บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 722 ชมศึกพยัคฆ์เหนือแอ่งเกล็ดทอง
ตอนที่ 722: ชมศึกพยัคฆ์เหนือแอ่งเกล็ดทอง
ตอนที่ 722: ชมศึกพยัคฆ์เหนือแอ่งเกล็ดทอง
ซูอี้ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายทันที
เขากวาดสายตามองเยี่ยจ่างฉุน เยี่ยเสวี่ยถิง เยี่ยเฟิงเหอสามคน พร้อมกล่าว “ไปกันเถิด ไปข้างนอกกัน”
ทั้งสามผงะระคนงุนงง
“ซูอี้ เจ้า… หมายความว่าอย่างไร?”
เยี่ยจ่างฉุนขมวดคิ้ว
“ส่งพวกเจ้าไปที่ชอบที่ชอบอย่างไรเล่า”
ซูอี้พูดไป เขาก็ก้าวเท้าเดินไปนอกสวนน้อยนภาเมฆ “ข้าไม่พึงประสงค์ให้สถานที่พำนักต้องเปื้อนเลือด”
พวกเยี่ยจ่างฉุนมองหน้ากัน ต่างเกิดความรู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
พวกเขาเพิ่งมาถึง ได้สนทนาเพียงไม่กี่ประโยค แต่ดูจากสีหน้าของซูอี้ กลับทำทีเหมือนขี้เกียจเสวนา หมายจะตัดสินชี้ชะตากับพวกเขา!
เรื่องนี้เกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก
กระทั่งเยี่ยอวิ๋นหลันยังอดอ้าปากค้างไม่ได้ หลานชายคนนี้… เด็ดขาดเกินไปไหมนี่!
“เจ้าบอกอะไรแก่เขา”
เยี่ยจ่างฉุนมองเยี่ยอวิ๋นหลัน สีหน้าอึมครึมลงเล็กน้อย
“สิ่งที่ควรพูด สิ่งที่ไม่ควรพูด ข้าบอกไปหมดแล้ว”
สีหน้าเยี่ยอวิ๋นหลันราบเรียบ “อีกอย่าง พวกเจ้ามาคราวนี้ก็เพื่อกำจัดลูกของอวี่เฟยไม่ใช่หรือ มัวเฉไฉอยู่ไย!”
พวกเยี่ยจ่างฉุนขมวดคิ้วมุ่นยิ่งขึ้น
“ไปเถิด อย่าให้เจ้านั่นหนีไปได้!”
เยี่ยจ่างฉุนแค่นเสียงเย็น จากนั้นก็พาเยี่ยเสวี่ยถิง และเยี่ยเฟิงเหอหันหลังไล่ตามออกไป
เยี่ยอวิ๋นหลันเห็นดังนั้นแล้วลงมือทันทีเช่นกัน
“พวกเราก็ไปดูหน่อยเถิด”
เหวินซินจ้าวสูดหายใจเข้าลึก ก่อนออกจากสวนน้อยนภาเมฆพร้อมกับชิงหยา และเซียนหานเยียน
…..
ย่างเข้าเดือนสี่แล้ว ท้องฟ้าสดใสเจิดจ้า บรรยากาศเจือไปด้วยความอบอ้าว
พื้นผิวแอ่งเกล็ดทองสะท้อนแสงวาวเป็นประกาย พฤกษาริมแอ่งตั้งเรียงรายเป็นผืนป่า เขียวขจีมีชีวิตชีวา
เวลานั้น ระแวกใกล้เคียงมีผู้ฝึกตนมารวมตัวกันอย่างคับคั่ง เห็นศีรษะมนุษย์เคลื่อนไหวเต็มไปหมด
“ดูสิ นั่นคือเสิ่นสุยอวิ๋น ผู้ร้ายกาจโลกกว้างอันดับหนึ่งบนทำเนียบดารา!”
“ดูเยาว์วัยยิ่งนัก…”
เสียงกระซิบกระซาบดังไม่หยุดหย่อน สายตาของผู้คนต่างทอดมองไปยังตรงกลางของแอ่งเกล็ดทอง
ที่นั่นมีเกาะเล็ก ๆ ขนาดราว ๆ สามสิบจั้ง
บนเกาะนั้น มีร่างสง่างามร่างหนึ่งยืนอยู่
เขาสวมชุดขาวทั้งชุด ผมยาวสยาย ดวงหน้าขาวผ่องดูดี ยืนอยู่ในท่าทีสบาย กระนั้นกลับให้ความรู้สึกสูงส่งทระนงดั่งมังกรพยัคฆ์ก็มิปาน
เขาไพล่มือไว้ด้านหลัง ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีสุ้มเสียง หน้าตาดูนิ่งสงบ ทว่าคิ้วขมวด
“เขาพูดเช่นนั้นจริงหรือ?”
เสียงของเสิ่นสุยอวิ๋นเจือความหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูก
เวิงจิ่วยืนอยู่บนพื้นผิวแอ่งที่ห่างจากเกาะน้อยไม่ไกล ตอบด้วยสีหน้าประมาณตน “ข้าย่อมไม่โป้ปดกับเรื่องเช่นนี้”
ก่อนหน้านี้ที่มาถึง ได้ถ่ายทอดวาจาของซูอี้ตามที่ได้กล่าวไว้
และเมื่อเสิ่นสุยอวิ๋นทราบว่า นอกจากซูอี้ไม่แยแสจะประลองกับเขาแล้ว ยังบอกอีกว่าหากมาเพื่อล้างแค้น ก็จะมอบความตายแก่เขา จึงรู้สึกผงะไปหมด
ท่าทีเช่นนั้น กระทั่งเวิงจิ่วยังลอบถอนหายใจ ถ้าเสิ่นสุยอวิ๋นได้เห็นสีหน้าดูแคลนถึงขีดสุดของซูอี้แล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าต้องโมโหขนาดไหน
“เขาบังอาจดูหมิ่นข้าถึงปานนี้เชียวรึ…”
หน้าตาเสิ่นสุยอวิ๋นฉายแววเย็นเยียบ พลังคมกล้าน่าผวาแผ่ซ่านออกมา
“เจ้าจงไปบอกเขา ภายในหนึ่งเค่อ หากเขายังไม่มา อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”
น้ำเสียงของเสิ่นสุยอวิ๋นเย็นยะเยือก
เวิงจิ่วส่ายหัวพลางกล่าว “ข้ารู้จักสหายเต๋าซูดี เขาไม่มาหรอก ข้าว่า หากคุณชายเสิ่นต้องการรู้ผลแพ้ชนะ ควรเดินทางไปยังสวนน้อยนภาเมฆเดี๋ยวนี้เลย”
เสิ่นสุยอวิ๋น “…”
เขาไม่พูดสิ่งใดอีก เพียงแต่รอคอยเงียบ ๆ
ในเมื่อบอกแล้วว่าจะรอหนึ่งเค่อ เขาย่อมไม่ผิดวาจา
ทว่าในใจได้บันดาลโทสะเสียแล้ว
ที่เขามาครานี้ เดิมตั้งใจต่อสู้กับซูอี้อย่างตรงไปตรงมา ตัดสินทั้งแพ้ชนะและความเป็นความตาย!
ไฉนเล่าจะคิด ซูอี้กลับไม่แยแสจะมารบด้วย!
เวลาเดินต่อไปเรื่อย ๆ
ผู้ฝึกคนที่เข้ามาล้อมรอบข้างแอ่งเกล็ดทองมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละคนเดินทางมาจากทั่วสารทิศหลังทราบข่าวแล้วทั้งนั้น
กระทั่งจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยยังทราบเรื่องและเสด็จมาด้วยตัวพระองค์เอง
“เหตุใดซูอี้ถึงไม่มา เขากลัวอย่างนั้นหรือ?”
“เป็นไปได้อย่างไรที่เทพเซียนซูจะกลัว รอดูต่อไปอีกหน่อยเถิด อย่างไรเสิ่นสุยอวิ๋นก็ระบุชื่อไปแล้ว หากเทพเซียนซูไม่มา ย่อมทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย”
…เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไม่หยุดหย่อน
ทันใดนั้น เสียงอุทานอย่างตกใจเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้น
“มาแล้ว! เทพเซียนซูมาแล้ว!”
เป็นเสียงสตรี นางเต็มตื้นจนเสียงนั้นสูงแหลม ตาเป็นประกาย
ฮือฮากันทั่วพื้นที่
ฝูงชนรับชมเห็นที่ไกล ๆ มีคนหนุ่มในชุดสีเขียวคราม รูปงามเหนือปุถุชนกำลังรุดหน้ามายังแอ่งเกล็ดทองโดยมีมือไพล่หลัง
ซูอี้นั่นเอง
“ในที่สุดท่านซูก็มา!”
“คราวนี้มีอะไรเด็ด ๆ ให้ดูแล้ว!”
“อันดับหนึ่งในทำเนียบดาราจะเป็นของผู้ใด ประเดี๋ยวคงได้รู้คำตอบ!”
ผู้ฝึกคนในที่นี้ตื่นเต้นขึ้นมา ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ผู้หนึ่งคือเทพเซียนซูที่ชื่อก้องไปทั่วหล้า เคยปลิดชีพมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตวงล้อวิญญาณถึงห้าคน และเคยปราบกองทัพพันธมิตรแห่งห้าขุมกำลังโบราณได้โดยไม่สะทกสะท้าน สง่างามยิ่ง
ผู้หนึ่งคือผู้ร้ายกาจในโลกกว้างซึ่งเป็นอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาราจวบจนป่านนี้ นักดาบอันดับหนึ่งแห่งคีรีดาบเมฆาเร้น
การประลองระดับนี้ ผู้ใดไม่อยากดูบ้าง?
เพียงแต่ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซูอี้กลับส่ายหน้าไปมา
เขามาแอ่งเกล็ดทองหนนี้ ไม่ได้มาเพื่อจัดการเสิ่นสุยอวิ๋น
“ดูไม่ออกเลยว่าซูอี้ผู้นี้มีบารมีสูงส่ง”
เยี่ยเสวี่ยถิงเอ่ยด้วยความตะลึง
“ข่าวว่า เขาเคยสังหารบุคคลขอบเขตวงล้อวิญญาณห้าคนในโลกนี้ด้วยดาบ ทั้งที่ตัวเขาอยู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะมหาวิถีชั้นเยี่ยม อย่าลืมสิ เมื่อครั้งมารดาของเขาอย่างเยี่ยอวี่เฟยยังอยู่ในตระกูลเรา ก็โดดเด่นเช่นนี้เหมือนกัน”
พูดถึงเยี่ยอวี่เฟย หน้าตาเยี่ยเสวี่ยถิงฉายแววอึมครึม
เยี่ยเฟิงเหอมีสีหน้าเย็นยะเยือก เขาเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “แต่เยี่ยอวี่เฟยตายไปนานแล้ว และครั้งนี้ ลูกชายย่อมมีชะตาเช่นเดียวกับนาง!”
ก่อนหน้านี้พวกเขาสามคนยังกังวลว่าซูอี้จะหนีไปได้ แต่ในไม่ช้าก็ค้นพบว่า ซูอี้หาได้ทำเช่นนั้นไม่ ราวกับเขาสัมผัสได้ว่าไม่มีแนวโน้มว่าจะหนีพ้น
เป็นผลให้พวกเขาทั้งสามมั่นอกมั่นใจยิ่งขึ้น
“เหอะ ๆ ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นี้น่าขันเสียจริง ยังเฝ้ารอศึกปะทะระหว่างซูอี้และเสิ่นสุยอวิ๋นผู้นั้นอยู่อีก หลังจากนี้ที่ซูอี้โดนฆ่า ไม่รู้ว่าสีหน้าพวกเขาจะชวนบันเทิงเพียงใด”
เยี่ยเสวี่ยถิงหัวเราะ
เยี่ยจ่างฉุนส่งกระแสปราณเตือน “ประเดี๋ยวเจ้าและเฟิงเหอไปจัดการซูอี้ด้วยกัน ส่วนข้าจะคอยถ่วงเยี่ยอวิ๋นหลันไว้”
เยี่ยเสวี่ยถิงและเยี่ยเฟิงเหอพยักหน้า
บนเกาะตรงกลางของแอ่งเกล็ดทอง เสิ่นสุยอวิ๋นสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนริมแอ่งเช่นกัน และเห็นซูอี้ที่เดินมาไกล ๆ ในปราดเดียว
“เจ้าบอกว่าเขาไม่มาแล้วไม่ใช่หรือ?”
เสิ่งสุยอวิ๋นคลี่ยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก “แต่บัดนี้ดูแล้ว สุดท้ายเขาก็ยอมมาแต่โดยดี”
เวิงจิ่วแปลกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน
“ซูอี้ ข้าได้ข่าวว่าเจ้าจะมอบความตายแก่ข้า เช่นนั้นมาสู้กันสิ!”
เสิ่นสุยอวิ๋นกล่าวเสียงก้องประหนึ่งอัสนี ดังเปรี้ยงปร้างอยู่รอบ ๆ แอ่งเกล็ดทอง
ชุดขาวของเขาพลิ้วสะบัด ท่าทางงดงาม กลายเป็นที่จับตามองของทุกคนในที่นี้ทันที
ซูอี้เหลือบมองเสิ่นสุยอวิ๋น “อยากตายนั้นง่ายนิดเดียว เจ้าจงรออยู่ที่นั่น ข้าส่งพวกเขาไปที่ชอบที่ชอบก่อน ค่อยส่งเจ้าติดตามไปด้วย”
ทุกคนผงะ เกิดอะไรขึ้น?
เสิ่นสุยอวิ๋นก็สับสนนิดหน่อย เจ้านี่หมายความว่าอย่างไร?
แลเห็นซูอี้ชี้ไปที่แอ่งเกล็ดทอง พร้อมกล่าวกับเยี่ยจ่างฉุน “ที่แห่งนี้วิจิตรงดงาม ฮวงจุ้ยดีเยี่ยม ได้ฝังร่าง ณ ที่นี้ นับว่าเป็นกำไรของพวกเจ้า”
วาจานี้เล่นเอาพวกเยี่ยจ่างฉุนสีหน้าอึมครึมลงหมด
และทุกคนในที่นี้ถึงตระหนักได้ว่า ซูอี้มาที่นี่หาใช่เพื่อประลองกับเสิ่นสุยอวิ๋นเท่านั้น แต่เขาต้องการปลิดชีพคนอื่นก่อน!
“สามคนนั้นเป็นใคร?”
“ไม่รู้สิ แต่ดูแล้วไม่ควรไปแหยมด้วย”
“ผู้ที่เทพเซียนซูต้องลงมือเอง มีหรือจะเป็นพวกดาด ๆ”
“ให้ตายสิ เทพเซียนซูไม่เห็นเสิ่นสุยอวิ๋นอยู่ในสายตาเลยนี่นา มิฉะนั้น เหตุใดถึงกล้าเมินเฉยเสิ่นสุยอวิ๋นในช่วงเวลานี้”
…ทั้งหมดฮือฮา เสียงเซ็งแซ่ดังไปทั่ว ประหนึ่งน้ำมันที่เดือดอยู่ในกระทะ
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยและเวิงจิ่วเห็นดังนั้น ต่างตะลึงอย่างอดไม่ได้ สีหน้าไหวระริก
“ซูอี้ ให้ข้าจัดการพวกเขา!”
และในตอนนั้น เยี่ยอวิ๋นหลันก้าวยาว ๆ ออกมา เอ่ยด้วยสีหน้าแน่วแน่
“ใครกันล่ะคนผู้นี้?”
ทุกคนในที่นี้สับสนระคนตะลึงยิ่งขึ้น
ซูอี้เอ่ยด้วยความจนใจ “ท่านดูอย่างเดียวเป็นพอ หากข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนี้จริง ๆ ท่านค่อยลงมือเป็นอย่างไร”
เยี่ยอวิ๋นหลันละล้าละลังขึ้นมาทันที
ภาพนี้ ทำให้เยี่ยจ่างฉุนหัวเราะเย็นอย่างอดไม่ได้ เขาพูดกับพวกเยี่ยเสวี่ยถิง “ผู้ใดในพวกเจ้าสองคนจะไปปลิดชีพชายผู้นั้น”
“ข้าเอง”
เยี่ยเฟิงเหอกล่าว ก่อนจะก้าวเหินอากาศไปอยู่เหนือแอ่งเกล็ดทอง หมุนตัว นัยน์ตาเย็นยะเยียบดั่งสายฟ้า พุ่งเป้าไปที่ซูอี้จากที่ไกล ๆ “ไอ้เด็กน้อย รอรับความตายเสีย!”
แต่ละพยางค์ดังกึกก้องในปฐพี
ขณะเดียวกัน เยี่ยจ่างฉุนและเยี่ยเสวี่ยถิงก็ขวางอยู่ด้านหน้าเยี่ยอวิ๋นหลัน
“เยี่ยอวิ๋นหลัน เจ้าอย่าวู่วามดีกว่า มิฉะนั้น ตระกูลย่อมตัดสินเจ้าว่าเป็นคนทรยศ และลงโทษสถานหนัก!”
เยี่ยเสวี่ยถิงเอ่ยเย็น ๆ
เยี่ยเฟิงเหอยิ้ม ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
ตระกูลเยี่ยในตอนนี้ เยี่ยอวิ๋นหลันนับเป็นบุคคลที่ไม่มีผู้ใดชมชอบ
เวลานี้ ทุกคนในที่นี้เข้าใจแล้วว่า ที่ซูอี้มาในวันนี้ เพื่อสังหารคนแปลกหน้าสามคนนี้!
ส่วนเสิ่นสุยอวิ๋น…
ยังไม่เพียงพอให้ซูอี้มองเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ไม่อย่างนั้น เหตุใดซูอี้ถึงเมินเขาถึงปานนี้!!
เสิ่นสุยอวิ๋นเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเขาอึมครึมลงอย่างมาก รู้สึกเหมือนศักดิ์ศรีทั้งหมดถูกท้าทายเหยียบย่ำ ความโมโหท่วมท้นในใจ
เขาไม่ลังเลอีกต่อไป จากนั้นก้าวเหินอากาศ ยืนตระหง่านมองเยี่ยเฟิงเหอพร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “หากจะฆ่าซูอี้ ต้องให้ข้าลงมือก่อน!”
แต่ละคำกังวานมีพลัง จิตสังหารสะท้านฟ้า ชั้นเมฆพลันระเบิดทลายลง
ความฮือฮาบังเกิด ผู้คนต่างเอ็ดอึงขึ้นมา
เดิมคิดว่านี่เป็นการปะทะสะท้านโลกาที่หาชมได้ยาก ใครเล่าจะคิด ความปรวนแปรที่เกิดขึ้น จะเร้าใจยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก!
“ไอ้หนุ่ม นั่งบนภูดูเสือกัดไม่ดีตรงไหน เจ้าคอยดูเรื่องสนุก ๆ อยู่ในมุมดีกว่า!”
เยี่ยเฟิงเหอส่ายหน้า
ความดูแคลนที่เผยให้เห็นโดยไม่ตั้งใจส่งผลให้เสิ่นสุยอวิ๋นมีสีหน้าไม่สู้ดี
โดนซูอี้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีไม่เท่าไร บัดนี้กระทั่งคนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนยังบังอาจเมินเฉยต่อเขา!
ให้ทนไหวได้อย่างไร?
และเวลานี้ ซูอี้ก้าวมาอยู่เหนือแอ่งเกล็ดทองแล้ว เขาชำเลืองเสิ่นสุยอวิ๋น “เขาพูดถูก ก่อนตายได้ชมเรื่องสนุก ๆ สักครา เท่ากับมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นอีกหน่อย ไม่ดีตรงไหน”
เสิ่นสุยอวิ๋น “…”
ผู้ร้ายกาจในโลกกว้างอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาราเคยถูกดูหมิ่นดูแคลนถึงเพียงนี้เสียเมื่อไร?
ชั่วขณะนั้น เขาโมโหจนแทบระเบิด
ทว่า ขณะที่เสิ่นสุยอวิ๋นตัดสินใจเลิกสนทุกอย่าง แล้วลงมือทันที นัยน์ตาของเขาพลันหดลงอย่างแรง!