บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 772: ข้าคือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน
ตอนที่ 772: ข้าคือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน
ชายชราตาบอด!
ชายหนุ่มชุดขาวอึ้งไปครู่หนึ่ง จึงคิดตาม “จริงด้วย นับแต่โบราณกาลในภูมิมืดมืด ผู้สืบเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพไม่เคยก้มหัวให้ผู้ใด ทว่าชายชราตาบอดผู้นั้น… กลับเรียกชายหนุ่มเยี่ยงซูอี้อย่างนอบน้อมเป็น ‘คุณชาย’ ทุกกิริยาวาจาให้เกียรติถ่อมตน ผิดปกติจริงแท้”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋ากล่าว “เจ้าถูกเพียงครึ่งเดียว ข้ายังจำการฝังศพนายแห่งโลงศพโลหิต ท่านอู่จั้งผู้สืบเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพเมื่อร้อยปีก่อนได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มชุดขาวตกใจ ก่อนกล่าวว่า “จากคำร่ำลือ ท่านอู่จั้งตายด้วยน้ำมือจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งในเก้ามหาแดนดิน ทว่าผู้ใดเล่าที่สังหารท่านอู่จั้ง? จนยามนี้ยังไม่มีผู้ใดหยั่งทราบเลย”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋ากล่าวด้วยสีหน้าละเอียดอ่อน “ผู้ใดสังหารอู่จั้ง และเขาตายเพราะสิ่งใด ประเด็นเหล่านี้มีข้อครหาต่าง ๆ นานาจริงแท้ ทว่าเท่าที่ข้ารู้ ผู้ที่สังหารนายแห่งโลงศพโลหิตน่าจะเป็นศิษย์คนโตของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน และยามนี้ก็คือผู้นำ ‘พันธมิตรเสวียนจวิน’ อันสะท้านสะเทือนไปทั่วเก้ามหาแดนดิน… ผีหมัว!”
ผีหมัว!
นามนี้ดูจะมีอำนาจวิเศษน่าตกใจ ทำให้ชายหนุ่มชุดขาวรู้สึกหนาวสั่นในใจ ตะลึงสุดตัวกับความจริงนี้
“หากข่าวนี้แพร่งพรายออกไป ภูมิมืดมิดคงได้สั่นสะเทือนคราใหญ่เป็นแน่”
ชายหนุ่มชุดขาวพึมพำ
ผีหมัว จักรพรรดิสงครามในตำนานผู้โด่งดังมาเนิ่นนาน
พลังต่อสู้และความสามารถของเขาไร้คู่เปรียบ ในกาลก่อน ไม่รู้ว่าเขาได้สร้างสถิติอันเจิดจรัสไว้มากเพียงไร
กระทั่งในภูมิมืดมิด นามของผีหมัวยังเป็นที่รู้จักดีในทุกขุมกำลังใหญ่!
เพราะอาจารย์ของเขาคือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!
นั่นคือตัวตนในตำนาน เกียรติภูมิของเหล่าจักรพรรดิในวิถีลึกล้ำ ปรมาจารย์หมื่นวิถีในหัวใจผู้ฝึกตนทั้งหลายในโลกา และบุคคลอันดับหนึ่งในวิถีดาบ!
หนึ่งคนหนึ่งดาบ ปกสวรรค์ครองโลกามาหนึ่งแสนแปดพันปี!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากขุมกำลังใหญ่ในภูมิมืดมิดรับรู้ว่านายแห่งโลงศพโลหิตตายด้วยมือผีหมัว ก็เดาได้เลยว่าเรื่องนี้จะก่อให้เกิดมหาจลาจลเพียงใด
“ผู้ที่ควรรู้ข่าวนี้ก็ได้รับรู้แล้ว ส่วนผู้ที่ไม่ควรทราบ ข้าก็เกรงว่าชาตินี้คงไร้หวัง”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าถอนหายใจ
“ท่านอาจารย์ ข่าวนี้เกี่ยวอันใดกับซูอี้หรือ?”
ชายหนุ่มชุดขาวถาม ไม่ว่าจะเป็นผีหมัวหรือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน พวกเขาต่างอยู่แสนห่างไกลจากเขา และไม่ต่างกับการฟังตำนานเรื่องเล่าอันห่างไกลตัวเลย
ชายชราในชุดนักพรตเต๋ากล่าวพลางยิ้มว่า “อย่าห่วงเลย ผลกรรมจากเหตุการณ์นี้ซับซ้อนเล็กน้อย และพวกมันก็เป็นเหตุเก่าแล้ว จวบยามนี้ ผู้ที่สามารถจะเรื่องเหล่านี้ในภูมิมืดมิดก็มีเพียงคนเฒ่าอาวุโสแล้วล่ะ”
“เช่นนั้นข้าจะฟังอย่างอดทนขอรับ”โนเวลพีดีเอฟ
ชายหนุ่มชุดขาวแสดงท่าทางตั้งใจฟัง
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “เหล่าผู้อาวุโสในภูมิมืดมิดต่างรู้ว่าเมื่อนานมาแล้ว… อืม ราว ๆ สามหมื่นปีก่อน ครั้งหนึ่งปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเคยวางเดิมพันที่ไม่อาจหยั่งรู้ว่าคือสิ่งใดกับผีเฒ่าแบกโลง ผู้ก่อตั้งเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพ”
“ในการเดิมพันนี้ ผีเฒ่าแบกโลงแพ้ ต้องจ่ายด้วยโลงศพหกวิถี ทว่าก็ได้รับมิตรภาพจากปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน”
“และผีหมัวก็คือศิษย์คนโตของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ทว่าไม่นานหลังจากปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินสูญสิ้น จู่ ๆ เขาก็บุกเข้ามาในภูมิมืดมิดและสังหารอู่จั้ง นายแห่งโลงศพโลหิต ศิษย์สายตรงของผีเฒ่าแบกโลง”
“ท้ายที่สุดแล้ว อาจารย์ของพวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมทางที่สนิทสนมกัน”
ชายหนุ่มชุดขาวขมวดคิ้วยามได้ยินเช่นนี้ “นี่ช่างน่าแปลกนัก… หรือว่าผีหมัวจะสงสัยว่าการตายของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะเกี่ยวเนื่องกับเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพหรือ?”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าพยักหน้ากล่าว “มีความเป็นไปได้เช่นนี้จริง ทว่าก็ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้”
แววตาของเขาฉายประกายประหลาด “ในภูมิมืดมิด มีน้อยคนนักจะรู้ว่าเหตุผลที่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินท่องลงมาในภูมิมืดมิดก็เพื่อค้นหา ‘เคล็ดแห่งการเวียนวัฏสงสาร’ ซึ่งมีเพียงในตำนาน”
“และในภูมิมืดมิด มีเพียงน้อยคนนักจะรู้เบาะแสของ ‘เคล็ดแห่งการเวียนวัฏสงสาร’ และหนึ่งในนั้นคือผีเฒ่าแบกโลง”
“ห้าร้อยปีก่อน จู่ ๆ ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินก็สิ้นสูญ ซึ่งทำให้ทั่วโลกหล้ากระเพื่อมพลิกผัน แม้จะมีข่าวลือว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินออกเสาะแสวงวิถีอันสูงส่งยิ่งกว่า ทว่าเกิดปัญหาระหว่างการฝึกฝนและเสียชีวิตอย่างน่าเสียดายก็ตาม”
“ทว่า มีข่าวลือบางอย่างในภูมิมืดมิดซึ่งกล่าวว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน… น่าจะเวียนวัฏสงสารเกิดใหม่เมื่อห้าร้อยปีก่อน!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็ดูพิกลมากขึ้นทุกที เสียงของเขาเจือร่องรอยการผันเปลี่ยนอารมณ์อันไม่อาจบรรยาย ซึ่งดูหวาดกลัว แต่ก็ดูคะนึงโหยหา
เมื่อชายหนุ่มชุดขาวได้ยินเช่นนี้ ก็เหมือนมีพายุพัดกระหน่ำในใจ และอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “อาจารย์ ท่านหมายความว่าผีหมัวเองก็สงสัยตั้งแต่แรกแล้วหรือไม่ว่าอาจารย์ของเขา ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเวียนวัฏสงสารเพื่อฝึกฝนใหม่ เขาจึงไปหานายแห่งโลงศพโลหิต?”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าพยักหน้า “นี่คืออีกความเป็นไปได้ที่ข้าคิด”
ชายหนุ่มชุดขาวสีหน้าเปลี่ยน ก่อนกล่าว “ทว่า… เหตุใดผีหมัวจึงสังหารนายแห่งโลงศพโลหิตหรือ?”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าส่ายหน้ากล่าว “ยากจะคาดเดา”
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวว่า “ความแค้นและข่าวลือเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องเก่า หากต้องการคำตอบที่แน่ชัด เกรงว่าคงมีเพียงชายชราตาบอดที่รู้”
ยามนั้นเอง ชายหนุ่มชุดขาวจึงเข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์ของเขาจึงถามตรง ๆ เกี่ยวกับการตายของนายแห่งโลงศพโลหิตหลังจากรู้ตัวตนของชายชราตาบอด
ที่แท้ก็มีความลับอันน่าตื่นตกใจเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่!
ชายชราในชุดนักพรตเต๋ากล่าวต่อ “หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง ชายชราตาบอดผู้นี้ก็น่าจะเป็นศิษย์สายตรงของนายแห่งโลงศพโลหิต เขาน่าจะรู้ดีกว่าใครว่าผู้ใดสังหารอาจารย์ของเขา และคงคิดล้างแค้นให้อาจารย์อยู่แน่แท้”
“เขาปรากฏขึ้นในมหาทวีปคังชิงอย่างไม่คาดฝัน ซ้ำยังติดตามชายหนุ่มนามซูอี้ และเรียกอีกฝ่ายเป็น ‘คุณชาย’ ราวปฏิบัติกับผู้อาวุโสกว่า เจ้าไม่คิดหรือว่ามันจะแปลกเกินไป?”
ชายหนุ่มชุดขาวเปลี่ยนสีหน้ากะทันหันราวตระหนักถึงบางสิ่ง และกล่าวโดยแทบไม่เหลือเสียง “ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินแซ่ซู แล้วซูอี้ก็แซ่ซู และปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินก็มายังภูมิมืดมิดเพื่อเสาะหาเคล็ดแห่งการเวียนวัฏสงสาร อาจารย์ หรือซูอี้จะเป็น…”
ก่อนที่เขาจะทันเอ่ยจบ ชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็ส่ายหน้าพูดขัด “ไม่น่าเป็นไปได้”
ชายหนุ่มชุดขาวอึ้งไป “เป็นไปไม่ได้หรือ?”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าถอนหายใจ “ข้าเองก็งุนงงนัก เพราะหากปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเวียนวัฏสงสารเมื่อห้าร้อยปีก่อนจริง ยามนี้เขาก็น่าจะอายุห้าร้อยปีแล้ว”
“ทว่าข้าสังเกตลมหายใจและรูปลักษณ์ของซูอี้ผู้นี้แล้ว อายุของเขาน่าจะอยู่เพียงสิบแปดปี เรื่องนี้หลอกกันไม่ได้แม้จะใช้เคล็ดวิชาใด ๆ”
“เพียงเรื่องนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าซูอี้ไม่ใช่ร่างเวียนวัฏสงสารของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินแน่แท้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มชุดขาวก็ถอนหายใจโล่งอก และกล่าวว่า “ดีที่มันไม่ใช่เรื่องจริง หาไม่คงได้กลัวกันตายแน่…”
ความจริงเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไป
กระทั่งเมื่อเรื่องนี้แพร่งพราย ก็เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดเชื่อถือ
ถึงอย่างไร สิ่งที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีเพียงปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะกลับชาติมาเกิดหรือไม่ แต่ยังเชื่อมโยงกับเคล็ดแห่งการเวียนวัฏสงสารซึ่งมีเพียงในตำนานอีกด้วย
ใครเล่าจะเชื่อว่าตำนานปรัมปราซึ่งแทบไม่มีอยู่จริงจะแปรเปลี่ยนเป็นความจริงได้?
ใครเล่าจะเชื่อว่าหนึ่งชายหนุ่มในมหาทวีปคังชิงจะเป็นร่างเวียนวัฏสงสารของตัวตนในตำนานเยี่ยงปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินและถือครองเคล็ดแห่งการเวียนวัฏสงสาร?
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าแย้มยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับซับซ้อนเล็กน้อย และกล่าวว่า “ต่อให้มันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ที่มาของซูอี้ผู้นี้ก็เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดพิสดาร ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกถึงปริศนา…”
ทันใดนั้น เขาก็ส่ายหน้ากล่าว “ทว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวพันอันใดกับเรา ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความ”
ชายหนุ่มชุดขาวเห็นด้วย “ท่านอาจารย์พูดได้ถูกต้อง ไม่ว่าซูอี้จะมีความลับมากเพียงไร แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราอยู่ดี”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าถอนหายใจเบา ๆ “ผิดแล้ว เขามองที่มาของเราออก ซ้ำยังเห็นด้วยว่าเราทำอันใดอยู่ เราจึงไม่อาจเมินเฉยได้หรอก”
ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวอย่างงุนงง “ฉะนั้น… ท่านอาจารย์วางแผนทำเช่นไร?”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าไคร่ครวญสักพัก จากนั้นจึงตัดสินใจ “พรุ่งนี้ยามพบหน้า ข้าจะพูดกับเขาอีกครั้ง”
…
ในค่ำคืนเดียวกัน
“คุณชาย มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากขอความช่วยเหลือขอรับ”
ชายชราตาบอดกระซิบ
“ว่ามา”
ซูอี้เอนร่างอย่างแสนคร้านอยู่บนเก้าอี้หวาย เตรียมตัวนอนแล้ว
ชายชราตาบอดกล่าวว่า “ยามนี้ ไม่ใช่เพียงคนจากโถงหลงลืมที่มองตัวตนของข้าออก แต่ยังมีศิษย์อาจารย์คู่นั้นด้วย ข้าเกรงว่าหากสิ่งนี้แพร่งพราย มันจะก่อปัญหาหลังกลับสู่ภูมิมืดมิดขอรับ”
ซูอี้ยิ้มขำขันและกล่าวว่า “ข้าไม่คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องแย่หรอก”
ชายชราตาบอดอึ้งไป
ซูอี้ครุ่นคิด แล้วจึงกล่าวว่า “อาจารย์เจ้าอู่จั้งถูกผีหมัวสังหารเมื่อร้อยปีก่อน และคงยากจะกล่าวว่าไร้ผู้ใส่ใจเรื่องนี้”
“หากผู้สืบเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพปรากฏขึ้น บางที… ใครสักคนอาจมาหาถึงที่ก็เป็นได้”
“เมื่อถึงยามนั้น ก็รอดูเถิดว่าที่มาและตัวตนของคนผู้นั้นคือใคร และจะทำอะไรต่อ บางทีเจ้าอาจขุดคุ้ยเรื่องราวได้มากมาย”
ชายชราตาบอดได้ยินเช่นนี้ เขาจึงตระหนักแจ้ง ว่าซูอี้ทำเช่นนี้เพื่อใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ!
สิ่งนี้คล้ายคลึงกับการที่ยมราชพิพากษาใช้จี้หยกของชุยจิ๋งเหยี่ยนเป็นเหยื่อดักหาซูอี้ผู้รู้จักมัน
ทันใดนั้น ชายชราตาบอดก็กล่าวอย่างกระวนกระวาย “ทว่าหากผู้มาคือผีหมัว ทุกอย่างจะจบสิ้นนะขอรับ!”
กาลก่อน เหตุที่เขาหนีจากภูมิมืดมิดก็เพื่อหลบจากภัยคุกคามของผีหมัว!
ซูอี้มองด้วยดวงตาลึกล้ำ และกล่าวเบา ๆ “หากเขากล้ามายังภูมิมืดมิดจริง ๆ ข้าจะรับมือเขาเอง ทำเช่นนี้ก็นับได้ว่าล้างแค้นให้อาจารย์เจ้าเช่นกัน”
เสียงของเขาสั้นห้วน ไร้อารมณ์ใด ๆ
ทว่าวาจาเหล่านี้กลับทำให้ชายชราตาบอดขนลุกทั่วสรรพางค์กาย
ผีหมัวคือตัวตนเช่นไร?
ไม่เพียงในเก้ามหาแดนดิน แต่ยังโด่งดังถึงภูมิมืดมิดทั่วโลกหล้า เขาแข็งแกร่งพอจะทำให้จักรพรรดิทั่วไปก้มหัวรับใช้ดุจข้าทาส!
ทว่าซูอี้กลับดูไม่เหมือนจะใส่ใจอันใดกับผีหมัวเลย!
วาจาสบายอารมณ์ราวกับผู้ที่เขาจะรับมือไม่ใช้จักรพรดิผู้แข็งแกร่งลือนามในเก้ามหาแดนดิน แต่เป็นผู้น้อยไร้ค่าสักคน
สิ่งนี้จะไม่ทำให้ชายชราตาบอดตกใจได้เช่นไร?
ครู่ถัดมา ชายชราตาบอดก็ทอดถอนใจ “บางครั้ง ข้าก็สงสัยนะว่าท่านจะเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเดิมพันชนะพวกข้าหรือไม่”
แม้เขาจะกล่าวออกมาเยี่ยงนี้ แต่ความหมายของมันแสดงว่าชายชราตาบอดไม่ได้คิดจริงจังว่าซูอี้ตรงหน้าเขาจะเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน
ซูอี้อดหัวเราะไม่ได้ เขายกไหสุราขึ้นจิบและกล่าวว่า “บางที… ข้าก็อาจใช่?”
ชายชราตาบอดสะดุ้ง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างหาได้ยาก กระซิบบอกว่า “คุณชายซู หลังจากไปถึงภูมิมืดมิด ท่านอย่าล้อเล่นแบบนี้เชียว หาไม่ ข้าเกรงว่าจะก่อให้เกิดหายนะถึงตายได้นา!”
ซูอี้ “…”