บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 728 ขูดรีด
ตอนที่ 728: ขูดรีด
ตอนที่ 728: ขูดรีด
สตรีในชุดกระโปรงสีดำผ่อนคลายและกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “ยามนี้เมื่อไร้ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน เจ้าก็หยุดข้าไม่ได้แล้ว”
นางเกิดมางดงามยิ่ง ดวงตากระจ่างใส ซี่ฟันเรียงขาว ใบหน้างดงาม รอยยิ้มสดสวย น้ำเสียงกังวานใส อ่อนหวานบรรจง
อย่ากล่าวแต่คนทั่วไป กระทั่งผู้ฝึกตนซึ่งให้ความสำคัญยิ่งใหญ่ต่อการฝึกฝนจิตยังเกรงว่ายากจะฝืนต้านใจจากความงามของนาง
ซูอี้ก็กล่าวยิ้ม ๆ เช่นกัน “หากไร้ซึ่งบุญคุณความแค้น ข้าย่อมไม่หยุดเจ้าหากจะไปหนใด แต่หากมีความแค้นต่อกัน ย่อมยากสำหรับเจ้าหากจะโผบิน”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำกะพริบดวงตาคู่งดงามลึกล้ำของนาง ย้อนถามพลางยิ้ม “งั้นหรือ? เช่นนั้นนายน้อยซูคิดว่าเรามีความแค้นใดต่อกันหรือไร?”
ซูอี้กล่าว “เจ้าหรือเปล่าที่ทำร้ายชายชราตาบอด?”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำกล่าวอย่างสุขุม “หากเจ้าหมายถึงคนผู้มีเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพล่ะก็ ข้าเป็นผู้ทำร้ายเขาจริง ๆ”
ซูอี้แค่นเสียง จากนั้นสะบัดมือ ก่อนเผยให้เห็นเส้นไหมสีเทาส่องประกาย “แล้วเส้นไหมกระชากวิญญาณนี้ก็เป็นของเจ้าหรือไม่?”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำพยักหน้ากล่าว “ถูกต้อง”
เป๊าะ!
ซูอี้ดีดนิ้ว แล้วเส้นไหมกระชากวิญญาณก็แปรเปลี่ยนเป็นเถ้าสลายหายสิ้น
สตรีในชุดกระโปรงสีดำขมวดคิ้ว ทว่าจากนั้นก็ยิ้มและกล่าวว่า “นายน้อยซูคิดจะล้างแค้นให้สหายผู้นั้นหรือไร?”
ซูอี้กล่าว “ชีวิตนั้นไม่มีใดอื่นนอกจากหายใจเข้าออก คนเราย่อมต้องสู้เพื่อได้หายใจต่อ หากเจ้าเต็มใจรับโทษโดยว่าง่าย ข้าย่อมไม่หนักมือกับเจ้าเกินไปนัก”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำกล่าวอย่างสนใจ “ข้าจะต้องรับโทษเช่นไร?”
ซูอี้กล่าวโดยไม่ลังเล “โอสถนทีปรภพรวมศูนย์สามเม็ด”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำเบิกตางามกว้างอย่างอึ้งคล้ายไม่อยากเชื่อ “นายน้อยซู เจ้า… ล้อกันเล่นหรือ?”
ซูอี้กล่าว “ไม่เลย”
“นี่มันจงใจขูดรีดกันชัด ๆ!”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำย่นจมูกพึมพำ “ในภูมิมืดมิด ใครเล่าจะไม่รู้ว่าโอสถนี้คือสมบัติซึ่งใช้ก่อร่างวิญญาณขึ้นใหม่? มูลค่าของมันไม่กี่เม็ดก็เทียบได้กับสมบัติวิญญาณขั้นสูงสุด แต่เริ่มมาเจ้าก็โลภมาก เรียกร้องหาสามเม็ดแต่ต้น”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “เทียบกับการจบบุญคุณความแค้นระหว่างเรา โอสถสามเม็ดนี้ไม่มากหรอก”
“จริงหรือ?”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะแย้มยิ้มหวาน “เช่นนั้นข้าก็อยากจะลองจริงๆ ว่านายน้อยซูมีวิธีการจับตัวข้าอย่างไร?”
ดวงตาคู่งามทรงเสน่ห์เยี่ยงแม่มด ทว่ากิริยาอุปนิสัยกลับศักดิ์สิทธิ์สูงส่งเยี่ยงนางสวรรค์ ความงามอันขัดแย้งหลอมรวมในกายนาง สรรค์สร้างเป็นเสน่ห์พิเศษเฉพาะตน
ดวงตาของซูอี้ลึกล้ำ มองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน “แม้ว่ากระดูกวิญญาณงดงามลี้ลับจะเป็นพลังแรกกำเนิดชั้นหนึ่งสำหรับผู้ฝึกฝนวิญญาณ แต่หากอยู่เบื้องหน้าข้าโดยพึ่งพาเพียงการฝึกฝนในขอบเขตสยายวิญญาณ คัมภีร์ฝันร้ายสลักจิตบทที่เก้า เคล็ดพลังฝันเคลื่อนฤทัยแปรก็ยังยากจะสะท้านสะเทือนจิตใจข้า หากไม่เชื่อเจ้าก็ลองได้”
ร่างสะโอดสะองของสตรีในชุดกระโปรงสีดำพลันชะงักค้าง สีหน้านิ่งแข็ง แววตาปรากฏเค้าลางความประหลาดใจ หัวใจกระเพื่อมไหวราวคลื่น
นางผงะไปอย่างแท้จริง
วาจาของซูอี้ไม่เพียงหยั่งถึงก้นบึ้งการฝึกฝนของนาง แต่ยังมองเห็นพลังแรกกำเนิด ความแข็งแกร่งและมรดกที่นางรับสืบทอด!
นี่ทำให้นางกระทั่งรู้สึกว่าความลับในใจถูกมองจ้อง ไร้สิ่งใดให้ปิดบัง
ครู่ถัดมา สตรีในชุดกระโปรงสีดำปรับใจให้สงบ ก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจ “นายน้อยซูรู้เกี่ยวกับมรดกของโถงหลงลืมเรามากเพียงนี้ได้เช่นไร?”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ความลับ”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำ “…”
นางแปลกใจเล็กน้อยอย่างจริงแท้ และกิริยาของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นลังเล
“อันใดหรือ ไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้หรือไร?” ซูอี้ถาม
“แน่อยู่แล้ว”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำถอนหายใจ “เฒ่าตาบอดที่เจ้าพูดถึง ไม่นานมานี้เขาพยายามรุกล้ำแดนเซียนมิคสัญญีเข้ามาถามไถ่เรื่องราวของโถงหลงลืมเรา นี่ไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำ”
“จริงอยู่ที่เขาถูกข้าทำให้บาดเจ็บ แต่สิ่งนี้ไม่ควรค่าให้ข้าต้องชดใช้ด้วยโอสถนทีปรภพรวมศูนย์สามเม็ดหรอก”
นางกล่าวพลางช้อนตาขึ้นมองซูอี้ ชูนิ้วขาวดั่งหิมะขึ้นนิ้วหนึ่ง และกล่าวว่า “เพื่อคนของเจ้า ข้าให้เจ้าได้อย่างมากก็หนึ่งเม็ดเท่านั้น”
ซูอี้ส่ายหัวกล่าว “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจรจากับเจ้า สามเม็ด ห้ามขาดแม้แต่หนึ่ง”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำเกือบหัวเราะด้วยโทสะ คำกล่าวของซูอี้หมายความว่าเขาไร้ความคิดเจรจา!
ช่างวางก้ามนัก
มันคือครั้งแรกที่สตรีในชุดกระโปรงสีดำได้พบคนซึ่งกล้าขูดรีดนางเช่นนี้ และอดคิดอยากซัดเจ้าคนผู้นี้ให้น่วมอยู่สักพักไม่ได้
ทว่าสุดท้าย นางก็ยั้งตนเองไว้
นับแต่คุยกันจวบยามนี้ นางพบจุดพิลึกอยู่มากมาย
ในฐานะผู้ฝึกตนจากมหาทวีปคังชิง ซูอี้ต่างจากผู้อื่นนัก เพราะเขารู้จักโถงหลงลืมดีมาก
ยิ่งกว่านั้น เขายังดูเหมือนจะรู้จักมรดกของโถงหลงลืมดีเยี่ยงหลังมือตนเอง กระทั่งพลังแรกกำเนิดของนางก็ไม่อาจหลบพ้นสายตาเขา
ทั้งหมดนี้ทำให้สตรีในชุดกระโปรงสีดำตระหนักถึงความผิดปกติ
และนี่คือสาเหตุที่นางไม่กล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า
หาไม่ ด้วยฐานะและความแข็งแกร่งของนาง นางซึ่งอยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณคงจัดการกับอีกฝ่ายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงไปแล้ว!
หลังจากครุ่นคิดสักพัก สตรีในชุดกระโปรงสีดำก็เอ่ยขึ้นว่า “อืม หากนายน้อยซูตอบคำถามของข้าได้ ข้าจะนำโอสถนทีปรภพรวมศูนย์สามเม็ดมาให้เจ้า”
ซูอี้ส่ายหน้า “เจ้าไร้คุณสมบัติต่อรอง”
การวางตัวอันเฉยเมย ทว่าแท้จริงแข็งกร้าวอหังการยิ่งทำให้สตรีในชุดกระโปรงสีดำอึดอัดใจอยู่ครู่หนึ่ง
ครู่ถัดมา นางก็กล่าวว่า “นายน้อยซู เจ้าไม่ห่วงว่าจะถูกโถงหลงลืมของเราหมายหัวบ้างเลยหรือ?”
ซูอี้กล่าวสบาย ๆ “เจ้าควรห่วงเรื่องการล่วงเกินข้ามากกว่า”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำ “…”
ก่อนนางจะทันได้กล่าวอีก ซูอี้ก็มองไปยังท้องนภาที่ค่อย ๆ มืดลง ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “กาลเวลามีค่า ข้าจะให้เวลาเจ้าไตร่ตรองสามอึดใจ หลังจากนั้น เจ้าจะต้องเสี่ยงด้วยตนเองแล้ว”
คู่เนตรพราวแสงของสตรีในชุดกระโปรงสีดำวูบไหว และพลันกัดฟันพูด “ได้ ข้ารับปาก!”
พูดจบนางก็หยิบขวดหยกออกมาจากแขนเสื้อขวดหนึ่ง และเทโอสถลูกกลอนออกมาสามเม็ด
แต่ละเม็ดมีขนาดเท่าลำไย เป็นสีขาวกระจ่างใสดุจแก้ว เปล่งแสงสีเงินจาง ๆ และให้กลิ่นหอมโอสถฟุ้งกำจายกระจ่างสดชื่น
มันคือโอสถนทีปรภพรวมศูนย์!
“นายน้อยซู โปรดรับมันไป”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำโยนมันขึ้นไป และสามเม็ดโอสถก็เรียงกันเป็นเส้น ลอยเข้ามาหาซูอี้
ยามนี้ แววตาของนางฉายประกายเจ้าเล่ห์
ทว่า นางก็เห็นซูอี้สะบัดแขนเสื้อเอื้อมมือคว้ามัน
สามโอสถลอยคว้างบนอากาศตรงหน้าเขา
จากนั้น ปลายนิ้วของเขาก็แตะเม็ดยาทั้งสามรวดเร็วดั่งสายฟ้า
จึ้ก! จึ้ก! จึ้ก!
คลื่นพลังอันมองไม่เห็นบนเม็ดยาแต่ละเม็ดแตกสลาย เปลี่ยนเป็นหมอกสีฟ้าจาง ๆ สลายหายไร้ร่องรอย
จากนั้นซูอี้ก็เก็บโอสถทั้งสามไป
“เจ้า… เจ้า…”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำดูไม่อยากเชื่อเสียจนพูดจาอ้ำอึ้งไร้วจี
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะยามที่นางโยนเม็ดยาให้เขา นางได้ใช้เคล็ดวิชานาม ‘ดุจเงาตามติด’ กับมันด้วย เมื่อใดที่ศัตรูรับเม็ดยาไปโดยไม่ทันระวัง จิตใจของเขาจะตกสู่ฝันร้าย สับสนอลหม่านในทันที!
ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาเยี่ยงนี้ยากจะต่อต้าน แม้ผู้ถูกวิชาจะเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณก็ตามที!
ทว่า ใครเล่าจะคิดว่าซูอี้ซึ่งดูจะไม่สังเกตเห็นมันกลับสามารถสลายเคล็ดวิชานี้ได้อย่างง่ายดาย!
สตรีในชุดกระโปรงสีดำผู้นี้จะไม่แปลกใจได้เช่นไร?
ซูอี้ส่ายหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ช่างน่าขันนักที่จะเล่นลูกไม้นี้ต่อหน้าข้า”
ใบหน้าจิ้มลิ้มของสตรีในชุดกระโปรงสีดำพลันขึ้นสี ดูอับอายไม่น้อย นางถลึงตามองซูอี้และเอ่ยว่า
“ซูอี้! รอข้าก่อนเถอะ!”
นางหันหลังจากไป
ซูอี้กล่าว “ช้าก่อน”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำกล่าวอย่างฉุนเฉียว “ข้าให้เม็ดโอสถเจ้าไปแล้ว ยังมีอันใดอีก?”
“เจ้าใช้เคล็ดวิชาลอบโจมตีข้า ดังนั้นเจ้าควรถูกลงโทษ”
ซูอี้กล่าวอย่างสบาย ๆ “ไม่ใช่หรือ? ทว่าข้าจะไม่ฉีกหน้าเจ้านัก แค่ส่งโอสถนทีปรภพรวมศูนย์มาอีกสามเม็ดก็พอ”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำ “???”
นางโกรธเสียจนอยากกัดซูอี้ให้ตาย หัวใจคนผู้นี้ดำมืดนัก เขาขูดรีดนางมาแล้วครั้งหนึ่งยังไม่พอ ยังวางแผนขูดรีดซ้ำสอง!!
ซูอี้เร่ง “ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หากยังโอ้เอ้ยืดยาด จะต้องใช้โอสถนทีปรภพรวมศูนย์มากกว่าเพียงสามแล้วนะ”
ในยามที่ซูอี้คิดว่านางจะทำบางอย่างอย่างสิ้นหวังนั้นอีก อีกฝ่ายกลับยอมถอย
“ได้! ข้าจะให้เจ้า! ข้าจะทำให้เจ้าคืนมันมาไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี!”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำกัดฟันหยิบเม็ดยาออกมาอีกสาม ขว้างสุดแรงใส่ซูอี้และหันหลังจากไปราวกลัวถูกซูอี้ฉวยโอกาสขูดรีดอีกครั้ง
ซูอี้รับเม็ดยามาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าแซ่ชุยใช่หรือไม่?”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำซึ่งทะยานไปไกลหลายร้อยจั้งชะงักค้าง หันหน้ากลับมาพูดโดยไม่รู้ตัว “เจ้าก็รู้เรื่องนี้หรือ!?”
ใบหน้างดงามของหญิงสาวเต็มไปด้วยความตกใจ
ซูอี้กล่าว “หากเจ้าไม่ได้แซ่ชุย เจ้าคงไม่อาจจากไปวันนี้แม้จะจ่ายด้วยสมบัติทั้งหมด”
จากนั้น เขาก็โบกมือและหันหลังจากไป
นภาพลบค่ำมืดดำ ร่างสูงของเขาทอดเงายาวลงบนพื้นขณะเดินจากไป
สตรีในชุดกระโปรงสีดำมองร่างของซูอี้หายลับไป นิ่งงันไม่คืนสติอยู่เนิ่นนาน
“ชายผู้นี้เป็นใครกัน? ไฉนจึงรู้จักแซ่สกุลเรา? หรือจะเป็น…”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำเหลือบตามองจี้หยกซึ่งห้อยอยู่ที่เอวของนางโดยไม่ทันคิด
จี้หยกนี้เป็นสีม่วงอ่อน
นี่คือสมบัติป้องกันตัวซึ่งบิดาของนางมอบให้ยามมาที่มหาทวีปคังชิงครานี้ และผู้หล่อหลอมจี้หยกนี้ให้นางก็คือบรรพชนตระกูลชุย ‘ชุยหลงเซี่ยง’!
ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเจ้าของสมญา ‘ยมราชพิพากษา’ แห่งภูมิมืดมิด!
“เป็นไปไม่ได้ จี้หยกนี้บรรพชนเป็นผู้สร้าง กระทั่งในตระกูลชุยของข้าเอง ผู้ที่รู้ถึงการมีอยู่ของสมบัตินี้ยังมีน้อยคนนัก คนแซ่ซูผู้นี้จะมองมันออกได้เช่นไร?”
“แต่หากไม่ใช่เพราะมัน เขาจะรู้ได้เช่นไรว่าข้าแซ่ชุย?”
“หรือเฒ่าตาบอดจะบอกเขา? เป็นไปไม่ได้น่า!”
เมื่อคิดเช่นนี้ สตรีในชุดกระโปรงสีดำก็รู้สึกเยือกเย็นขึ้นเล็กน้อย
ทว่า เมื่อนางคิดว่าตนตามติดชายชราตาบอดมาที่นี่ แต่เดิมก็เพราะต้องการสืบหาขุมอำนาจเบื้องหลังชายชราตาบอด ใครเล่าจะคิดว่านางจะถูกซูอี้ขูดรีดเสียแทน และสตรีในชุดกระโปรงสีดำก็รู้สึกอับอายยิ่งนัก
“กลับไปถามเหล่าผู้อาวุโสในโถงก่อนว่าพวกเขาพอรับรู้สิ่งใดหรือไม่ ที่มาของคนแซ่ซูผู้นี้ต้องพิลึกเป็นแน่!”
“แน่นอน ความอับอายในวันนี้จะไม่ถูกปล่อยทิ้งไว้เยี่ยงนี้!”
สตรีในชุดกระโปรงสีดำคิดอย่างไร้ปรานีขณะหันหลังกลับ