บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 781: แค่คนผ่านมาก็อยู่เหนือใคร
ตอนที่ 781: แค่คนผ่านมาก็อยู่เหนือใคร
สวบ!
วิญญาณรบแข็งกล้าตนหนึ่งควงกระบี่ฟันใส่
ภาวะกระบี่ดุดันราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก
เพียงครู่เดียว ซูอี้ก็มองออกว่าวิญญาณรบแข็งกล้าตนนี้อยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นกลาง ซึ่งเคยสกัดวงล้อวิญญาณมหาวิถีรูปลักษณ์อันดับหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ภาวะกระบี่จึงมีความสมบูรณ์
หากว่าอยู่ที่มหาทวีปคังชิง สามารถกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นสุดยอด แกร่งกว่าหวนซั่งหลินกับเซี่ยจือเป่ยเสียอีก!
ซูอี้ซัดมือออกไป
ครืน!
ภาวะกระบี่เต็มท้องฟ้าพังทลาย วิญญาณรบแข็งกล้าที่พุ่งเข้ามาถูกฝ่ามือซัดจนร่างแตก สลายตัวกลายเป็นสะเก็ดแสงมหาวิถี
เมื่อซูอี้เอื้อมมือไปคว้า สะเก็ดแสงมหาวิถีที่สลายตัวก็ถูกเก็บรวบรวมไว้ด้วยกัน จากนั้นร่วงลงบนฝ่ามือของเขา
วิญญาณรบแข็งกล้าของโลกดินแดนลึกลับชั้นที่สามนี้เป็นตราประทับหลอมผู้แข็งแกร่งมหาวิถีขอบเขตวงล้อวิญญาณระดับสุดยอดที่ถูกเก็บรักษาในโถงหลงลืมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และผสมผสานกับพลัง ‘แหล่งกำเนิดแม่น้ำลืมเลือน’ ของแผ่นดินตรงจุดนี้
หลังจากที่วิญญาณรบแข็งกล้าถูกซัดสลายไป จะคงเหลือพลังแหล่งกำเนิดแม่น้ำลืมเลือนอันบริสุทธิ์ส่วนหนึ่งไว้
และสะเก็ดแสงมหาวิถีในมือของซูอี้ก็คือพลังนี้นั่นเอง
‘แหล่งกำเนิดแม่น้ำลืมเลือน’ ดังกล่าวก็คือพลังมหาวิถีดั้งเดิมที่ถูกเพาะเลี้ยงอยู่ที่ใต้ชั้นที่เก้าของถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน มีคุณประโยชน์มหาศาลในการฝึกตน ด้วยมันช่วยให้กระจ่างในวิถีง่ายขึ้น
อีกทั้ง พลังมหาวิถีนี้มีความบริสุทธิ์สูง ไม่จำเป็นต้องหล่อหลอมก็สามารถหลอมรวมเข้ากับพลังมหาวิถีที่ผู้ฝึกตนชำนาญ
เวลานี้ ตามการขับเคลื่อนพลังปราณวิญญาณรอบตัวซูอี้ แหล่งกำเนิดแม่น้ำลืมเลือนที่อยู่ในมือก้อนนั้นก็พุ่งเข้าไปในร่าง และหลอมรวมกับพลังในกาย
ซูอี้รู้สึกได้ว่าภาวะพลังของตนก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่มันน้อยมาก น้อยจนไม่นับก็ยังได้
ทว่าซูอี้ไม่ได้สนใจมากนัก
เขามาถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนในครั้งนี้ เดิมทีก็ไม่ได้มาเพื่อเก็บรวบรวมพลังแหล่งกำเนิดแม่น้ำลืมเลือนอยู่แล้ว
สวบ! สวบ! สวบ!
จุดที่ห่างออกไป วิญญาณรบแข็งกล้าตนแล้วตนเล่าพุ่งเข้ามา
พลังของวิญญาณรบแต่ละตนล้วนมีความแข็งแกร่งอย่างที่สุด มีพลังมหาวิถีที่แตกต่างกันออกไป ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่มีชีวิต แต่ก็ไม่ต่างไปจากผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวงล้อวิญญาณที่แท้จริงเลย
ซูอี้ไม่รอช้าอีก และก้าวเดินขึ้นกลางอากาศเพื่อพุ่งปะทะ
แขนเสื้อกว้างของเขาโบกสะบัด เคลื่อนตัวว่องไวราวกับฟ้าแลบ แสดงระดับพลังในตัวออกมาอย่างเต็มที่ตามแรงสะบัดของแขนเสื้อ
ฝนดาบราวกับแสงอรุณที่สาดส่องไปทั่วแผ่นฟ้าพุ่งลงมาอย่างแรง
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดติดต่อกันดังจากทั่วทุกสารทิศ ชั่วขณะนั้นเองวิญญาณรบแข็งกล้าสิบกว่าตนถูกดาบแทงและสลายตัวไปในทันใดกลายเป็นสะเก็ดแสงมหาวิถีคละคลุ้งไปจนทั่ว
ซูอี้ในเวลานี้แลดูฮึกเหิมยิ่งนัก เขาปล่อยแรงกำลังออกมาอย่างเต็มที่ ก่อนจะพุ่งตัวโจมตี ฟาดฟันทุกอย่างที่ขวางหน้า
อย่างที่รู้กันดีว่านับแต่บรรพกาลจนถึงตอนนี้ ผู้ที่สามารถเก็บรักษาตราประทับหลอมมหาวิถีไว้ในดินแดนลึกลับขั้นที่สามแห่งนี้ได้ล้วนเป็นมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตวงล้อวิญญาณระดับสุดยอดของโถงหลงลืม
กำลังการต่อสู้ของแต่ละตนเหนือกว่าคนบนโลกสามัญที่อยู่ในขอบเขตเดียวกัน!
เมื่อวิญญาณรบแข็งกล้าจำนวนนับพันนับหมื่นที่พวกเขาเก็บรักษาไว้ต่อสู้พร้อมกัน สภาพเช่นนั้นจึงไม่ต่างไปจากกองทัพขอบเขตวงล้อวิญญาณที่ต่อสู้อย่างพร้อมเพรียงกัน
แต่ทว่า…
ทั้งหมดนี้ยากนักจะสร้างความหวาดกลัวให้แก่ซูอี้ได้
ตอนที่อยู่มหาทวีปคังชิง เขาเคยฆ่ามหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตวงล้อวิญญาณหกสิบสามคนทีเดียวรวดมาแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังเคยเอาชนะตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณระดับสุดยอดอย่างหวังจงหยางกับเยี่ยเซียวมาแล้ว
ด้วยประสบการณ์ในอดีตชาติของซูอี้ตัดสินกำลังการต่อสู้ของเขาในตอนนี้ ทั่วทั้งเก้ามหาแดนดิน บรรดาผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณในใต้หล้าก็ยังหาคู่ต่อสู้แทบไม่เจอ
กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ถึงแม้เขาจะมีระดับการฝึกตนขอบเขตสยายวิญญาณ ทว่าบนหนทางวิถีวิญญาณเพียงพอจะเป็นใหญ่ได้!
ครืน! ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน เสียงวิถีสั่นสะท้าน
วิญญาณรบแข็งกล้าเหล่านั้นไม่ได้รู้เลยว่าความหวาดกลัวคือสิ่งใด และพุ่งเข้าไปหาซูอี้ไม่ขาดสาย
แต่น่าเสียดาย ทำเช่นนี้เท่ากับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เอาไข่ตอกกับหินแท้ ๆ
ตลอดทางราบรื่นราวกับท่อนไผ่ปริ ทุกอากัปกิริยาของซูอี้ดุดันรุนแรง ภาวะดาบคมกริบ ทุกแห่งที่พลังดาบเคลื่อนผ่านล้วนราบเป็นหน้ากลอง!
เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น
วิญญาณรบแข็งกล้าสามร้อยเจ็ดสิบเจ็ดตนในโลกดินแดนลึกลับชั้นที่สามแห่งนี้ถูกซูอี้กวาดจนเรียบ
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ขณะมองดูรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีวิญญาณรบแข็งกล้าอีกแล้ว ซูอี้ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าโดดเดี่ยวออกมา พลางถอนใจเบา ๆ
การต่อสู้ครั้งนี้บอกได้แค่ว่าน่าเบื่อ
“ตอนนั้น หยวนหลินหนิงใช้เวลาหนึ่งเค่อผ่านดินแดนลึกลับชั้นที่สามนี้ไปได้ สร้างบันทึกที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยมีเคยทำลาย…”
“เทียบกันแล้ว บันทึกที่ข้าสร้างขึ้นในวันนี้ นับแต่วันนี้จนถึงวันข้างหน้าจะมีใครทำลายได้เช่นนั้นหรือ?”
ขณะที่ซูอี้ครุ่นคิด สะเก็ดแสงมหาวิถีที่ล่องลอยไปทั่วก็พุ่งเข้าไปในร่างของเขา หลอมรวมเข้ากับพลังมหาวิถีของเขา
มหาลึกล้ำกับนิมิตเลือนรางถูกพัฒนาขึ้นอย่างได้ชัด แต่ก็ยังคงถือได้ว่าน้อยมากอยู่ดี
ยังคงห่างไกลจากขั้นสำเร็จอีกมาก ขั้นสมบูรณ์ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ครืน!
ทันใด แผ่นศิลาสีดำก็ผุดขึ้นมาจากดิน มีความสูงถึงเก้าจั้ง แสงวิถีส่องสว่างเรืองรอง
เมื่อมองดูให้ดีจะเห็นว่าบนแผ่นศิลาแผ่นนั้นสลักชื่อคนเต็มไปหมด
แต่ละชื่อล้วนส่องประกายแสงบาดตา
โดยเฉพาะชื่อที่อยู่ด้านบนสุด ส่องประกายวาววับ เป็นหนึ่งในใต้หล้า สง่างามและยิ่งใหญ่
แผ่นศิลามหาวิถี!
ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวงล้อวิญญาณคนใดก็ตามที่ผ่านโลกดินแดนลึกลับชั้นที่สามไปได้ จะถูกบันทึกชื่อไว้บนแผ่นศิลานี้
ซูอี้แหงนหน้ามอง
อย่างรวดเร็ว เขามองเห็นชื่อของหยวนหลินหนิงสลักโดดเด่นอยู่บนนั้น ทว่าอยู่ในตำแหน่งที่สามสิบเก้าเท่านั้น
‘ควรจะใช่ ผู้หญิงคนนั้นผ่านด่านนี้เมื่อสามร้อยปีก่อน ถึงแม้ไม่เคยมีใครทำลายผลการผ่านด่านของนาง แต่ในช่วงเวลาแปดหมื่นปีที่ผ่านมา นางไม่ใช่คนที่แกร่งที่สุด’
ซูอี้คิดในใจ
สถานที่ทดสอบโลกดินแดนลึกลับเก้าชั้นของถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนแห่งนี้ถูกบุกเบิกขึ้นเมื่อแปดหมื่นปีก่อนโดยความร่วมมือของทูตข้ามนทีหลายท่านแห่งโถงหลงลืม
ผลการทดสอบของหยวนหลินหนิงในขอบเขตวงล้อวิญญาณถือได้ว่าสุดยอดแล้ว
เหมือนดังอันดับที่สามสิบเก้าบนแผ่นศิลามหาวิถีของนาง แสดงให้เห็นแล้วว่านับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในช่วงเวลาแปดหมื่นปีที่ผ่านมา ผลการทดสอบในขอบเขตวงล้อวิญญาณของนางสามารถเข้ามาอยู่ในอันดับที่สามสิบเก้าได้
ซูอี้มองขึ้นไป
ม่ออู๋เหิน อันดับที่ยี่สิบเก้า
อวิ๋นจื่ออิง อันดับที่สิบเจ็ด
จนกระทั่งมองเห็นชื่อที่อยู่ตำแหน่งสูงสุดของแผ่นศิลา ซูอี้จึงแสดงสีหน้าเข้าใจออกมา ที่แท้ก็เป็นนาง
เจี่ยนหลิงเจิน!
ตลอดระยะสามหมื่นปีอันรุ่งโรจน์ ‘จักรพรรดิปรภพมืดสงัดจี้เหมีย’ ผู้มีชื่อกระฉ่อนไปทั่วสิบสามภูมิหกเขตมืดมิด!
นางเป็นตัวตนระดับจักรพรรดิชื่อก้องโลกที่ยอมรับโดยทั่วกันในภูมิมืดมิด มีความสง่างาม ความสามารถโดดเด่น ในระยะเวลาอันยาวนานมีเรื่องราวประหลาดมหัศจรรย์นับไม่ถ้วนสืบทอดกันมา
จนถึงตอนนี้ ชื่อของนางยังคงสลักอยู่บนตำแหน่งสูงสุดบนแผ่นศิลา แสดงว่าในช่วงเวลาอันนมนานยังไม่เคยมีใครสามารถทำลายผลการทดสอบที่นางในสมัยที่อยู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณสร้างเอาไว้!
ทำให้รู้ได้ว่าพื้นฐานและพรสวรรค์บนหนทางแห่งการฝึกตนของเจี่ยนหลิงเจินนั้นสุดยอดถึงเพียงใด
ตอนที่ซูอี้บุกเข้ามาในภูมิมืดมิด เคยพบหน้าผู้หญิงคนนี้เพียงแค่ครั้งเดียว เจี่ยนหลิงเจินในตอนนั้นเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำได้ไม่นาน แต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแล้ว
แน่นอน ซูอี้ในตอนนั้นไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเจี่ยนหลิงเจินมากนัก
เพราะอย่างไรเสีย เขาในตอนนั้นเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินไปตั้งนานแล้ว จะใส่ใจกับตัวตนที่เพิ่งแสวงวิถีเป็นจักรพรรดิไปไย?
และก็เป็นช่วงเวลาต่อมาเช่นกัน เมื่อเจี่ยนหลิงเจินแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ บนหนทางจักรพรรดิ ซูอี้จึงค่อย ๆ ให้ความสนใจขึ้นมาทีละน้อย
แน่นอน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว
เมื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านออก ซูอี้ก็เดินมาอยู่ตรงหน้าแผ่นศิลามหาวิถี ครุ่นคิดสักครู่จึงใช้ปลายนิ้วแทนพู่กัน ขับเคลื่อนพลังมหาวิถีในตัวสลักสี่คำลงบนแผ่นศิลา
‘แค่คนผ่านมา’
อักษรแต่ละตัวขดเคี้ยวราวกับงูฉวัดเฉวียนเบาสบาย
เมื่อซูอี้เก็บมือกลับมา แผ่นศิลามหาวิถีก็เกิดเสียงดัง ทอประกาแวววับ อักษรคำว่าแค่คนผ่านมาเคลื่อนขึ้นไปข้างบนราวกับมีแรงผลักดัน!
เมื่อไปถึงด้านบนสุดของแผ่นศิลา ชื่อของ ‘เจี่ยนหลิงเจิน’ เกิดความสั่นสะเทือนอย่างแรง ทันใดถูกเบียดให้ตกลงมา
อักษรคำว่า ‘แค่คนผ่านมา’ ขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน พร้อมกับปล่อยแสงเจิดจ้า!
อย่างไม่ต้องสงสัย การผ่านด่านของซูอี้ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายบันทึกที่หยวนหลินหนิงสร้างเอาไว้เท่านั้น ยังทำลายผลการทดสอบอันเก่งฉกาจที่สุดของเจี่ยนหลิงเจินด้วย และได้กลายเป็นบันทึกใหม่ล่าสุดของดินแดนแห่งการทดสอบชั้นที่สามของถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน!
หากผู้แข็งแกร่งของโถงหลงลืมมาเห็นเช่นนี้เข้าจะต้องตื่นตระหนกเป็นแน่
เห็นเช่นนี้แล้ว ซูอี้เพียงแค่ยิ้มแล้วหมุนตัวออกไป
สำหรับเขาแล้ว การผ่านด่านชั้นที่สามนี้เพียงแค่ทดลองมือเท่านั้น ต่อให้บันทึกการผ่านด่านจะเจิดจ้าบาดตาสักเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกภูมิใจในความสำเร็จมากนัก
——
โลกดินแดนลึกลับชั้นที่สี่
สถานที่ทดสอบสำหรับจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้น
ณ โถงหลงลืม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ใครก็ตามที่หมายพิสูจน์เต๋าเพื่อเป็นจักรพรรดิ คนผู้นั้นล้วนต้องหลอมประทับปณิธานความตั้งใจของตัวเอง จากนั้นสลักเก็บไว้ เพื่อฝึกฝนขัดเกลาระดับวิถีของคนรุ่นหลัง
ฟ้าดินที่นี่ยังคงอึมครึมขมุกขมัว สรรพชีวิตห่อเหี่ยว
สวบ!
ตามความสั่นสะเทือนของมิติ ร่างสูงโปร่งของซูอี้ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
แทบจะในเวลาเดียวกัน แสงสว่างเจิดจ้าก็สะท้อนเงาวิญญาณรบแข็งกล้าปรากฏขึ้น
นี่คือร่างของผู้เฒ่าตัวผอม พลังกฎวิถีลึกล้ำล้อมรอบตัว เมื่อปรากฏตัวขึ้น กลิ่นอายของผู้เป็นจักรพรรดิก็แผ่กระจายไปทั่ว
ลำพังเพียงแค่อานุภาพที่แสดงออกมาก็สามารถทำให้ผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณรู้สึกสิ้นหวังแล้ว!
ต่างไปจากสถานทดสอบอื่น ๆ นับตั้งแต่ชั้นที่สี่เป็นต้นไปเป็นการทดสอบสำรับผู้เป็นจักรพรรดิ วิญญาณรบแข็งกล้าที่ปรากฏตัวขึ้นมาแต่ละครั้งมีเพียงแค่ตนเดียวเท่านั้น
เอาชนะตนที่หนึ่งได้แล้ว จึงสามารถท้าประลองตนที่สองได้ และจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนสิ้นสุด
วิญญาณรบแข็งกล้าที่ปรากฏตัวตนแรกสุดมักจะมีกำลังอ่อนที่สุดเสมอ ยิ่งอยู่อันดับท้าย ๆ วิญญาณรบแข็งกล้าที่เจอก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
‘พลังเช่นนี้ ถึงแม้ไม่อาจเปรียบกับผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำที่แท้จริงได้ แต่มีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกยันต์ลับระดับจักรพรรดิ’
ซูอี้คิดในใจ
ชั่วขณะนี้ เผชิญหน้าผู้เฒ่าตัวผอมบางที่กลายร่างมาจากวิญญาณรบแข็งกล้าที่อยู่ไกลออกไปแล้ว ซูอี้รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่พุ่งเข้ามา พลังปราณในตัวถูกกระตุ้นให้ขับเคลื่อนในทันใด
เช่นนี้นอกจากจะไม่อาจทำให้เขาตื่นตระหนก กลับยังดีใจเสียอีก
เพราะว่าจุดมุ่งหมายที่เขามาถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนในคืนนี้ก็เพราะต้องการจะศึกษาประลองกับวิญญาณรบแข็งกล้าขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำระยะต้นให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปข้าง!
“คนที่เก็บรักษาวิญญาณรบแข็งกล้าตนนี้ เห็นได้ชัดว่าวางรากฐานในวิธีลึกล้ำอย่างสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หยวนหลินหนิงคนนั้นไม่อาจเทียบเทียมได้…”
สายตาของซูอี้เกิดประกาย “แต่ เพียงแค่พลังของวิญญาณรบแข็งกล้าตนนี้ ไม่อาจเปรียบเทียบกับหยวนหลินหนิงผู้เป็นจักรพรรดิตัวจริงได้”
เพราะประสบการณ์เมื่อในอดีตชาติ เพียงแค่แวบเดียวซูอี้ก็มองเห็นโอกาสตั้งมากมาย และสามารถตัดสินได้คร่าว ๆ ว่าคู่ต่อสู้คนแรกที่เจอในชั้นที่สี่นี้เป็นตัวตนในระดับใด
สวบ!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนในบัดดล
ทันใดผู้เฒ่าตัวผอมคนนั้นก็ก้าวเดินไปบนอากาศ สะบัดแขนเสื้อกางฝ่ามือ จากนั้นซัดเข้าใส่ซูอี้
อานุภาพร้ายแรง เปรียบดังเทพเซียนออกศึก!