บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 775: ข่าวร้าย
ตอนที่ 775: ข่าวร้าย
ก่อนหน้านี้ เสียงคำรามของสัตว์เหวลึกสะเทือนถึงสวรรค์ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวมากมาย
ทว่าในพริบตา สัตว์เหวลึกกลับหายตัวไป ซึ่งผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย
และเสวี่ยเย่ก็สังเกตเห็นว่าก่อนสัตว์เหวลึกเงียบหาย ปากของซูอี้ก็ขยับเหมือนกำลังสื่อสารบางอย่างกับสัตว์ร้ายตนนั้น!
การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของเสวี่ยเย่สั่นสะท้านโดยไม่อาจอธิบาย
หรือเหตุที่สัตว์เหวลึกถูกรบกวนก่อนหน้านี้จะเป็นเพราะมันสัมผัสการมาถึงของซูอี้ได้ และออกมาทักทายเขาจริง ๆ?
หากเป็นเช่นนั้น ซูอี้กล่าวอันใดที่ทำให้เจ้าสัตว์เหวลึกหายตัวไปอีกครั้ง?
เสวี่ยเย่มึนงงเล็กน้อย และไม่รู้ว่าเขาคิดมากเกินไปหรือไม่
แต่สังหรณ์ก็บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏหรือหายตัวไปของสัตว์เหวลึก มันย่อมไม่อาจแยกกับซูอี้ได้ทั้งสิ้น!
“เร็วเข้า ส่งคนไปตรวจทางเข้าถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน!”
“แล้วก็รีบรายงานเรื่องนี้ต่อท่านนักบวชสูงสุดด้วย ให้ท่านสื่อสารกับสัตว์เหวลึก ค้นหาเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้!”
“ส่วนท่านอื่น ๆ โปรดถอยไป”
ไกลออกไปบนอากาศ ผู้อาวุโสคนหนึ่งรีบออกคำสั่ง
ไม่นานนัก ยอดฝีมือจากโถงหลงลืมซึ่งได้ยินข่าวต่างสลายตัวคนแล้วคนเล่า
เสวี่ยเย่สงบสติและพาซูอี้และชายชราตาบอดเดินไปบนสะพานหยกสู่ยอดเขาสารทฤดูต่อ
ทว่าระหว่างทาง เขาสงบวาจายิ่งนัก
‘ไม่ว่าอย่างไร ขอเพียงนักบวชสูงสุดติดต่อกับสัตว์เหวลึกได้ เราจะรู้เหตุผลของการเคลื่อนไหวเมื่อครู่แน่นอน’
เสวี่ยเย่ลอบคิด ‘และเช่นนั้น เราก็จะตัดสินได้ว่าการเคลื่อนไหวนี้เกี่ยวข้องกับซูอี้หรือไม่’
เขารู้ดีว่าหากรายงานสิ่งที่เห็นเมื่อครู่แก่สำนัก ผู้ที่เชื่อจะมีไม่มากเป็นแน่
ในทางกลับกัน หากให้ทางสำนักถามสัตว์เหวลึกตรง ๆ ความจริงก็จะถูกเปิดเผย!
ยอดเขาสารทฤดู
บนหุบเขาสูงชะลูด มีศาลาน้อยใหญ่ถูกสร้างไว้
“ทั้งสองท่านโปรดพักที่นี่ไปก่อน”
ไม่นานนัก เสวี่ยเย่ก็พาซูอี้และชายชราตาบอดมาสู่ศาลาแห่งหนึ่งใกล้หุบเขา จัดเตรียมการเล็กน้อย แล้วจึงจากไป
การเรียงตัวของศาลาเรียบง่ายสง่างาม จากระเบียงชั้นสองจะสามารถเห็นหมู่เมฆที่พลิ้วไหวดั่งเพลิงและยอดเขาอื่น ๆ จากไกล ๆ
“ที่แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเท่าไรเลย”
ซูอี้มาที่ระเบียงชั้นสองของศาลา และนั่งลงบนเก้าอี้หวาย ผ่อนคลายอย่างแสนคร้าน
ในอดีตชาติ เขาเคยออกท่องภูมิมืดมิดและช่วยเหลือคนผู้หนึ่งนาม ‘อวิ๋นจื่ออิง’ จากห้วงลึกแห่งทะเลทุกข์
คนผู้นี้คือ ‘จักรพรรดิปรภพม่วงนิลกาฬ’ ทูตข้ามนทีแห่งโถงหลงลืม!
ยามนั้น อวิ๋นจื่ออิงกำลังต่อสู้กับ ‘สัตว์เหวลึก’ ตนหนึ่งซึ่งเพิ่งเติบโต ดังนั้นจึงบาดเจ็บสาหัส หากไม่ใช่เพราะบังเอิญซูอี้ผ่านทางมา คนผู้นี้คงดับดิ้นไปแสนนานแล้ว
และยามนั้นเองที่ซูอี้ช่วยให้อวิ๋นจื่ออิงปราบสัตว์เหวลึกตนนั้น
ด้วยความรู้สึกขอบคุณ ในช่วงปีถัดมา อวิ๋นจื่ออิงจึงเชิญซูอี้มาเป็นแขกที่หุบเขาไน่เหอ
เพราะเหตุนี้ การมาของซูอี้สู่หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอในวันนี้จึงไม่ต่างกับการหวนคืนสถานที่เก่า
“คุณชายซู ตาเฒ่าผู้น้อยกังวลอยู่เรื่องหนึ่ง”
ชายชราตาบอดก้าวออกมาพูดเสียงเบา “ผู้คนในโถงหลงลืมหมายมาดจะชิงเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงอย่างเห็นได้ชัด และด้วยการกลับมาของนักบวชลำดับเก้า พวกผู้เฒ่าในโถงหลงลืมจะรู้แน่ว่าเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงอยู่กับท่าน หากพวกเขามีความคิดอื่นใดจะแย่นะขอรับ”
ซูอี้ส่งเสียงในลำคอและกล่าวว่า “นี่เป็นปัญหาอย่างจริงแท้ ทว่านักบวชลำดับเก้าและชุยจิ๋งเหยี่ยนจะพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้พวกเขาทำแน่นอน แต่อาจจะกล่อมพวกเขาไม่ลงก็เป็นได้”
ชายชราตาบอดถอนหายใจโล่งอก ยามนี้เองเขาจึงรู้ว่าซูอี้ก็ตระหนักถึงปัญหานี้เช่นกัน
เขาแนะนำทันที “คุณชายซู เหตุใดเราจึงไม่ไปเสียยามนี้เล่า? หาไม่ หากเกิดอุบัติเหตุใดขึ้นกับฝั่งโถงหลงลืมของพวกเขา เราจะไม่ต่างจากนกในกรงเลย”
ซูอี้ตอบยิ้ม ๆ “กังวลไปไย? ท้องนภายังไม่ทันถล่มเลย หลังจากข้าไปยังถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนคืนนี้ ค่อยคิดจากก็ยังไม่สาย”
ถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน!
ชายชราตาบอดตะลึงอึ้ง นั่นคือพื้นที่ต้องห้ามของโถงหลงลืม! ซ้ำยังมีสัตว์เหวลึกเฝ้าทางเข้าอยู่!
นั่นเป็นที่ที่ใครสามารถไปถึงได้หรือ?
ทว่าทันใดนั้น ชายชราตาบอดก็ดูจะตระหนักถึงบางอย่าง กล่าวเสียงแหบ “คุณชายซู เหตุที่สัตว์เหวลึกถูกรบกวนก่อนหน้านี้… เกี่ยวกับท่านจริง ๆ หรือ?”
ซูอี้กล่าวอย่างเหม่อลอย “เมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดหรือไร? มันแค่ทักทายข้าเท่านั้น”
ชายชราตาบอดอ้าปากค้าง ขณะกล่าวอย่างมึนตึง “นี่…”
ซูอี้โบกมือกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าในใจเจ้าต้องมีความเคลือบแคลงมากมาย ทว่าภายหลัง เจ้าจะค่อย ๆ เข้าใจเอง”
ชายชราตาบอดพยักหน้าถาม “คุณชายซู ท่านวางแผนใดไว้ในอนาคตหรือ?”
ภูมิมืดมิดแตกต่างจากมหาทวีปคังชิงโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงมันกว้างใหญ่เกินจินตนาการ แต่ยังมีกลุ่มขุมกำลังเต๋าโบราณมากมาย
เช่นโถงหลงลืม วังธารเหลือง กรมหกวิถี เก้าเผ่าราชันย์แห่งภูมิมืดมิด และอื่น ๆ
นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่ต้องห้ามอันแสนพิสดารอันตรายอีกมากมาย
เช่นเมืองมรณะ สระเกิดใหม่ ทะเลทุกข์ แม่น้ำบาปสีเลือด ประตูผี เมืองปรภพฝังแดนดินเป็นต้น
ในหมู่พวกมัน มีเพียงทะเลทุกข์ซึ่งเป็นที่รู้จักว่า ‘ไร้จุดจบและไร้ฝั่ง แม้แต่เทพเซียนก็ยากข้ามผ่าน’!
ในชั่วกาลนับแต่บรรพกาล นี่คือขุมอำนาจเก่าแก่ที่สุดในภูมิมืดมิด และไม่แน่ชัดว่าภูมิแห่งนี้ใหญ่เพียงไร และมีพื้นที่ต้องห้ามอันแสนอันตรายกระจัดกระจายอยู่มากเพียงไร
ลือกันว่าในภูมิมืดมิดทุกวันนี้ สถานที่อันถูกครอบครองโดยขุมอำนาจใหญ่ต่าง ๆ กินพื้นที่หลายสิบล้านลี้ ซึ่งเทียบได้กับพื้นที่ของโลกมากมายเชื่อมต่อกัน
และนี่ยังคงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่ภูมิมืดมิดแสดงออกมา!
สิ่งลี้ลับที่แท้จริง หรือก็คือตัวตนในระดับจักรพรรดิไม่อาจถูกคาดคะเนชี้วัดได้แม้แต่น้อย!
ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงถ้าจะบอกว่าหากเดินทางทั่วภูมิมืดมิดโดยไร้จุดหมาย แม้จะเป็นจักรพรรดิก็จะหลงทางระหว่างสำรวจเป็นแน่…
“ข้าตั้งใจจะไปยังตระกูลชุยก่อน”
ซูอี้กล่าวอย่างสบาย ๆ
การกลับมายังภูมิมืดมิดของเขาในครานี้ ประการแรก เขาต้องการนำสิ่งที่ตัวเขาในอดีตชาติทิ้งไว้ที่นี่บางอย่างกลับไป
ประการที่สองคือเตรียมการบางอย่างเพื่อกลับสู่เก้ามหาแดนดินในภายหน้า
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็เกี่ยวเนื่องกับการฝึกฝน
แม้ว่ามหาทวีปคังชิงจะก่อเกิดแสงสว่างแห่งโลกกว้าง แต่ต้นกำเนิดแห่งคังชิงก็แหลกสลายไปโดยสมบูรณ์แล้ว
และภูมิมืดมิดก็มีปราณวิญญาณมากพอจะทำให้กระทั่งตัวตนระดับจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งพอใจอยู่ต่อได้ มันย่อมทำให้ซูอี้ไม่ต้องกังวลถึงการฝึกตนต่อไป
ส่วนการตัดสินใจของซูอี้ในการไปยังตระกูลชุยนั้นก็เกี่ยวข้องกับข้อความบนจี้หยกที่ชุยจิ๋งเหยี่ยนห้อยไว้
ลายมือบนจี้หยกนั้นเป็นของยมราชพิพากษาชุยหลงเซี่ยง
‘สัตว์ประหลาดเฒ่าซู ภูมิมืดมิดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหันต์ ข้าจะต้องเข้าสู่ห้วงลึกของทะเลทุกข์ และไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาหรือไม่’
นี่คือข้อความประโยคแรก
กาลก่อน ณ มหาทวีปคังชิง ซูอี้ได้รู้จากนักบวชลำดับเก้าว่าชั่วขณะนี้ สิ่งเดียวที่กล่าวได้ว่าเป็นข่าวใหญ่สะเทือนสวรรค์ในภูมิมืดมิดมีเพียงการปรากฏของเรือยมโลกสีดำลึกลับที่แล่นเข้าไปในทะเลทุกข์
ผู้ใดที่เห็นเรือลำนี้ ไม่ว่าจะสูงส่งหรือต่ำต้อยเพียงไรจะหายไปในอากาศธาตุ
เหตุการณ์นี้เรียกความสนใจของขุมกำลังต่าง ๆ ทั่วโลกหล้า และยังมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเรือยมโลกสีดำนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนน่าขัน
จวบจนยามนี้ ยังไม่มีผู้ใดรู้ถึงรูปลักษณ์ ที่มา อันตรายแฝงและความลับแห่งเรือสีดำนี้เลย
เพราะเหตุนี้ ซูอี้จึงคาดว่า ‘การเปลี่ยนแปลงอย่างมหันต์’ ที่ชุยหลงเซี่ยงกล่าวว่ากำลังจะเกิด และการที่เขาไปยังทะเลทุกข์คงเกี่ยวกับเรือยมโลกสีดำลำนี้!
นอกจากนี้ ชุยหลงเซี่ยงยังกล่าวเตือนในจี้หยกด้วยว่าหากซูอี้กลับมายังภูมิมืดมิด อย่าได้เผยตัวตนเป็นอันขาดไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น
เพราะจากที่ชุยหลงเซี่ยงกล่าว ภูมิมืดมิดในวันนี้แตกต่างจากในอดีตแล้ว!
แตกต่างเช่นไร ซูอี้ ณ ยามนี้ยังไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปเยือนตระกูลชุยสักหน่อย
เพราะถึงอย่างไร ก่อนที่ชุยหลงเซี่ยงจะไปยังทะเลทุกข์ ก็เป็นไปไม่ได้เลยหากจะไม่ทิ้งแผนสำรองเอาไว้บ้าง
“ตระกูลชุย…”
ชายชราตาบอดพยักหน้า
ลือกันว่านานมาแล้ว ตระกูลชุยคือนายแห่ง ‘กรมหกวิถีภูมิมืดมิด’ ผู้ควบคุมกฎเกณฑ์และการปกครอง
ต่อมา ด้วยการล่มสลายของ ‘ดินแดนปรภพ’ ยักษ์ใหญ่ซึ่งสร้างจากขุมอำนาจโบราณมากมาย กรมหกวิถีจึงพังทลายลงเช่นกัน
แต่ถึงเช่นนั้น ตระกูลชุยก็ยังคงเป็นหนึ่งในขุมอำนาจโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิมืดมิด!
เขตปกครองอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตของภูมิมืดมิดทุกวันนี้ถูกแบ่งออกเป็น ‘หกเขต สิบสามแดนดิน’
หนึ่งเขตมีขนาดเท่าโลกแห่งหนึ่ง
ในหมู่พวกมัน สถานที่ตั้งของโถงหลงลืมอยู่ในเขตแม่น้ำหลงลืม
และ ‘เมืองตาข่ายม่วง’ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตระกูลชุยก็ตั้งอยู่ในเขตราชาหกวิถี
มันเป็นเมืองโบราณไร้ใดเปรียบซึ่งสามารถย้อนประวัติศาสตร์ได้ถึงบรรพกาล ลือนามทั่วโลกาเนื่องจากตระกูลชุยผู้ควบคุมกฎเกณฑ์และการลงทัณฑ์
เขตแม่น้ำหลงลืมและเขตราชาหกวิถีดูจะอยู่ติดกัน ทว่าที่จริงแล้วพวกมันห่างไกลกันสุดขีด
ทว่าต่างจากมหาทวีปคังชิง หกเขตแห่งภูมิมืดมิดมีค่ายกลเคลื่อนย้ายติดตั้งอยู่ และผู้คนก็สามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเดินทางข้ามเขตได้อย่างรวดเร็ว
ยามเย็นใกล้เข้ามา
ชุยจิ๋งเหยี่ยนมาเยือนโดยลำพัง
หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วง รูปโฉมดุจนางสวรรค์ สว่างไสวทรงเสน่ห์เป็นพิเศษท่ามกลางอาทิตย์อัสดง
ทว่าสีหน้าของนางกลับดูหม่นหมอง
“นายน้อยซู ข้าต้องกล่าวเตือนเจ้าบางอย่าง”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาทันทีที่ได้พบซูอี้ “ข้าแน่ใจว่ามีผู้อาวุโสกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งในโถงหลงลืมซึ่งหมกมุ่นต้องการเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงที่อยู่กับเจ้า และพวกเขาคงจะมาหาเจ้าเป็นแน่”
ซูอี้หัวเราะและกล่าวเย้า “ด้วยฐานะของเจ้า ยังไม่อาจเกลี้ยกล่อมผู้เฒ่าเหล่านั้นได้อีกหรือ?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนขมวดคิ้ว แล้วจึงกล่าวอย่างหดหู่ “สำหรับคนเหล่านั้น ฐานะของข้ามีค่าอันใด? ในสายตาของเหล่าผู้เฒ่าผู้อยู่มานานนับปี ข้าก็เป็นเพียงผู้น้อย วาจาน้ำหนักเบาหวิว ใครเล่าจะถือคำชี้แนะของข้ามาใส่ใจ”
หลังจากชะงักไป นางก็ถอนหายใจกล่าว “หากเป็นเพียงเรื่องธรรมดา พวกเขาก็คงยังไว้หน้าข้า ทว่าเรื่องของเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงกลับต่างออกไป มันควบแน่นขึ้นจากพลังชีวิตของที่มาแห่งโลก และในภูมิมืดมิดแห่งนี้ มันก็ยังเป็นสมบัติอันไร้เทียมทาน ผู้เฒ่าพวกนั้น… พวกเขาจะไม่น้ำลายไหลได้เช่นไร?”
ซูอี้พยักหน้า และกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่น่าแปลกใจเลย ด้วยข้าเดาไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้”
ชุยจิ๋งเหยี่ยน “…”
นางพลันพบว่าแม้จะอยู่ในโถงหลงลืมของพวกนางและได้เรียนรู้ข่าวร้ายเช่นนี้ ซูอี้กลับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย เขาผ่อนคลายราวไม่รู้เรื่องราวใด ๆ!