บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 765: สามหมื่นปีไม่มีผู้ใดเทียบเทียม
ตอนที่ 765: สามหมื่นปีไม่มีผู้ใดเทียบเทียม
คำพูดของซูอี้ประหนึ่งมีดแหลมทิ่มแทงเข้าไปยังดวงใจของชายชุดดำ
ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เขาอับอายมากที่สุดคือการที่ซูอี้ย้อนคำพูดของเขานำมาตบหน้าตัวเองแบบนี้ ความรู้สึกอัปยศอดสูทำให้ปอดของเขาแทบระเบิด!
ในอดีต การที่เขาสามารถควบคุมพลังจองจำแห่งยุคมืด ทำให้แม้แต่ตัวตนจักรพรรดิยังต้องอกสั่นขวัญหายและสิ้นหวังยามเมื่อเผชิญหน้า เขาเคยถูกเหยียบย่ำทำให้อับอายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
สีหน้าของเหล่าผู้รับชมที่อยู่ห่างไกลแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด ชายชุดดำถูกทารุณจนพวกเขาอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะ ช่างน่าอึดอัดนัก…
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าดูถูกชายชุดดำ
มันเป็นเพียงแค่คราวนี้โชคของชายชุดดำไม่ดีนักที่มาพานพบกับซูอี้ กลับกันถ้าไม่ใช่ซูอี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่คงไม่มีใครสามารถต่อกรกับชายชุดดำได้!
“ซูอี้! แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะได้เปรียบข้า แต่อย่าได้โอหังเกินไปนัก!”
ชายชุดดำสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดอย่างเย็นชา “ข้า…”
ทว่าทันทีที่เขาเริ่มพูด ซูอี้พลันยกแขนขึ้นเตรียมจะโจมตีอีกครั้ง ภาพนี้ทำให้ชายชุดดำตัวสั่นก่อนจะกล่าวอย่างร้อนรน “พอ!! ขืนเจ้าลงมือกับข้าอีกสตรีนางนี้จะต้องตาย!”
เขาโบกแขนเสื้อขณะพูด
ร่างอันงดงามปรากฏขึ้นและทันใดนั้นชายชุดดำคว้าคอขาวระหงนั้นไว้
ซูอี้ขมวดคิ้ว
นี่คือหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดธรรมดา ดวงตาใสประกายและฟันขาว คิ้วสีเข้มเหมือนต้นหลิว รูปลักษณ์งดงามประณีตไร้ที่ติ
ทว่าขณะนี้ใบหน้าของนางซีดขาวดวงตาปิดสนิท ร่างกายของนางอ่อนแอ ดูเหมือนใกล้จะสิ้นใจ
อาคัง!
ร่างวิญญาณซึ่งกำเนิดมาจากแหล่งกำเนิดของคังชิง!
“ไม่คาดคิดเลยว่าตัวตนผู้ซึ่งเคยแข็งแกร่งเลิศล้ำเช่นเจ้ากลับมีสันดานต่ำช้าเช่นนี้” ซูอี้กล่าวอย่างใจเย็น
ฝูงชนที่อยู่ห่างไกลต่างขมวดคิ้ว พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าชายชุดดำจะกระทำเช่นนี้ก่อนจะถูกปราบปรามอย่างสมบูรณ์!
ชายชุดดำโต้งแย้งอย่างเย้ยหยัน “ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร เพื่อรักษาชีวิตไว้วิธีการต่ำช้าเพียงใดก็สามารถใช้ได้!”
ด้วยตัวประกันในมือ ชายชุดดำจึงรู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้น
ซูอี้กล่าวออกโดยไม่มีอ้อมค้อม “ปล่อยนางไป แล้วข้าจะให้หนทางรอดแก่เจ้า”
ชายชุดดำเชิดคางขึ้นพลางหัวเราะเสียงดัง “เวลาเช่นนี้ตัวตนเล็กจ้อยเช่นเจ้ายังกล้าโอหังต่อหน้าข้าอีกอย่างนั้นหรือ… เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าไม่กล้าฆ่าสตรีนางนี้?”
หลังจากพูดจบประโยคชายชุดดำสับสันมือ
ฉัวะ!
แขนซ้ายของอาคังถูกตัดจนปลิว โลหิตสีทองข้นพวยพุ่งออกจากบาดแผลทว่าถูกชายชุดดำกลืนเข้าไปโนเวลพีดีเอฟ
“โลหิตของสตรีนางนี้มีทั้งพลังธาตุน้ำแข็งและทองคำผสมรวม นี่คือโอสถวิเศษชั้นหนึ่งของโลก! แม้แต่กระดูกหรือเนื้อของคนตายก็ยังแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยโลหิตของนาง!”
สีหน้าท่าทางของชายชุดดำขณะนี้จัดได้ว่าหยิ่งผยองถึงขีดสุด
กลับกันสีหน้าของซูอี้ขณะนี้สงบอย่างยิ่งยวด มีเพียงดวงตาคู่นั้นเท่านั้นที่ลึกขึ้นและไม่แยแส
ทว่าหากใครรู้จักซูอี้ดี จะรู้ว่าขณะนี้ซูอี้ต้องการปลิดชีวิตผู้คนมากที่สุด
“ฮ่า ๆๆ เหตุใดไม่พูดอีกเล่า? นี่เจ้าแกล้งทำเป็นสงบหรือรู้สึกอึดอัดจนไม่อาจเอ่ยคำออกได้กันแน่?” ชายชุดดำหัวเราะ
ก่อนหน้าเขาถูกซูอี้ทำร้ายอย่างรุนแรง ดังนั้นแล้วตอนนี้เขาจึงต้องการระบายความอับอายและความโกรธของตัวเองอย่างเต็มที่ ใบหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูก “เป็นอย่างไร? ตัวตนเล็กจ้อยเช่นเจ้าต่อให้มีความสามารถเพียงไรเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าเจ้าก็ทำได้เพียงยืนนิ่ง ๆ ประหนึ่งคนโง่เง่าก็เท่านั้น!”
ทว่าชายชุดดำยังกังวลไม่กล้าทำให้ซูอี้โกรธเต็มที่ เขาเปลี่ยนประเด็นพูดอย่างรวดเร็ว “เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน มอบเมล็ดพันธุ์คังชิงมาให้ แล้วข้าจะปล่อยนางไปทันที ไม่อย่างนั้นวันนี้นางตายแน่!”
บรรยากาศตึงเครียดทวีคูณ
หัวใจของบรรดาผู้รับชมที่อยู่ห่างไกลต่างเต้นระส่ำและอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ
ซูอี้มองไปที่อาคังซึ่งอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ได้สติ
ตอนนั้นอาคังเป็นผู้มอบเมล็ดพันธุ์คังชิงแก่เขา
เขาจะไม่ช่วยนางได้อย่างไร?
ทันใดนั้นชายชุดดำเตือนอย่างเย็นชาอีกครั้ง “อย่าได้คิดทำสิ่งใดโง่เง่า เจ้าขยับแม้เพียงเล็กน้อยข้าจะฆ่านางทันที!”
ซูอี้มองไปที่ชายชุดดำและกล่าวอย่างใจเย็น “แต่เดิมข้ามีความสนใจอยู่บ้างในต้นกำเนิดของเจ้าจึงต้องการละเว้นให้เจ้ามีชีวิตรอด แต่น่าเสียดายที่เจ้ากลับไม่หวงแหนชีวิตตัวเองเช่นนี้… เจ้ารู้หรือไม่สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดในชีวิตคือการถูกผู้อื่นขู่เข็ญ?!”
น้ำเสียงของคำพูดนี้ไร้ซึ่งอารมณ์แปรปรวน…
ทันใดนั้นชายชุดดำก็รับรู้ได้ถึงบางอย่าง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนในทันทีและต้องการหลบตามสัญชาตญาณ
ทว่าทุกอย่างมันสายเกินไปเสียแล้ว!!
ทันใดนั้นแสงที่คลุมเครือปรากฏขึ้นในส่วนลึกดวงตาที่ลึกล้ำของซูอี้ และถัดจากนั้นภาพมายาของดาบลึกลับซึ่งถูกพันด้วยโซ่เก้าเส้นก็ปรากฏตามมา
ชายชุดดำรู้สึกได้เพียงเสียงหึ่งในหัวของเขา ก่อนที่จิตวิญญาณของเขาถูกฉีกกระชากออกอย่างสยดสยองโดยอำนาจพลังอันน่าสะพรึงกลัวและไร้ขอบเขต ทำให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าวอันเกินบรรยาย
“บัดซบ!!!! หากข้าตายนังนี่ก็ไม่อาจรอด!”
ชายชุดดำคำรามเสียงดัง
ทั่วร่างของชายชุดดำมีเปลวไฟสีเทาขนาดมหึมาปะทุขึ้น เขาเอื้อมมือออกพยายามจับมือขวาของอาคัง
ตู้ม!
ในจิตวิญญาณ ดวงจิตของชายชุดดำถูกบดขยี้ด้วยอำนาจแห่งดาบเก้าคุมขังอันไร้เทียมทาน มันระเบิดออกราวกับฟองสบู่ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ทันใดนั้นเปลวไฟสีเทาที่ปะทุออกจากร่างของชายชุดดำดับมอดลงภายในพริบตาและสลายไป แม้แต่มือที่เอื้อมจะไปคว้าอาคังก็ตกลงแนบกายอย่างอ่อนแรง
ดวงตาของเขาจ้องไปที่ซูอี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ มุมริมฝีปากสั่นเทา
สุดท้ายทั้งร่างตกลงจากท้องฟ้าอย่างเงียบงัน
ตูม!
‘พัศดี’ ผู้นี้ซึ่งหลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของถ้ำอุกกาบาตมานานจนไม่มีใครรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดขณะนี้สิ้นใจลงเรียบร้อย แม้แต่กายเนื้อก็ยังสลายกลายเป็นขี้เถ้าในอึดใจต่อมา
ขี้เถ้า!
เหล่าผู้ชมที่อยู่ห่างไกลต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสนและตกตะลึง
ไม่มีผู้ใดเห็นว่าซูอี้โจมตีอย่างไร แต่ทว่าชายชุดดำตายภายในพริบตา!
วิธีการฆ่านี้แปลกเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
ขณะเดียวกันนี้ใบหน้าของซูอี้ซีดขาวราวกับกระดาษ ความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจระงับได้ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเขา
ก่อนหน้านี้เพื่อสังหารตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณทั้งหกสิบสาม รวมไปถึงกลุ่มขุมกำลังอีกเจ็ดและต่อสู้กับสมบัติของเหล่าจักรพรรดิที่ทิ้งไว้ ซูอี้ได้ใช้อำนาจของดาบเก้าคุมขังเข้าช่วย
และการต่อสู้กับชายชุดดำผู้นี้ซูอี้ก็ยังใช้อำนาจของดาบเก้าคุมขังอีกหน
การกระทำเหล่านี้ล้วนสิ้นเปลืองปราณ พลังจิต และพละกำลังของเขาอย่างมหาศาล
และล่าสุดเมื่อครู่นี้เพื่อช่วยอาคัง เขาใช้อำนาจของดาบเก้าคุมขังอีกครั้งเท่าที่จะสามารถใช้ได้ แม้ว่าจะสามารถสังหารชายชุดดำภายในพริบตา แต่ซูอี้ก็ต้องแลกด้วยการใกล้จะสิ้นเรี่ยวแรง!
ตั้งแต่กลับมาเกิดและฝึกฝนใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้แบบนี้
ทว่าเมื่อได้เห็นอาคังปลอดภัย ซูอี้ก็ไม่เสียใจเลยที่กระทำลงไป
มันไม่สำคัญเลยว่าจะไม่สามารถดึงข้อมูลที่อยากรู้จากปากของพัศดีได้หรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้น พัศดีที่ปรากฏในโลกนี้ไม่ได้มีแค่หนึ่งเดียว
ซูอี้มั่นใจว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะได้พบพัสดีคนอื่นจาก ‘สำนักมรรคาสวรรค์’ แน่นอน!
ซูอี้สูดหายใจยาวก่อนบินไปรับตัวอาคัง
หลังจากการตรวจสอบสั้น ๆ ซูอี้รู้สึกโล่งใจมากขึ้นหลังจากพบว่าหญิงสาวถูกคร่ากุมด้วยทักษะลับเรียบง่ายเท่านั้น
“ได้เวลาไปจากที่นี่แล้ว”
ซูอี้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและแบกอาคังไว้ที่แผ่นหลัง
ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทันจากไป ซูอี้สังเกตเห็นว่าจุดที่ชายชุดดำตาย ตราคำสั่งลับขนาดเท่าฝ่ามือถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
วูบ!
ซูอี้โบกมือดึงดูดมันผ่านอากาศก่อนจะเก็บโดยไม่มองมันอีก
จากนั้นเขาก็บินจากไป
ทั้งโลกเงียบงันให้แก่ภาพของชายหนุ่มร่างสูงตรงซึ่งอุ้มหญิงสาวไว้บนหลังและบินจากไป
ไม่นานนักร่างของซูอี้ก็ลับหายไปจากสายตา
เหล่าผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนต่างกระวนกระวายสับสนในใจ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าหยุดซูอี้ไว้
แม้จะมีคนคาดเดาว่าขณะนี้ซูอี้ต้องหมดแรงแล้วเป็นแน่ แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ
นี่คือความยิ่งใหญ่ของผู้ชนะศึก!
ยิ่งกว่านั้นไม่มีใครแน่ใจว่าแม้ซูอี้อ่อนแรง แต่เขายังสามารถสู้ต่อได้อีกถึงขนาดไหน
จนเวลาล่วงผ่านไปพักใหญ่
โลกที่เงียบงันกลับกลายเป็นดั่งน้ำเดือดในหม้อร้อน
บรรดาผู้รับชมทั้งหลายสะสมอารมณ์ตกตะลึงมากเกินไปดังนั้นแล้วในเวลานี้เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง พวกเขาจึงระเบิดอารมณ์อันเปี่ยมล้นออกมาอย่างรุนแรง
“ซูอี้ไม่เกรงกลัวต่อพลังจองจำแห่งยุคมืดแม้แต่น้อย!!”
“ช่างเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงยิ่ง แม้แต่ชายชุดดำที่สามารถกำราบเหล่าจักรพรรดิได้ก็ยังหาใช่คู่ต่อกรของซูอี้!”
“ใครก็ได้บอกข้าทีว่าสุดท้ายซูอี้สังหารชายชุดดำคนนั้นได้อย่างไร?”
เสียงสนทนาดังเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งฟ้าดินเป็นเวลานาน
ในระยะไกล ภูเขาเด็ดดาวซึ่งสูงเสียดฟ้าได้ถล่มลงมาแล้วเหลือเพียงส่วนน้อยของภูเขาที่ยังคงดำรงอยู่
บนพื้นดินใกล้เคียง ซากปรักหักพังเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตมากมายประหนึ่งบ่อน้ำกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ
พื้นดินมีรูพรุนและมีโลหิตท่วมขังเกือบล้น
ภาพเหล่านี้บอกเล่าได้ถึงความน่ากลัวของการเผชิญหน้าที่เพิ่งเกิดได้อย่างแจ่มชัด
“จากการต่อสู้ครั้งนี้ สามารถสรุปได้ว่าซูอี้คือผู้ไร้เทียมทานแห่งโลกหล้า!”
ผู้ชราเฒ่าบางคนถอนหายใจ
“ในอนาคต ขุมกำลังไม่ว่าหน้าไหนในโลกจะต้องเคารพซูอี้”
“เซียนอมตะบนฟากฟ้า… ปรมาจารย์ซูน่าจะคล้ายคลึงกับตัวตนเหล่านั้นใช่หรือไม่?”
“ไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีผู้ใดบ้างสามารถต่อกรกับปรมาจารย์ได้อีก?”
เหล่าผู้ฝึกตนต่างมีอารมณ์อันหลากหลาย บ้างตื่นเต้น บ้างริษยา…
ตงกัวเฟิงถอนหายใจ “ช่างโชคดีเหลือเกินที่ข้ามีศัตรูเช่นนี้ แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นโชคร้าย…”
ความแข็งแกร่งของซูอี้ทำให้ตงกัวเฟิงมองเห็นเส้นทางใหม่แห่งการฝึกฝน!
ทว่าในเวลาเดียวกัน มันก็ทำให้เขารู้สึกถึงความแตกต่างอันอยู่ไกลเกินเอื้อม
นี่เป็นทั้งโชคดีและโชคร้าย
เสิ่นสุยอวิ๋นมีสีหน้าซึมเซาและหัวใจของเขาก็แสนขมขื่น
อีกไม่นานจะถึงวันที่เขาและซูอี้ตกลงที่จะเผชิญหน้ากัน
แต่ในเวลานี้เขารู้แล้วว่าการต่อสู้ที่กำลังจะถึงมันช่างไร้ประโยชน์ เขาไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย! ไม่มีหนทางเลย!
ฟู่ชิงอวิ๋นรีบนำแผ่นหยกออกมาและสลักตัวอักษรด้วยปราณลงไปอย่างรวดเร็ว
“วันที่ห้าเดือนห้า ซูอี้มาที่เมืองผีหลิงหลงเพียงลำพังเพื่อต่อสู้ตามนัดหมาย หนึ่งคนหนึ่งดาบ ประหารสิ้นวิญญาณหกสิบสามดวงในขอบเขตวงล้อวิญญาณ และขอบเขตสยายวิญญาณอีกร้อยแปดล้วนดับสูญ ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ตลอดอดีตและปัจจุบันไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดมาก่อน”
‘ถัดจากนั้น ‘พัศดี’ ลึกลับได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับทักษะการใช้พลังจองจำแห่งยุคมือได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในโลก ทว่าโดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดา พัศดีที่แม้แต่ตัวตนจักรพรรดิยังเกรงกลัวกลับถูกซูอี้ทำลายสิ้นไม่เหลือไว้แม้แต่ซากศพสมบูรณ์…’
ตัวอักษรซึ่งเกิดจากการขีดเขียนโดยปราณวิญญาณสว่างวาบด้วยแสงระยิบระยับซึ่งปรากฏบนแผ่นหยก
เมื่อสิ้นสุดการเขียน ฟู่ชิงอวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเพิ่มความคิดเห็นของเขาเอง
‘ความอัศจรรย์ของการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีการต่อสู้ครั้งใดในรอบสามหมื่นปีที่เทียบเทียมได้!’
‘ผู้ที่เปรียบดั่งเซียนอมตะผู้ถูกเนรเทศจากฟากฟ้าควรจะเป็นเช่นนี้!’
หลังจากเขียนประโยคจบ หัวใจของฟู่ชิงอวิ๋นสั่นไหวและเขาจากไปพร้อมกับหัวเราะดังกังวาน
ในฐานะสักขีพยานประวัติศาสตร์ของโลกหล้า การต่อสู้วันนี้เป็นเหตุการณ์ที่วิเศษสุดของโลกแห่งการฝึกตนไม่ใช่หรือ?