บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 745 บำเพ็ญเพียรคู่ไม่อาจละทิ้งได้ในอนาคต
ตอนที่ 745: บำเพ็ญเพียรคู่ไม่อาจละทิ้งได้ในอนาคต
ตอนที่ 745: บำเพ็ญเพียรคู่ไม่อาจละทิ้งได้ในอนาคต
ในอดีต ซูอี้ไม่ใส่ใจกับขุมกำลังเหล่านี้สักเท่าใดนัก เพราะเขาเป็นผู้สังหารหวนเฉ่าโหยวและผู้ร้ายกาจยุคโบราณคนอื่น ๆ ก่อน
ถัดจากนั้นแม้หลังจากที่สังหารหวนเทียนซูและคนอื่น ๆ ที่หน้านครหลวงจิ๋วติ่งแล้ว ซูอี้ก็ยังหาได้จริงจังกับคนเหล่านี้ไม่
ทว่าวันนี้คนกลุ่มนี้กลับมาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่คิดจะทำลายการเผชิญมหาภัยพิบัติของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการแย่งชิงเมล็ดพันธุ์คังชิงอีกด้วย
ต่อให้ซูอี้จะเกียจคร้านเพียงใด แต่ขณะนี้เขากลับหมดความอดทนแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวปัจจุบันยังต่างจากอดีต
ด้วยเรื่องของเมล็ดพันธุ์คังชิง… เขาได้กลายเป็นเป้าหมายของผู้คนทั้งโลกหล้า หากยังคงไม่เด็ดขาดภายภาคหน้าจะมีปัญหาวุ่นวายตามมาอีกมากมาย!
“เมื่อใดที่รากฐานขอบเขตของข้ามั่นคง ข้าจะตามไปสังหารคนเหล่านี้ให้สิ้น!”
ซูอี้ลอบกล่าวกับตนเอง
ในไม่ช้าชายชราตาบอด เหวินซินจ้าว และคนอื่น ๆ ต่างพากันเข้ามาหา แต่ละคนยิ้มอย่างเบิกบานเสียจนไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของพวกเขาได้
“ขอแสดงความยินดีแก่คุณชายซูที่ประสบความสำเร็จในการก้าวมหาภัยพิบัติเข้าสู่ขั้นวิถีวิญญาณ!”
ชายชราตาบอดยิ้มและโค้งคำนับเขา
เหวินซินจ้าว ชิงหยา และเซียนหานเยียนต่างก้าวมาข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดีเช่นกัน
ซูอี้ยิ้มและส่ายหัว “เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย อย่าได้ชื่นชมให้มากเลย”
จากนั้นเขาก็คุยกับทุกคนสักพักก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หวาย
ชายหนุ่มมองไปที่เหวินซินจ้าวและสั่งว่า “หลังจากนี้เจ้าจงไปบอกให้จักรพรรดิเซี่ยและเวิงจิ่วนำสินสงครามเหล่านั้นมาให้ข้าด้วย”
เหวินซินจ้าวตอบด้วยเสียงที่คมชัด “เจ้าค่ะ!”
“ข้าจะไปพักผ่อนก่อน พวกเจ้ามีธุระใดก็จงไปทำเถิด”
จากนั้นซูอี้ก็เดินกลับไปที่ห้องของเขา
ชายหนุ่มเพิ่งก้าวข้ามขั้นวิถีมาหมาด ๆ ดังนั้นรากฐานขอบเขตใหม่จึงยังไม่เสถียรมั่นคง ณ เวลานี้เขาจะต้องเก็บตนฝึกฝนทำรากฐานให้มั่นคง
…
ในห้อง…
ธูปในกระถางม้วนงอและแสงไฟเทียนส่องสว่าง
ซูอี้ฝึกฝนจนถึงช่วงดึกก่อนตื่นจากการทำสมาธิ
“ชิงหว่าน” ซูอี้เคาะน้ำเต้าปลุกวิญญาณ
ทันใดนั้นร่างอันงดงามของชิงหว่านก็ปรากฏขึ้นจากอากาศโนเวลพีดีเอฟ
“คุณชายซูมีอะไรจะสั่งชิงหว่านหรือ?”
ชุดสีแดงของหญิงสาวพลิ้วไปมา ผิวของนางขาวเนียนยิ่งกว่าหิมะและใบหน้าที่สวยงามของนางเปล่งประกายด้วยรัศมีจาง ๆ ภายใต้แสงเทียน
ซูอี้ยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน “แน่นอนว่าเป็นเรื่องบำเพ็ญเพียรคู่”
“เอ่อ…”
ดวงตาของชิงหว่านเบิกกว้าง ริมฝีปากสีชมพูของนางเผยอออกเล็กน้อย แก้มของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
แม้ชิงหว่านจะรู้อยู่แก่ใจว่าวันนี้จะต้องมาถึงในท้ายที่สุด แต่ขณะนี้จิตใจของนางยังคงสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
เหมือนกวางที่กำลังตื่นกลัว
ซูอี้มองอย่างสนใจก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยสอบถามฉาจิ่นเกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรคู่มาก่อนแล้ว ดังนั้นเจ้าน่าจะรู้อยู่บ้างใช่หรือไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร?”
“นี่…” ใบหน้าสวยของชิงหว่านเริ่มร้อนผ่าว แววตาเขินอายไม่กล้าสบ
“การบำเพ็ญเพียรคู่นั้นสิ่งสำคัญคือต้องเกิดจากความเสน่หาร่วมด้วย ดังนั้นแล้วหากเจ้าไม่เต็มใจก็จงลืมมันเสียเถิด”
ซูอี้เอ่ยอย่างสบาย ๆ
ชิงหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบกล่าวว่า “คุณชาย! หว่านเอ๋อร์เต็มใจแน่นอน แต่เพียงแค่… เพียงแค่…”
เสียงหวานของนางเต็มไปด้วยความเขินอาย
ซูอี้ยิ้มและถามออก “เจ้าคิดว่ามันกะทันหันเกินไปใช่หรือไม่?”
หลังถามประโยคนี้ซูอี้ไม่ได้รอคำตอบ เขายืนขึ้นแล้วหยิบเหยือกสุราก่อนจะพูดว่า “มาเถิด เจ้ากับข้ามาดื่มด้วยกันก่อน และระหว่างเราร่ำสุรา ข้าจะสอนเคล็ดลับการบำเพ็ญเพียรคู่ให้แก่เจ้าด้วย”
เขาหยิบจอกสุราออกมาวางทีละจอกแล้วนั่งอย่างเกียจคร้าน
แลเห็นฉากนี้ชิงหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงนั่งลงข้างซูอี้
“ความรักเสน่หาระหว่างบุรุษสตรีคือธรรมชาติตามครรลองของสรรพสิ่ง”
ซูอี้ยกจอกสุราหนึ่งอึกก่อนจะกล่าวต่อ “การบำเพ็ญเพียรคู่คือวิถีแห่งฟ้าดินไม่ว่าจะเป็นในวิถีพุทธ เต๋า หรือหมู่มารล้วนมีวิธีการคล้ายคลึงกับการบำเพ็ญเพียรคู่…”
“ถัดจากนี้ข้าจะสอนวิธีการบำเพ็ญเพียรคู่แก่เจ้า ดังนั้นแล้วจงรับฟังให้ดี”
ชิงหว่านพยักหน้าอย่างจริงจัง นางตั้งใจฟังอย่างสนใจ
เวลาผ่านไป
แสงเทียนริบหรี่ การร่ำสุราพร้อมกับการอธิบายการบำเพ็ญเพียรคู่ทำให้ชิงหว่านค่อย ๆ ผ่อนคลาย
บางทีอาจเป็นเพราะการดื่มจึงทำให้ผิวขาวราวหิมะของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ และดวงตาของนางพร่ามัวเล็กน้อย
ชิงหว่านนั้นงดงามเลิศล้ำอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อยิ่งถูกฤทธิ์สุรา เสน่ห์ของนางจึงยิ่งถูกขับให้เด่นชัดยิ่งขึ้น กลิ่นกายหอมรัญจวนยิ่งแผ่ไปในอากาศจนแม้แต่ซูอี้ยังหัวใจสั่นเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ที่สดใสของฉาจิ่นแล้ว ชิงหว่านนั้นดูอ่อนหวานกว่าซึ่งสามารถกระตุ้นความปรารถนาของบุรุษใดก็ตามได้อย่างง่ายดาย
โชคดีที่ซูอี้หาใช่คนโง่มักมากในกาม เขามีประสบการณ์ยาวนานในเรื่องของบุรุษและสตรี ดังนั้นเขาจึงควบคุมตัวเองได้
เมื่อชี้แนะการบำเพ็ญเพียรคู่จนเสร็จสิ้น สุราในเหยือกก็ถึงจุดต่ำสุดแล้ว
“นายท่าน… ข้า…”
ชิงหว่านเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางสว่างราวกับดวงดาราเป็นประกายระยิบระยับ
ทว่าก่อนที่นางจะพูดจบ นางก็ถูกซูอี้กอดและอุ้มไปที่เตียง
ฟู่~!
เทียนดับไปอย่างเงียบ ๆ และทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด
มีเสียงเสื้อผ้าที่ถูกปลดเปลื้อง จากนั้นเสียงหอบหายใจถี่ดังขึ้นไม่ขาดสาย…
แม้ว่าห้องจะมืด แต่มันจะส่งผลต่อการมองเห็นของซูอี้ได้อย่างไร?
ซูอี้ประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวผู้นี้ที่นอนราบตรงหน้าเขา
ไม่คาดคิดเลยว่านางจะงามจนถึงขนาดทำให้เขาตกตะลึงได้อีกรอบขนาดนี้?
เอวสอบแต่โค้งเข้ารูปอย่างสมบูรณ์ ผิวสีขาวที่เรียบเนียนละเอียด ส่วนขาที่ตรงและเรียวไร้ที่ติ รวมไปถึงกลิ่นหอมจาง ๆ ของร่างกายที่สดชื่นในความมืดนี้ ราวกับเป็นโอสถวิเศษที่มีฤทธิ์ในการสร้างความปรารถนาในหัวใจ!
…
นอกหน้าต่างลมราตรีพัดผ่านและต้นสนสั่นไหว
ภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด ในห้องเต็มไปด้วยเสียงแห่งความเสน่หาไม่ขาดห้วง มันคือความสุขอันเปี่ยมล้นของคนทั้งสอง
…
หลังจากธูปหอมไหม้จนหมดก้านแล้ว
“หืม?”
ในห้องอันมืดมิด เสียงของซูอี้ดังขึ้นเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ
“คุณชายเกิดอะไรขึ้นหรือ…?”
เสียงของชิงหว่านเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล
“ไม่มีสิ่งใด อย่าได้ฟุ้งซ่าน”
“อื้ม… อ่า… อื้ม…”
ซูอี้เริ่มทำต่อ
ทว่าในหัวใจของซูอี้สั่นไหวเป็นระลอกคลื่น
การบำเพ็ญเพียรคู่คือการผสานวิญญาณและความปรารถนา กลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกันกับอีกฝ่าย
ก่อนหน้านี้ซูอี้รู้สึกถึงพลังลึกลับที่ก่อกวนภายในร่างกายของชิงหว่านราวกับว่ามันกลัวอะไรบางอย่าง
‘ที่มาของหญิงสาวคนนี้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่านางเองจะไม่รู้เรื่องนี้’
‘ในอนาคตข้าต้องช่วยนางค้นหา’
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
ซูอี้ตื่นขึ้นเพราะเสียงเคลื่อนไหว
เมื่อเขาลืมตา ซูอี้แลเห็นร่างงดงามค่อย ๆ ยกผ้าห่มขึ้นและลุกขึ้นจากเตียง แผ่นหลังสีขาวราวหิมะและสูงโปร่งปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา
บนเตียงกลิ่นหอมยังคงหลงเหลืออยู่
ดูเหมือนหญิงสาวกลัวว่าเขาจะตื่น นางจึงเขย่งเท้าขณะแต่งตัว
ซูอี้หวนนึกถึงความบ้าคลั่งและความสุขของคืนที่ผ่านมาพลางมองดูฉากของหญิงสาวตรงหน้าเขาแต่งตัวท่ามกลางแสงยามเช้า และทันใดนั้นความรู้สึกพึงพอใจอย่างสุดจะพรรณนาก็บังเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม
ก่อนหน้านี้เขาได้ระงับตัวเองไว้นานเกินไป และหลังจากปล่อยมันเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งตัวคนจึงรู้สึกสบายขึ้นมาก
“การบำเพ็ญเพียรคู่ไม่อาจละทิ้งได้ในอนาคต”
ซูอี้ลอบกล่าวกับตัวเอง
“อา”
ทันใดนั้น เสียงร้องอุทานดังขึ้น ด้วยความบังเอิญหางตาของชิงหว่านจึงสบเข้ากับสายตาที่จ้องมองของซูอี้ ใบหน้าอันงดงามของนางแดงขึ้นทันทีและนางพูดอย่างตะกุกตะกัก “ค… คุณชาย… ท่านตื่นแล้วหรือ?”
นางเพิ่งสวมชุดชั้นในเสร็จเท่านั้น ตอนนี้นางจึงใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าอกที่มีเพียงซับในตัวเล็กจ้อยด้วยท่าทางดูทำอะไรไม่ถูก
ซูอี้ลุกขึ้นนั่งและพูดติดตลกว่า “เมื่อคืนผู้ใดกันที่ขอร้องให้ข้ารุนแรงยิ่งขึ้น เหตุใดขณะนี้กลับเอียงอายได้ขนาดนี้?”
ทั้งร่างของชิงหว่านสั่นสะท้านราวกับไฟฟ้าช็อต ก่อนจะหนีเข้าไปในน้ำเต้าปลุกวิญญาณราวกับว่านางรู้สึกละอายใจ
ซูอี้อดหัวเราะไม่ได้ เขารู้สึกดียิ่ง
หลังจากตื่นนอนและทานอาหารเช้า เหวินซินจ้าวเห็นได้ชัดว่าซูอี้อารมณ์ดีนางจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่ซู วันนี้ท่านช่างสดใสนัก”
ซูอี้หัวเราะและเอ่ยอย่างแช่มชื่น “อาจเป็นเพราะการรู้แจ้งเต๋าเมื่อคืนซึ่งทำให้ข้าได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย”
เหวินซินจ้าวอดไม่ได้ที่จะสงสัย “เช่นนั้นท่านช่วยบอกข้าเกี่ยวกับการรู้แจ้งของท่านบ้างจะได้หรือไม่?”
ซูอี้ “…”
ข้าจะอธิบายเรื่องราวนั้นให้เจ้าฟังได้อย่างไร?
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะมาจากประตูลานบ้าน