บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 724 ศีรษะดีเลิศ ควรตัดด้วยฝีมือผู้ใด
ตอนที่ 724: ศีรษะดีเลิศ ควรตัดด้วยฝีมือผู้ใด
ตอนที่ 724: ศีรษะดีเลิศ ควรตัดด้วยฝีมือผู้ใด
เกลียวคลื่นซัดสาดอยู่เหนือผิวน้ำ
จุดที่เยี่ยเฟิงเหอจบชีวิตนั้น โลหิตย้อมน่านน้ำจนเป็นสีชาด โถมทับไปมาดั่งคลื่นเลือด
เพียงไม่กี่อึดใจ สีเลือดนั้นก็จางหายไป
ผู้คนในสถานที่นี้ต่างสะท้านใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
นับแต่ศึกนี้เริ่มขึ้นจนถึงจุดจบ เพียงไม่กี่พริบตา การดำรงอยู่อันยิ่งใหญ่อย่างขอบเขตสยายวิญญาณก็โดนซูอี้ปลิดชีพ ณ ที่นี้เสียอย่างนั้น!
ผู้ใดจะไม่ตะลึงบ้าง?
“บัดซบ!”
เยี่ยจ่างฉุนเผยจิตสังหาร
ก่อนหน้านี้ เขามัวแต่เพ่งความสนใจไปที่การป้องกันไม่ให้เยี่ยหวิ๋นหลันลงมือ จึงไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เดิมคิดว่าด้วยการโจมตีของเยี่ยเสวี่ยถิงคนเดียวก็เพียงพอที่จะคลายวิกฤตให้เยี่ยเฟิงเหอ
ทว่าใครเล่าจะคิด สุดท้ายเยี่ยเฟิงเหอก็ตายอยู่ดี!
“พลังรบระดับนี้ แข็งแกร่งกว่าอวี่เฟยในอดีตมากนัก”
เยี่ยอวิ๋นหลันสะท้อนใจ สีหน้าตื้นตันระคนปลาบปลื้ม และแฝงไว้ด้วยความเศร้าระคนหม่นหมอง
เยี่ยอวี่เฟยในอดีต บรรลุขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณตั้งแต่อายุสิบเจ็ด จึงถูกมองเป็นยอดอัจฉริยะในรุ่นเยาว์ของตระกูล พลังรบดุดัน สะท้านผู้คนในทุกยุคสมัย ในบรรดาผู้ที่อยู่ขอบเขตเดียวกันแห่งภูมิคังเสวียน ไม่มีผู้ใดทัดเทียม
แต่เมื่อเทียบแล้ว ซูอี้แกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด!
เขาปลิดชีพขอบเขตสยายวิญญาณขั้นสูงอย่างเยี่ยเฟิงเหอได้ง่ายดายเหมือนเชือดไก่เชือดลิง ไม่มีผู้ใดในบรรดาขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณแห่งภูมิคังเสวียนทำได้เช่นนี้เลยสักคน!
“เขาแข็งแกร่งกว่าที่ข้ารู้จักมาก…”
เสิ่นสุยอวิ๋นใจสะท้าน สีหน้าวูบไหว
หนนี้เขามาโดยเตรียมการไว้แล้ว และได้สืบเสาะวิเคราะห์พลังรบของซูอี้อย่างละเอียดก่อนมาท้าสู้
แต่ตอนนี้ เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองประเมินซูอี้ต่ำไป!
วันที่สิบเดือนสาม ซูอี้เป็นตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้น และวันนี้คือวันที่หนึ่งเดือนสี่ เพิ่งจะผ่านมายี่สิบวันเท่านั้น ผลการฝึกของซูอี้ได้บรรลุถึงขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นปลายแล้ว
บรรลุไปถึงสองขั้นย่อย!
ในฐานะผู้ร้ายกาจในโลกกว้างซึ่งเป็นอันดับหนึ่งบนทำเนียบดารา เสิ่นสุยอวิ๋นมั่นใจว่าตนสามารถฆ่าเยี่ยเฟิงเหอได้เช่นกัน แต่ไม่อาจทำได้ง่ายดายดั่งเช่นซูอี้
เมื่อเกิดข้อเปรียบเทียบเช่นนี้ จึงส่งผลให้เสิ่นสุยอวิ๋นรู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากซูอี้ในที่สุด!
“ตาเจ้าแล้ว”
บนผิวน้ำ ซูอี้หมุนตัว สายตาทอดมองเยี่ยเสวี่ยถิง
พริบตานั้น ร่างบางของเยี่ยเสวี่ยถิงแข็งทื่อ ดวงหน้างดงามเปลี่ยนไปทันควัน
เมื่อได้เห็นการตายของเยี่ยเฟิงเหอ ส่งผลให้เยี่ยเสวี่ยถิงผู้อยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณเช่นเดียวกันเกิดความกลัวขึ้นในจิตใจอย่างยากจะระงับเมื่อเผชิญกับซูอี้อีกครั้ง
ฟึ่บ!
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่างของซูอี้กระโจนข้ามอากาศเข้ามา
เยี่ยเสวี่ยถิงพลันรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล อย่าว่าแต่ลงมือเลย ในใจนางเกิดความรู้สึกอยากหนีขึ้นมาด้วยซ้ำ
“ถอยไป ข้าจะจัดการไอ้เดรัจฉานนี่เอง!!”
เสียงตะคอกหนักแน่นเย็นยะเยือกดังขึ้น ร่างของเยี่ยจ่างฉุนไหววูบ เหาะเข้ามาเหนือแอ่งเกล็ดทอง
ตู้ม!
แขนเสื้อของเขาปลิดปลิว ฝ่ามือดั่งรอยประทับ ฟาดออกไปอย่างแรง
ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือนขึ้นในอึดใจนี้ คลื่นเกลียวโหมกระหน่ำอยู่บนผิวน้ำ ซัดออกไปหลายจั้ง รอยฝ่ามือเปล่งแสงสีทองกดลงมาจากชั้นบรรยากาศ ถล่มใส่ซูอี้ที่พุ่งเข้ามาอย่างแรง
พลังนั้นทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดในที่นี้หวาดหวั่นจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างกันหมด… ขอบเขตวงล้อวิญญาณ!
นี่คือตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณอันน่าสะพรึง!
“ผู้แข็งแกร่งที่ครอบครอบวงล้อวิญญาณมหาวิถีอย่างสมบูรณ์!”
เสิ่นสุยอวิ๋นอึ้ง
ในฐานะนักดาบอันดับหนึ่งแห่งคีรีดาบเมฆาเร้น เขาย่อมรู้ว่าบุคคลระดับนี้เหนือกว่าขอบเขตวงล้อวิญญาณห้าคนที่ตายด้วยน้ำมือซูอี้มาก!
สองมือของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยกำแน่น
เวิงจิ่วสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
เดิมเยี่ยอวิ๋นหลันหมายมั่นลงมือ ทว่าท้ายที่สุดก็อดทนไว้
เยี่ยจ่างฉุนเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ จากบรรดาคนในตระกูลเยี่ย คนผู้นี้นับได้ว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของขอบเขตวงล้อวิญญาณ ชื่อเสียงเลื่องลืออย่างมากในภูมิคังเสวียน
แต่เยี่ยอวิ๋นหลันรู้ดีเช่นกันว่าด้วยพลังรบที่ซูอี้แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ ย่อมไม่มีทางที่เยี่ยจ่างฉุนจะกำราบเขาได้ง่ายดาย
“ให้เจ้าเด็กนี่รู้รสขมเสียบ้างก็ดี เขาจะได้เลิกปฏิเสธการช่วยเหลือจากข้า”
เยี่ยอวิ๋นหลันพึมพำ
ทันใดนั้นเอง
เมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้ ซูอี้ชี้นิ้วเป็นดาบ ประหนึ่งขวานยักษ์ที่เทพเทวะโบกสะบัด ทรงพลังพร้อมฟาดฟันปฐพี
ตู้ม!
เสียงกระแทกกันดังสนั่นฟ้าดิน พลังทำลายล้างกระจายออกไปอย่างเดือดดาล ผืนน้ำสะท้านจนเกลียวคลื่นซัดกลับในทิศทางตรงข้าม โถมขึ้นกลางอากาศ พลังค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนรอบ ๆ แอ่งน้ำสั่นสะเทือนอย่างแรง
ท่ามกลางหมอกควันคละคลุ้ง ร่างของซูอี้กับเยี่ยจ่างฉุนต่างถอยออกไปหลายก้าว
ทุกคนตาค้าง ชาไปทั้งหนังศีรษะ
ใครเล่าจะดูไม่ออก ในการโจมตีนี้ ผู้แข็งแกร่งขอบเขตวงล้อวิญญาณอย่างเยี่ยจ่างฉุนไม่ได้เปรียบเลยสักนิด
เสิ่นสุยอวิ๋นมีสีหน้าหนักอึ้ง
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยพรูลมหายใจ
เวิงจิ่วอึ้งจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เยี่ยอวิ๋นหลันตาโต เดิมเขาคิดว่าซูอี้ต้องเจอดีบ้าง ไฉนเล่าจะคิด ในการโจมตีนี้ ซูอี้กลับคานพลังได้อย่างเท่าเทียมกับเยี่ยจ่างฉุน!
“เฮอะ!”
ชุดของเยี่ยจ่างฉุนพลิ้วตามลม จากนั้นเขาจึงลงมืออีกครา
ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณชุดสีม่วง ดวงหน้าเยาว์วัยทว่าผมขาวหงอกผู้นี้ มีพลังปราณวิญญาณดุดันกู่ร้องดั่งพายุสายฟ้า รัศมีอันน่ากลัวแผ่ปกคลุมออกไปทั่วทุกทิศ ชั้นบรรยากาศรับแรงกดดันจนถล่มพังครืน
คล้อยตามการก้าวเดินของเขา ให้ความรู้สึกคล้ายภูเขาศักดิ์สิทธิ์กำลังเคลื่อนไหว สร้างความรู้สึกกดดันมหาศาล
กระทั่งมองจากที่ไกล ๆ ยังให้ความรู้สึกสิ้นหวังจนหายใจไม่ออก
“ไป!”
เยี่ยจ่างฉุนสะบัดแขนเสื้อ
บนอากาศ แสงเทพสีทองถาโถมออกมานับพันหมื่น ประกอบเป็นกรงขังสีทองอร่ามอยู่กลางอากาศ ถล่มลงมา
สุดยอดเคล็ดวิชาแห่งตระกูลเยี่ย… วาดพสุธากำหนดขอบเขต!
เมื่อได้สำแดง ความลับมหาวิถีเรียงกันเป็นกรงขัง จุติลงมาพร้อมด้วยพลังแห่งโลกภูมิ หากถูกขังอยู่ในนั้น จะถูกตัดขาดจากการสัมผัสกับมหาวิถีแห่งฟ้าดิน เสมือนถูกฟ้าดินเนรเทศ ถูกมหาวิถีทอดทิ้ง กลายเป็นจำเลยผู้ถูกคุมขัง จำยอมให้ผู้อื่นบงการตามอำเภอใจ
“ระวัง!”
สีหน้าเยี่ยอวิ๋นหลันเปลี่ยนไป อดกล่าวเตือนไม่ได้
ในฐานะสมาชิกตระกูลเยี่ย เขาย่อมทราบถึงความน่ากลัวของเคล็ดวิชาลับนี้ดี
“ลูกไม้ตื้น ๆ ทลายได้ในพลิกมือ!”
ทว่าเขากลับเห็นซูอี้หัวเราะ ยื่นมือคว้าออกไป
ตู้ม!
บนผืนนภา ปราณดาบเจิดจ้าสายหนึ่งพาดผ่านประหนึ่งทางช้างเผือก ยิ่งใหญ่ตระการตา จุติลงมายังโลกมนุษย์
หนึ่งดาบตวัดทางช้างเผือก
เมื่อดาบนี้ถูกปล่อยออกไป แก่นแท้จุดกำเนิดอันทรงพลังเปี่ยมล้นอยู่ในนั้น สะท้อนกับแสงอาทิตย์อัสดงอันเจิดจ้า ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
ตู้ม!
กรงขังสีทองอร่ามโดนกระแทกอย่างน่ากลัวในทันใด เหล่าแสงเทวะที่ประกอบเป็นกรงหักออกทีละท่อน
ความรู้สึกเหมือนหมู่ดาราร่วงหล่น ทลายกรงขังมนุษย์!
“นี่มัน…”
เยี่ยอวิ๋นหลันสูดปาก
วิชาวาดพสุธากำหนดขอบเขตของพวกเขาตระกูลเยี่ยปลิดชีพขอบเขตวงล้อวิญญาณได้สบาย แต่บัดนี้ กลับเปราะบางต้านไม่ได้แม้การโจมตีเดียวเมื่ออยู่ต่อหน้าซูอี้!
กระทั่งเยี่ยจ่างฉุนเองก็ยังอดเปลี่ยนสีหน้าไปไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ซูอี้ที่เพิ่งจะขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเท่านั้น กลับแกร่งกล้าได้ถึงเพียงนี้
เรื่องนี้เกินกว่าความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง
“ตัด!”
ร่างของซูอี้ฉวยโอกาสนี้บุกเข้ามา รวดเร็วดุจสายฟ้า ฟาดฝ่ามือลงมา
ความดุดันนั้นประหนึ่งดาบทลายสวรรค์!
เยี่ยจ่างฉุนไม่กล้าชะล่าใจ เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีต้านทานซูอี้
ศึกใหญ่ปะทุ ณ บัดนี้!
ร่างของทั้งคู่ต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดอยู่เหนือพื้นผิวแอ่งเกล็ดทอง ประมือกันจนฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราสิ้นแสง
คนหนึ่งสวมชุดเขียวหยกที่กำลังส่งเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ พลังผงาดง้ำดุดัน จองหองราวเทพเซียน แต่ละอากัปกิริยาแฝงไว้ด้วยปราณดาบพร้อมแผดพลังไปสิบทิศ
คนหนึ่งเป็นบุคคลชั้นนำแห่งขอบเขตวงล้อวิญญาณจากภูมิคังเสวียน เป็นคนใหญ่คนโตเรืองอำนาจแห่งตระกูลเยี่ยคุนอู๋ บารมีปกคลุมฟ้าดิน
เมื่อทั้งสองต่อสู้เข่นฆ่า แค่คิดก็รู้แล้วว่าภาพการณ์นั้นจะออกมาชวนทึ่งปานใด!
เมื่อได้เห็นศึกนี้ ทุกคนในที่นี้ล้วนตกตะลึงจนวิงเวียนกันหมด ราวกับได้เห็นศึกแห่งเทพเซียนในตำนาน หัวใจสะท้านหวั่นไหว
เสิ่นสุยอวิ๋นไม่อาจทำใจให้สงบ
คนทระนงเช่นเขา เมื่อได้ทอดมองการประมือสะท้านโลกาเช่นนี้จากที่ไกล ๆ แล้วจะนิ่งเฉยอยู่อย่างไรไหว?
“ก่อนนี้ที่ข้ามาท้าประลอง บุ่มบ่ามเกินไปจริง ๆ….”
เสิ่นสุยอวิ๋นพึมพำกับตัวเอง
เริ่มแรก เขามั่นใจว่าชนะซูอี้ได้แน่นอน จึงมาที่นี่เพื่อท้าสู้
แต่มาถึงเวลานี้ เขาถามใจตัวเอง หากเป็นเขาที่ห้ำหั่นกับซูอี้ ไม่กล้ารับประกันเลยว่าท้ายที่สุดเขาจะชนะ…
“มหาทวีปคังชิงแห่งนี้ยังไม่อุบัติแสงสว่างแห่งโลกกว้าง แต่เหตุใดเจ้าหนุ่มคนนี้กลับมีพลังรบที่สะท้านฟ้าถึงเพียงนี้?”
ดวงหน้างดงามของเยี่ยเสวี่ยถิงซีดเซียว ไม่อาจทำใจเชื่อสิ่งที่ได้เห็นอยู่เบื้องหน้า
ในฐานะผู้แข็งแกร่งจากภูมิคังเสวียน และสมาชิกตระกูลเยี่ย นางเกิดมาพร้อมความรู้สึกอยู่เหนือปวงชน
โดยเฉพาะเมื่อมาอยู่ที่มหาทวีปคังชิง ยิ่งไม่เห็นชาวประชาในโลกนี้อยู่ในสายตา
ทว่าบัดนี้ ได้เห็นฝีมือร้ายกาจสะท้านฟ้าที่ซูอี้เผยแล้ว เยี่ยเสวี่ยถิงก็ยิ่งสะเทือนใจ!
“ที่แท้ เด็กคนนี้ก็แข็งแกร่งปานนี้แล้วหรือ มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้เขาถึงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากข้า…”
ความรู้สึกต่าง ๆ พลุ่งพล่านอยู่ในใจเยี่ยอวิ๋นหลัน สะท้อนใจยิ่ง
จากการได้สัมผัสซูอี้ก่อนหน้านี้ เขาต้องการปกป้องซูอี้อยู่เสมอ และเคยนึกเสียใจเพราะโดนซูอี้ปฏิเสธคราแล้วคราเล่า
จวบจนบัดนี้ ในที่สุดเยี่ยอวิ๋นหลันก็รู้แล้วว่า หลานชายผู้นี้ของเขาเจิดจรัสแกร่งกล้าเพียงใด ต่อให้อยู่ในมรสุมเช่นนี้ ก็สามารถคลี่คลายทุกสิ่งด้วยตัวเอง!
“ขึ้น!”
ทันใดนั้น เยี่ยจ่างฉุนผู้อยู่ระหว่างการเข่นฆ่าดุเดือดคำรามลั่น
เมื่อต่อสู้อยู่นานแต่ไม่ทราบผลเสียที ส่งผลให้เขาหมดความอดทน และใช้สมบัติวิญญาณคู่ชีพทันที
ฟิ้ว!
อินเต๋าสีเขียวปรากฏกลางอากาศ แสงอัสนีพวยพุ่ง ม่านแสงทะยานนภา
เปลือกนอกของอินเต๋าสลักสัญลักษณ์ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สูงเสียดฟ้า ประกอบจากอักขระเต๋าอันอัศจรรย์
อินเต๋าอัสนีมรกต!
บนภูเขาคุนอู๋ที่ตระกูลเยี่ยพำนัก มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่กำเนิดมาพร้อมโลกา สูงเสียดฟ้า มีเมฆหมอกล้อมรอบอยู่ตลอด กลืนกินแก่นพลังแห่งฟ้าดิน ผสานพลังมิติ ได้รับขนานนามว่า ‘ไม้อมฤตแห่งคุนอู๋’!
ส่วนอินเต๋านี้ของเยี่ยจ่างฉุน หล่อขึ้นโดยผสมกับไม้ท่อนหนึ่งจากไม้อมฤตแห่งคุนอู๋ เยี่ยจ่างฉุนขัดเกลามาเป็นเวลาเกือบแปดร้อยปี จึงแฝงไว้ซึ่งพลังอัสนีมรกต และมีพลังทำลายล้างอันน่าทึ่ง
ตู้ม!
เมื่ออินเต๋าอัสนีมรกตทะยาน ท้องฟ้าพลันถูกย้อมเป็นสีมรกตเข้ม สายฟ้าน่าพรั่นพรึงกระหน่ำแผ่วงกว้างออกไป
พลังสุดสยองนั่นส่งผลให้ทุกคนในที่นี้หวาดหวั่นจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ปวดร้าวถึงขีดสุด
“สยบ!”
เยี่ยจ่างฉุนคำรามเสียงยาว พลังวิถีหลอมรวมเข้ากับอินเต๋าอัสนีมรกตทั้งหมด บุกถล่มซูอี้
“แย่แล้ว!”
เยี่ยอวิ๋นหลันมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาพุ่งทะยานขึ้นฟ้าโดยไม่ลังเล หมายจะเข้าสนับสนุน
และได้เห็นซูอี้ส่ายหัวเล็กน้อย “เท่านี้เองหรือ ข้าจะส่งเจ้าไปที่ชอบเดี๋ยวนี้เลย”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น…
ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ออกจากฝักเงียบเชียบ หมุนคว้างตามข้อมือซูอี้ ก่อนจะแทงออกไปกลางอากาศ
ราวกับแสงลึกล้ำว่างเปล่าแห่งรัตติกาลปรากฏขึ้นฉับพลัน
ตู้ม!
อัสนีสีมรกตท่วมฟ้าหยุดนิ่งในบัดดล ก่อนจะแหลกสลายเบื้องหน้าซูอี้ ฝนแสงทลายลงดั่งคลื่นน้ำ
ปราณดาบไม่ผ่อนแรงลง แทงลงไปบนอินเต๋าอัสนีมรกตอย่างแรง
แคร็ก!
ท่ามกลางเสียงปะทะสนั่นหวั่นไหว สมบัติวิญญาณคู่ชีพที่สร้างจากไม้อมฤตแห่งคุนอู๋เกิดรอยร้าวคล้ายใยแมงมุมที่เปลือกนอก ก่อนจะระเบิดแหลกลาญเป็นเสี่ยง ๆ
หนี่งดาบ ทลายสมบัติวิญญาณคู่ชีพ!
เยี่ยจ่างฉุนถูกพลังตีกลับในบัดดล โหยหวนด้วยความปวดร้าว กระอักเลือดอยู่ในปาก ร่างโอนเอนใกล้ล้ม
และในตอนนั้น ร่างของซูอี้โผล่เข้ามาอยู่ตรงหน้าเขา ปาดดาบนิลกาฬบริสุทธิ์
พรวด!
ศีรษะหนึ่งกระเด็นขึ้นฟ้า!