บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 762: ไม่รอดแม้แต่คนเดียว!
ตอนที่ 762: ไม่รอดแม้แต่คนเดียว!
ดาบเดียวทลายการบุกโจมตีของผู้แข็งแกร่งขอบเขตวงล้อวิญญาณและทำลายจิตใจฮึกเหิมของพวกเขาแต่ละคน!
ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโส หรือเป็นคนหนุ่มที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณได้ไม่นาน มีแต่ผู้ที่ประลองฝีมือกับซูอี้โดยใช้ระดับวิถีของตนเองอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะรู้ว่าระดับวิถีของซูอี้นั้นน่ากลัวเพียงใด
และสุดท้ายจึงได้เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดตอนที่ซูอี้เพิ่งผ่านพ้นมหาภัพิบัติบรรลุขอบเขตก็สามารถฆ่าหวนซั่งหลินกับตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณคนอื่นรวมทั้งสิ้นยี่สิบห้าคนได้ในทีเดียว!
เพราะซูอี้แข็งแกร่งมาก!!
อย่าคิดว่าซูอี้เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตสยายวิญญาณขั้นต้นเท่านั้น แต่รากฐานของเขานั้นแน่นมาก ความยิ่งใหญ่ในฝีมือวิถีดาบเพียงพอที่จะทำให้ตัวตนแห่งขอบเขตวงล้อวิญญาณถึงกับหนาวสะท้าน!
ชิ้ง!
เมื่อเสียงดาบดังขึ้น ซูอี้ได้โอกาสบุกพิฆาตเข้ามาด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ
“ฆ่า!”
สองผู้ยิ่งใหญ่อย่างหวนเทียนตู้กับเลี่ยงหยางชงแผดเสียงร้องตะโกน
ศึกในครั้งนี้ พวกเขาจะถอยไม่ได้ และไม่อาจแพ้ได้ด้วย!
ไม่เช่นนั้น ขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะต้องตกเป็นหินรองฝ่าเท้าให้ซูอี้เหยียบ อาจจะต้องล่มสลาย หรืออาจถูกขุมกำลังอื่นจ้องตะครุบราวกับเป็นเนื้อชิ้นโต!
ผลที่ตามมาเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถยอมรับได้
ครืน!
ศึกใหญ่ระเบิด
สีหน้าของซูอี้ราบเรียบ สายตาสงบนิ่งไร้ความรู้สึก
การปิดล้อมเช่นนี้ สำหรับเขาในเวลานี้ไม่อาจคุกคามความปลอดภัยได้อีก
สวบ!
ชายหนุ่มต่อสู้เต็มกำลัง ถือดาบฆ่าฟัน ตัวของเขาเปรียบดั่งแสงอันเจิดจำรัส บุกตะลุยเข้าไปในกองทัพฝ่ายศัตรู
ดาบเดียวท่องไปสิบทิศ บุกถึงสวรรค์ทะลวงถึงนรก!
พลังดาบพุ่งแปลบปลาบเสมือนสายฝน ขยี้สมบัติล้ำค่าที่พุ่งเข้าใส่ สลายวิชาเด็ดวิชาดี เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ก็ฆ่าผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวงล้อวิญญาณไปแล้วสิบกว่าคน
เศษแขนเศษขาลอยกระเด็น เศษเนื้อเศษกระดูกร่วงหล่น อากาศรอบด้านถูกย้อมจนเป็นสีเลือด
เสียงร้องโอดครวญสนั่นไปทั่วฟ้าดิน
ซูอี้ในช่วงขณะนี้ไม่ต่างไปจากเสือที่เข้าไปอยู่ในฝูงแกะ กลิ่นอายพลังในตัวเดือดพล่าน แสงวิถีส่องสว่าง ผงาดดุจดั่งเซียน สูงส่งราวกับเทพ
ดาบที่สอง!
ดาบที่สาม!
ดาบที่สี่!
…แต่ละดาบที่ฟันออกไป ล้วนแสดงถึงอานุภาพอันยิ่งใหญ่ที่สามารถทะลุทะลวงได้ทุกสิ่งของตัวดาบ ราวกับสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน สร้างความตาลปัตรได้สบาย
ไม่ว่าฝ่ายคู่ต่อสู้เหล่านั้นจะงัดสมบัติชิ้นใดหรือใช้วิชาใด ทว่าภายใต้อานุภาพวิถีดาบของซูอี้แล้ว พวกมันไม่อาจทำอะไรได้ทั้งสิ้น
ภายใต้ความรุนแรงเช่นนี้ ตัวตนยิ่งใหญ่ขอบเขตวงล้อวิญญาณที่มีอานุภาพสูงส่งกว่าใคร ๆ เหล่านั้นต่างพากันล้มตายกันเป็นแถบ ๆ
ราวกับหญ้าแพรกที่ถูกตัด ศพร่วงหล่นราวกับสายฝน
น่ากลัวมาก!
ผู้ที่ดูการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ตัวสั่นงันงก บนใบหน้ามีแต่ความหวั่นเกรง
เพียงคนเดียวกลับสามารถฆ่าตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณหกสิบสามคนจนยับเยินได้ ฆ่าจนทั่วปฐพีผืนนั้นมีแต่ความโกลาหล ฟ้าดินปั่นป่วน!
หากไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ใครบ้างจะเชื่อว่านี่คือสิ่งที่หนุ่มน้อยขอบเขตสยายวิญญาณจะทำได้?
อย่างที่เข้าใจกันแล้วว่า ทั้งใต้หล้าตอนนี้ ขอบเขตวงล้อวิญญาณเป็นใหญ่ในบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย และยังเป็นตัวแทนของจุดสุดยอดของขอบเขตมหาวิถีแล้ว
ไม่ว่ายกใครออกมาก็สามารถขึ้นเป็นใหญ่ รับความเคารพและเลื่อมใสศรัทธาจากผู้ฝึกตนทั้งหมดในโลกได้
ทว่าผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตกับตัวตนที่มีอำนาจคับฟ้าเหล่านี้กลับถูกซูอี้ฆ่าราวกับหุ่นรูปปั้น
ภาพเหตุการณ์สยดสยองเช่นนั้นแลดูน่าขนลุกขนพองยิ่งนัก!
ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน ภูเขาเด็ดดาวที่สูงเสียดฟ้านั้นยังพังถล่มทลายเพราะคลื่นพลังการต่อสู้ที่รุนแรง ภูเขาถล่มอย่างรุนแรง
เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น มหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตวงล้อวิญญาณหกสิบสามท่านก็ถูกซูอี้ฆ่าไปเป็นครึ่ง!
“เลวระยำ คิดว่าพวกข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริง ๆ หรือ? ไป!”
หวนเทียนตู้แผดเสียงคำราม ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
ครืน!
ในมือของเขาปรากฏร่มกระดูกสีดำคันหนึ่ง บนนั้นสลักภาพเขตแดนอสูรหกสิบสี่ภาพ เมื่อร่มกางออก เงาเขตแดนอสูรหกสิบสี่เงาก็สะท้อนออกมาบดบังท้องฟ้า พุ่งไปปกคลุมตัวของซูอี้
ร่มสะท้อนพันมนตรา!
สมบัติสืบทอดของตระกูลหวนเผ่ามาร
พอสำแดงฤทธิ์เดช เขตแดนชั่วช้าซ้อนทับ ปีศาจสามพันตนลงสู่โลกมนุษย์
ชั่วขณะนี้ หวนเทียนตู้ผู้กุมอำนาจสูงสุดของตระกูลหวนแห่งเผ่ามารคนนี้ก็ไม่ชักช้าอีก สำแดงไม้ตายที่แกร่งที่สุดออกมา
เช่นนี้เท่ากับต้องการจะเปิดไพ่ใบสุดท้าย
ซูอี้เห็นเช่นนี้ ความดูแคลนผุดขึ้นในสายตา
ฟู่ชิงอวิ๋นเคยบอกกับเขา ในมือขุมกำลังใหญ่ ๆ เหล่านี้ล้วนกุมสมบัติลึกลับระดับจักรพรรดิ ถึงแม้จะเคยถูกกัดเซาะด้วยพลังจองจำแห่งยุคมืด แต่อานุภาพนั้นก็ยังใกล้เคียงกับการบุกโจมตีของผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้น
ตอนนั้นซูอี้ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งตอนนี้ เมื่อเจอกับไม้ตายเช่นนี้แล้วจริง ๆ ก็ยังไม่คิดจะใส่ใจ
เทียบกำลัง คู่ต่อสู้เหล่านี้ล้วนสู้ไม่ได้
เทียบไม้ตาย พวกเขาก็สู้ไม่ได้เช่นกัน!
ชิ้ง!
ฉับพลัน ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์สั่นสะท้านขึ้นมาน้อย ๆ พลังประหลาดกลุ่มหนึ่งมีการเคลื่อนตัว ทำให้พลังของตัวดาบทั้งเล่มมีสีสันลึกลับน่าสะพรึงกลัว
เมื่อซูอี้ง้างมือขึ้นฟาดดาบลงมาเบา ๆ
ฟ้าดินสงบเงียบ สรรพสิ่งตื่นตะลึง
สายตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง พลังดาบอันลี้ลับซับซ้อนก็พุ่งขึ้น บดขยี้ปีศาจสามพันตน ทำลายเขตแดนอสูรหกสิบสี่เขต ฟันร่มสะท้อนพันมนตราที่กางออก
จากนั้น สมบัติสืบทอดของตระกูลหวนเผ่ามารชิ้นนี้ก็แตกระเบิดกลายเป็นชิ้นย่อย ไม่ต่างไปจากกระดาษ!
ท้องฟ้าแถบนั้นถูกพลังดาบบดขยี้จนแตกร้าว ราวกับสวรรค์พังถล่มลงมา
“ที่แท้สิ่งนี้คือ… ไพ่ใบสุดท้ายของเจ้า…”
หวนเทียนตู้เบิกตาโพลง เสียงแหบแห้งขาด ๆ หาย ๆ
จากนั้นก็มีเสียงดังปัง ร่างผอมสูงของเขาบุบสลายกลายเป็นชิ้นย่อยราวกับเครื่องเคลือบที่มีรอยร้าวเหมือนใยแมงมุมกำลังปริแตก
ร่างดับวิถีสลาย!
ดาบนี้เพียงดาบเดียวกลับสร้างความสะทกสะท้านต่อผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณที่เหลือเหล่านั้น
แม้กระทั่งสมบัติล้ำค่าอันแข็งแกร่งประจำตระกูลหวนแห่งเผ่ามารก็ยังย่อยยับภายใต้พลังดาบของซูอี้ ใครบ้างที่จะไม่รู้สึกสิ้นหวัง?
“ขึ้น!”
ทันใด เลี่ยหยางชงก็ส่งเสียงตวาดออกมา
สาเหตุเพราะซูอี้ถือดาบพุ่งตรงไปที่เขา บีบคั้นจนเขาต้องงัดไม้ตายมาใช้โดยไม่รอช้า
ครืน!
ตราประทับวิถีสีเขียวโบราณปรากฏขึ้น ส่องแสงสว่างเจิดจ้า ราวกับสายน้ำแห่งทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นพุ่งไปหาซูอี้
แสงวิถีนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งความลึกล้ำ!
ตราประทับธารดาราลี้ลับ สมบัติลับของสำนักวิถีสุญญะ ซ่อนเร้นตราประทับความนึกคิดของผู้เป็นจักรพรรดิสามท่าน เพียงแค่พลังอันน้อยนิดก็สามารถถล่มภูเขาลำธารได้
ทว่าตอนนี้ สมบัติชิ้นนี้ถูกเลี่ยหยางชงนำมาฆ่าซูอี้!
แทบจะในเวลาเดียวกัน จ้าวเป่ยเจินแห่งสำนักผลาญตะวัน เฉิงหยวนแห่งสำนักฌานกระจ่างจิต และเยว่จ่างเฉียงแห่งหอดาบโคจรสวรรค์ก็แสดงไม้ตายออกมาโดยไม่ชักช้า
ครืน!
เตาหลอมเพลิงอัคคีที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายพลังเก้ามืดปรากฏขึ้น ส่องแสงสว่างหมื่นจั้ง เผาผลาญท้องฟ้าจนกลายเป็นสีแดงฉาน
หม้อเพลิงทิพย์เก้าอำพราง สมบัติของสำนักผลาญตะวัน
พรึ่บ!
แส้ขนม้าสีขาวประดุจหิมะกวัดแกว่งอยู่ใต้ท้องนภา แสงสีเงินปรากฏขึ้นเต็มท้องฟ้า ราวกับแสงจากท้องฟ้า พร้อมกับแสงแห่งวิถีอันเจิดจ้าที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายแห่งอันตรายถึงแก่ชีวิต
แส้นักพรตจุติสรวง
สมบัติมรดกของสำนักฌานกระจ่างจิต
ส่วนเยว่จ่างเฉียง เฟ่ยอวิ๋น กับเฮ่อเหลียนฉีต่างก็ชักมีดบินสีดำออกมา มีดเล่มนั้นผูกเชือกที่ย้อมด้วยโลหิตแท้เทพปีศาจร้อยจี้หยกสมปรารถนาที่เต็มไปด้วยแสงดาว
สมบัติแต่ละชิ้นล้วนแสดงอานุภาพอันน่ากลัวออกมา ความรุนแรงแทบจะเทียบได้กับสมบัติลับวิถีจักรพรรดิ อานุภาพแข็งแกร่งจนถึงขั้นไม่อาจคาดเดา
เมื่อสมบัติล้ำค่าเหล่านี้สำแดงฤทธิ์เดชพร้อมกัน ฟ้าดินพันจั้งราวกับจะถล่มทลายลงให้ได้ และเกิดเป็นเสียงดังสนั่น
ผู้ที่ดูการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ต่างก็ตื่นตระหนกหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง
ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน!
ราวกับมองเห็นผู้เป็นจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อฆ่าซูอี้เพียงคนเดียว!
‘การบุกโจมตีเช่นนี้ ต่อให้เป็นตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นก็ยังต้องถอยหนี’
ซูอี้คิด
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา สามารถมองเห็นความน่ากลัวของพลังแห่งการบุกโจมตีเช่นนี้ได้ภายในครู่เดียวเป็นธรรมดา การดักซุ่มของค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์แบบก่อนหน้านี้ไม่อาจเทียบเทียมด้วยได้
ทว่า ในเมื่อเป็นการสู้กันด้วยกำลังภายนอก ซูอี้ก็ไม่โง่จนถึงขั้นใช้กำลังของตัวเองออกไปสู้
“ทลาย!”
ดวงตาของเขาเย็นยะเยือก ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ปรากฏตัวอยู่ในมือ
ครืน!
พลังลึกล้ำที่คล้ายกับน้ำสาดรดลงมาถูกแสงดาบลึกลับฟันจนขาดสะบั้น
แสงดาบยังคงไม่ลดกำลัง ฟันลงบนตราประทับธารดาราลี้ลับ สมบัติสืบทอดที่เคยผ่านกาลเวลาอันนมนามชิ้นนี้ก็ขาดเป็นสองท่อนราวกับเต้าหู้
เอื๊อก!
เลี่ยหยางชงผู้ควบคุมสมบัติชิ้นนี้ตาโตขึ้นมาในทันที
เลือดกระอักขึ้นมาที่คอของเขา
จากนั้น หัวของเขาก็หลุดออกจากบ่าอย่างไร้สุ้มเสียง
ดาบนี้ดาบเดียว ไม่เพียงแต่พิฆาตสมบัติล้ำค่าจนย่อยยับ ทั้งยังพิฆาตร่างกายและจิตวิญญาณของเขาด้วย!
ในเวลาเดียวกัน แส้นักพรตจุติสรวงของเฉิงหยวน หม้อเพลิงทิพย์เก้าอำพรางของจ้าวเป่ยเจิน และไม้ตายของเยว่จ่างเฉียง เฟ่ยอวิ๋น กับเฮ่อเหลียนฉีก็พุ่งเข้าหา
เมื่อเจอการปิดล้อมเช่นนี้ ซูอี้สูดหายใจลึก ๆ สำแดงความลึกล้ำของเขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ
โครม!
ภูเขาดาบทั้งห้าลูกกดทับอย่างแรง
ภูเขาดาบแต่ละลูก นอกจากจะเต็มไปด้วยความลึกล้ำทั้งสาม คือ จุดกำเนิด นิมิตเลือนราง และมหาล้ำลึก ยังมีกลิ่นอายพลังลึกลับปะปนอยู่ด้วย
นั่นคือพลังของดาบเก้าคุมขัง!
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะฆ่าหวนเทียนตู้ หรือว่ากำจัดเลี่ยหยางชง หัวใจสำคัญล้วนอยู่ที่ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ของซูอี้ กลิ่นอายพลังที่รายล้อมล้วนเป็นของดาบเก้าคุมขัง
ทว่าตอนนี้ พลังเช่นนี้ เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุกลับเป็นตัวสำแดงเดชออกมา
ครืน!
ฟ้าดินยุบตัว สรรพสิ่งพังทลาย
แผ่นดินผืนนั้นถูกแสงสว่างบาดตาเติมเต็ม
ท่ามกลางกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง ภายใต้การกดทับของดาบภูเขาแต่ละลูก สามารถระเบิดสมบัติล้ำค่าที่มีอานุภาพน่ากลัวได้อย่างง่ายดาย!
หม้อเพลิงทิพย์เก้าอำพราง และแส้ขนม้าวิญญาณสวรรค์อาจจะสามารถฆ่าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าภูเขาดาบทั้งห้าลูกนี้แล้วก็ไม่ต่างไปจากกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น!
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
เสียงสมบัติล้ำค่าแตกระเบิดติด ๆ กัน และระหว่างการปะทะกันอย่างรุนแรงนี้ ผู้อาวุโสอย่างเฉิงหยวน จ้าวเป่ยเจิน กับเยว่จ่างเฉียงก็ถูกภูเขาดาบแต่ละลูกฆ่าจนตาย
ความเป็นจริงแล้ว หากไม่มีไม้ตาย ด้วยระดับวิถีที่เคยถูกพลังกักขังแห่งยุคมืดกัดกร่อนของพวกเขาก็ไม่แตกต่างอะไรจากตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณทั่ว ๆ ไปเลย
ไหนเลยจะสามารถต้านทานเขตแดนมหาดาบเบญจธาตุได้?
เมื่อแสงทำลายล้างปกคลุมไปทั่ว
ทั่วทั้งปฐพี มีแต่เพียงซูอี้คนเดียวเท่านั้นที่ยืนถือดาบกลางอากาศ ราวกับภูเขาใหญ่ที่ไม่มีวันเคลื่อนไหวและไม่สั่นคลอน!
ห่างออกไปไม่ไกลนัก เมื่อผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณที่มีเหลือเพียงยี่สิบกว่าคนเห็นภาพเช่นนี้แล้ว ความฮึกเหิมใจที่มีเหลืออยู่น้อยนิดก็ดับสลายลง
“หนี!”
มีคนส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและสิ้นหวัง หมุนตัวได้ก็หนี
ครู่ถัดมา คนอื่น ๆ พากันใช้เคล็ดวิชา ตื่นตระหนกราวกับหนูที่วิ่งหนีแตกตื่นเมื่อต้นไม้ล้ม ราวกับสุนัขที่ไร้บ้าน วิ่งกันอุตลุดหัวซุกหัวซุน
พวกเขาเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ละคนล้วนแสดงอานุภาพอันน่ากลัวและยิ่งใหญ่
ทว่าตอนนี้กลับตื่นกลัวซูอี้จนปอดแหกเสียอย่างนั้น!!
แต่ซูอี้จะทนดูพวกเขาหนีไปเฉย ๆ ได้อย่างไรกัน?
ตามที่รู้กันดีว่า ก่อนที่จะต่อสู้เขาเคยกล่าวไว้แล้วว่า ที่ตรงนี้ในวันนี้จะต้องมีหัวคนกลิ้งเกลื่อนกลาด เลือดไหลนองเป็นลำธาร
“ไป!”
ซูอี้สะบัดข้อมือ ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ส่งเสียงใส ฟาดฟันออกไปอย่างฉับพลัน
ดาบท่องสิบทิศ บุกถึงสวรรค์ทะลวงถึงนรก!
เขายังคงใช้กระบวนท่านี้
ในบริเวณรอบทิศทางที่ห่างไกลออกไป ตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณยี่สิบกว่าคนที่หนีเตลิดไปคนละทิศละทางล้วนถูกฟันจนตายอย่างพร้อมเพรียงกัน
ไม่รอดแม้แต่คนเดียว!