บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 777: ช่วยเหลือ
ตอนที่ 777: ช่วยเหลือ
ยอดเขาอัสดงสว่างภพ
ในถ้ำแห่งหนึ่ง
“ไม่ว่าอย่างไร เราก็หวังว่าสหายเต๋าจะเก็บเรื่องเกี่ยวกับข้าและศิษย์หวังถิงเป็นความลับ”
น้ำเสียงของชายชราในชุดนักพรตเต๋าอ่อนโยน สุภาพถ่อมตน
หลูฉางหมิงซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขาประคองกำปั้นอย่างจริงจังและกล่าวอย่างยินดี “พี่ชายร่วมวิถีโปรดอย่าห่วง ข้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้แม้เพียงเศษเสี้ยว”
ร่างของเขาผอมแห้ง มีหนวดเคราสีเทาและเบ้าตาลึกโหล
ผู้อาศัยในภูมิมืดมิดผู้นี้ก็ยังเป็นจักรพรรดิผู้อยู่บนจุดสูงสุดแห่งโลกาในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับชายชราในชุดนักพรตเต๋า จักรพรรดิหลูฉางหมิงผู้สามารถสร้างแรงสะเทือนทั่วเขตแม่น้ำหลงลืมได้เพียงหนึ่งกระทืบเท้าก็ยังดูให้เกียรติเขา!
“ขอบคุณ”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าค้อมหัวลงด้วยรอยยิ้ม
หลูฉางหมิงกล่าวทั้งรอยยิ้ม “พี่ชายร่วมวิถีช่างสุภาพนัก”
ทันใดนั้น เสียงหวานใสน่าฟังก็ดังออกมาที่นอกถ้ำ
“ท่านอาจารย์ปู่น้อย ถ้าท่านไม่ออกมาพบข้าอีก ข้าจะบุกเข้าไปแล้วนะ!”
เสียงนั้นเผยความกระวนกระวายเล็กน้อย
หลูฉางหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และรู้สึกจนใจในทันที เขายิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าวกับชายชราในชุดนักพรตเต๋าว่า “พี่ชายร่วมวิถีโปรดอภัยด้วย ยายหนูนอกถ้ำนี้คือบุตรีของเจ้าตระกูลชุย และแม่ของนางก็เป็นศิษย์พี่หญิงของข้ายามฝึกฝนอยู่ในโถงหลงลืม”
อันที่จริงแล้ว หากเทียบลำดับอาวุโสกันจริง ๆ หลูฉางหมิงถือได้เป็นเพียง ‘อาจารย์น้า’ ของชุยจิ๋งเหยี่ยน
ทว่า ฐานะการฝึกฝนของชุยจิ๋งเหยี่ยนในโถงหลงลืมคือตัวตนระดับศิษย์สำนักใน และการเรียกหลูฉางหมิงเป็นอาจารย์น้าก็ไม่เหมาะควร
ความมึนงงระหว่างการจัดลำดับขั้นในโลกแห่งผู้ฝึกตนลักษณะนี้หาได้ทั่วไป
กล่าวโดยรวมแล้วก็คือต่างกรรมต่างวาระ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเข้าใจ “ข้ารู้จักแม่หนูผู้นั้น ยามข้ากลับจากมหาทวีปคังชิงครั้งนี้ ข้าก็มองตัวตนของนางออกแล้ว”
หลังจากชะงักไปเล็กน้อย เขาก็กล่าวว่า “สหายเต๋า ให้นางเข้ามาเถิด”
หลูฉางหมิงพยักหน้าและยกมือขึ้นปลดค่ายกลอันปกคลุมถ้ำ
วูบ!
แทบจะในทันใดนั้น ร่างอรชรของชุยจิ๋งเหยี่ยนก็พุ่งเข้ามา
หญิงสาวรีบกล่าว “อาจารย์ปู่น้อย เรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว! หากท่านยังไม่ปรากฏตัวอีก โถงหลงลืมของเราจะตกสู่หายนะใหญ่โดยไม่อาจเลี่ยงเป็นแน่”
หลูฉางหมิงเอ่ยขึ้นอย่างงุนงง “เกิดสิ่งใดที่ทำให้เจ้ากระสับกระส่ายเพียงนี้? เล่ามาสิ”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนเหลือบมองคู่ศิษย์อาจารย์ ชายชราในชุดนักพรตเต๋าและชายหนุ่มชุดขาวพลางกล่าวว่า “เราต้องเลี่ยงพวกเขาหรือไม่?”
หลูฉางหมิงตำหนิ “ไม่มีเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก กล่าวมาตรง ๆ ไม่ต้องปิดบัง”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนแค่นเสียงกล่าว “ในเมื่ออาจารย์ปู่น้อยไม่กลัวขายหน้า งั้นข้าจะบอกแล้ว”
ขายหน้า?
เปลือกตาของหลูฉางหมิงกระตุกเล็กน้อยจนไม่อาจมองเห็น
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าจมในภวังค์ครุ่นคิดราวกับพอจะเดาบางสิ่งได้ราง ๆ
ริมฝีปากสีกุหลาบของชุยจิ๋งเหยี่ยนเผยอเปิด นางรีบอธิบายเรื่องที่นักบวชสูงสุด นักบวชลำดับสามและคนอื่น ๆ กำลังพยายามแย่งชิงเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงจากซูอี้
หลังจากฟังจบ หลูฉางหมิงก็ขมวดคิ้ว ดูไม่สบายใจเล็กน้อย
พวกเขาพยายามฉวยโอกาสจากคนรุ่นเยาว์ผู้มีถิ่นฐานในมหาทวีปคังชิง นี่… ช่างน่าขายหน้าจริงแท้
หากแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของโถงหลงลืมได้ด่างพร้อยแน่นอน!
และที่น่าอายคือ เรื่องนี้ถูกชายชราในชุดนักพรตเต๋าและศิษย์ของเขาได้ยินชัดเต็มสองหู
เมื่อมองนัยน์ตาที่ดูเหลิงเล็กน้อยของชุยจิ๋งเหยี่ยนอีกครั้ง หลูฉางหมิงก็เข้าใจทันทีว่ายายหนูนี่จงใจทำ!
แต่เดิม นางมีโอกาสแจ้งเรื่องนี้กับเขาผ่านการส่งประแสเสียงปราณ ทว่านางก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่านางใช้วิธีนี้เพื่อบีบให้เขาต้องก้าวออกมาไกล่เกลี่ยเรื่องราว แม้จะดูลับ ๆ ล่อ ๆ ก็ตามที
บรรยากาศรอบข้างมึนตึงไปชั่วขณะ
ทว่า ชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็กล่าวอย่างครุ่นคิด “สหายเต๋า จากมุมมองของข้า สหายเต๋าซูผู้นั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ อย่าว่าแต่ปฏิบัติต่อเขาเช่นผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณทั่วไปเลย ในความเห็นข้า โถงหลงลืมของเจ้าไม่ควรเป็นปรปักษ์กับเขาเพียงเพราะแค่เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิง สิ่งนี้จะแย่มากกว่าดี”
เขาดูจริงจังเคร่งขรึม และความหมายในถ้อยคำก็ทำให้หัวใจของหลูฉางหมิงสั่นสะท้าน เขาตระหนักแล้วว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
ควรค่ากล่าวถึงว่าด้วยความเข้าใจของเขาที่มีต่อชายชราในชุดนักพรตเต๋า อีกฝ่ายไม่เคยทำสิ่งใดโดยไร้ความหมาย!
หลูฉางหมิงขอคำชี้แนะทันที “พี่ชายร่วมวิถี หรือคนผู้นั้น… จะมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่?”
เขาจะไม่ใส่ใจคำขอของชุยจิ๋งเหยี่ยนก็ได้ แต่เขาไม่อาจละเลยคำสั่งของชายชราในชุดนักพรตเต๋า!
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าถามย้อน “สหายเต๋า ขอข้าถามที ชื่อเสียงของโถงหลงลืมสำคัญกว่า หรือสิ่งที่สำคัญกว่าคือเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงกันแน่?”
หลูฉางหมิงไม่อาจเอ่ยวาจาใด สีหน้าของเขาไม่แน่ใจ
เบื้องหลังนักบวชสูงสุดและนักบวชลำดับสามมีผู้อาวุโสสูงสุดที่สอง ‘จักรพรรดิวิญญาณตระการเพลิง’ เฟิงฉือ หากไม่จำเป็น หลูฉางหมิงก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันเลย
ทว่าการวางตนของชายชราในชุดนักพรตเต๋าทำให้เขาตระหนักแล้วว่าฐานะของซูอี้น่าจะพิสดารยิ่งนัก!
“อาจารย์ปู่น้อย ตัดสินใจเร็วเข้าเถอะ!”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวอย่างกระวนกระวาย “หากยิ่งปล่อยไว้นาน จะยิ่งหยุดยากนะ”
หลูฉางหมิงสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวว่า “ช่างเถิด ในเมื่อข้ารู้เรื่องเหล่านี้แล้ว มันจะต้องถูกหยุดไม่ว่าด้วยเหตุประการใด!”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “อาจารย์ปู่น้อยยังคงปราดเปรื่องที่สุดเลย!”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าลุกขึ้นกล่าวว่า “ไปกันเถิด ข้าจะไปดูกับเจ้าด้วย จะว่าไป ข้าเองก็เคยพบพานสหายเต๋าผู้นั้นมาก่อนโดยบังเอิญ เมื่อเห็นเขาตกสู่ปลักโคลนเช่นนี้ ให้ยืนมองเฉย ๆ คงทำไม่ได้”
ดวงตาของหลูฉางหมิงพลันหรี่ลง กล่าวว่า “นี่… ข้าจะรบกวนพี่ชายร่วมวิถีได้เช่นไร ข้าแก้มันเองได้”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋ามองหลูฉางหมิงอย่างลึกล้ำ พลางกล่าวว่า “ข้าแค่กังวล ว่าหากสหายเต๋าซูผู้นั้นยืนกรานจะทำสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาจะไม่เห็นแก่หน้าเจ้าน่ะสิ”
หลูฉางหมิงอึ้งไป และกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “พี่ชายร่วมวิถี ข้ามาเพื่อช่วยเขาแก้ปัญหา ทว่าเขายังไม่เห็นแก่หน้าข้าอีกหรือ?”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าขมวดคิ้วเล็กน้อยจนไม่อาจมองเห็น และกล่าวอย่างเฉยเมย “ผู้กระทำผิดก่อนคือโถงหลงลืมของเจ้า ยังคิดให้อีกฝ่ายรู้สึกขอบคุณอีกหรือไร?”
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจ “เห็นแก่มิตรภาพระหว่างเจ้าและข้า ข้าจะกล่าวตรง ๆ ว่าข้าไม่ต้องการล่วงเกินคนเช่นสหายเต๋าซูส่งเดช”
“หากเจ้าปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณจากมหาทวีปคังชิงทั่ว ๆ ไป เรื่องในวันนี้… ข้าเกรงว่าจะจบไม่สวยเลย”
“หวังถิง เราไปหาสหายเต๋าซูด้วยกันเถอะ”
กล่าวจบ ชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็เดินออกไปนอกถ้ำ
การแสดงออกของหลูฉางหมิงทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาหากคิดถึงปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
เพราะถึงอย่างไร นี่ก็คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอ ฐานที่มั่นของโถงหลงลืม
และหลูฉางหมิงก็ไม่รู้ถึงความลึกลับพิสดารของซูอี้ ในฐานะจักรพรรดิ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่มองตัวตนในวิถีวิญญาณในสายตาเช่นนี้
“พี่ชายร่วมวิถีเป็นตัวตนที่ทรงพลังยิ่งนัก ทว่าเขากลับไม่อยากล่วงเกินชายผู้นั้นง่าย ๆ…”
ในที่สุด หลูฉางหมิงก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาและไม่กล้าลังเลอีกต่อไป “จิ๋งเหยี่ยน ไปเจรจากับสหายเต๋าซูอย่างเป็นมิตรที่ยอดเขาสารทฤดูกัน!”
“เจ้าค่ะ!”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนตอบรับ
นางเห็นภาพเรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้ว ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึก ท้ายที่สุดนางก็ยังต้องมีระดับฝึกฝนสูงพอจึงจะสามารถพูดคุยกับผู้อาวุโสเยี่ยงหลูฉางหมิงได้!
ภูมิหลังของนางสูงส่งไม่ธรรมดาก็จริง ทว่านางจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าหากชายชราในชุดนักพรตเต๋าผู้นั้นไม่ได้อยู่ด้วยในวันนี้ คงยากที่หลูฉางหมิงจะเห็นพ้องต่อเรื่องนี้อย่างยินดี!
…
ยอดเขาสารทฤดู
หยวนหลินหนิงที่อยู่ในศาลากรุ่นโกรธโดยสมบูรณ์ ปราณมหาศาลกระเพื่อมขึ้นลงรอบกายนางดุจคลื่น บีบอัดให้อากาศบิดเบี้ยวอลหม่าน
ยามจักรพรรดิโกรธา โลกาพลิกกลับตาลปัตร
แม้ว่าหยวนหลินหนิงจะพยายามสะกดกลั้นความโกรธอย่างสุดกำลัง ทว่าพลังของนางยังมากพอทำให้เหล่าผู้ฝึกตนทั่วโลกหล้าสิ้นหวังได้
ชายชราตาบอดรู้ถึงดุจทั่วร่างถูกพันธนาการ ผิวหนังเจ็บแปลบ โลหิตถูกแช่แข็ง หายใจยากลำบาก โดยเฉพาะจิตใจที่ถูกกดข่มจนยากคิดอันใด!
ส่วนซูอี้ เขายังนั่งที่เดิมอย่างสงบเงียบ มีเพียงเค้าลางจิตต่อสู้เกินหยุดยั้งที่พลุ่งพล่านอยู่ลึก ๆ ในแววตาลึกล้ำ
ทว่ายามนี้ เสียงหนึ่งกลับกล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน
“นักบวชลำดับสาม ใจเย็นก่อน!”
เสียงยังไม่ทันสลาย นักบวชลำดับเก้าร่างผอมบางก็พุ่งเข้ามาแล้ว
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หยวนหลินหนิงเองก็ดูไม่ชอบใจนิดหน่อย
รุ่ยหยางไกล่เกลี่ยด้วยใบหน้าที่มีเหงื่อกาฬผุดเต็มหน้าผาก “นักบวชลำดับสาม สหายเต๋าซูเป็นแขกของโถงหลงลืมเรา และความสัมพันธ์ของเขากับจิ๋งเหยี่ยนก็ดีมากด้วยนะ หากทำเช่นนี้…”
หยวนหลินหนิงขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นักบวชลำดับเก้า เจ้าคิดจะสั่งสอนข้าหรือไร?”
ใบหน้าของนางเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง แววตาวาวโรจน์ดุจสายฟ้า และปราณในระดับจักรพรรดิก็พลุ่งพล่านไปทั่วกาย เผยอำนาจยิ่งใหญ่อหังการ
นี่ทำให้รุ่ยหยางรู้สึกถูกกดดันอย่างมหาศาล ร่างชะงักค้าง วาจาทั้งหลายต่างถูกกลืนกลับ
เห็นได้ว่าหากยังกล้าพูดมากกว่านี้ หยวนหลินหนิงจะไม่ปรานีเขาอีก!
หรือกล่าวอีกนัยก็คือ ครานี้หยวนหลินหนิงไม่อาจถูกเกลี้ยกล่อมด้วยฐานะของเขาได้!
“เจ้ามาทำอันใดที่นี่? ถอยไป”
ซูอี้ถอนหายใจ
เขากล่าวพลางลุกขึ้นยืน ชี้ออกไปนอกศาลา และกล่าวกับหยวนหลินหนิง “ออกไปข้างนอกโน่น แล้วข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง”
วาจาไม่ให้เกียรตินี้กระทบโสตหยวนหลินหนิง ทำให้สีหน้าของนางเย็นชายิ่งกว่า ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า
ใครเล่าจะกล้าคิดว่าชายหนุ่มผู้หนึ่งในวิถีวิญญาณจะกล้าข่มขู่นาง และบอกจะสั่งสอนจักรพรรดิเยี่ยงนาง?
พฤติกรรมเช่นนี้โอหังจนไม่อาจมากไปกว่านี้อีกแล้ว!
รุ่ยหยางเองก็ชะงักคาที่ ดูราวกับไม่อาจเชื่อหูตน
กระทั่งชายชราตาบอดยังอดอ้าปากพะงาบไม่ได้ คุณชายซูเพิ่งมาเยือนภูมิมืดมิด ก็คิดประลองกับจักรพรรดิแล้วหรือ!?
“ตกลง ข้าล่ะอยากเห็นนักว่ามดปลวกตัวจ้อยเช่นเจ้าจะสั่งสอนข้าเช่นไร!”
หยวนหลินหนิงสูดหายใจลึก ๆ และหันหลังเดินออกไปนอกศาลา
นางลอบคิดว่า ครั้งนี้ นางจะต้องสั่งสอนชายผู้เย่อหยิ่งไม่รู้ที่ต่ำที่สูงนี่ให้ดีเชียว!
ทว่า หลังจากเพิ่งก้าวออกประตูศาลา หยวนหลินหนิงก็อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้านิ่วหน้า
เพราะเงาร่างมากมายกำลังพุ่งมาทางนี้จากไกล ๆ
ผู้นำคือผู้อาวุโสสูงสุดที่สาม หลูฉางหมิง!
และนอกจากหลูฉางหมิง คู่ศิษย์อาจารย์และชุยจิ๋งเหยี่ยนยังติดตามมาด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้เองก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ยายหนูชุยจิ๋งเหยี่ยนผู้นี้ไปเชิญผู้ช่วยเหลือมาได้จริงแท้ ทว่าประเด็นคือเขาไม่ได้ต้องการมันเลย
ยิ่งกว่านั้น การมาของพวกชุยจิ๋งเหยี่ยนยังเป็นไปได้นักว่าจะมาทำลายความสนใจของเขา ทำให้เขาไร้โอกาสประชันกับจักรพรรดิเยี่ยงหยวนหลินหนิง!
นักบวชลำดับเก้าและชายชราตาบอดต่างดูโล่งใจ
ในที่สุดตัวแปรก็มาถึง และการพิพาทอันแสนอันตรายนี้ก็คงถูกหยุดยั้ง!
“อาจารย์อา ไฉนท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”
หยวนหลินหนิงถาม
หลูฉางหมิงมีสีหน้ามืดหม่น ออกเสียงตำหนิซึ่งหน้า “ข้าเองก็อยากถามนักว่าเจ้ามาทำอันใดที่นี่ หือ?!”
น้ำเสียงของเขาดุดัน!