บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 723 ราวกับไปยังสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง
ตอนที่ 723: ราวกับไปยังสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง
ตอนที่ 723: ราวกับไปยังสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง
พลังทั่วตัวเยี่ยเฟิงเหอเกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
ผิวน้ำแอ่งเกล็ดทองใต้เท้าสั่นสะเทือนรุนแรง ไอน้ำคละคลุ้ง ท้องฟ้าที่เคยสดใสบัดนี้อึดอัดอึมครึม
แรงกดดันสุดสยองปลดปล่อยออกจากตัวเยี่ยเฟิงเหอ สะท้านฟ้าดิน
เพียงไม่กี่อึดใจ เสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ที่ดังอยู่บริเวณรอบ ๆ เงียบกริบ
บรรยากาศในฟ้าดินสงัด
“คนผู้นี้เป็นใครกัน บารมีแกร่งกล้าเหลือเกิน!”
ไม่รู้ว่าผู้ใดบ้างที่สีหน้าเปลี่ยนไป
“ทั้งที่พลังฝึกอยู่ขอบเขตสยายวิญญาณแท้ ๆ ทว่าระดับพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณอย่างหวนเทียนซูและเนี่ยหว่านจืออยู่มากโข เขาเป็นใครกัน?”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยสะท้านใจ หน้าตาฉายแววสงสัย
สำหรับผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ในที่นี้ พวกเขาไม่รู้จักเยี่ยเฟิงเหอเลย ก่อนหน้านี้จึงไม่ใส่ใจเท่าใด
แต่บัดนี้ เมื่อเยี่ยเฟิงเหอเผยความแข็งแกร่งของตัวเอง ผู้คนถึงตระหนักขึ้นได้ฉับพลัน บุรุษแปลกหน้าที่กำลังจะประมือกับซูอี้เป็นตัวตนที่น่าพรั่นพรึงไม่น้อย!
และสิ่งนี้ ทำให้เสิ่นสุยอวิ๋นตื่นตัวขึ้นมา
ความโมโหเต็มอกของเขามลาย คนก็ใจเย็นลง
ในฐานะตัวตนขอบเขตสยายวิญญาณเหมือนกัน เสิ่นสุยอวิ๋นสัมผัสได้ชัดเจนว่าเยี่ยเฟิงเหอน่ากลัวยิ่ง หาใช่ผู้ที่ขอบเขตสยายวิญญาณคนอื่น ๆ ในโลกนี้เทียบเทียมได้!
“เช่นนั้นปล่อยให้พวกเขาสู้กันเองไปก่อน หากซูอี้ถูกฆ่า ข้าย่อมได้ประโยชน์โดยไม่ต้องเหนื่อย หากคนผู้นี้ถูกฆ่า ซูอี้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายในการนี้”
“มิหนำซ้ำ ด้วยโอกาสนี้ ข้าจะได้เห็นพลังของซูอี้ว่าระดับใดกันแน่”
ขณะที่ครุ่นคิด เสิ่นสุยอวิ๋นพยายามระงับความอับอายในใจ และจากพื้นที่ตรงนี้ไปเงียบ ๆ
ยังดีที่ความสนใจของทุกคนล้วนเพ่งไปยังเยี่ยเฟิงเหอและซูอี้ในนาทีนี้ จึงไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเสิ่นสุยอวิ๋น
เป็นเรื่องที่เขาลอบโล่งอกเช่นกัน
“พวกเจ้าจะออกมาตายทีละคนหรือไร?”
เมื่อเห็นว่ามีเพียงเยี่ยเฟิงเหอที่ก้าวออกมา ซูอี้จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ราวกับไม่สบอารมณ์นิดหน่อย
“ข้าคนเดียว ฆ่าเจ้าได้เกินพอ!”
เยี่ยเฟิงเหอหน้าตาเย็นชา
เสียงนั้นยังสะท้อนก้อง เขาชักดาบออกจากฝักฉับพลัน
เคร้ง!
เสียงกู่ร้องของดาบทะยานคลื่นฟ้าราวเกลียวคลื่นซัดสาดโนเวลพีดีเอฟ
ดาบในมือเยี่ยเฟิงเหอทมิฬทั้งเล่ม มีเพลิงลุกโชนเป็นจุด ๆ ประหนึ่งดวงดารา ลมปราณดุดันออกอาละวาด พลังการทำลายล้างนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึง
ดาบวิถีเพลิงดารกะ!
มีดาบนี้ในมือ พลังของเยี่ยเฟิงเหอน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ
เสิ่นสุยอวิ๋นอดแปลกใจไม่ได้ เขาจินตนาการไม่ออกว่าตัวร้ายกาจเช่นนี้โผล่มาจากไหน
ทว่า เท่านี้ยังไม่เพียงพอให้เขาต้องหวั่นใจ เขามั่นใจว่าถ้าตัวเองเป็นซูอี้ ย่อมชนะคนผู้นี้ได้แน่นอน!
และเวลานั้น พลังค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนถูกปลุกขึ้นอย่างเงียบงัน ก่อนจะปกคลุมบริเวณรอบ ๆ โดยมีแอ่งเกล็ดทองเป็นจุดศูนย์กลาง
ศึกใหญ่เช่นนี้ ขืนไม่สะกดด้วยพลังค่ายกล ลำพังคลื่นพลังก็เพียงพอจะทำลายทั้งแถบนี้ให้ราบ!
“ข้าว่า พวกเจ้าลุยพร้อมกันเลยดีกว่า”
ซูอี้ถอนหายใจเบา ๆ
เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ เยี่ยอวิ๋นหลันอดชะงักไม่ได้ แม้ว่าเด็กคนนี้ก็ยังหนุ่มนัก ทว่าความอาจหาญของเขาน่าทึ่งจริง ๆ
ตระกูลเยี่ยแห่งคุนอู๋เป็นจ้าวแห่งภูมิคังเสวียน มีรากฐานมาแต่โบราณ
และในฐานะสมาชิกตระกูลเยี่ย รากฐานขอบเขตสยายวิญญาณของเยี่ยเฟิงเหออยู่ในระดับต้น ๆ แม้แต่ที่ภูมิคังเสวียน พอให้เขาอยู่เหนือผู้แกร่งจำนวนมากในรุ่นเดียวกัน!
และบนมหาทวีปคังชิงแห่งนี้ บรรดาขอบเขตสยายวิญญาณที่อยู่ในโลกนี้ น่ากลัวว่าจะไม่มีผู้ใดมีฝีมือทัดเทียม
แต่ตอนนี้ ซูอี้กลับไม่เห็นเยี่ยเฟิงเหออยู่ในสายตาสักนิด!
แล้วจะไม่ให้เยี่ยอวิ๋นหลันตะลึงได้อย่างไร?
“เห่าหอนเป็นสุนัขเชียว รนหาที่ตาย!”
เยี่ยเฟิงเหอแค่นเสียงเย็น ตวัดดาบเข้ามาโดยไม่ลังเล
ครืด! ครืด! ครืด!
เมื่อดาบนี้ถูกฟาดฟัน เสียงกู่ร้องดังขึ้นติดต่อกัน
ปราณดาบสายหนึ่งพาดผ่านอากาศ พร้อมด้วยแสงฝนเพลิงกระจัดกระจายประหนึ่งดอกไม้ไฟ คล้ายกับเพลิงดารกะที่แผดเผาทุ่งนา เจิดจ้าแยงตา
แอ่งเกล็ดทองอันไพศาลเดือดพล่าน ไอน้ำขยายออกไปท่วมฟ้า
ทุกคนในที่นี้ตะลึงกันหมด เย็นยะเยือกที่ผิว ช่างเป็นดาบที่น่ากลัวเหลือเกิน!
“เอาเถิด เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปก่อน”
ซูอี้ยืดเส้นยืดสาย พลังปราณทั้งตัวเปรียบดั่งมหาสมุทรหลับไหล เกิดเดือดพล่านดุดันขึ้นมาในอึดใจนี้!
เขากระโจนก้าวมาข้างหน้า
เมื่อปราณดาบสายนั้นฟาดฟันเข้ามา เขาฟาดมือขวาสวนออกไป
ตู้ม!
ประหนึ่งพายุพัดโหมก้อนเมฆ ดาบที่ปล่อยดอกไม้ไฟเพลิงท่วมฟ้าระเบิดแหลกลาญ ทลายดั่งสายน้ำ
ง่าย ๆ เช่นนี้ ก็สลายดาบของเยี่ยเฟิงเหอได้!
ทั้งหมดสะท้าน
สีหน้าเสิ่นสุยอวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อครู่เขายังขบคิดอยู่ว่าหากเขาเป็นผู้ลงมือ ก็ต้องดึงพลังที่แท้จริงออกมาจึงจะสลายดาบนี้ได้ แต่ซูอี้… กลับทำได้อย่างง่ายดาย!
“เยี่ยม!”
เยี่ยอวิ๋นหลันร้องไชโยให้ซูอี้สุดเสียง
“เฟิงเหอ อย่าได้ชะล่าใจ กระนั้นอย่าได้กักเก็บพลังอีก!”
เยี่ยจ่างฉุนขมวดคิ้ว เสียงนั้นแฝงความไม่พอใจ
“ได้!”
สายตาเยี่ยเฟิงเหอเปล่งแสงเย็น พลังวิถีหมุนวนสุดกำลังอยู่ทั่วร่าง
ตู้ม!
ร่างผอมสูงของเขามีแสงเทวะมหาวิถีหลั่งไหลออกมาอย่างดุดัน ความกล้าแกร่งทวีเพิ่มพูน ส่งผลให้อากาศโดยรอบกู่ร้องราวกับตกอยู่ใต้อาณัติ
“ตัด!”
ท่ามกลางเสียงคำรามกราดเกรี้ยวเสียดหู เยี่ยเฟิงเหอตวัดดาบบุกเข้ามา
ปราณดาบสายแล้วสายเล่า พายุเพลิงที่ดูเหมือนบดขยี้อากาศราวกับประทีปจากดวงดารา ปกคลุมผืนฟ้าและแผ่นดิน
มองจากที่ไกล ๆ อากาศตรงนั้นดูคล้ายทะเลเพลิงลุกไหม้ ปราณดาบนับพันหมื่นกระหน่ำอยู่ในนั้น
วิถีดาบระดับนี้เพียงพอให้ฟ้าดินตะลึง ผีสางเทวดาต้องยอมถอย!
ซูอี้กลับไม่แม้แต่จะมอง เขาก้าวเข้าไปด้านหน้า
ชุดสีเขียวครามของเขาส่งเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ ผมยาวสยายพลิ้วไหว แก่นแท้จุดกำเนิดเร้นลับเจือจางว่ายวนอยู่รอบตัว เมื่อปราณดาบจากทะเลเพลิงท่วมท้นฟ้าปกคลุมเข้ามา กลับทลายลงเบื้องหน้าเขาอย่างฉับพลัน
ราวกับไม่ว่าวิชาใดก็ทำอะไรเขาไม่ได้!
และเมื่อร่างของเขาก้าวไปข้างหน้า ความรู้สึกนั้นเสมือนสว่านแหลมคม ฉีกกระชากทะเลเพลิงบนฟากฟ้าออกจากกัน สะเทือนประกายแสงท่วมฟ้าให้มลาย!
เขาตรงดิ่งเข้าไป ราวกับไปยังสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดเข้าถึง
ดูเหมือนเชื่องช้า แท้จริงแล้วเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ซูอี้เข้าประชิดตัวเยี่ยเหอเฟิงโดยไร้ซึ่งสิ่งใดขวางกั้น
จากนั้น เขาก็ปล่อยออกไปหนึ่งหมัด
เพียงหมัดเดียวง่าย ๆ ไม่เจือปนกลิ่นอายฆราวาสแม้แต่น้อย ปราศจากลูกเล่นตื้นเขิน
แต่เมื่อหมัดนี้กระแทกลง
ตู้ม!
ฟ้าดินสั่นคลอน แอ่งเกล็ดทองอันไพศาลถล่มอย่างแรง คลื่นน้ำซัดสาดไปรอบแอ่ง โถมทับเป็นคลื่นสูงนับสิบจั้ง
ผู้ฝึกตนบนฝั่ง พากันถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว
ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนที่ปกคลุมอยู่รอบ ๆ แอ่งเกล็ดทองสั่นสะเทือนตามอย่างรุนแรง
ราวกับด้วยหมัดนี้ ฟ้าจะถล่มดินจะทลายอย่างไรอย่างนั้น!
พลังสยดสยองเป็นหนึ่งปานนี้ ส่งผลให้เยี่ยเฟิงเหอสีหน้าเปลี่ยนไปทันควัน ขนตั้งชัน จิตวิญญาณและสภาพจิตใจล้วนสะเทือนอย่างมาก ใจสั่นขวัญผวา
บัดซบ!
หมอนี่แข็งแกร่งไปหรือเปล่า?
ก่อนหน้านี้เยี่ยเฟิงเหอยังมั่นใจเหลือล้น นาทีนี้เขาตื่นตระหนกอย่างสิ้นเชิง
เพราะหมัดนี้ ทำให้เขาได้กลิ่นความตาย!
“แผดเผาให้สิ้น!”
เยี่ยเฟิงเหอผู้ได้รับความสะเทือนขวัญอย่างมากทุ่มกำลังทั้งหมดที่มี ใช้พลังวิถีในสภาพเกือบคลุ้มคลั่ง ก่อนจะแทงดาบออกไปกลางอากาศ
ตู้ม!
ตัวดาบสีดำเสมือนมีไฟลุกโชน เปล่งแสงเทวะออกไปไกลนับหมื่นจั้ง
ความรู้สึกนั้นราวกับอัสดงแรงกล้าได้ลุกพรึ่บด้วยดาบนี้ แยงตาจนแทบลืมตาไม่ไหว
อึดใจนี้ เสิ่นสุยอวิ๋นเองยังอดหวั่นใจไม่ได้ หากเป็นตัวเองที่เผชิญกับดาบที่ทุ่มเทด้วยชีวิตเช่นนี้ น่ากลัวว่าต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีเช่นกัน จึงจะสลายมันไปได้
ชั่วขณะนั้น เยี่ยอวิ๋นหลันหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางหมุนเวียนพลังในร่างเงียบ ๆ
ส่วนเยี่ยจ่างฉุน เยี่ยเสวี่ยถิงสองคนรวบรวมพลังเตรียมพร้อมเช่นกัน
ไม่มีผู้ใดคาดคิด การต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้น ซูอี้ก็แสดงแสนยานุภาพราวกับไม่มีผู้ใดสามารถขวางกั้น ข่มจนเยี่ยเฟิงเหอจำต้องใช้วิชาก้นหีบ!
และในเวลานี้เอง…
หมัดของซูอี้กระแทกใส่ปราณดาบของเยี่ยเฟิงเหอ
ตู้ม!!!
ราวกับอุกกาบาตกระแทกโลก เกิดเสียงดังสนั่นประหนึ่งผืนฟ้าแผ่นดินถล่ม
ท่ามกลางสายตาตะลึงที่ฝูงชนจ้องมองมา ปราณดาบดุดันราวอัสดงเจิดจ้าระเบิดใต้หมัดนี้ของซูอี้ แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ท่ามกลางฝนแสงที่สาดกระเซ็น แรงหมัดที่ไม่ลดแม้แต่น้อย กระแทกใส่ตัวเยี่ยเฟิงเหออย่างแรง
สมบัติลับป้องกันตัวของตัวตนขอบเขตสยายวิญญาณแห่งตระกูลเยี่ยผู้นี้ระเบิดออกทีละชิ้นประหนึ่งแก้วเปราะ พลังคุ้มกันจากตัวเขาเกิดรอยบุบอย่างรุนแรง ท้ายที่สุดก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทลายออกดังปึง
จากนั้น แรงหมัดกระแทกใส่หน้าอกของเขาราวกับเป็นเรื่องง่าย ๆ
ปึง…!
เยี่ยเฟิงเหอกระเด็นออกไป
ร่างของเขายังค้างอยู่กลางอากาศ ทว่าผิวแตกอีกทีละชุ่น ฝนเลือดพรั่งพรูออกมาดั่งน้ำพุ เสียงกระดูกแหลกออกจากกันดังออกมาจากร่างของเขา
ท้ายที่สุดเกิดเสียงดังตุ้บ เขาร่วงลงบนพื้นผิวแอ่งเกล็ดทองที่ห่างออกไปร้อยจั้ง
เมื่อได้เห็นภาพเขาอีกครั้ง เขาอยู่ในสภาพผมเผ้ากระเซิง ทั้งตัวอาบไปด้วยโลหิต บาดเจ็บปางตาย!
ส่วนดาบวิถีในมือเยี่ยเฟิงเหอกำลังกู่ร้องโศกเศร้า มันร่วงหล่นลงข้างกายเขา สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ส่งเสียงคำรามอาดูรราวอสูรผู้สิ้นหวัง
อานุภาพจากหนึ่งหมัดยังแข็งแกร่งปานนี้!
ทั้งหมดเงียบสงัด ทุกคนล้วนตกตะลึงจนตาค้างปากอ้า
ความแข็งแกร่งของเยี่ยเหอเฟิงนั้น ทุกคนในที่นี้ได้ประจักษ์หมด แต่ใครเล่าจะคิด เมื่อซูอี้ลงมือ เขากลับต้านไม่ได้แม้แต่หมัดเดียว?
และความแข็งแกร่งอันไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางและไม่มีผู้ใดเทียบเทียมที่ซูอี้แสดงให้เห็นนั้น สะท้านหัวใจทุกคนในที่นี้อย่างรุนแรงเช่นกัน
“หมอนี่ แกร่งกล้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ…”
จิตใจของเสิ่นสุยอวิ๋นพลุ่งพล่าน ร่างกายพลันตึงขึ้นมา แม้แต่เขาเองยังตะลึงกับหมัดที่สะท้านฟ้าดินนี้ของซูอี้
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
เยี่ยเสวี่ยถิงร้องเสียงหลง
สีหน้าเยี่ยจ่างฉุนอึมครึมลง
“เยี่ยม!”
เยี่ยอวิ๋นหลันหัวใจเต็มตื้น หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความยินดี
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเมื่อเผชิญกับตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณอย่างเยี่ยเฟิงเหอ ซูอี้ผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นปลายกลับมีพลังมากพอจะเป็นฝ่ายบดขยี้!
“เทียบกับการสังหารพวกหวนเทียนซูเมื่อวันที่สิบเดือนสาม พลังของสหายเต๋าซู… เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกผันทีเดียว…”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยพึมพำ
เขาเคยได้เห็นเมื่อครั้งซูอี้เข่นฆ่าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณอย่างพวกหวนเทียนซูมาแล้ว จึงรู้ดีว่าซูอี้ในวันนี้เมื่อเทียบกับครั้งอดีต ไม่อาจทัดเทียมได้เลย!
คนในที่นี้ มีเพียงเหวินซินจ้าว ชิงหยา และเซียนหานเยียนที่มีอารมณ์เรียบนิ่งที่สุด
“บอกแต่แรกแล้วว่าให้พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกัน ดันไม่รู้จักเจียมตัว แล้วจะต่างสิ่งใดจากตั๊กแตนที่หวังขวางรถกัน?”
เสียงราบเรียบนั้นเพิ่งจะดังขึ้น ร่างของซูอี้ก็ได้ก้าวไปหาเยี่ยเฟิงเหอแล้ว
“หยุด!”
ชั่วขณะนั้น เยี่ยเสวี่ยถิงลงมือโดยไม่ลังเล ร่างของนางพุ่งไปหาซูอี้ประหนึ่งลำแสง
ฟึ่บ!
ร่างนั้นยังค้างอยู่กลางอากาศ เยี่ยเสวี่ยถิงก็ฟันดาบไปหาซูอี้โดยไม่ลังเล
ปราณดาบนั้นราวม่านหมอก ขาวผ่องเจิดจ้า
“ลำพังเจ้า ช่วยชีวิตเขาไม่ได้หรอก”
ซูอี้ส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้นก็ดีดนิ้วออกไป
ปึง!!!
ดาบที่เยี่ยเสวี่ยถิงฟาดฟันเข้ามา แตกออกทีละชุ่น
และในเวลาเดียวกัน ซูอี้กระทืบเท้า
ซ่า!!
ห่างออกไปหลายสิบจั้ง รอบตัวเยี่ยเฟิงเหอมีสายน้ำหลั่งไหลอย่างดุดัน จนกลายเป็นวังวนปราณดาบที่กินพื้นที่ไปเป็นสิบจั้ง ครอบคลุมเขาไว้ทั้งตัว
“ไม่…”
เยี่ยเฟิงเหอกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความผวา
ทว่าเสียงนั้นหยุดชะงักไปอย่างรวดเร็ว
ยอดฝีมือชั้นเยี่ยมขอบเขตสยายวิญญาณจากตระกูลเยี่ยผู้นี้ ถูกปราณดาบปั่นร่างจนเป็นก้อนเนื้อเปื้อนเลือดชิ้นเล็กชิ้นน้อยท่ามกลางสายตามากมายที่จับจ้องมาด้วยความตะลึง
วิญญาณสลายกลายเป็นธุลี!