิมอหังการทลายลงโดยสมบูรณ์
ไม่เพียงเท่านั้น ภายใต้ดาบนี้ ตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณส่วนใหญ่ก็ถูกปราณทำลายล้างสังหารก่อนจะทันมีเวลาได้หลบ
กระทั่งตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณบางคนยังบาดเจ็บสาหัส กรีดร้องโหยหวนระงม
จากนั้น…
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ค่ายกลศึกของสำนักผลาญตะวัน สำนักฌานกระจ่างจิต สำนักวิถีสุญญะ และคีรีดาบเมฆาเร้นซึ่งกระจายตามที่ต่าง ๆ ล้วนประสบชะตากรรมเดียวกัน!
ทุกการออกดาบรุนแรงไร้ขอบเขต อำนาจแข็งแกร่งไม่อาจทลาย ปราบทุกค่ายกลศึกพ่ายในทันที
ไม่อาจหยั่งว่ามีมหาปราชญ์สวรรค์ดับดิ้นหรือบาดเจ็บมากเพียงไร!
โลหิตพรั่งพรูสู่อากาศ เสียงกรีดร้องสนั่นเวหา นองเลือดดุจดั่งขุมนรก
เพียงห้าดาบ!
ทำลายห้าค่ายกลศึกซึ่งสร้างจากทัพมหาปราชญ์สวรรค์!
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ล้วนหนาวเยือกราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
น่าสะพรึงยิ่ง!
แต่เดิม ขุมอำนาจโบราณเหล่านี้พยายามโจมตีจุดตาย ล่อหลอกให้ซูอี้ล่าถอย
ทว่าในพริบตา ไม่เพียงหวนเทียนซูและพวกซึ่งเป็นตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณจะถูกปราบลงสิ้นเท่านั้น
กระทั่งห้าค่ายกลศึกจากทัพมหาปราชญ์สวรรค์ทั้งร้อยห้าสิบคนถ้วนยังพังทลายค่ายแล้วค่ายเล่า!
“สารเลว!!”
หวนเทียนซูตาโปนเกือบถลน
เฉิงอวิ๋นหน้าซีดขาว
เนี่ยหว่านจือโกรธเกรี้ยวแทบบ้า
เสวี่ยโม่หนิงกัดฟันจนเกือบร่วง
ครานี้พวกเขาจัดทัพมาใหญ่โต สาบานจะทำลายราชวงศ์เซี่ย เพื่อดึงดูดความสนใจทั่วโลกหล้า
ทว่าใครเล่าจะคิดว่าพวกเขาจะถูกซูอี้หยุด ซ้ำยังบดขยี้พวกเขาเสียเละเทะก่อนถึงนครหลวงจิ๋วติ่งด้วยตนเองเพียงคนเดียว!!
“ตาเจ้าแล้ว”
เสียงอันเฉยเมยดังขึ้น หลังจากซูอี้ทำลายค่ายกลทั้งห้า เขาก็โจมตีพวกหวนเทียนซูอีกครั้ง
“มาเถิด ลงมือด้วยกัน ล้อมปราบเจ้าสัตว์ร้ายนี่!”
หวนเทียนซูตวาด เสียงของเขากระจายสู่เหล่าผู้ชม
ขุมอำนาจโบราณต่าง ๆ ซึ่งถูกปราบลงต่างพุ่งมาหาเขาโดยพร้อมเพรียง
ทุกผู้ต่างรู้ว่าจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้!
พวกเขาต้องทุ่มสุดตัวเพื่อจัดการกับซูอี้ หาไม่… พวกเขาจะไม่มีวันได้เปลี่ยนสถานการณ์วันนี้อีกเลย
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
เสียงกู่ร้องดังสนั่นชั้นฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์เฉิดฉาย โลกหล้าเดือดปะทุ
ยอดฝีมือจากขุมอำนาจโบราณทั้งห้าต่างใช้สมบัติและวิชาลับเล็งสังหารซูอี้สุดชีวิตอย่างบ้าคลั่ง
ทว่ามันล้วนไร้ผล
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าซูอี้เอาชนะหวนเทียนซูและตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณอื่น ๆ ในศึกก่อน ห้าดาบที่เขาฟาดฟันไปพังค่ายกลเมื่อครู่ยังสังหารมหาปราชญ์สวรรค์ไปมากกว่าครึ่งด้วย!
และซูอี้ย่อมไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้โต้กลับแน่นอน!
หากจะจับโจรให้จับหัวหน้า ศัตรูก็เช่นกัน!
เคร้ง!
ท่ามกลางเสียงครวญดาบสนั่นโลกา แขนเสื้อของซูอี้สะบัดไหว ดาบปัดเป่าวงล้อมแน่นหนาให้แตกกระจาย คมดาบฉายแสงเจิดจ้าตรงหน้าร่างของเสวี่ยโม่หนิง
ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งสำนักผลาญตะวันพลันร่างแข็งทื่อ
มีเส้นโลหิตปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา มองเห็นได้ด้วยตา คราแรกมันยังเป็นเพียงร่องรอย ทว่ามันก็ไหลลงผ่านจมูก ปาก คอ และอกของเขา แยกร่างเป็นสองส่วนอย่างรวดเร็ว และปราณดาบแข็งแกร่งก็แผ่ออกมาจากรอยเลือดนี้
“ข้าจะตายที่นี่ได้เยี่ยงไร…”
ดวงตาของเสวี่ยโม่หนิงฉายแววไม่อยากเชื่อ วิญญาณสั่นไหวรุนแรงราวกับต้องการกลับไปผสานกับร่าง ทว่ามันและร่างยังไม่ทันแยกจากดี ทั้งสองต่างถูกขยี้ภายใต้ดาบของซูอี้เสียแล้ว
ในท้ายที่สุด ปราณดาบอันน่าหวาดหวั่นก็สับร่างของเขาเป็นเสี่ยงในพริบตา!
ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณสูญสิ้นเป็นคนที่สอง!
ยามนี้ ซูอี้แข็งแกร่งเกินไปโดยแท้
แม้เขาจะเผชิญศัตรูจากสิบทิศเพียงลำพัง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้ง!
ปราณดาบสายแล้วสายเล่าโปรยปรายจากนภา
ทุกปราณดาบที่ปรากฏ ต้องมีผู้ใดดับสูญหรือสาหัส หรือกระทั่งถูกบั่นคอคาที่ โลกหล้าปั่นป่วนราววันสิ้นโลก
โลหิตหลั่งไหล เสียงกรีดร้องโหยหวนสะท้านก้องไม่หยุดหย่อน
มหาปราชญ์สวรรค์จากขุมอำนาจโบราณต่างปลิดปลิว
แม้จะแข็งแกร่งเยี่ยงหลวงจีนเฒ่าเฉิงอวิ๋นผู้มีร่างกายอันเรียกได้เป็นกายาทองคำไร้เทียมทานเองก็เต็มไปด้วยรอยดาบฟาด แผนที่ดูราวใยแมงมุมช่างชวนตระหนกยิ่ง
“เจ้าคนชั่วช้า ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!”
เสียงคำรามที่แทบบ้าคลั่งกังวานขึ้น
ร่างของหวนเทียนซูดูราวกับถูกเพลิงคลอก เขาเค้นวิถีเต๋าและชกเข้าใส่กลองศึกปีศาจทมิฬสุดแรง ส่งคลื่นเสียงสีเลือดระเบิดเข้าใส่ซูอี้ราวกับลำแสง
ทุกครั้งที่เขาชก โลหิตก็กระอักออกจากปาก
ท้ายที่สุด ร่างของเขาก็อาบโลหิตไปครึ่งหนึ่ง ใบหน้าซีดขาวเยี่ยงกระดาษ
แต่เขาก็ยังคงเผาผลาญวิถีเต๋าของตนเช่นนี้ หวังแผดเผาดับสูญไปพร้อมซูอี้ น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดโดยไม่ต้องสงสัย!
—————————