บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 733 แสงสว่างแห่งโลกกว้างกำลังมา
ตอนที่ 733: แสงสว่างแห่งโลกกว้างกำลังมา
ตอนที่ 733: แสงสว่างแห่งโลกกว้างกำลังมา
หลังจากกินดื่มจนอิ่มหนำ ซูอี้ก็เอนร่างบนเก้าอี้หวายอย่างแสนผาสุก
เมื่อมองขึ้นไป จึงพบท้องนภาซึ่งคลาคล่ำด้วยหมู่ดาว บรรจงจุดเป็นแสงพร่างพราย กระจายวูบไหวทั่วรัตติกาลดั่งผืนผ้าม่าน
“คุณชายซู ตาเฒ่าผู้น้อยสังหรณ์ว่าในอีกสามชั่วยาม ท้องนภาจะเกิดการเปลี่ยนผันอย่างรุนแรงขอรับ”
ชายชราตาบอดซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นเบา ๆ
เบ้าตาลึกโหลของเขาจับจ้องท้องนภา ราวกับเห็นความลับมากมาย
ซูอี้แค่นเสียงหึพลางหลับตาลง “ข้าจะพักสักเดี๋ยว พวกเจ้าไม่ต้องกังวลนักหรอก รอให้ชิ้นเนื้อจากสวรรค์ร่วงลงมาเองก็พอ”
ชายชราตาบอด เหวินซินจ้าว จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยและคนอื่น ๆ มองหน้ากันด้วยแววตาซับซ้อน
ชิ้นเนื้อจากสวรรค์?
ได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็แน่ใจว่าซูอี้มั่นใจต่อการเปลี่ยนแปลงนี้มาก!
เมื่อหันมองซูอี้อีกครั้ง ก็พบว่าเขาหลับตาพักสงบจิตเสียแล้ว
ชายหนุ่มไม่มีทางกล่าวแน่ว่าวัตถุอันล้ำค่าที่สุดต่อแสงสว่างแห่งโลกกว้างในครานี้ มหาลาภอันเป็นของต้นกำเนิดแห่งคังชิงได้ตกอยู่ในมือเขาแสนนานมาแล้ว
ไม่อาจกล่าวได้ว่ายามเมื่อพลังมหาวิถีปะทุขึ้น เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงจะช่วยพวกเขาให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด
หากกล่าวออกไป มันคงเป็นการโอหังอหังการมากเสียเกินเหตุ
‘หวังว่าแสงสว่างแห่งโลกกว้างนี้จะนำมาซึ่งคู่ต่อสู้อันคู่ควรเพิ่มสักหน่อย หาไม่ ข้าผู้เวียนวัฏสงสารกลับมาเริ่มการฝึกฝนใหม่คงไร้เหตุผลให้ต้องอยู่ในมหาทวีปคังชิงนี้ต่อ…’
ซูอี้พึมพำในใจ
เวียนวัฏสงสารกลับมาเริ่มการฝึกฝนใหม่ หากไร้คู่ต่อสู้ สิ่งใดเล่าจะนำมาใช้ลับดาบได้?
แม้จะไร้คู่ต่อกรในขอบเขตเดียวกัน แต่ขอเพียงมีคู่ต่อกรสักคน การบ่มเพาะฝึกฝนก็ยังทำได้ต่อ
ทว่ายามนี้ การฝึกฝนของซูอี้มาถึงขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณแล้ว และเมื่อแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาเยือน เขาก็จะสามารถก้าวสู่ขอบเขตสยายวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดทั่วมหาทวีปคังชิงอยู่เพียงในขอบเขตวงล้อวิญญาณเท่านั้น
สถานการณ์ดังกล่าวยากสำหรับซูอี้ในการเสาะหาผู้มีฝีมือคู่ควรแก่การประลองไปสักหน่อย
ดังนั้น เขาจึงตั้งตารอการมาถึงของกลุ่มบุคคลซึ่งเขาสามารถต่อกรด้วยได้ท่ามกลางแสงสว่างแห่งโลกกว้างอันเข้มข้นสุดขีดนี้
ต่อให้อีกฝ่ายจะมีขอบเขตสูงส่งกว่าเขานักก็ไม่เป็นไร!
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ฟ้าดินสลัวมัว ดาริกากะพริบหรี่ บรรยากาศหดหู่ชวนใจหายทำให้ทั่วมหาทวีปคังชิงจมดิ่งสู่ความนิ่งงันไร้ชีวิตชีวา
ในหุบเขาลึก พนาบรรพกาล กลุ่มสัตว์ปีศาจกระสับกระส่ายตื่นกลัว ไม่อาจหนีไปหนใดโนเวลพีดีเอฟ
ในเมืองอันเฟื่องฟูรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้ฝึกตนหรือปุถุชนต่างเก็บตัวเงียบ ทิ้งถนนทางเดินว่างโล่งร้างผู้คน
ทันใดนั้น ซูอี้ก็ลืมตาขึ้นเงียบ ๆ พลางกระซิบ “มาแล้ว”
วาจานั้นเลื่อนลอยบางเบา ทว่ากลับมีอำนาจเหลือล้ำเยี่ยงคำพยากรณ์อันไม่อาจหยั่งคาด และทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทึบ ๆ จากสุดเวหามืดหม่น
ตู้ม!!
ดุจสุรเสียงประกาศเริ่มต้นความอลหม่าน นภาและผืนหล้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น ทุกชีวิตทั่วมหาทวีปคังชิงสะท้านเคลื่อน ต่างคนต่างเงยหน้าขึ้นมองผืนฟ้า
หมู่ดาราสั่นไหวเคลื่อนม้วน และรอยร้าวอันน่าตกใจก็ปรากฏขึ้นกลางนภาดุจผืนม่านอย่างรวดเร็วทันตาเห็น
ผู้ใดได้เห็นภาพนี้ต่างรู้สึกตื่นกลัวราวฟ้าถล่ม
ความเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ย่อมร้ายกาจเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
และยังก่อให้เกิดความตกตะลึงและเสียงฮือฮามากมายในโลกา
“ต้นกำเนิดแห่งคังชิงพังทลายลงแล้ว อำนาจของมันจะถูกป้อนกลับสู่โลกหล้า แสงสว่างแห่งโลกกว้างซึ่งเรารอคอยมาแสนนาน ในที่สุดก็มาเสียที…”โนเวลพีดีเอฟ
“ฮ่า ๆๆ แสงสว่างแห่งโลกกว้างมาสักที!”
“การจองจำแห่งยุคมืดเป็นเวลาสามหมื่นปีทำให้มหาทวีปคังชิงเหี่ยวเฉาไร้ปราณวิญญาณ ไร้ซึ่งบุคคลในขอบเขตจักรพรรดิ! แต่นับจากวันนี้ ชะตาย่อมถูกกำหนดให้แตกต่างจากเดิม!”
“เตรียมพร้อม เร็วเข้า!”
ไม่รู้ว่ามีขุมอำนาจมากเพียงไรที่ออกมาเคลื่อนไหวในชั่วยามนี้
เจ็ดมหาอำนาจโบราณ สามขุมอำนาจจากต่างโลก ตระกูลเยี่ย เผ่าจิ้งจอกบุหลันม่วง… ทุกฝ่ายต่างเตรียมการฝึกปรือในแบบของตน
สวนน้อยนภาเมฆ
ชายชราตาบอด จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ ต่างตื่นเต้นเช่นกันเมื่อตระหนักได้ว่ามหาลาภอันไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้กำลังจะอุบัติสู่โลกหล้า
ซูอี้ลุกจากเก้าอี้หวาย กล่าวขึ้นว่า “จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย หลังจากนี้ให้เจ้าเรียกใช้ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนเสีย กันไว้กรณีมีผู้ใดจะเข้ามาปล้นหรือทำลายนครหลวงจิ๋วติ่ง”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยตอบรับอย่างจริงขัง “ได้”
“ไปกันเถิด สู่สุญญะ”
ซูอี้กล่าวพลางพลิ้วร่างหายไป ปรากฏขึ้นอีกครั้งที่ความสูงหลายพันจั้ง
เบื้องหลังเขามีชายชราตาบอด เหวินซินจ้าว เวิงจิ่ว ชิงหยาและเซียนหานเยียน
“เมื่อพลังดั้งเดิมแห่งมหาวิถีร่วงหล่นลงมา พวกเจ้าก็คว้ามันไว้เสีย จำไว้ว่าอย่าโลภเกินไป หาไม่จะรับไม่ไหวเอา”
ซูอี้มองฟ้าพลางเอ่ยสั่งอย่างเฉยเมย
ทุกคนพยักหน้า
ซูอี้หยิบน้ำเต้าปลุกวิญญาณขึ้นมา เรียกชิงหว่านออกมาเตือน “เจ้าก็ด้วย”
ชิงหว่านพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“เจ้าค่ะคุณชาย”
อาภรณ์สีชาดของหญิงสาวพลิ้วไหวดั่งเปลวเพลิง ผิวพรรณขาวเนียนยิ่งกว่าหิมะ งดงามดุจภาพเขียน ไร้ร่องรอยของการฝึกฝนวิญญาณ แต่กลับมีเสน่ห์เยี่ยงนางสวรรค์
เหมือนเช่นเหวินซินจ้าว การฝึกฝนของชิงหว่านอยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราขั้นสมบูรณ์แบบและยั้งมันไว้จวบยามนี้เพื่อเลื่อนขอบเขตในทันทีที่แสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง
นอกจากเหวินซินจ้าวและชิงหยา ชายชราตาบอด จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยและคนอื่น ๆ เพิ่งได้พบชิงหว่านเป็นครั้งแรก และพวกเขาก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้
“ช่างมีกายาและวิญญาณบริสุทธิ์ยิ่งนัก!”
ชายชราตาบอดทึ่ง
สิ่งที่ผู้คนในภูมิมืดมิดแทบทั้งหมดไม่อาจแยกตัวออกห่างได้ก็คือการฝึกฝนวิญญาณ
เพราะเหตุนี้ ชายชราตาบอดจึงสัมผัสได้ว่าปราณที่แผ่จากร่างของชิงหว่านพิเศษไม่ธรรมดาเพียงไร
ทว่า ไม่ว่าชายชราตาบอดหรือจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยต่างก็เป็นผู้ทรงภูมิ และไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด
ยามนี้ ซูอี้ก็สะบัดแขนเสื้อ
วูบ! วูบ!
ครรภ์อสูรซึ่งผนึกเสวียนหนิงและพลังดั้งเดิมซึ่งผนึกเย่ซุ่นเอาไว้ล้วนปรากฏสู่สุญญะ
“เสวียนหนิง เจ้าในยามนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”
ซูอี้ถาม
ในครรภ์อสูร เสียงอันนอบน้อมของเสวียนหนิง “เรียนท่านอาจารย์ ศิษย์ก่อร่างสร้างวิญญาณใหม่เสร็จแล้ว และกำลังฝึกฝนอยู่ขอรับ”
“มาถึงขนาดนี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน นับว่าไม่เลว”
ซูอี้พยักหน้า
เมื่อยามที่เสวียนหนิงแรกปรากฏในมหาทวีปคังชิง เขาถูกพายุมิติโจมตีจนเหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณ จนกระทั่งภายหลัง ซูอี้ได้ใช้เคล็ดวิชาผนึกวิญญาณของเขาไว้ในครรภ์อสูร เขาจึงสามารถก่อร่างสร้างวิญญาณใหม่ได้
“เจ้าเล่า?”
ซูอี้หันไปถามพลังดั้งเดิมซึ่งผนึกเย่ซุ่นเอาไว้
กลุ่มพลังดั้งเดิมสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย ตามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นของเย่ซุ่น “พี่เขย ข้าจะหลอมรวมพลังดั้งเดิมที่ร่างของข้าทิ้งไว้ได้ในอีกไม่ช้า แม้ว่าระดับฝึกฝนจะไม่อาจฟื้นคืนสู่ช่วงเวลาสมบูรณ์พร้อมได้สักระยะหนึ่ง ทว่า…”
ซูอี้ขัดจังหวะ “พอแล้ว”
เขารู้ดีว่าหากไม่หยุดเย่ซุ่นไว้ เจ้าเด็กนี่คงได้พล่ามไม่รู้จบเป็นแน่!
“มหาลาภกำลังจะปรากฏ เจ้าและเสวียนหนิงก็ควรเตรียมตัวเช่นกัน”
ซูอี้เร่ง
“ศิษย์น้อมรับคำสั่งอาจารย์!”
“ได้เลยพี่เขย!”
และเมื่อเห็นภาพนี้ พวกจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยต่างอึ้งตะลึงสับสน
เมื่อชิงหว่านปรากฏ นางก็เรียกซูอี้ว่าคุณชาย
และยามนี้ ยังมีสองบุคคลซึ่งเรียกซูอี้เป็นอาจารย์และพี่เขยตามลำดับโผล่มาอีก
นี่ช่างพิลึกยิ่ง
ชายชราตาบอดถาม “แม่นางซินจ้าว สหายเต๋าซูรับศิษย์ตั้งแต่ยามใดหรือ?”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยก็ถามว่า “แม่นางซินจ้าว สหายเต๋าซูแต่งงานนับแต่ยามใด?”
เหวินซินจ้าว “…”
นางเองก็งุนงงไม่ต่างกัน จะนำคำตอบจากหนใดมาตอบได้?
ตู้ม!
ทันใดนั้น เสียงกัมปนาทก็ลั่นมาจากห้วงลึกแห่งนภา สะท้านสะเทือนทั่วโลกา
ทุกคนต่างอกสั่นขวัญแขวน
จากนั้น ทุกผู้ก็เห็นว่ามีพิรุณแสงแห่งมหาวิถีอันยิ่งใหญ่โปรยปรายลงมาหนาตาเยี่ยงน้ำตกจากรอยร้าวบนฟ้า
ยามนี้ พลังต้นกำเนิดแห่งมหาทวีปคังชิงระเบิดออกในที่สุด!
ท้องนภากว้างใหญ่ไร้จุดจบดูราวกับถูกชะทิ้งในพริบตา พิรุณแสงแห่งมหาวิถีโปรยปรายงดงามละลานตายิ่งนัก
เมื่อมองขึ้นเบื้องบนจากบนผืนหล้า ภาพที่เห็นก็เป็นดั่งฝนดาตกนับไม่ถ้วน ตระการตา หลากสีสัน ทรงพลังน่าตกตะลึง
ทั่วทั้งมหาทวีปคังชิงต่างเดือดพล่านไปกับมันโดยสมบูรณ์!
ตระกูลหวนเผ่ามาร
แขนเสื้อของหวนเทียนซูสะบัดพลิ้วพลางตวาดลั่น “เปิดมหาค่ายกล!”
สุ้มเสียงยังคงสะท้อนก้อง ทว่าค่ายกลซึ่งวางไว้บนสนามเต๋ากว้างหลายพันจั้งพลันแปรเปลี่ยนพลังเป็นลำแสง ทะยานสู่นภา
ในขณะเดียวกัน ขุมอำนาจอื่น ๆ ก็เกิดเรื่องในลักษณะใกล้เคียงนี้เช่นกัน
ผู้ฝึกตนเหล่านั้นต่างบ้าคลั่ง และใช้ทุกวิถีทางเพื่อไล่ล่า ‘โอกาส’ ซึ่งโปรยปรายลงจากฟ้านี้
“จงตื่น!”
ในแดนเซียนมิคสัญญี เสวี่ยเย่ยืนอยู่บนพื้น เปล่งวาจาลั่นดุจฟ้าผ่า
โคมสำริดเปรอะโลหิตดวงหนึ่งผุดขึ้น เงาแห่งโคมทอดยาวนับร้อยจั้ง หมุนวนประหนึ่งสายนทีทมิฬ
สมบัติวิญญาณต้นกำเนิด โคมเรือวิญญาณข้ามนที!
ตระกูลเยี่ย
เยี่ยเซียวเก็บม้วนกระดาษในมือตนไปอย่างช้า ๆ และแหงนหน้ากล่าวกับนภาเบา ๆ “เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงเป็นของข้า ผู้ใดกล้าชิงมันไป ข้าจะฆ่าไม่เลือกหน้า”
ลึกเข้าไปในดวงตาลึกล้ำคู่นั้น แฝงด้วยจิตสังหารกระหายโลหิตจาง ๆ ที่แผ่พุ่งอยู่
วูบ!
อึดใจถัดมา ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นเหนือสุญญะ เขายกมือขึ้นเรียกใช้ไหดินเผาสีเทาใบหนึ่ง มันหมุนควงบนอากาศ และจู่ ๆ ก็ขยายขึ้นใหญ่เท่าบ้าน
ด้านในไหมีบางสิ่งสีดำหมุนวนอยู่
ไหกลืนสวรรค์!
สมบัติวิญญาณต้นกำเนิดซึ่งสืบทอดมาในตระกูลเยี่ย!
ลึกเข้าไปในถ้ำอุกกาบาต
ตู้ม!
อำนาจของการจองจำแห่งยุคมืดกู่ร้องคำราม และร่างสูงกำยำร่างหนึ่งก็ก้าวขายาว ๆ ออกมาจากห้วงลึกแห่งหมอก
เส้นผมสีดำของร่างนั้นกระเซอะกระเซิง สวมอาภรณ์สีทองขาดวิ่นเปื้อนเลือด ร่างแปดเปื้อนไปด้วยพลังแห่งการจองจำแห่งยุคมืด ใบหน้าถูกบดบัง ไม่อาจมองเห็นชัดเจน
“หลังจากสงบเงียบหลายหมื่นปี ในที่สุดเก้าดาราของข้าก็มาถึงวันนี้…”
เสียพึมพำแหบต่ำและเย็นชาสะท้อนในถ้ำอุกกาบาต และร่างกำยำในอาภรณ์สีทองก็เงยหน้าหัวเราะสู่นภา
เสียงของเขาสะท้านสะเทือนสิบทิศเยี่ยงเสียงฟ้าผ่า
เหนือสวนน้อยนภาเมฆ
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง มองพลังต้นกำเนิดแห่งมหาวิถีซึ่งโปรยปรายจากนภาดุจพิรุณกระหน่ำ สีหน้าของเขาเฉยเมย ไม่ได้ทำสิ่งใด
ทว่าชายชราตาบอดและจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยต่างตะลึงเมื่อเห็นว่าพิรุณแสงแห่งมหาวิถีซึ่งโปรยปรายกลับเป็นเยี่ยงฝูงปลาที่พบเหยื่อล่อ พวกมันต่างทะยานมายังนครหลวงจิ๋วติ่ง สู่จุดที่ซูอี้ยืนอยู่จากทั่วทุกสารทิศ
“นี่…”
ทุกผู้ต่างอดตื่นตะลึงไม่ได้ นี่มันเรื่องอันใดกัน?
พรแห่งสรวง?
“พวกเจ้ายังโอ้เอ้อันใดอยู่ รีบรวบรวมมันสิ”
ซูอี้เหลือบมองคนอื่น ๆ
ทุกคนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน และต่างเริ่มลงมือ