บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 743 มองโลกมนุษย์อย่างผู้เหนือกว่า
ตอนที่ 743: มองโลกมนุษย์อย่างผู้เหนือกว่า
ตอนที่ 743: มองโลกมนุษย์อย่างผู้เหนือกว่า
แคร็ก!
ดาบเต๋าแวววาวเล่มหนึ่งแตกหักไปทีละชุ่น
ผู้ฝึกตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณผู้ควบคุมดาบโซซัดโซเซ กระอักเลือดออกมา
ไม่รอให้เขาทรงตัว ปราณดาบที่สะท้อนในตาเขาขยายใหญ่ขึ้นฉับพลัน
จวบจนปราณดาบใหญ่ครอบนัยน์ตาของเขา
พรวด!
ศีรษะของเขากระเด็นขึ้นฟ้า เลือดสาดกลางอากาศ
อีกด้าน…
ตู้ม!
ปราณดาบดังก้อง บดขยี้อินเต๋าทองเหลืองไป
ท่ามกลางเศษเสี้ยวกระจายว่อน ชายในชุดหรูคนหนึ่งตัวระเบิดฉับพลัน เลือดเนื้อถูกบั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน
ผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อสวรรค์ตายอนาถไปแล้วสองคน และแทบจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ด้วยความไวอันน่าเหลือเชื่อ
ส่วนร่างสูงใหญ่ของซูอี้ได้พุ่งไปฆ่าคนอื่นแล้ว
การเข่นฆ่าระหว่างตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณ สะท้อนให้เห็นผลการฝึก และสะท้อนให้เห็นความสามารถในการควบคุมพลังมหาวิถี
และระดับความแข็งแกร่งของพลังมหาวิถีแสดงผ่านรูปลักษณ์ของวงล้อวิญญาณมหาวิถีที่หล่อหลอมขึ้นมา
ดังเช่นเหล่าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณที่ต่อสู้กับซูอี้ ล้วนหล่อหลอมวงล้อวิญญาณมหาวิถีได้ นับว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้มีอยู่ถมเถไป
อย่างเซี่ยจือเป่ย หวนซั่งหลิน ถือเป็นหัวกะทิในบรรดาคนเหล่านั้น
ส่วนหวังจงหยางผู้มาจากหอดาบศีตอุดรแห่งภูมิชลสินธุ์สวรรค์ถือเป็นการดำรงอยู่สุดแกร่งในบรรดาผู้อาวุโส พลังวิถีของเขาไม่ด้อยไปกว่าผูเจวี๋ยเลย
เทียบกันแล้ว บรรดาตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณห้าคนอย่างหวนเทียนซูที่ตายด้วยน้ำมือซูอี้ถือว่ากระจอกกว่ามาก
กระนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ผู้ก้าวสู่ขอบเขตสยายวิญญาณแล้ว เหล่าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณก็ดูฝีมือไม่พอขึ้นมา
ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน เลือดสาดกระเซ็นอยู่ในอากาศ ราวกับที่แห่งนี้คือนรกโลกันตร์
ถึงแม้การต่อสู้นี้จะเพิ่งดำเนินไปได้ไม่นาน ทว่ากลยุทธ์ตีวงล้อมของบรรดาขอบเขตวงล้อวิญญาณทลายลงนานแล้ว ซ้ำยังบาดเจ็บล้มตายกันกว่าครึ่ง!
ตั้งแต่เริ่มจนถึงบัดนี้ ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งการจู่โจมของซูอี้ได้!
“น่ากลัวเกินไปแล้ว… น่ากลัวเกินไปแล้ว…”โนเวลพีดีเอฟ
ไม่รู้ว่ามีคนเท่าใดผวาจนหน้าซีด จิตใจสั่นไหว
ในสายตาผู้ชมการต่อสู้ ซูอี้ในเวลานี้แทบไม่ต่างจากบุคคลไร้เทียมทาน!
“ตอนนี้ เจ้าน่าจะรู้แล้วว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ข้าถึงยอมแพ้…”
ผูเจวี๋ยพึมพำ
ซูอี้ก่อนผ่านมหาภัยพิบัติ ยังแข็งแกร่งจนปราบตัวเองได้เรื่อย ๆ ในการต่อสู้
ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย
ผูซู่หรงเงียบ ความเจ็บใจที่หลงเหลือจากการยอมแพ้ของผูเจวี๋ยในคราวก่อนถูกแทนที่ด้วยความสะท้าน หวาดผวา และความกลัว
มีหรือที่นางจะไม่รู้ หากไม่ใช่ซูอี้ออมมือ พวกเขาก็คงไม่อาจมีชีวิตอยู่เกินวันนี้ได้?
“เห็นหรือยัง นี่ต่างหากความเกรียงไกรที่แท้จริงของคุณชายซู! เจ้าพวกสารเลวนั่นยังหวังฉวยโอกาสลอบโจมตีช่วงก่อนหลังการผ่านมหาภัยพิบัติของเขา น่าขำสิ้นดี”
ใบหน้าของชายชราตาบอดเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ถ้าพวกเขารู้เรื่องวันนี้ ว่าเดิมเป็นกับดักใหญ่ที่คุณชายซูวางไว้อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดเห็นอย่างไร”
จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย และพวกเหวินซินจ้าวล้วนจิตใจฮึกเหิม
ฝนเลือดตกกระหน่ำท่ามกลางฟ้าดิน สั่นคลอนจนแทบรับไม่ไหว
มีเพียงร่างของซูอี้ยังตระหง่านอยู่ในนั้น ทระนงและทรงพลัง ดุจเทพเซียนจุติ ประกาศศักดาต่อเหล่ามนุษย์
ถึงตอนนี้ เหล่าคู่ต่อสู้ถูกฆ่าจนเหลืออยู่น้อยนิด แค่หกเจ็ดคนเท่านั้นที่ยังกระเสือกกระสนดิ้นรนอยู่!
ระหว่างการต่อสู้…
หวนซั่งหลินหน้าเขียว แทบคลุ้มคลั่ง
เซี่ยจือเป่ยกระอักเลือด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าตาฉายแววขวัญผวา
หวังจงหยางคล้ายจะเสียสติ คำรามไม่หยุด
ห้ำหั่นมาถึงบัดนี้ ความแข็งแกร่งของซูอี้ทำให้พวกเขาแต่ละคนสะเทือนใจรุนแรง แทบบ้าเต็มที
ไม่มีผู้ใดคาดคิด ระหว่างการผ่านมหาภัยพิบัติ ซูอี้ยังแข็งแกร่งได้ดังเดิม ทั้งจิตใจและจิตวิญญาณล้วนไม่ได้รับผลกระทบ
เช่นเดียวกัน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าซูอี้จะทลายมหาภัยพิบัติสะท้านโลกาที่แลดูต้องสะพรึงได้ในดาบเดียว และก้าวสู่ขอบเขตสยายวิญญาณได้ทันที
หากผิดคาดเรื่องเหล่านี้ ยังพอเข้าใจได้
ทว่าพลังรบกล้าแกร่งที่ซูอี้สำแดงให้เห็นนั้น พวกเขาไม่อาจรับได้เลย!
แข็งแกร่งเหลือเกิน!
ต่อให้คิดจนสมองแตก พวกเขาก็คิดไม่ตกว่าคนหนุ่มผู้เพิ่งก้าวสู่ขอบเขตสยายวิญญาณ ระดับพลังยังไม่มั่นคง จะแข็งแกร่งถึงขั้นแทบไร้เทียมทานได้อย่างไร?
เคล็ดวิชาอะไรกัน สมบัติอะไรกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาล้วนเปราะบางดุจแผ่นกระดาษ ไม่อาจทำร้ายเขาได้เลยสักนิดเดียว
กลับเป็นเขา ทุกครั้งที่ลงมือล้วนไม่อาจยับยั้ง ถล่มจนฝ่ายพวกเขาล้มไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น สามกองกำลังใหญ่ของพวกเขาก็บาดเจ็บล้มตายกันสาหัส
ตูม!
เสียงทุ้มต่ำของการระเบิดดังก้อง ขอบเขตวงล้อวิญญาณล่วงลับไปอีกคน เขาโดนฝ่ามือซูอี้ฟาดจนเละ แตกดับไปทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
ภาพนองเลือดนั้นเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย เป็นผลให้หวนซั่งหลินเสียสติอย่างสิ้นเชิง
ปราศจากการลังเล ผู้โด่งดังจากตระกูลหวนเผ่ามารผู้นี้หันหลังหนีทันที!
ฟึ่บ!
แสงโลหิตหนาแน่นปะทุออกจากตัวหวนซั่งหลิน ส่งผลให้ร่างของเขาแตกกระจายเป็นเส้นเลือดนับพันหมื่น พวยพุ่งออกไปทุกทิศ
วิชาเลือนโลหิต!
วิชาต้องห้ามทรงพลังที่กัดกร่อนพลังชีวิตและอายุขัย เพื่อแลกมาซึ่งโอกาสหนีรอด
วิชาต้องห้ามนี้แพร่หลายมากในสายผู้ฝึกวิถีชั่วช้า
แต่ต้องยอมรับว่า การหนีด้วยวิชาเลือนโลหิตได้ผลมากทีเดียว
น่าเสียดาย หวนซั่งหลินมาเจอกับซูอี้
สำหรับซูอี้ผู้มีประสบการณ์ชาติก่อนมาหนึ่งแสนแปดพันปี ช่ำชองวิชาวิถีนับพัน เคล็ดวิชาลับนับหมื่น หากต้องการคลายวิชาเลือนโลหิตไม่ยากเลยสักนิด
แขนเสื้อซูอี้พลิ้วสะบัด แขนขวาชูขึ้น ประหนึ่งดาบคมทิ่มแทงนภา
ตู้ม!
บนท้องฟ้าโดยรอบ พลันปรากฏผนังมหาวิถี ปิดตายทุกทิศ
ผนังมหาวิถีทุกด้านเปล่งประกายเจิดจ้า อักษรสันสกฤตเรียงราย
มองจากที่ไกล ๆ ฟ้าดินผืนที่ซูอี้อยู่ราวกับกรงขังมโหฬารที่ไม่อาจหลีกหนี
นี่ไม่ใช่วิชาวาดพสุธากำหนดขอบเขตของตระกูลเยี่ย แต่เป็นวิชาลับสุดยอดที่สืบทอดต่อกันในสำนักวิถีพุทธ…
หัตถ์วิสุทธิภูมิ!
ฝ่ามือเดียวแปลงภูเขาลำธารบนแผ่นดินนี้เป็นวิสุทธิภูมิ เมื่อทอดกายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติผืนนี้ ย่อมเปรียบดั่งอยู่ในหัตถ์ข้า!
หากขอบเขตจักรพรรดิจากวิถีพุทธเป็นผู้ร่ายวิชา ฝ่ามือเดียวมีกำลังเพียงพอปกคลุมแผ่นดินแปดพันลี้ ไม่ว่าศัตรูหนีไปที่ใด ก็ไม่อาจพ้นหลบเลี่ยง ไม่อาจพ้นจากฝ่ามือของเขาไปได้!
ตูม! ตูม! ตูม!
เส้นเลือดที่แปลงจากหวนซั่งหลินกระแทกผนัง ระเบิดออกทันควัน
ไม่นานนัก หลังจากเส้นเลือดหนึ่งในนั้นระเบิด กลายเป็นร่างของหวนซั่งหลิน เขาโซเซจนแทบล้มลงจากอากาศ
“ไม่นะ! วิชาเลือนโลหิตถูกสกัดได้อย่างไร?”
หน้าเขาซีดเผือด หน้าตาตะลึงงัน
“เบาปัญญา”
สายตาซูอี้ฉายแววดูแคลน
ขุมกำลังชั้นนำที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิล้วนมีเคล็ดวิชาสกัดวิชาเลือนโลหิต
อย่างเช่น ‘หัตถ์วิสุทธิภูมิ’ แห่งวิถีพุทธ ‘กรงวิหคน้อย’ ของวิถีเต๋า ‘คีรีซ้อนทับ’ ของวิถีปีศาจ และอื่น ๆ อีกมากมาย
เคล็ดวิชาเหล่านี้ หาได้มีพลังร้ายกาจในการต่อสู้
แต่สกัดการหนีของคู่ต่อสู้ได้ผลอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เปิด!”
หวนซั่งหลินตวาด ใช้พลังทั้งหมดโจมตีผนังมหาวิถีที่เกิดจากหัตถ์วิสุทธิภูมิ
น่าเสียดาย ซูอี้ไม่ให้โอกาสเขาแต่อย่างใด
ฟึ่บ!
ปราณดาบสายหนึ่งปรากฏฉับพลัน ประหนึ่งลำแสงทิ่มแทงสุริยา ฟาดฟันกลางอากาศ
อันตรายโถมทับ หวนซั่งหลินกัดลิ้นจนเป็นแผลโดยไม่ลังเล และใช้วิชาก้นหีบที่ผลาญกำลังทั้งหมด
เพลิงมารลุกโชนอยู่อย่างหนาแน่นบนตัวเขา ถักทอเป็นเกราะ ปกคลุมทั่วกาย
ในมือของเขามีง้าวยาวเล่มหนึ่ง ทิ่มแทงออกมาอย่างแรง
แคร็ก!
พริบตาที่ง้าวยาวปะทะกับปราณดาบ ก็แหลกออกประหนึ่งแผ่นกระดาษ
ส่วนปราณดาบไม่ผ่อนแรง กะเทาะชุดเกราะที่แปลงมาจากเพลิงมารออก พาดผ่านตัวของหวนซั่งหลิน
“ไม่…!!!!”
ท่ามกลางเสียงโหยหวนเจ็บใจ ร่างของหวนซั่งหลินแยกออกเป็นสองท่อน ก่อนที่ทั้งสองท่อนนั้นจะระเบิด
ฝนเลือดเปรียบดั่งดอกไม้ไฟ กระจายเบ่งบาน แดงฉาน และร้อนฉ่า
จากนั้น บริเวณรอบ ๆ ซึ่งมีผนังมหาวิถีที่มีอักษรสันสกฤตเปล่งประกายอยู่หายวับไป
เมื่อได้เห็นภาพนี้ พวกเซี่ยจือเป่ย หวังจงหยางที่มีความคิดอยากล่าถอยอยู่แล้ว เหมือนโดนไม้ฟาดหัว ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ไร้ทางหนีจริง ๆ!!
จังหวะที่หวนซั่งหลินเลือกหนีใช่ว่าไม่ดี ทว่ายังโดนสกัด และปลิดชีพทันที!
ภาพนี้สำหรับเซี่ยจือเป่ยและหวังจงหยาง ไม่ต่างจากโดนตัดทางไป
ศึกใหญ่ดำเนินต่อไป
เพียงแต่บัดนี้เหลือเพียงเซี่ยจือเป่ย หวังจงหยาง และอื่น ๆ รวมแล้วสี่คน
ซ้ำยังบาดเจ็บทั้งหมด!
“ซูอี้ ข้ายอมแพ้ ขอเพียงเจ้าไว้ชีวิต ข้าขอสาบาน หลังจากนี้จะไม่เป็นปรปักษ์กับเจ้าอีก!”
เซี่ยจือเป่ยเอ่ยเสียงสั่น
ตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณผู้มาจากหอดาบโคจรสวรรค์ผู้นี้ลนลานอย่างสิ้นเชิง เพื่อรักษาชีวิตตน ไม่สนแล้วศักดิ์ศรีและความทระนง เขายอมแพ้ อ้อนวอนขอให้ซูอี้อภัย
“ผู้ตั้งตัวเป็นศัตรูข้า ย่อมต้องจบชีวิตลง ไฉนเล่าต้องให้เจ้ามาสาบานแลกชีวิต?”
ท่ามกลางเสียงราบเรียบนั้น ฝนดาบกระจายอยู่เต็มฟ้า ปลิดชีพผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ซูอี้ที่สุด
จากนั้น ซูอี้ก้าวออกไปฆ่าเซี่ยจือเป่ย
“ขอความเมตตาไปมีประโยชน์อันใด มาถึงขั้นนี้แล้ว นอกจากสู้ด้วยชีวิต ไม่เหลือทางเลือกอื่นอีก!”
หวังจงหยางตะโกนเสียงเข้ม
“เช่นนั้นขอสู้ตายกับเขา!”
เซี่ยจือเป่ยกัดฟันคำราม ไม่สนสิ่งอื่นใดอีก
อนิจจา ความกระเสือกกระสนนี้เป็นที่แน่ชัดว่าเปล่าประโยชน์ กระทั่งฝูงชนที่ชมการต่อสู้อยู่ไกล ๆ ยังดูออกว่าพวกเซี่ยจือเป่ยหมดโอกาสแล้ว!
หนึ่งอึดใจต่อมา
สตรีชุดดำที่คอยติดตามอยู่ข้างกายหวังจงหยางโดนปราณดาบแทงทะลุหว่างคิ้ว ตายไปพร้อมกับความเคียดแค้น
สองอึดใจต่อมา
สมบัติวิญญาณคู่ชีพของหวังจงหยางระเบิดจนแหลก ร่างของเขาถูกปราณดาบปกคลุม แยกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในบัดดล ก่อนที่วิญญาณจะแตกสลาย
ก่อนตาย การดำรงอยู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณจากหอดาบศีตอุดรแห่งภูมิชลสินธุ์สวรรค์ผู้นี้ถอนหายใจยาวอย่างขมขื่น “หากรู้อย่างนี้ ไม่น่าออกหน้าเป็นคนแรกเลย…”
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความสำนึกเจ็บใจ
ผู้ชมการต่อสู้จากระยะไกลได้ยินดังนั้นต่างหมองเศร้าขึ้นมา
และในตอนที่ซูอี้กำลังจะปลิดชีพเซี่ยจือเป่ย เสียงชราแหบแห้งเร่งรีบเสียงหนึ่งดังมาจากฟ้าดินไกล ๆ
“สหายเต๋าโปรดไว้ชีวิตด้วย! พวกเราหอดาบโคจรสวรรค์ยอมทำตามทุกอย่าง เพื่อต่อชีวิตให้เซี่ยจือเป่ย!”
เสียงนั้นดังก้องอยู่ในสถานที่นี้
เซี่ยจือเป่ยผู้สิ้นหวังไปแล้วผงะ ก่อนจะมีสีหน้าเต็มตื้น
“สายไปแล้ว”
ถ้อยคำเบา ๆ หลุดออกจากปากของซูอี้
จากนั้น ท่ามกลางสายตาตะลึงมากมาย ซูอี้ฟันดาบลงไป เซี่ยจือเป่ยที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วถูกปลิดชีพลง
พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น
เซี่ยจือเป่ยตาค้าง หน้าตาอึ้งงัน จวบจนเขาตายไปแล้ว ความอัดอั้นที่ฉายอยู่บนใบหน้ายังหลงเหลืออยู่
เวลานี้ ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวงล้อวิญญาณจากสามกองกำลังใหญ่ที่รุมล้อมซูอี้ถูกสังหารจนสิ้น ไม่มีผู้ใดรอด!
เลือดนองอยู่ในฟ้าดินผืนนี้ราวภาพวาด
เหลือเพียงซูอี้ผู้เดียวยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ มองโลกมนุษย์อย่างผู้เหนือกว่า!!