บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 774: สัตว์เหวลึก
ตอนที่ 774: สัตว์เหวลึก
ภูมิมืดมิด
มีหุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งนาม ‘ไน่เหอ’ ซึ่งโอบล้อมโดยสายน้ำจากแม่น้ำหลงลืม เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในสามสิบหกแดนสุขาวดีแห่งภูมิมืดมิด!
ที่แห่งนี้คือสถานที่ตั้งขุมอำนาจสูงสุดแห่งภูมิมืดมิด ‘โถงหลงลืม’
อย่างไรก็ตาม หุบเขาแห่งนี้มีความสูงหลายหมื่นจั้ง ยิ่งใหญ่ตระหง่านกำลังแผ่ปราณไร้จุดจบ และปกคลุมด้วยหมอกเมฆลอยเอื่อยปกคลุมตลอดปี
ยามนี้ ณ สนามขนาดยักษ์อันพบได้หากขึ้นภูเขาไน่เหอไปครึ่งทาง ปรากฏเสียงระเบิดคำรามดุจสายฟ้าฟาด คลื่นพลังจากค่ายกลเจิดจ้าทะลวงสู่เวหา
กู่จงซวิ่น นักบวชลำดับที่หนึ่ง หรือนักบวชสูงสุดแห่งโถงหลงลืมนำกลุ่มนักบวชไปรอที่แท่นเคลื่อนย้าย ณ ใจกลางสนามอย่างเงียบ ๆ
กู่จงซวิ่นเป็นผู้ฝึกตนอันดูทรงภูมิ หนวดเคราและผมเป็นสีขาว ร่างผอมสูง พิสูจน์เต๋าสู่การเป็นจักรพรรดิมาได้เมื่อสามพันแปดร้อยปีก่อน และสำเร็จการฝึกฝนในขั้นต้นของขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ
มีนักบวชสิบแปดคนอยู่ในโถงหลงลืม
ในหมู่พวกเขา มีนักบวชเพียงสามซึ่งก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ
นักบวชสูงสุดกู่จงซวิ่นคือหนึ่งในสามนักบวชระดับจักรพรรดิ!
ฐานะอันสูงส่งและเกียรติยศอันหนักแน่นนี้เพียงพอจะทำให้เขาเทียบเสมอกับเจ้าโถงได้
เมื่อกาลเวลาเคลื่อนผ่าน เสียงคำรามของแท่นเคลื่อนย้ายก็ค่อย ๆ สงบลง แสงสว่างกระเพื่อมไหว และเงาร่างต่าง ๆ ก็ผุดพรายขึ้นคนแล้วคนเล่า
พวกเขาคือซูอี้และคนอื่น ๆ ซึ่งกลับมากับยอดฝีมือจากโถงหลงลืมเช่นนักบวชลำดับเก้าและชุยจิ๋งเหยี่ยน
กู่จงซวิ่นและคนอื่น ๆ กล่าวทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มทันที
รุ่ยหยางและคนอื่น ๆ แลกเปลี่ยนคำทักทายกันเล็กน้อย และพวกกู่จงซวิ่นก็หันมองซูอี้ ชายชราตาบอด ชายชราในชุดนักพรตเต๋า และชายหนุ่มชุดขาว
นักบวชลำดับเก้ารีบแนะนำตัวทั้งสองฝ่าย
ผู้แรกที่ถูกแนะนำคือชายชราในชุดนักพรตเต๋าและชายหนุ่มชุดขาว
ด้วยรู้ว่าชายชราในชุดนักพรตเต๋าเป็นสหายเก่าของผู้อาวุโสสูงสุดที่สาม กู่จงซวิ่นก็ค้อมตัวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์อารอผู้อาวุโสอยู่นานแล้ว”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าเผยยิ้มอบอุ่น ก่อนกล่าวว่า “รบกวนให้พวกเจ้ามารับพวกข้าแล้ว”
หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง กู่จงซวิ่นก็สั่งให้นักบวชผู้หนึ่งพาชายชราในชุดนักพรตเต๋าและชายหนุ่มชุดขาวไปหาผู้อาวุโสสูงสุดที่สามในโถงหลงลืมของพวกเขา
ก่อนจะจากไป ชายชราในชุดนักพรตเต๋าหันมายิ้มและประคองกำปั้นไปทางซูอี้ “สหายเต๋า พวกข้าศิษย์อาจารย์ต้องขอตัวก่อน”
ซูอี้พยักหน้าเล็กน้อยและไม่กล่าววาจาใด
ไม่นานนัก จากการแนะนำตัวของรุ่ยหยาง พวกกู่จงซวิ่นก็ได้รับรู้ที่มาของซูอี้และชายชราตาบอดเช่นกันโนเวลพีดีเอฟ
แม้ว่านักบวชลำดับเก้าจะเอ่ยยกย่องซูอี้อย่างสูงยามแนะนำเขา พวกกู่จงซวิ่นก็ทำเพียงแสดงความแปลกใจใคร่รู้เล็กน้อยเท่านั้น
จนกระทั่งเมื่อพวกเขาทราบถึงที่มาของชายชราตาบอด พวกกู่จงซวิ่นล้วนแต่ก็มีปฏิกิริยา และการวางตัวของพวกเขาที่มีต่อชายชราตาบอดก็จริงจังขึ้นมากกว่าเก่าอย่างเห็นได้ชัด
ในภูมิมืดมิด ไม่มีผู้ใดกล้าเมินเฉยต่อเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพ และไม่มีผู้ใดกล้าดูหมิ่นผู้สืบเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพ!
ผู้เป็นนักบวชสูงสุดเอ่ยเร่ง “เสวี่ยเย่ เจ้าจะจัดเตรียมที่อยู่ให้สหายเต๋าทั้งสองนี้ภายหลัง ข้าจะจัดงานเลี้ยง จากนั้นก็เชิญสหายเต๋าทั้งสองมาร่วมฉลอง”
“ขอรับ!”
เสวี่ยเย่รับคำสั่งอย่างนอบน้อม
ทันใดนั้น สตรีในชุดสีเงินผู้หนึ่งก็กล่าวขึ้นอย่างดูไม่อาจอดทนต่อไหว “นักบวชลำดับเก้า เจ้าได้นำเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงกลับมาหรือไม่?”
ด้วยวาจานั้น พวกกู่จงซวิ่นต่างหันมองรุ่ยหยางเป็นตาเดียว
ผู้เป็นนักบวชลำดับเก้าหนังตากระตุกและกล่าวเสียงต่ำ “ข้าจะตอบโดยไม่ปิดบัง ดูเหมือนว่าการเดินทางนี้จะเกิดอุบัติเหตุพลิกผันบางอย่าง ส่วนเรื่องรายละเอียด ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียดเมื่อพบเจ้าโถง”
อุบัติเหตุ?
พวกกู่จงซวิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย
สตรีในชุดสีเงินกล่าว “สิบวันก่อน เจ้าโถงและผู้อาวุโสใหญ่สูงสุดจากไปสู่ ‘ทะเลทุกข์’ เกรงว่าในชั่วเวลาสั้น ๆ นี้ พวกเขาคงไม่อาจกลับมาได้เลย”
หลังชะงักไปเล็กน้อย นางก็กล่าวต่อ “ยามนี้เรื่องราวในสำนักจะถูกจัดการโดยนักบวชสูงสุด”
นักบวชลำดับเก้าแปลกใจ “เจ้าโถงและผู้อาวุโสใหญ่สูงสุดไปทำอันใดในทะเลทุกข์กัน?”
ในโถงหลงลืม ตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดถือครองโดยทูตข้ามนทีเสมอ
ผู้อาวุโสใหญ่สูงสุดคือบุคคลอันแข็งแกร่งและอาวุโสที่สุดในโถงหลงลืม
ยามนี้ ทั้งเจ้าโถงและผู้อาวุโสใหญ่สูงสุดต่างไปยังทะเลทุกข์ด้วยกัน นักบวชลำดับเก้าจะไม่แปลกใจได้เช่นไร?
ก่อนที่สตรีในชุดสีเงินจะทันได้พูด กู่จงซวิ่นก็โบกมือกล่าว “เราจะกลับสำนักไปคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
รุ่ยหยางพยักหน้า จากนั้นก็หันไปกล่าวกับชุยจิ๋งเหยี่ยน “จิ๋งเหยี่ยน จากนี้เจ้าก็มากับข้าด้วย”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวอย่างเข้าใจ “ตกลง”
ต่อมา เสวี่ยเย่ก็พาซูอี้และชายชราตาบอดจากไป
และกู่จงซวิ่นกับนักบวชคนอื่น ๆ ก็กลับโถงหลงลืมไปกับนักบวชลำดับเก้าและชุยจิ๋งเหยี่ยน
…
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอมียอดเขาเก้ายอด
ยอดเขาแต่ละแห่งถูกเชื่อมต่อกันด้วยสะพานหยกอันทอดผ่านทะเลเมฆา
สถานที่รับแขกตั้งอยู่บนยอดเขาสารทฤดู
“ทั้งสองท่านโปรดมองทางนี้ นี่คือยอดเขาหงส์ล่องเวหา ที่อยู่ของศิษย์สำนักในแห่งโถงหลงลืมของข้า”
“ส่วนนั่นคือยอดเขาคีตเมฆา สถานที่ฝึกฝนของทุกคน”
“ถัดจากยอดเขาคีตเมฆาก็คือยอดเขาศุภธัญญะ…”
ในระหว่างเดินทางไปสู่ยอดเขาสารทฤดูกับซูอี้และชายชราตาบอด เสวี่ยเย่ก็เอ่ยแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอให้ทั้งสองฟังอย่างคล่องแคล่ว
เป็นการสมควรหากจะกล่าวว่าหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอควรค่าจะเป็นหนึ่งในสามสิบหกแดนสุขาวดีแห่งภูมิมืดมิด
นอกจากนั้น ระหว่างทาง ยังมีน้ำตกลำธารรินไหล บุปผาหญ้าพืชหายาก และป่าไผ่อันแน่นขนัด
บนยอดเขาทั้งเก้ามีสิ่งปลูกสร้างตั้งเรียงเป็นทิวแถว รวมไปถึงศาลาโบราณ ตำหนักอันงดงามราวต้องมนตร์ สนามเต๋าสำหรับสำแดงฤทธาและฝึกฝนวิถีเต๋า รวมไปถึงสวนโอสถอันเต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณ…
เป็นภาพประหนึ่งแดนพำนักแห่งเทพเซียน
เทียบกันแล้ว ภูเขาลือนามและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในมหาทวีปคังชิงยังด้อยกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
เสวี่ยเย่สังเกตสีหน้าของซูอี้อยู่ตลอด
เขาคิดว่ายามเมื่อมาถึงภูมิมืดมิดเป็นคราแรกและได้มาสู่แดนสุขาวดีอันเหมือนดั่งถ้ำเซียนเช่นเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอ ซูอี้จะต้องตกใจตะลึงงันเป็นแน่แท้
ทว่าใครเล่าจะคิดว่าภาพที่ทำให้เหล่าศิษย์โถงหลงลืมภาคภูมิกลับไม่อาจเรียกปฏิกิริยาใด ๆ จากซูอี้ได้เลย!
นี่ทำให้เขางุนงงเล็กน้อย
ควรค่าจดจำว่ากระทั่งเทียบกับสถานที่อื่น ๆ ในภูมิมืดมิดแล้ว ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอก็ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกฝนในสายตาของเหล่าผู้ฝึกตนทั่วโลกหล้า ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเพียงไรถวิลหามัน
ทว่าสำหรับซูอี้ เขาดูเหมือนจะหลับหูหลับตาเมินเฉยดุจชินแล้ว เสวี่ยเย่จะไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาเช่นนี้ได้เช่นไร?
เขาอดกล่าวไม่ได้ว่า “สหายเต๋าซู เจ้าคิดเช่นไรต่อภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอในโถงหลงลืมของข้า?”
“มันไม่เลวเลยจริง ๆ เรียกได้ว่าเป็นแดนสุขาวดีชั้นหนึ่งได้เลย”
ซูอี้ตอบสนองอย่างเหม่อลอย
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ เสวี่ยเย่ก็อดลูบจมูกและไม่ได้ถามคำถามมากไปกว่านี้
ชายชราตาบอดด้านข้างดูจะตระหนักรู้เรื่องทั้งหมดและอดหัวเราะในใจไม่ได้ คุณชายซูเป็นคนเช่นไร เขาจะตะลึงดุจเด็กชายตัวน้อยผู้ไม่เคยพบเห็นโลกหล้าได้เช่นไรกัน?
เมื่อเดินบนสะพานหยกซึ่งทอดสู่ยอดเขาสารทฤดู จู่ ๆ เสียงสัตว์ร้ายคำรามก็ดังขึ้นจากห้วงลึกแห่งหุบผาอันปกคลุมด้วยหมอกเบื้องใต้สะพานหยก
“โฮก–!!!”
เสียงคำรามสนั่นสะท้านดุจสายฟ้าฟาด เมฆหมอกในหุบเหวเคลื่อนวน อากาศสะเทือนสั่น กระทั่งสะพานหยกซึ่งเชื่อมโยงระหว่างสองยอดเขายังส่ายอย่างรุนแรง
สีหน้าของเสวี่ยเย่พลันเปลี่ยนแปร กล่าวว่า “ไม่สิ ไฉนสัตว์เหวลึกจึงถูกรบกวนได้ นี่… เกิดอันใดขึ้น?”
เขาดูกระวนกระวายยิ่ง
ก่อนวาจาจะกล่าวจบ รูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายยักษ์ก็ปรากฏขึ้นจากห้วงลึกในม่านหมอกเบื้องใต้สะพานหยก
เนื่องจากหมอกบดบังลงมา จึงยากจะเห็นว่ารูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายยักษ์นี้ดูเหมือนสิ่งใด หรือกระทั่งร่างของมันใหญ่โตเพียงไร
ทว่าเมื่อมันปรากฏขึ้น เมฆหมอกซึ่งปกคลุมหุบเหวอยู่ก็สั่นกระเพื่อมราวกับกำลังเดือดพล่าน และไม่นาน ดวงตาสีทองใหญ่ยักษ์ดุจทะเลสาบก็เผยออก
“นี่มันอะไรกัน?”
ชายชราตาบอดร้องลั่น ร่างแข็งทื่อหวาดกลัว สัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง
เสวี่ยเย่กลืนน้ำลายดังเอื๊อกอย่างยากลำบาก ก่อนกล่าวว่า “นั่นคือ ‘สัตว์เหวลึก’ ซึ่งพิทักษ์ทางเข้าเขตหวงห้าม ‘ถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน’ เป็นตัวตนอันโหดร้ายเกินอุปมาซึ่งถูกนำมาจากห้วงลึกในทะเลทุกข์ มีพลังเทียบได้กับจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ มันปกป้องที่นี่มาหลายหมื่นปีแล้ว…”
“แต่… แต่ข้าไม่รู้ว่าเพราะอันใด มันจึงดูเหมือนถูกรบกวน…”
เสียงของเขาสั่นเครือ ใบหน้าซีดขาว
ชายชราตาบอดอ้าปากค้าง ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!
ในอดีต ยามที่เขาอยู่ในภูมิมืดมิด เขาเองก็เคยได้ยินว่า ณ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอในโถงหลงลืมมีสัตว์ร้ายอันน่าสะพรึงกลัวระดับเทียบเท่ากับจักรพรรดิอาศัยอยู่ น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้พบมันทันทีที่มาถึงยังหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอ ณ ครานี้!
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลังขณะทอดมองลงเบื้องล่างสะพานหยก เมื่อเห็นดวงตาสีทองคู่โตดุจทะเลสาบจากเบื้องลึกแห่งม่านหมอก เขาก็เริ่มเหม่อลอย
ที่แท้ก็เป็นเจ้าตัวน้อยนี่…
วูบ! วูบ! วูบ!
ขณะเดียวกัน ลำแสงเจิดจ้ามากมายก็กวาดขึ้นจากเก้ายอดเขา ยอดฝีมือทั้งหมดของโถงหลงลืมล้วนตื่นตัว
“เกิดอันใดขึ้น?”
“ไฉนสัตว์เหวลึกจึงถูกรบกวนเล่า? หรือจะมีผู้ใดพยายามฝ่าเข้าสู่ ‘ถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน’?”
บนเวหา มีร่างคนนับไม่ถ้วนทะยานร่างมายังบริเวณนี้
“โฮกกก!”
เสียงคำรามสัตว์ร้ายสะเทือนสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้ง สะท้อนก้องทั่วเก้ายอดขุนเขา เมฆหมอกบนอากาศสั่นไหวสลายตัว
ผู้ฝึกตนมากมายจากโถงหลงลืมไม่สบายเสียจนแทบกระอักเลือด และเหนือสะพานหยก เสวี่ยเย่ก็อาบเหงื่อกาฬชโลมร่างดุจตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง พลางเอ่ยเร่งด้วยใบหน้าซีดเซียว “ท่านทั้งสองรีบออกจากที่นี่เร็ว!”
ในขณะที่เสวี่ยเย่กำลังจะพาทุกคนจากไปนั้นเอง
เขาก็เห็นซูอี้โบกมือกล่าว “อย่าแตกตื่นไป มันกำลังทักทายข้าอยู่”
ชายชราตาบอด “???”
เสวี่ยเย่ “?????”
ซูอี้เมินปฏิกิริยาของคนทั้งสอง จากนั้นก็มองลึกเข้าไปในหุบเหว เหมือนจะเห็นความปีติและตื่นเต้นในตายักษ์สีทองคู่นั้นได้อย่างชัดเจน
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ชั่วขณะ ทำให้ทั่วโลกาสะท้านไหว
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวชักลุกลาม ซูอี้ก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวว่า “เจ้าหนูน้อย เจ้าสงบเสงี่ยมไว้ก่อน และยามใดที่ว่าง ข้าจะไปคุยกับเจ้า จำไว้นะ ไม่ว่าผู้ใดถาม ห้ามแพร่งพรายเรื่องของข้าเด็ดขาด”
วาจาเหล่านี้ถูกเสียงคำรามของสัตว์ร้ายทลายโลกากลบไปสิ้น ดังนั้นทั้งชายชราตาบอดและเสวี่ยเย่จึงไม่อาจได้ยิน
ทว่า เจ้าสัตว์ร้ายยักษ์ลึกเข้าไปในหุบเหวดูจะได้ยิน และหยุดเสียงคำรามของมันทันที
จากนั้น ร่างใหญ่ยักษ์เกินจินตนาการของมันก็หายวับไปในห้วงลึกแห่งม่านหมอกทีละน้อย และทุกสิ่งก็กลับสู่ความสงบเงียบเช่นกาลก่อน
ยอดฝีมือจากโถงหลงลืมในบริเวณรายล้อมต่างโล่งใจ ร่างและใจที่เคยเกร็งนิ่งของพวกเขาผ่อนคลายลง
มีเพียงเสวี่ยเย่ผู้เผลอมองซูอี้อย่างไม่ตั้งใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ