บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 729 เจตนาของโถงหลงลืม
ตอนที่ 729: เจตนาของโถงหลงลืม
ตอนที่ 729: เจตนาของโถงหลงลืม
ในค่ำคืนวสันตฤดู มีเค้าลางความอบอุ่นแห่งชีวิตท่ามกลางความอ่อนโยน
บางที ทุกคนอาจทราบอยู่แล้วว่าเมื่อแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง สถานการณ์สงบเงียบอันหาได้ยากนี้จะพังทลาย และโลกาจะตกสู่มหาวิปโยคปั่นป่วนอลหม่าน
ผลก็คือ คนมากมายเริ่มปล่อยตัวปล่อยใจเป็นอิสระ นครหลวงจิ๋วติ่งมีชีวิตชีวามากถึงทุกขณะ กระทั่งหอโคมเขียวฮ่วนซีชายังคลาคล่ำมากกว่ากาลก่อนมากนัก
เพราะถึงอย่างไร หากถึงกาลโกลาหล การดื่มด่ำในความงดงามรุ่งเรืองจะหาได้ยากนัก
สวนน้อยนภาเมฆ
นภากระจ่างดาว จันทราทอแสง วายุรัตติกาลพลิ้วแผ่ว
ซูอี้ยกมือขึ้น โยนโอสถนทีปรภพรวมศูนย์ให้กับชายชราตาบอดสองเม็ด และกล่าวว่า “นี่คือการชดใช้จากแม่หนูผู้นั้น โปรดรับไว้”
โอสถนทีปรภพรวมศูนย์!
ชายชราตาบอดอดประหลาดใจไม่ได้ นี่คือหนึ่งในโอสถทิพย์อันล้ำค่าที่สุดในโถงหลงลืม แม้เพียงหนึ่งเม็ดก็เลอค่ามหาศาล!
“ขอบคุณคุณชายซู!”
ชายชราตาบอดกล่าวอย่างซาบซึ้ง
ซูอี้หยิบไหสุราขึ้นดื่ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่ติดใจเคืองแค้นแม่หนูผู้นั้น เอ่อ… นางเป็นทายาทผู้หนึ่งของชุยหลงเซี่ยงน่ะ”
ชายชราตาบอดผงะ
ชุยหลงเซี่ยง!
หนึ่งในหกผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูมิมืดมิด นักบวชหกวิถีตระกูลชุยผู้อยู่มาแต่โบราณ เจ้าของสมญายมราชพิพากษา ตัวตนในตำนานแห่งภูมิมืดมิด!
“มิน่าเล่า แม่หนูผู้นั้นจึงแข็งแกร่งเสียจนมองเห็นที่มาที่ไปของผู้เฒ่าผู้น้อยได้ตั้งแต่แวบแรก ที่แท้นางก็ไม่ใช่ศิษย์ทั่วไปในโถงหลงลืม”
ชายชราตาบอดพึมพำ
เขายังคงหม่นหมองในใจเรื่องจากถูกหญิงสาวผู้หนึ่งทำร้าย ทว่ายามนี้เขาโล่งใจแล้ว
เขามาจากภูมิมืดมิด จึงย่อมรู้ถึงความน่ากลัวของชุยหลงเซี่ยง
“ไม่คาดเลยว่าจะได้พบทายาทของเจ้าจิ้งจอกเฒ่าชุยหลงเซี่ยงที่นี่”
ซูอี้กระซิบ
ในคราแรก ศิษย์ลำดับเจ็ดของชายหนุ่ม เสวียนหนิงเคยกล่าวว่าการที่มายังมหาทวีปคังชิงจากภูมิมืดมิดได้ ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากชุยหลงเซี่ยง
ในภูมิมืดมิด บุคคลที่เข้าใจความลับแห่งวัฏสงสารมีเพียงหยิบมือ
ชุยหลงเซี่ยงคือหนึ่งในนั้น
ครานั้น ชุยหลงเซี่ยงใช้สมบัติวิเศษต้นกำเนิด ‘พฤกษาหมื่นวิถี’ มาเปิดช่องว่างมิติให้เสวียนหนิง ทำให้เสวียนหนิงสามารถพึ่งปราณจาก ‘ดาบยุทธ์เที่ยง’ ในการมายังมหาทวีปคังชิงได้!
กล่าวอีกนัยก็คือ ชุยหลงเซี่ยงอาจคาดไว้แล้วว่าซูเสวียนจวินอาจไม่ได้ตายจริง ๆ แต่เลือกเวียนวัฏสงสาร!โนเวลพีดีเอฟ
ทว่า การปรากฏตัวของสตรีแซ่ชุยผู้นี้ทำให้ซูอี้ตระหนักถึงหนึ่งคำถาม…
นางมายังมหาทวีปคังชิงด้วยความยินยอมของชุยหลงเซี่ยงหรือไม่?
เมื่อซูอี้พบสตรีในชุดกระโปรงสีดำ เขาก็จำจี้หยกที่ห้อยอยู่กับเอวของนางได้
ผู้อื่นอาจไม่รู้ที่มาของจี้หยกนี้ แต่มันไม่อาจหลบเร้นจากสายตาเขาได้!
จี้หยกนี้ถูกหล่อหลอมขึ้นจากวัตถุดิบดั้งเดิมของพฤกษาหมื่นวิถี วิธีหล่อหลอมพิเศษเฉพาะยิ่ง มันเรียกว่า ‘วิชาไขว่นภาคว้าดาว’
มีเพียงจิ้งจอกเฒ่าชุยหลงเซี่ยงเท่านั้นซึ่งเป็นเลิศในวิชาหล่อหลอมยันต์ลับนี้!
กล่าวอีกนัยก็คือ นอกจากชุยหลงเซี่ยง ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ในตระกูลชุยก็ยากจะหล่อหลอมของอย่างจี้หยกนี้ขึ้นมาได้โนเวลพีดีเอฟ
ชายชราตาบอดอดถามไม่ได้ว่า “หรือคุณชายซูจะมีความสัมพันธ์ใดกับยมราชพิพากษาหรือ?”
ซูอี้ยิ้ม ดวงตาฉายประกายขี้เล่น ก่อนกล่าวว่า “ข้าเป็นผู้มีพระคุณต่อเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพของเจ้า แต่ก็ยังเป็นผู้มีพระคุณต่อเจ้าจิ้งจอกเฒ่าชุยหลงเซี่ยงนั่นด้วย แค่ว่าสิ่งที่เขาติดค้างข้ามหาศาลกว่าเท่านั้น”
ชายชราตาบอดอึ้ง “…”
ความตกใจอันไม่อาจบรรยายประหนึ่งห้วงสมุทรพลิกผันไม่จบสิ้นเกิดขึ้นในใจของชายชราตาบอด
แต่เดิมเขาคิดว่าซูอี้เป็นเพียงทายาทของผู้มีพระคุณ ทว่ายามนี้ตัวตนของซูอี้ดูจะลึกลับกว่าที่เขาคาดไว้มากนัก!
กระทั่งยมราชพิพากษายังติดหนี้เขา ช่างไม่น่าเชื่อ!
“บอกข้าสิว่าสืบเรื่องใดเกี่ยวกับโถงหลงลืมมาได้บ้าง”
ซูอี้กล่าวสบายอารมณ์
ค่ำคืนในนครหลวงจิ๋วติ่งนั้นครึกครื้นยิ่ง กระทั่งในสวนน้อยนภาเมฆยังได้ยินเสียงอึกทึกแว่วมาไกล ๆ
ใจของซูอี้ว้าวุ่นเล็กน้อย ครู่หนึ่งจากนี้คงยากจะเห็นความรุ่งเรืองเปี่ยมชีวิตชีวาเยี่ยงนี้อีก
ชายชราตาบอดกระแอมให้คอโล่ง และกล่าวถึงข่าวคราวที่ตนสืบมา
ที่แท้ แดนเซียนมิคสัญญีในยามนี้ก็ถูกโถงหลงลืมครอบครองโดยสมบูรณ์แล้ว คนนอกจึงไม่อาจเข้าไปได้อีก
จากคำกล่าวของชายชราตาบอด ยอดฝีมือจากโถงหลงลืมที่มายังมหาทวีปคังชิงน่าจะมีมากกว่าสามสิบคน และแทบทุกคนล้วนแต่เป็นมหาปราชญ์สวรรค์
บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดคือสามตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณ
บุคคลผู้รับผิดชอบการกระทำนี้คือหนึ่งในสามตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณ เรียกขานกันว่า ‘นักบวชลำดับเก้า’
“นักบวชลำดับเก้า…”
ซูอี้อดพยักหน้าไม่ได้ยามได้ยินเช่นนี้
ในขนบธรรมเนียมโบราณของโถงหลงลืม การจัดลำดับขั้นนั้นเคร่งครัด และผู้ใดที่อยู่ในตำแหน่ง ‘นักบวช’ ได้ต้องมีการฝึกฝนอยู่ในวิถีวิญญาณ
ตำแหน่งรองลงมาจากนักบวชจะเป็นอารักษ์ ผู้ดูแล และศิษย์ตามลำดับ
เหนือตำแหน่งนั้นขึ้นไปคือเจ้าโถงและทูตข้ามนที
ทูตข้ามนทีคือหนึ่งในบุคคลระดับสูงสุดในโถงหลงลืม และบ่อยครั้งจะเป็นผู้อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ
คำว่า ‘ข้ามนที’ นั้นหมายถึง ‘รับวิญญาณผู้ตาย คืนพวกเขาสู่แม่น้ำหลงลืม’
ถึงอย่างไร บทบาทของนักบวชก็เป็นรองเพียงเจ้าโถงและทูตข้ามนที สถานะของพวกเขาจึงเทียบได้กับผู้อาวุโสในกลุ่มขุมกำลังเต๋าอื่น ๆ
“ตาเฒ่าผู้น้อยยังไม่ทราบว่าเจตนาการมายังมหาทวีปคังชิงของพวกเขาคืออะไร แต่แน่ใจได้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับแสงสว่างแห่งโลกกว้างเป็นแน่”
“คุณชายซู ท่านยังจำได้หรือไม่ ยามที่ท่านบั่นหัวคนของขุมอำนาจโบราณนอกนครหลวงจิ๋วติ่ง มีชายชุดดำผู้หนึ่งซึ่งคาดว่าจะเป็นศิษย์โถงหลงลืมมาดูท่านด้วย”
ชายชราตาบอดรีบกล่าว “ตาเฒ่าผู้น้อยเองก็สืบเรื่องนี้มาเช่นกัน นามของเขาคือ ‘เว่ยฟาง’ เขาดูเยาว์วัย ทว่าแท้ที่จริงคือหนึ่งในสามตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณที่มายังมหาทวีปคังชิงขอรับ”
ซูอี้จำได้ว่าดวงตาของชายชุดดำมืดดำดั่งวังวนที่หยุดนิ่ง และเพราะเหตุนี้ เขาจึงคาดว่าอีกฝ่ายเป็นหนึ่งในศิษย์ของโถงหลงลืม
เพราะไม่ว่าผู้ใดที่ฝึกฝน ‘คัมภีร์ฝันร้ายสลักจิต’ ดวงตาจะเปลี่ยนแปลงไปเยี่ยงนี้
ชายชราตาบอดกล่าวต่อ “แปลกนักที่โถงหลงลืมยึดครองแดนเซียนมิคสัญญีไปแล้ว ทว่าโลกหล้ากลับมีเพียงน้อยคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “เหตุผลนั้นแสนง่าย ศิษย์โถงหลงลืมเชี่ยวชาญด้านการลบความทรงจำและควบคุมจิตใจผู้คนเป็นที่สุด หากต้องการกลบเกลื่อนร่องรอย พวกเขาก็แค่ลบความทรงจำคนอื่นเสียก็จบเรื่อง”
ชายชราตาบอดตะลึงและยิ้มแห้ง ๆ “ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย”
“แสงสว่างแห่งโลกกว้างจะมาในสามวัน เจ้าอยู่ที่นี่ก่อนได้”
ซูอี้กล่าว “ถึงยามนั้น ข้าจะลงมือดึงพลังมหาวิถีซึ่งถูกต้นกำเนิดแห่งคังชิงแปรเปลี่ยนมาฟื้นพลังชีวิตให้เจ้า และเจ้าก็จะมีอำนาจมหาศาลให้ใช้ได้”
ชายชราตาบอดตะลึง ก่อนจะพยักหน้าตกลง
…
นานแสนนานมาแล้ว แดนเซียนมิคสัญญีคือหนึ่งในแดนต้องห้ามแห่งต้าเซี่ย
ทว่ายามนี้ แดนต้องห้ามแห่งนี้ได้ถูกอำนาจแห่งโถงหลงลืมปกครอง
วายุและเม็ดทรายพัดพลิ้วตลอดปีในแดนเซียนมิคสัญญี ฟ้าดินมืดหม่นมัวหมอง ไร้ต้นหญ้าเติบโต ทั่วสารทิศมีเพียงภูเขาหัวโล้นและผืนทรายสุดลูกหูลูกตา
ยามนี้ ตำหนักแห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นตรงหน้าบรรพตใหญ่ในแดนเซียนมิคสัญญี
และภายใต้นภาไม่ห่างจากหุบเขานี้มากนัก มีรอยแตกมิติยาวหลายพันจั้งเปิดอ้า ราวกับเป็นรอยแผลใหญ่บนเวหา
พายุมิติโหมคลั่งคำรามอยู่ในรอยแตก แผ่บรรยากาศอันตรายมากพอจะทำให้ผู้ฝึกตนใด ๆ รู้สึกใจหาย
หากมองใกล้ ๆ จะพบว่าท่ามกลางกระแสพายุมิติมีแท่นเต๋าสีดำลอยอยู่แท่นหนึ่ง
นี่คือแท่นเคลื่อนย้าย
ยอดฝีมือจากโถงหลงลืมออกมาจากรอยแตกมิตินี้!
“ศิษย์น้องหญิงชุย การเดินทางนี้ราบรื่นหรือไม่?”
ในตำหนักงดงามอันสร้างจากโขดหินสีดำ เว่ยฟางเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นสตรีในชุดกระโปรงสีดำกลับมา
สตรีในชุดกระโปรงสีดำหันไปพูดกับเว่ยฟางด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “อย่ามาพูดจี้ใจดำ เจ้าถอยไปให้ไว ข้าจะไปพบนักบวชลำดับเก้า”
น้ำเสียงของนางไร้ความสุภาพ
เว่ยฟางไม่ได้โกรธ ทั้งยังยิ้มและถอยให้พ้นทาง พลางกล่าวเตือนอย่างอบอุ่น “นักบวชลำดับเจ้ากำลังหารืออยู่กับอารักษ์เสวี่ยเย่ คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้รบกวน…”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ สตรีในชุดกระโปรงสีดำก็เดินลับหายไร้ร่องรอยเสียแล้ว
“ดูเหมือนศิษย์น้องหญิงชุยจะเจอของแข็งเข้าจริง ๆ เสียแล้ว…”
เว่ยฟางครุ่นคิด
ในห้องลับแห่งหนึ่งซึ่งปกคลุมด้วยค่ายกล
แสงสว่างสลัวมัว
ชายชราร่างผอมแห้งในชุดสีเทาผู้หนึ่งและมีเส้นผมหรอมแหรมนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยับย่น มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาอยู่รอบดวงตา
“เสวี่ยเย่ ไม่ว่าเจ้าจะชิงเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงมาได้หรือไม่ในครานี้ ก็ขึ้นกับความสามารถของเจ้าแล้ว”
ชายชราชุดเทากล่าวด้วยเสียงต่ำแหบพร่า
“นักบวชลำดับเก้าโปรดวางใจ ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณในมหาทวีปคังชิงล้วนแล้วแต่ถูกพลังของการจองจำแห่งยุคมืดกัดกร่อน ห่างไกลจะเป็นศัตรูกับผู้น้อยได้ และข้าก็มีวิธีการรับมือในแบบของข้าแล้ว”
ชายหนุ่มในชุดผ้ากระสอบที่อยู่ข้างกายเขาพยักหน้าน้อย ๆ
เขาคือเสวี่ยเย่
ทั้งเขาและเว่ยฟางต่างอยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณ แต่พวกเขาอยู่ในตำแหน่งอารักษ์ ไม่อาจเทียบกับชายชรานักบวชลำดับเก้าผู้นี้ได้
เสวี่ยเย่มีเส้นผมยาวสลวยสีหิมะพิสุทธ์ ดวงตาคู่นั้นเป็นสีน้ำตาลเทา ดูหล่อเหลาเยี่ยงปีศาจ
“ข้ายังคงมั่นใจในความแข็งแกร่งของเจ้ามากนัก”
นักบวชลำดับเก้ากล่าวพร้อมกับยิ้มว่า “เมื่อเราได้เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงมา ข้าจะขอให้เจ้าโถงเลื่อนขั้นเจ้าเป็นนักบวชลำดับสิบสามของโถงหลงลืมเรา และข้าจะช่วยพูดให้เจ้าในภายหน้าเมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิ ให้เจ้าสามารถเข้าไปทำความเข้าใจมหาวิถีใน ‘แม่น้ำหลงลืม’ ได้”
แม่น้ำหลงลืม!
มันคือสถานที่ต้องห้ามอันลึกลับที่สุดซึ่งสืบทอดกันมาในโถงหลงลืม ลือกันว่านับแต่บรรพกาล เหล่าจักรพรรดิของโถงหลงลืมล้วนแต่ทิ้งมหาวิถีของตนไว้ในแม่น้ำหลงลืม
สิ่งนี้สามารถช่วยให้ผู้คนเลื่อนขอบเขตสู่ขอบเขตจักรพรรดิได้อย่างน่าอัศจรรย์
เสวี่ยเย่อดแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาไม่ได้ จากนั้นจึงกล่าวพร้อมด้วยยิ้มเช่นเคย “ได้ยินที่นักบวชลำดับเก้ากล่าว ข้าก็โล่งใจ”
พวกเขาจากโถงหลงลืมมาที่นี่ด้วยหนึ่งจุดประสงค์เท่านั้น…
นั่นคือชิงเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิง!
นี่คือที่มาแห่งพลังชีวิตจากต้นกำเนิดแห่งคังชิง กล่าวได้ว่าเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งโลกของมหาทวีปคังชิงนี้ มันมีเพียงหนึ่งและไม่อาจประเมินมูลค่าได้
ตู้ม!
ทันใดนั้น ประตูห้องลับก็ถูกผลักเปิดออกจากด้านนอก
นักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่ต่างสะดุ้งตกใจ จากนั้นก็มองหน้ากันด้วยแววตาเจือความจนใจ
ทั่วทั้งคณะ มีเพียงหนึ่งบุคคลที่กล้าบุกเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้
นางคือชุยจิ๋งเหยี่ยน!
จิ่งเหยียนที่หมายถึงหยกอันงดงาม
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมอง และจริงดั่งว่า พวกเขาได้พบร่างงดงามอันคุ้นตาเดินเข้ามาหา
นางคือสตรีในชุดกระโปรงสีดำ
ดวงตางดงามของนางกวาดมองนักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่ แสร้งทำเป็นตกใจ “เอ๋ ข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่เสียอีก ข้าคงไม่ได้รบกวนทั้งสองใช่หรือไม่?”
กล่าวจบ นางก็นั่งลงบนฟูกข้างหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติและยกกาน้ำชาขึ้นรินลงแก้ว กระดกดื่มอย่างไร้พิธีรีตอง
เห็นเช่นนี้ นักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่ก็ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มขมขื่น
พวกเขายังพูดอันใดได้อีก?
นอกจากต้องให้อภัยนาง…