บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 730 คำตอบ
ตอนที่ 730: คำตอบ
ตอนที่ 730: คำตอบ
ในโถงหลงลืม ชุยจิ๋งเหยี่ยนเป็นตัวตนอันพิเศษยิ่ง
เหตุผลก็คือ ฐานะของนางไม่ปกติอย่างมาก
บิดาของนางคือเจ้าตระกูลชุย และนักบวชหกวิถีตระกูลชุย ส่วนปู่ของนางก็คือชุยหลงเซี่ยง หนึ่งในหกผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูมิมืดมิด
กระทั่งแม่ของนางยังเป็นอดีตทูตข้ามนทีแห่งโถงหลงลืม!
แม้ว่าแม่ของนางจะไม่ได้ถือตำแหน่งใดในโถงหลงลืมอีกต่อไป แต่เกียรติของนางก็ยังคงอยู่
เฉกเช่นเจ้าโถงหลงลืมทุกวันนี้ เมื่อพบมารดาของนางก็ยังต้องเรียกอีกฝ่ายเป็นอาจารย์อา
ดังนั้น แม้ว่าชุยจิ๋งเหยี่ยนจะเป็นเพียงศิษย์ผู้หนึ่งจากโถงหลงลืมและไร้ซึ่งตำแหน่งใด ๆ แต่หากนับรุ่นกันจริง ๆ นางก็สามารถเทียบได้กับบุคคลรุ่นอาวุโสในโถงหลงลืม!
แน่นอนว่าการจัดลำดับอาวุโสในโลกหล้าสับสนอลหม่านอย่างยิ่งเสมอมา ไม่ว่าชุยจิ๋งเหยี่ยนจะพิเศษเพียงไร นางในยามนี้ก็เป็นเพียงศิษย์ผู้หนึ่งในโถงหลงลืมเท่านั้น
เพียงแต่ว่า ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิบัติต่อนางในฐานะศิษย์โถงทั่วไปแม้แต่คนเดียว
“จิ๋งเหยี่ยน เจ้าประสบปัญหาใดหรือ?”
นักบวชลำดับเก้ามีน้ำเสียงอ่อนโยน เขาเห็นได้ว่าอารมณ์ของชุยจิ๋งเหยี่ยนผิดปกติเล็กน้อย
“ข้าพบชายประหลาดผู้หนึ่ง อยากขอคำชี้แนะจากนักบวชลำดับเก้า”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวอย่างหดหู่เล็กน้อย
นักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่มองหน้ากัน แล้วก็อดแสดงสีหน้าประหลาดใจไม่ได้
หากแม้แต่ชุยจิ๋งเหยี่ยนยังเรียกเขาเป็นคนประหลาด เขาคนนั้นก็ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาไปได้แน่
“เล่าให้ข้าฟังหน่อย”
นักบวชลำดับเก้ากล่าวอย่างอบอุ่น
ชุยจิ๋งเหยี่ยนเล่าไล่เรียงเรื่องการพบเจอของนางกับซูอี้ออกมาเป็นฉาก ๆ ทันที
หลังจากฟังจบ สีหน้าของนักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่ก็ไม่อาจสงบนิ่งได้ดังก่อน พวกเขาดูจริงจังขึ้นเล็กน้อยและปรากฏความแปลกใจอย่างไม่อาจควบคุม
“ไม่น่าตกใจหากเขาจะมองทะลุเห็นพลังแรกกำเนิดและการฝึกฝนของเจ้าในแวบเดียว และยังไม่แปลกหากจะรู้นามมรดกสูงสุดของโถงเรา”
นักบวชลำดับเก้าครุ่นคิด “สิ่งที่แปลกคือ เขารู้ว่าบทที่เก้าของคัมภีร์ฝันร้ายสลักจิตคือเคล็ดพลังฝันเคลื่อนฤทัยแปร!”
เสวี่ยเย่เองก็พยักหน้ากล่าว “คัมภีร์ฝันร้ายสลักจิตของโถงเรา ศิษย์ทั่วไปฝึกได้เพียงสามบทแรก ศิษย์สำนักในและเหล่าผู้ดูแลฝึกได้เพียงหกบทแรก และมีเพียงระดับเหนืออารักษ์เท่านั้นที่จะมีโอกาสเข้าถึงเคล็ดวิชาบทที่เก้า”
“กล่าวอีกนัยคือ นอกจากบุคคลในตำแหน่งอารักษ์ขึ้นไปในโถงหลงลืม จะไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าชื่อของบทที่เก้าในคัมภีร์ฝันร้ายสลักจิตจะเป็นเคล็ดพลังฝันเคลื่อนฤทัยแปร”
กล่าวถึงตรงนี้ เสวี่ยเย่ก็ขมวดคิ้ว “ทว่าช่างผิดปกตินักที่ซูอี้ผู้นี้รู้!”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนถอนหายใจ “ใช่ คนผู้นั้นรู้ได้เช่นไร?”
“นั่นเป็นเพียงข้อสงสัยข้อแรกเท่านั้น”
นักบวชลำดับเก้าสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้อสงสัยที่สองคือวิชาดุจเงาตามติด หากเป็นในภูมิมืดมิด มันก็ยังเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาวิญญาณระดับสูงสุด ตัวตนทั่วไปในขอบเขตวงล้อวิญญาณยังยากจะจับสังเกตได้แม้เพียงนิด”
“ทว่าซูอี้ไม่เพียงมองมันออกตั้งแต่ปราดแรก ซ้ำยังสลายมันอย่างง่ายดายได้เสียด้วย นี่มากพอจะพิสูจน์ได้ว่าเขารู้ความลับเกี่ยวกับเคล็ดวิชา ‘ดุจเงาตามติด’ และวิธีแก้มัน!”
กล่าวถึงจุดนี้ นักบวชลำดับเก้าก็มีสีหน้าจริงจัง
ชายหนุ่มผู้หนึ่งจากมหาทวีปคังชิงล่วงรู้ถึงมรดกสูงสุดและเคล็ดวิชาทั้งหมดของโถงหลงลืม นี่ดูผิดปกติเกินไป!
ชุยจิ๋งเหยี่ยนเม้มปากสีกุหลาบของนางกล่าวขึ้น “ยามนั้น เป็นเพราะข้าตระหนักถึงความแปลกประหลาดนี้ ข้าจึงยั้งมือไม่ทำการใหญ่ ยอมถูกชายสมควรตายผู้นั้นขูดรีดเอาโอสถนทีปรภพรวมศูนย์ไปหกเม็ด!”
ท้ายที่สุด สตรีผู้งดงามราวนางมารทว่ากิริยาทรงเสน่ห์เยี่ยงนางสวรรค์ก็ขบกรามอย่างเคืองแค้น ดวงตาคู่งามดูราวอยากพ่นไฟเต็มแก่
อับอายนัก!
“หก?”
สีหน้าของนักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่คล้ำไปเล็กน้อยเช่นกัน รู้สึกปวดใจเหลือคณา
โอสถนทีปรภพรวมศูนย์ไม่ใช่ผักกาด แต่เป็นสมบัติชั้นเลิศของโถงหลงลืม กระทั่งบุคคลระดับสูงอย่างพวกเขายังไม่มีโอสถนทีปรภพรวมศูนย์มากนัก
ทว่าซูอี้กลับปล้นไปหกเม็ดในคราเดียว!!
“ดูเหมือนคนผู้นี้จะมองเจ้าเป็นแกะอ้วนเสียแล้ว”
เสวี่ยเย่ยิ้มอย่างขมขื่น
ฐานะของชุยจิ๋งเหยี่ยนพิเศษและสูงส่งยิ่ง และย่อมมีโอสถนทีปรภพรวมศูนย์ไม่ขาดมือ
ทว่าเพราะเหตุนี้ จึงเป็นไปได้มากว่าซูอี้จะถือนางเป็นแกะอ้วน…
“ไม่สิ!”
จู่ ๆ นักบวชลำดับเก้าก็ขมวดคิ้ว “จิ๋งเหยี่ยน เขารู้ได้เช่นไรว่าเจ้ามีโอสถนี้อยู่กับตัว?”
เปลือกตาของเสวี่ยเย่เองก็กระตุก เขาสังเกตเห็นความพิลึกบางอย่างเช่นกัน
จริงดั่งว่า ดูเหมือนซูอี้จะไม่เพียงเข้าใจบทบาทของโอสถนทีปรภพรวมศูนย์เท่านั้น แต่ยังดูแน่ใจทีเดียวว่าชุยจิ๋งเหยี่ยนต้องมีโอสถนี้กับตัว!
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวอย่างหดหู่ “หากข้ารู้ ข้าจะถามพวกท่านอีกทำไม?”
นักบวชลำดับเก้าอับจนวาจา
เสวี่ยเย่ตระหนักบางอย่าง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย กล่าวว่า “เขาต้องมองตัวตนของเจ้าออกเป็นแน่!”
“ใช่ น่าจะเป็นเฒ่าตาบอดผู้สืบเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพผู้นั้นที่บอกเขา”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนพยักหน้า “เพราะถึงอย่างไร เฒ่าตาบอดผู้นั้นก็เที่ยวสอดแส่วนเวียนอยู่ในแดนเซียนมิคคสัญญีในช่วงนี้สักพักแล้ว”
เสวี่ยเย่ส่ายหน้ากล่าว “ไม่น่าใช่เฒ่าตาบอด ในยามที่เรามายังมหาทวีปคังชิงครานี้ เจ้าโถงออกคำสั่งด้วยตนเองไม่ให้ผู้ใดแพร่งพรายเรื่องนี้ เรื่องฐานะของเจ้า แม้ว่าเฒ่าตาบอดจะมีความสามารถล้นฟ้า เขาก็จะมีทางหามันเจอได้”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนดูตกใจ “จริงหรือ?”
เสวี่ยเย่กล่าว “ถูกต้อง”
“แต่เขามองปราดเดียวก็รู้เลยนะว่าข้าแซ่ชุย”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนตกใจ “หรือเขาจะรู้จักจี้หยกที่บรรพชนของข้าให้มาจริง ๆ?”
นางกล่าวพลางหยิบจี้หยกข้างเอวออกมา สีหน้างดงามของนางเปลี่ยนแปร
นักบวชลำดับเก้ากล่าวอย่างประหลาดใจ “จี้หยกนี้… มาจากฝีมือของท่านยมราชพิพากษาหรือ?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนพยักหน้า
นักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างสูดหายใจเฮือก หัวใจสั่นคลอน ตระหนักมากขึ้นถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ขึ้นทุกขณะ
แม้แต่พวกเขายังไม่รู้ที่มาของจี้หยกของชุยจิ๋งเหยี่ยน ทว่าซูอี้จะดูเหมือนใช้จี้หยกนี้ในการมองทะลุตัวตนของชุยจิ๋งเหยี่ยนในพริบตา ซึ่งเหลือเชื่อสิ้นดี!
“ที่มาของซูอี้ผู้นี้ไม่มีทางธรรมดา!”
ครู่ถัดมา เสวี่ยเย่ขมวดคิ้ว “ข้ากระทั่งสงสัยว่าเขาน่าจะมาจากภูมิมืดมิดเหมือนเช่นชายชราตาบอด!”
นักบวชลำดับเก้าขมวดคิ้วกล่าว “ทว่าก่อนหน้านี้ เมื่อใดกันที่เจ้าได้ยินว่ามีบุคคลซึ่งไม่เพียงรู้จักมรดกสูงสุดและเคล็ดวิชาของโถงหลงลืมเรา แต่ยังรู้จักจี้หยกที่ท่านยมราชพิพากษาทำขึ้นด้วยการมองปราดเดียวบ้าง?”
“ยิ่งกว่านั้น เขายังเยาว์วัยยิ่งด้วย?”
เสวี่ยเย่และชุยจิ๋งเหยี่ยนเงียบไป
เรื่องนี้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดชวนสับสน ทำให้พวกเขารู้สึกยิ่งคิดยิ่งพบทางตัน
จู่ ๆ นักบวชลำดับเก้าก็ตระหนักถึงบางสิ่ง และกล่าวว่า “จิ๋งเหยี่ยน จี้หยกนี้ ท่านยมราชพิพากษาส่งให้เจ้ายามมายังมหาทวีปคังชิงนี้ ถูกหรือไม่?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าว “ถูกต้อง”
นักบวชลำดับเก้าถามอีกครั้ง “เช่นนั้น… ยามเมื่อท่านยมราชพิพากษาส่งมันให้เจ้า เขาได้อธิบายอันใดหรือไม่?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนขมวดคิ้ว เงียบไปครู่หนึ่ง จึงตอบว่า “พ่อข้าบอกว่าจี้หยกนี้สามารถใช้ป้องกันตัวได้ และยังใช้ช่วยชีวิตได้ด้วย”
กล่าวถึงตรงนี้ ชุยจิ๋งเหยี่ยนก็จำเรื่องหนึ่งได้ “ในยามนั้น ข้าบอกว่าในเมื่อจี้หยกนี้ล้ำค่ามหาศาล มันก็ควรถูกซุกซ่อนในกาย ใช้เป็นสมบัติก้นหีบสิ”
“ทว่าพ่อข้ากลับยืนกรานให้ข้าห้อยมันไว้ที่เอว บอกว่านี่คือคำสั่งบรรพชนข้า และยังบอกว่าหากมีผู้ใดจำจี้หยกนี้ได้ เขาจะไว้หน้าบรรพชนข้าและไม่ทำอันตรายต่อข้า”
“ข้าไม่ถือเรื่องนี้จริงจัง ไม่ได้นำคำพูดเหล่านี้มาใส่ใจ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปในยามนี้…”
กล่าวถึงตรงนี้ ชุยจิ๋งเหยี่ยนก็แทบพูดไม่ออก “มิน่าเล่า ชายแซ่ซูผู้นั้นจึงกล่าวไว้ยามนั้นว่า หากไม่ใช่เพราะข้าแซ่ชุย เขาจะไม่ปล่อยข้าไปเช่นนี้! เขา… เขาต้องจำจี้หยกของบรรพชนข้าอันนี้ได้! ต้องเป็นเช่นนี้แน่!”
สีหน้าของนักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่ดูลังเล
คำตอบดูเหมือนจะถูกเผยออกแล้ว
ทว่าคำตอบเช่นนี้ทำให้ใจของพวกเขาสั่นคลอน กระทั่งรู้สึกจนปัญญาอย่างไม่อาจบรรยาย
ตัดสินจากตัวตนอันร้ายกาจของยมราชพิพากษาชุยหลงเซี่ยง สิ่งที่เขาทำต้องแฝงความหมายลึกล้ำ
เหมือนเช่นการมาเยือนมหาทวีปคังชิงครานี้ เจ้าโถงหลงลืมเดิมเคยปฏิเสธไม่ให้ชุยจิ๋งเหยี่ยนเข้าร่วม เพราะฐานะของนางพิเศษเกินไป ไม่อาจทนรับความผิดพลาดใด ๆ ได้
ทว่าผู้นำตระกูลชุยกลับส่งจดหมายขอให้พาชุยจิ๋งเหยี่ยนมายังมหาทวีปคังชิงเพื่อทัศนาจรและฝึกฝนอย่างไม่คาดฝัน
เพราะเหตุนี้ เจ้าโถงหลงลืมจึงตอบตกลง
ทว่ายามนี้ นักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่ตระหนักแล้วว่าการจัดเตรียมการของตระกูลชุยไม่ได้เรียบง่ายดั่งที่เห็น!
ประเด็นอยู่ที่จี้หยกและคำสั่งของยมราชพิพากษา!
หากจี้หยกนี้เป็นเพียงไพ่ตายเพื่อป้องกันตัว ย่อมดีกว่าหากจะซ่อนมันอย่างระมัดระวังไม่ให้ถูกเห็น
ทว่ายมราชพิพากษากลับไม่อนุญาตให้ชุยจิ๋งเหยี่ยนทำเช่นนั้น
เพราะเหตุใด?
ยมราชพิพากษายังให้เหตุผลด้วยว่า หากไม่มีผู้ใดจำจี้หยกนี้ได้ จะถือมันตรง ๆ หรือซ่อนมันก็ไม่แตกต่าง
ทว่าหากมีผู้ใดจำจี้หยกนี้ได้ ผู้นั้นจะไว้หน้าเขา และย่อมไม่ทำร้ายชุยจิ๋งเหยี่ยน!
ประเด็นอยู่ตรงนี้
ราวกับว่ายมราชพิพากษาคาดไว้อยู่แล้วว่าต้องมีใครสักคนในมหาทวีปคังชิงซึ่งรู้จักจี้หยกที่เขาสร้างนี้
ดังนั้น ชุยจิ๋งเหยี่ยนจึงได้รับอนุญาตให้มาและสวมจี้หยกนี้บนตัว!
ไม่ต่างอันใดกับการตกปลา
จี้หยกนี้คือเหยื่อล่อ และผู้ที่เห็นมันคือปลา!
และการปรากฏตัวของซูอี้ก็เป็นดั่งปลามองเห็นเหยื่อ ตอบรับการคาดเดาของยมราชพิพากษาทางอ้อม!
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ นักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่จะไม่ตกใจได้เช่นไร?
ทว่าหลังจากตกใจ ทั้งสองก็งุนงงยิ่งกว่า
ไม่ว่าซูอี้ผู้นี้จะเจิดจรัสเก่งกาจเพียงไร เขาก็ยังเป็นเพียงชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ เหตุใดท่านยมราชพิพากษาจึงสนใจเขาได้?
ถึงขนาดที่เขาต้องส่งชุยจิ๋งเหยี่ยนให้นำจี้หยกที่เขาสร้างมายังมหาทวีปคังชิงนี้ด้วยตนเอง?
“แม้บรรพชนของข้าจะกำลังตกปลา เขาก็น่าจะจับปลาใหญ่นี่นา ไฉนเขาจึงมาชอบซูอี้… บุคคลรุ่นหลังตัวน้อยที่เพิ่งเกิดไม่นานด้วย?”
ยามนี้ ชุยจิ๋งเหยี่ยนเองก็พอจะเดาเจตนาบรรพชนของนางได้บ้างแล้ว นอกจากตกตะลึง นางเองก็งุนงงมากเช่นกัน
บรรยากาศในห้องลับหมองลงไปครู่หนึ่ง
อารมณ์ของคนทั้งสามกระเพื่อมพลิกผัน
คำตอบเยี่ยงนี้เหลือเชื่อโดยแท้จริง!
เนิ่นนานจากนั้น
นักบวชลำดับเก้าสงบใจและกล่าวอย่างจริงจัง “มีความเป็นไปได้เพียงสอง หนึ่งคือซูอี้มีบางอย่างในกายซึ่งดึงดูดความสนใจของท่านยมราชพิพากษา และอีกหนึ่งคือต้นกำเนิดและภูมิหลังของซูอี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวอย่างจำแนกประเภท “ใครเล่าในภูมิมืดมิดจะไม่รู้ว่าวิสัยทัศน์บรรพชนข้ากว้างไกลเพียงไร? เขาไม่มีทางชายตามองบุคคลธรรมดาในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเป็นแน่!”
“เช่นนั้นก็เหลือเพียงความเป็นไปได้เดียว”
นักบวชลำดับเก้าและเสวี่ยเย่มองหน้ากัน ทั้งสับสนและตกใจมากขึ้นทุกที
ชายหนุ่มจากมหาทวีปคังชิงผู้นี้ต้องมีต้นกำเนิดและภูมิหลังเช่นไร จึงจะสามารถดึงความสนใจจากท่านยมราชพิพากษาได้?
—————————